สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1118 สาวใช้ตัวแสบ 1022

ตอนที่ 1118 สาวใช้ตัวแสบ 1022
จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างก็เป็นพนักงานเก่าของบริษัทเครื่องประดับแฟชั่น พวกเขาได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อการเติบโตของบริษัทเครื่องประดับแฟชั่นมาโดยตลอด
บอกได้ว่าพวกเขาต่างก็มีส่วนที่ทำให้บริษัทเครื่องประดับแฟชั่นประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน หากไม่มีพวกเขาบริษัทเครื่องประดับแฟชั่นก็คงไม่มีวันนี้
เมื่อทุกคนได้ยินว่าบริษัทเครื่องประดับแฟชั่นกำลังจะล้มละลาย หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความเสียใจและรู้สึกเสียดาย
หลายปีที่ผ่านมาทุกคนต่างถือว่าบริษัทนี้เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของพวกเขา พวกเขาเติบโตกันที่นี่และรักที่นี่มาก
ในวันที่บริษัทเครื่องประดับแฟชั่นยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของประเทศ พวกเขาต่างก็ดีใจและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ในวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสร้างไว้เกือบถูกคนไม่ประสงค์ดีทำลายทิ้ง ดังนั้นไม่มีใครที่จะสบอารมณ์ได้
โชคดีที่พวกเขามีผู้นำที่ชาญฉลาด คนที่สามารถพาพวกเขาผ่านวิกฤตครั้งใหญ่นี้ได้
หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นพูดจบ ทุกคนก็เริ่มปล่อยวางอย่างผ่อนคลาย ทุกคนต่างก็ยิ้มหัวเราะกินดื่มอย่างสนุกสนาน
แต่ดูเหมือนออร่าของเซี่ยชีหรั่นค่อนข้างแรง โต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยผู้คน แต่ไม่มีใครกล้ามาร่วมดื่มกับเธอเลย
มีเพียงสวีเห้าเซิงเท่านั้นที่คอยตักอาหารลงในจานของเธอเป็นครั้งคราวแล้วคอยบอกเธอว่าให้กินเยอะ ๆ
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่ผู้คนในห้องที่กำลังฉลองอย่างมีความสุข แต่ในใจเธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงผู้ชายที่เธอควรจะขอบคุณมากที่สุด
เย่เชินหลิน
ชื่อนี้ได้ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ ทำให้อารมณ์ของเธอไม่สงบขึ้นมาทันที
ตอนนี้เธอควรทำอย่างไร?
แสร้งทำเป็นไม่รู้ แล้วปล่อยให้มันผ่านไป หรือว่าควรไปหาเขาเพื่อขอบคุณเป็นการส่วนตัว?
ดูเหมือนว่าไม่มีทางเลือกใดที่ทำให้เธอพอใจเลย
มันน่ารำคาญจริง ๆ ……
เซี่ยชีหรั่นอารมณ์ไม่ดีจึงเปิดขวดไวน์แล้วริมให้ตัวเองทีละแก้ว ไม่มีใครดื่มกับเธอไม่เป็นไร เธอดื่มเองได้
สวีเห้าเซิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป เขาจับแก้วของเซี่ยชีหรั่นไว้แล้วมองไปที่เธอและพูดด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวอ้าย คุณจะดื่มอีกไม่ได้แล้วนะ คุณดื่มไปหลายแก้วแล้ว ถ้าดื่มอีกคุณจะเมานะ”
“เหอะ ๆ ฉันอยากเมา พี่สวี เวลาเมาฉันจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องน่ารำคาญอีก”
สีหน้าเซี่ยชีหรั่นสับสน น้ำเสียงของเธอก็มึนมัว
สวีเห้าเซิงถอนหายใจอีกครั้งแล้วพยายามโน้มน้าวเธอ “เมาแล้วได้อะไรล่ะ สิ่งที่ควรเผชิญก็ต้องเผชิญกับมันอยู่ดี ต่อให้วันนี้ดื่มจนเมายังไงพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง”
เซี่ยชีหรั่นเอาแก้วกลับไปแล้วควงแก้วไวน์ไปมา ไวน์สีแดงในแก้วก็สั่นไหวตามการเคลื่อนไหวของเธอ ด้วยท่าทางของเธอนี้ดูมีเสน่ห์มาก
เซี่ยชีหรั่นหันมองไปที่สวีเห้าเซิงแล้วยิ้มพูดอย่างดื้อรั้น “งั้นพรุ่งนี้ฉันก็จะดื่มต่อ ฉันจะเมาทุกวัน จะได้ไม่ต้องมีปัญหามารบกวนอีก! เฮ่อ ๆ ๆ”
สวีเห้าเซิงมองไปที่ใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นที่ค่อย ๆ แดงขึ้น เธอทั้งมีเสน่ห์และทั้งน่ารักเหลือเกิน
จังหวะหัวใจของเขาเต้นอย่างรุนแรง
เขาชอบเสี่ยวอ้ายที่เป็นแบบนี้ เขาอยากกอดเธอเหลือเกิน ทำไงดี?
สวีเห้าเซิงไม่กล้าสบตาเธออีก เขากลัวว่าตัวเองจะห้ามใจไม่ได้แล้วดึงเธอมากอดไว้และบอกความรู้สึกของเขาให้เธอในตอนนี้
ดังนั้นสวีเห้าเซิงจึงหันไปอีกข้างแล้วพูดเบา ๆ “ทำอย่างนั้นได้ไง? สะลึมสะลือทุกวันแบบนั้นแล้วใครจะดูแลบริษัทล่ะ? เสี่ยวอ้าย คุณเมาแล้วนะ เชื่อฟังหน่อย หยุดดื่มได้แล้ว”
เซี่ยชีหรั่นเริ่มเมาแล้วจริง ๆ เธอเป็นคนดื่มไม่เก่งอยู่แล้ว ยิ่งสถานการณ์วันนี้ทำให้อารมณ์ของเธอแย่มาก มันจะทำให้เมาได้ง่ายกว่าปกติ
แอลกอฮอล์เริ่มขึ้นสมอง หัวเซี่ยชีหรั่นตอนนี้เริ่มมึนเมา
เธอพึมพำและส่ายหัว “ทำไมหัวฉันถึงหนักขนาดนี้นะ? ไม่ได้ ฉันจะเมาไม่ได้ ฉันมีงานต้องทำต่ออีกเยอะเลย”
แม้ปากของเธอจะพูดแบบนี้ก็ตาม แต่มือของเธอยังหยิบไวน์มาดื่มอย่างบังคับไม่ได้
สวีเห้าเซิงรีบหยุดเธอทันที เขาแย่งขวดไวน์จากมือของเซี่ยชีหรั่นและหยิบแก้วไวน์ของเธอไปอย่างนุ่มนวล
“เสี่ยวอ้าย คุณจะดื่มอีกไม่ได้แล้วนะ”
“พี่สวี อย่าห้ามฉันได้ไหม เอาแก้วของฉันคืนมานะ……”
เซี่ยชีหรั่นดูเหมือนจะทำตัวน้อยใจ ดวงตากลมโตคู่นั้นกระพริบมองเขา เหมือนเธอกำลังตั้งใจมองคนรักของเธออยู่อย่างมีเลศนัย
สวีเห้าเซิงจะทนกับการล่อลวงนี้ได้อย่างไร?
เขาค่อย ๆ เข้าใกล้เซี่ยชีหรั่นอย่างห้ามใจไม่ได้ มือของเขาโอบกอดไปที่ไหล่ของเธอ แล้วให้เธอพิงอยู่ที่ไหล่ของเขา
“เสี่ยวอ้าย คุณพักก่อน เดี๋ยวสร่างเมาแล้วผมส่งคุณกลับบ้านนะ”
อันที่จริงเขาไม่ต้องการพูดประโยคนี้ เขาอยากบอกกับผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาว่าไม่ต้องดื่มให้ลืมหรอก ไม่ว่าเธอจะเจอกับปัญหาอะไรเขาก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเธอคอยปกป้องเธอเสมอ
เขาหวังอย่างยิ่งว่าเซี่ยชีหรั่นจะให้โอกาสเขาได้รักได้ดูแลเธอ……
สวีเห้าเซิงยิ้มอย่างขมขื่นในใจ ใครจะรู้? เซี่ยชีหรั่นย้ายออกจากบ้านตระกูลเย่แล้ว บางทีเขาอาจจะมีโอกาสนั้นก็เป็นไปได้
เซี่ยชีหรั่นค่อย ๆ หลับตาลงและพูดเบา ๆ “ฉันไม่ได้เมานะ ฉันแค่รู้สึกหนักหัว มึนหัว ฉันยังดื่มต่อได้นะ……”
บนโต๊ะอาหารนั้นไม่มีใครสังเกตพวกเขาเลย ในห้องมีแต่คนส่งเสียงดัง ไม่มีใครได้ยินเซี่ยชีหรั่นกับสวีเห้าเซิงคุยอะไรกัน
สวีเห้าเซิงมองเซี่ยชีหรั่นที่หลับตาอยู่แล้วรู้สึกใจเต้นรัว
อันที่จริงเขาไม่ได้ใกล้ชิดกับเซี่ยชีหรั่นมานานแล้ว เขารู้ว่าในใจของเซี่ยชีหรั่นยังมีเย่เชินหลินอยู่ แม้เขาจะไม่แน่ใจว่าเซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินจะกลับมาคืนดีกันหรือไม่ แต่สิ่งที่เขามั่นใจได้ก็คือหัวใจของเซี่ยชีหรั่นยังคงหวั่นไหวอยู่
สวีเห้าเซิงก้มหน้าลงเล็กน้อย
เขาเห็นริมฝีปากของเซี่ยชีหรั่นเป็นเหมือนผลไม้ที่สุกแล้ว มันกำลังล่อให้เขาลิ้มลองรสชาตินั้น
ฝ่ามือของสวีเห้าเซิงเริ่มออกเหงื่อ เขาอยากทำอะไรที่ท้าทายมาก มันเป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าทำในตอนนี้เซี่ยชีหรั่นมีสติอยู่
เขาอยากจูบปากแดง ๆ ของเธออย่างเหลือทนแล้ว
ใบหน้าของสวีเห้าเซิงค่อย ๆ เข้าใกล้เซี่ยชีหรั่นทีละนิด ริมฝีปากของเขากำลังจะสัมผัสกับริมฝีปากของเซี่ยชีหรั่น
แต่ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องอาหารเงียบลงทันที
เสียงพูดคุยเฮฮานั้นดูเหมือนได้หายไปจากโลกนี้
สวีเห้าเซิงเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ในเวลานี้สายตาของทุกคนในห้องต่างจดจ่อไปที่ผู้ชายที่อยู่หน้าประตู
ชายคนนั้นเขานั่งอยู่ที่บนรถเข็นตรงหน้าประตูอย่างเงียบ ๆ
เขาไม่ได้พูดอะไร แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ออร่าอันน่าเกรงขามของเขานั้นไม่ได้ลดลงเลย
ทุกคนต่างสบตากันและไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้คืออะไร
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเย่เชินหลินถึงมาปรากฏตัวที่นี่และไม่มีใครกล้าเข้าไปถามเขาสักคำ
ดวงตาของเย่เชินหลินจับจ้องไปที่ชายและหญิงคู่นั้นที่อยู่ด้านในสุด
เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลานี้ เธอค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้น
“พี่สวี ฉันรู้สึกเวียนหัวมาก……”
เสียงของเซี่ยชีหรั่นไม่ได้ดังมาก แต่เนื่องจากบรรยากาศในห้องค่อนข้างเงียบ เสียงของเธอจึงดังขึ้นในที่ว่างเปล่านั้น
สายตาของเย่เชินหลินเคร่งเครียดกว่าเดิม ตัวเขาดูเย็นเยือกมากกว่าเมื่อครู่นี้
สวีเห้าเซิงไม่ได้แสดงออกว่าเขากลัวเย่เชินหลิน เขาไม่คิดจะปล่อยมือจากเซี่ยชีหรั่นด้วยซ้ำ
สายตาของเย่เชินหลินมองไปที่สวีเห้าเซิงเหมือนใบมีดที่คมกริบ
“คุณสวี” เย่เชินหลินพูดอย่างเย็นชา
สวีเห้าเซิงยิ้มตอบ “ครับ มีอะไรให้ช่วยไหม?”
เย่เชินหลินพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือกเหมือนน้ำแข็ง “ปล่อยผู้หญิงในอ้อมแขนของคุณซะ”
สวีเห้าเซิงไม่เพียงแต่ไม่ยอมปล่อยเซี่ยชีหรั่น แต่กลับกอดเธอให้แน่นขึ้น “โอ้? ถ้าผมไม่อยากปล่อยล่ะครับ?”
เย่เชินหลินกำหมัดไว้แน่น ๆ ณ เวลานี้ เขาอยากเดินเข้าไปชกรอยยิ้มให้หลุดออกจากใบหน้าของผู้ชายที่น่าเกลียดคนนี้มาก
ไอ้บ้าเอ้ย! ช่างกล้ามากอดผู้หญิงของเขา!
สีหน้าของเย่เชินหลินเปลี่ยนไปทันที “อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจก็แล้วกันนะ”
ไฟแห่งสงครามระหว่างชายสองคนนี้ดูเหมือนจะใกล้เข้ามาแล้ว ทั้งสองต่างก็ไม่ยอมกันเลย ทุกคนสามารถมองเห็นเปลวไฟที่ลุกไหม้บนเรือนร่างของชายสองคนนี้ มันเหมือนอยู่ในสนามรบที่เต็มไปด้วยเปลวไฟ
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ เสียงนุ่มนวลของผู้หญิงก็ได้ขัดจังหวะทุกคน “หืม? ฟ้าสว่างแล้วเหรอ? ทำไมยังมีดวงดาวมากมายเลย……เฮอ ๆ ……”
เห็นเพียงเซี่ยชีหรั่นดิ้นหลุดออกจากอ้อมแขนของสวีเห้าเซิง มือข้างหนึ่งของเธอโอบเอวไว้ ส่วนอีกข้างแตะอยู่ที่คาง ดวงตากลมโตของเธอมองไปที่โคมไฟบนเพดานด้วยความสับสน
ท่าทีที่ไร้เดียงสาแบบนั้นทำให้สายตาของเย่เชินหลินสงบลง
“ชีหรั่น กลับบ้านกับผมนะ” เย่เชินหลินค่อย ๆ ผลักรถเข็นเข้าไปหาเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นเอียงศีรษะแล้วพยายามนึกว่าผู้ชายที่คุยกับเธอคนนี้คือใคร
เขาดูหล่อมาก!
แม้เขาจะนั่งอยู่ แต่ออร่าของเขาและใบหน้าอันหล่อเหลาสง่างามของเขา ให้ทำคนมองแล้วรู้สึกว่าเขาเป็นคุณชายของวงศ์ตระกูลผู้ดีคนหนึ่ง ซึ่งชวนให้ผู้คนหลงไหลมาก
“คุณ คือเจ้าชายของฉันเหรอ?” เซี่ยชีหรั่นยื่นมือออกไปให้เขาอย่างหลงใหล
เย่เชินหลินเบียดสวีเห้าเซิงออกไปอย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็รับตัวของเซี่ยชีหรั่นที่เอนเข้ามาหาเขาอย่างมั่นคง
“ใช่ ผมคือเจ้าชายของคุณ และคุณก็คือเจ้าหญิงของผมเช่นกัน”
ริมฝีปากของเย่เชินหลินกระซิบพูดที่ข้างหูของเซี่ยชีหรั่น
แต่น่าเสียดายที่เซี่ยชีหรั่นฟังคำพูดเขาได้ไม่ชัดเจน ตอนนี้เธอแทบจะไม่มีสติและไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
เธอแค่รู้สึกว่าอ้อมกอดที่เธอซบอยู่ตอนนี้เป็นอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นและปลอดภัยที่สุด เหมือนที่กำบังที่คอยกำบังลมพายุให้เธอจากด้านนอก

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset