สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1117 สาวใช้ตัวแสบ 1021

ตอนที่ 1117 สาวใช้ตัวแสบ 1021
เธอเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน แล้วหยิบสัญญาของจางชิงก่อนหน้านี้ขึ้นมาเพื่อจะเซ็นลงนาม
ในขณะนี้เสียงโทรศัพท์ของเซี่ยชีหรั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
สายโทรเข้าจากจิ่วจิ่ว
“ฮัลโหล? ชีหรั่น? เธอห้ามเซ็นสัญญากับจางชิงเชียวนะ เมื่อกี้เย่เชินหลินจัดการให้แล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องกังวลแล้ว”
เสียงร่าเริงของจิ่วจิ่วดังขึ้นในปลายสายอีกด้าน จนทำให้เซี่ยชีหรั่นแทบจะจับปากไว้ไม่อยู่!
“เขา? ฉันบอกไม่ให้เขาเข้ามายุ่งแล้วไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงของเซี่ยชีหรั่นดูเบื่อหน่ายเล็กน้อย
“เธออย่าปฏิเสธความหวังดีของเย่เชินหลินเลย ตามนี้นะ เธอไปตอบแทนเขาเองก็แล้วกัน”
หลังพูดจบจิ่วจิ่วก็วางสายทันที
เซี่ยชีหรั่นถือปากกาไว้และรู้สึกลังเลมาก
บอกตามตรงว่าเธอไม่ต้องการยอมรับความหวังดีของเย่เชินหลิน เพราะเธอไม่อยากมีข้อผูกมัดกับผู้ชายคนนี้อีก
หลายปีของความรักและความเกลียดชังที่พัวพันกัน หัวใจของเธอหมดเรี่ยวแรงที่จะเดินต่อแล้ว
สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือการพัฒนากิจการของตนเองให้ดีที่สุด แล้วเลี้ยงลูกชายของเธอให้เติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ จากนั้นก็ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมั่นคงและสงบสุข
แต่ว่าเย่เชินหลินมักจะไม่ตั้งใจและเข้ามามีส่วนในชีวิตของเธอโดยที่ไม่เคยได้รับความยินยอมจากเธอเลย
เธอไม่สามารถปฏิเสธได้จริง ๆ
ในขณะนี้เกิดแรงกระตุ้นในใจของเซี่ยชีหรั่นขึ้น เธออยากเซ็นลงนามในสัญญานี้แล้วทิ้งอยู่อย่างไปจริง ๆ
แต่เมื่อนึกถึงสีหน้าของเย่เชินหลินที่รู้ว่าเธอเซ็นสัญญานี้ด้วยความยินยอม ไม่รู้ว่าเขาจะทำหน้าบูดบึ้งมากแค่ไหน เซี่ยชีหรั่นจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ช่างมันเถอะ ในเมื่อเป็นความหวังดีของเย่เชินหลินแล้ว เธอก็ไม่ควรดื้อรั้นมากเกินไป แม้ระหว่างเธอกับเขาจะย้อนกลับไปเหมือนในอดีตไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อยพวกเธอก็ยังมีลูกด้วยกันและยังมีความทรงจำดี ๆ ในอดีตด้วย
เซี่ยชีหรั่นตัดสินใจแล้ววางปากกาลง
เธอยิ้มให้สวีเห้าเซิงอย่างผ่อนคลาย “เรื่องมันจบแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญานี้และไม่ต้องฟังบริษัทแฟชั่นคิวบ์อีก ตอนนี้พวกเราไปได้แล้ว”
“ไม่มีปัญหาจริง ๆ เหรอ?” สวีเห้าเซิงมองจางชิงที่นั่งอยู่บนพื้นแล้วถามอย่างลังเล
“แน่นอนสิ” เซี่ยชีหรั่นตอบด้วยรอยยิ้ม
สวีเห้าเซิงก็เกิดความคิดในใจขึ้นมา สุดท้ายเย่เชินหลินเป็นคนแก้ปัญหาให้เสี่ยวอ้ายหรือ?
สวีเห้าเซิงในขณะนี้รู้สึกเกลียดความสามารถของตัวเองมาก เขาเทียบกับเย่เชินหลินไม่ได้เลยจริง ๆ เขาทำได้เพียงเฝ้าดูเสี่ยวอ้ายถูกรังแก
“อื้ม งั้นเราไปกันเถอะ เราไปบอกข่าวดีให้กับผู้ถือหุ้นของเรา ทุกคนต้องดีใจแน่เลย”
สีหน้าของสวีเห้าเซิงดูค่อนข้างเศร้า เขาเดินออกไปจากห้องประชุมโดยที่ไม่ได้รอเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจดัง ๆ อีกครั้ง
คบหากันมาตั้งหลายปี เธอจะไม่รู้ว่าสวีเห้าเซิงกำลังคิดอะไรอยู่ได้อย่างไร?
ขอโทษนะ……ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ……
เซี่ยชีหรั่นส่ายหัวเพื่อให้ความทรงจำแย่ ๆ นี้หลุดออกไป เธอจัดทรงผมให้เป็นระเบียบและเตรียมออกจากสถานที่ที่ไม่พึงประสงค์ตรงนี้
“หยุดนะ!”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอึมครึมจากด้านหลังของเซี่ยชีหรั่น
เมื่อเซี่ยชีหรั่นหันกลับไปก็ได้เห็นว่าจางชิงลุกขึ้นยืนแล้ว
อารมณ์ที่เพิ่งสูญเสียการควบคุมของจางชิงค่อย ๆ สงบลง
เธอก้าวไปข้างหน้าจนทำให้เซี่ยชีหรั่นตกใจจนถอยหลังออกไป
จางชิงหัวเราะเยาะ “อะไรกัน กลัวฉันเหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นตอบอย่างใจเย็น “ใช่ ฉันเป็นคนปกติ จะให้ฉันไม่ต้องกลัวคนบ้าได้ไง?”
จางชิงยิ้มอย่างขมขื่นและก้าวไปข้างหน้าอีก
“เธอควรต้องกลัวจริง ๆ เซี่ยชีหรั่น ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันจางชิงคงไม่ต้องตกอับเหมือนทุกวันนี้ เธอจะกลับมาทำไม? การกลับมาของเธอทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน เธอจะรู้ไหม?”
เสียงของจางชิงไม่ได้ดังมาก จึงทำให้สวีเห้าเซิงที่ยืนอยู่นอกประตูไม่ได้ยิน
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจอีกครั้งแล้วค่อย ๆ พูด “จางชิง เหตุการณ์วันนี้ฉันก็ไม่คาดคิดเหมือนกัน ถ้าจะโทษ เธอคงต้องโทษโชคชะตาแล้วล่ะ”
“โกหก!” จางชิงมองตรงไปที่เซี่ยชีหรั่นด้วยความโกรธ
เซี่ยชีหรั่นไม่สามารถคุยกับผู้หญิงคนนี้ด้วยเหตุผลได้อีก เธอจึงไม่อยากเสียเวลาให้มากกว่านี้
“คุณอยากคิดยังไงก็คิดไปเลยก็แล้วกัน ฉันแค่ทำในสิ่งที่ควรเท่านั้น ไปก่อนละ”
เมื่อพูดจบ เซี่ยชีหรั่นก็หันหน้าเดินออกไปจากห้องประชุมนั้นทันที
สวีเห้าเซิงเห็นเซี่ยชีหรั่นเดินออกมา เขาจึงเข้าไปถามเธอเบา ๆ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เขาเห็นสีหน้าของเซี่ยชีหรั่นค่อนข้างแย่ เหมือนเธอกำลังผิดหวังกับอะไรบางอย่างอยู่
เซี่ยชีหรั่นเงยหน้ามองสวีเห้าเซิง แล้วถามอย่างอ่อนแรง “พี่สวี ฉันเป็นผู้หญิงเลวจริง ๆ ใช่ไหม?”
คำพูดของจางชิงทำให้เธอรู้สึกแย่
สวีเห้าเซิงยิ้มแล้วลูบผมเซี่ยชีหรั่นเบา ๆ จากนั้นส่ายหัวแล้วพูดกับเธออย่างอ่อนโยน“ใครกล้าพูดแบบนั้น? เดี๋ยวผมจะฉีกปากมันทิ้งซะเลย เสี่ยวอ้ายของผมเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดและอ่อนโยนที่สุดในโลกต่างหาก”
หลังจากได้ยินคำพูดของสวีเห้าเซิงแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็รู้สึกดีขึ้น
“ขอบคุณนะคะ พี่สวี”
สวีเห้าเซิงยิ้มพูด “ระหว่างเรายังต้องพูดคำว่าขอบคุณด้วยเหรอ? ไปกันเถอะ ผู้ถือหุ้นของเราคงรอนานแล้วล่ะ”
“อื้ม ไปกันเถอะ”
เซี่ยชีหรั่นแสดงรอยยิ้มที่สดใสอีกครั้ง เธอกับสวีเห้าเซิงจึงไปบอกข่าวดีให้กับผู้ถือหุ้นด้วยกัน
จางชิงได้แต่เฝ้าดูเซี่ยชีหรั่นและสวีเห้าเซิงจากไปอย่างมีความสุข ส่วนเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“ให้ตายเหอะ!” เธอบ่นเสียงเบา ๆ
อีกนิดเดียวเท่านั้น เธอเกือบจะเอาชนะเซี่ยชีหรั่นไปได้แล้ว
ในเวลานี้ เลขาของจางชิงก็เข้ามายื่นโทรศัพท์ให้กับเธอ “คุณซือซือค่ะ”
เธอหรือ?
จางชิงขมวดคิ้ว เธอได้ข่าวอะไรรึเปล่า?
“จางชิง เธอทำบ้าอะไรอยู่! ทำไมไม่รีบทำสัญญาให้เสร็จล่ะ? ผัดวันประกันพรุ่ง ชักช้าอยู่นั่นแหละ!” เสียงพูดอย่างจริงจังของซือซือดังขึ้น
จางชิงหัวเราะเยาะเย้ย “เธอไม่ต้องลำบากหรอก เธอยังไม่รู้เหรอ? เมื่อกี้เย่เชินหลินช่วยเซี่ยชีหรั่นเครียร์ปัญหาทุกอย่างแล้ว ในมือของเราไม่มีอะไรไปต่อรองเซี่ยชีหรั่นได้อีก ตอนนี้เราขู่นางไม่ได้แล้ว ฉันว่าเธอคงต้องหาวิธีใหม่แล้วล่ะ”
ซือซือรู้สึกโกรธมาก เธอไม่คาดคิดเลยว่าเย่เชินหลินจะตอบสนองได้เร็วขนาดนี้
“แล้วเธอพูดอะไรกับเซี่ยชีหรั่น?”ซือซือถามจางชิงอย่างตื่นตัว
จางชิงยิ้มอย่างขมขื่น “เธอไม่ต้องกังวลหรอก ฉันไม่ได้พูดถึงเธอ แต่ตามความสามารถของเย่เชินหลินแล้ว สักวันเขาต้องรู้ความจริงแน่ เธอระวังตัวด้วยก็แล้วกัน”
“เหอะ เขาไม่มีความสามารถอะไรขนาดนั้นหรอก เธออย่าเพิ่งติดต่อฉันนะ รอฉันติดต่อไปละกัน งั้นแค่นี้ก่อน”
ซือซือกดวางสายทันที
จางชิงทุบโทรศัพท์ทิ้ง
“เหอะ หนีได้เร็วจริง ๆ เลยนะ” ผู้หญิงคนนี้ชื่อซือซือคนนี้ เห็นว่าเธอล้มเหลวก็ไหวตัวไม่รอใครเลย
ล้มเหลวแล้วยังไง เธอไม่เชื่อว่าเย่เชินหลินจะปกป้องเซี่ยชีหรั่นไปชั่วชีวิตได้หรอก
คอยดูก็แล้วกัน!
จางชิงบนเสียงเย็นชาแล้วหยิบกระเป๋าเฮอเมสของเธอขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวไปทำสปาที่ร้านเสริมสวย
เธอต้องรักษาความงามไว้ตลอดเวลา เพื่อที่จะรอจนกว่าเย่เชินหลินกลับมาหาเธอ
หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นกลับไปถึงบริษัทก็ได้จัดการกับเอกสารวุ่นวายที่ตรงหน้าแล้วเข้าประชุมกับหุ้นส่วนอีกครั้ง
จนกว่าเธอจะเสร็จงานทุกอย่างของวันนี้เวลาก็ดึกแล้ว
สวีเห้าเซิงเคาะประตูเข้ามา “เสี่ยวอ้าย”
เซี่ยชีหรั่นรีบลุกขึ้นยืน “พี่สวี”
สวีเห้าเซิงยิ้มถามเธอ “ทุกคนบอกว่าเราออกไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อ ไปฉลองกันหน่อย หลังกินข้าวเสร็จก็ไปร้องเพลงกันต่อ เขาให้ผมมาชวนคุณด้วย”
เซี่ยชีหรั่นลังเลใจ ความจริงเธออยากกลับไปหาลูกชาย เพราะวันนี้ไม่ได้ติดต่อลูกชายทั้งวันเลย
สวีเห้าเซิงเห็นความลำบากใจของเธอ เขาจึงรีบพูดต่อ “คุณไม่ต้องกังวลเนี่ยนโม่หรอกนะ พวกเราไปไม่ดึกมากหรอก เดี๋ยวเสร็จงานแล้วผมส่งคุณกลับบ้านนะ”
เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นยังไม่เต็มใจนัก เขาจึงชักชวนเธอต่อ “บริษัทของเขาเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตสำคัญ ตอนนี้ทุกคนอารมณ์ดีกันมาก เป็นเวลาที่คุณต้องสร้างความมั่นใจให้กับทุก ๆ คนนะ อีกอย่างทุกคนก็อยากให้คุณไปร่วมสนุกด้วย”
เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและในที่สุดก็ตัดสินใจ “โอเค แต่ฉันไม่ไปร้องเพลงต่อนะ”
“ได้ งั้นเราไปกันเถอะ”
สวีเห้าเซิงกับเซี่ยชีหรั่นเดินไปลานจอดรถพร้อมกัน เขาพาเซี่ยชีหรั่นขับรถไปยังร้านอาหารชื่อดังร้านหนึ่งในเมืองเจียงตง
ดีไซเนอร์หลายคนของบริษัทก็ได้ไปรออยู่ที่นั่นด้วยกัน
เมื่อทุกคนเห็นเซี่ยชีหรั่นก็ดีใจและเข้าไปทักทายเธออย่างมีความสุข
เซี่ยชีหรั่นนั่งลงที่หัวโต๊ะด้วยสีหน้าเขินอาย หลังจากเริ่มรับประทานอาหารเธอก็รินไวน์แดงแก้วหนึ่งแล้วดื่มอวยพรผู้ร่วมงานทุกคน
บรรยากาศในห้องอาหารสงบลงทันที ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแล้วมองไปที่เซี่ยชีหรั่นด้วยความเคารพ
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่ใบหน้าของวัยรุ่นทุก ๆ คนตรงหน้า เธอเห็นพวกเขาได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดพร้อมไปกับบริษัท หัวใจเธอรู้สึกซาบซึ้งและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ทุกท่าน วันนี้บริษัทเครื่องประดับแฟชั่นของเราได้ประสบกับปัญหาที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยเจอ ต้องขอขอบคุณทุก ๆ คนที่ยังคงยืนหยัดและคอยสนับสนุนเราในวันที่เราต้องการคุณมากที่สุด”
น้ำเสียงของเซี่ยชีหรั่นเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและขอบคุณ
“โชคดีที่บริษัทของเราเผชิญกับปัญหานี้และได้ผ่านพ้นไปอย่างกล้าหาญ จากบททดสอบนี้ทำให้บริษัทเครื่องประดับแฟชั่นของเราได้ขัดเกลาตนเองและเข้มแข็งมากขึ้น ฉันเชื่อว่าทุกคนคุ้นเคยกับประโยคนี้ดี ‘ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ’ ฉันคิดว่าประโยคนี้เปรียบเทียบกับสถานการณ์ของบริษัทเครื่องประดับแฟชั่นของเราได้ดีมาก”
เมื่อเซี่ยชีหรั่นพูดจบทุกคนต่างปรบมือกันอย่างพร้อมเพรียง
“ในวันข้างหน้า ฉันหวังว่าทุกคนจะสู้กับฉันไปด้วยกัน ร่วมด้วยช่วยกัน ทำให้บริษัทเครื่องประดับแฟชั่นของเราประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น!”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset