สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1129 สาวใช้ตัวแสบ 1033

ตอนที่ 1129 สาวใช้ตัวแสบ 1033
“คุณแม่ คุณแม่ครับ!” น้ำเสียงที่อ่อนหวานของเนี่ยนโม่ลอยมาจากข้างหลังของเย่เชินหลิน ฉุดให้เย่เชินหลินกลับออกมาจากความคิด ตอนที่เย่เชินหลินผลักประตูห้องผู้ป่วยออกนั้น ก็เห็นตาโต ๆ ใต้ขนตายาว ๆ นั้นของเนี่ยนโม่กำลังกวาดมองไปทั่วทุกทิศทาง แล้วก็ร้องขึ้นเสียงเบา ๆ ว่า “แม่อยู่ไหน? หนูกลัวจังเลย! มีคนร้ายกำลังวิ่งตามหนู!”
เย่เชินหลินเห็นดวงตาของเนี่ยนโม่มีแววน้อยใจแผ่ออกมา ในทันทีที่หัวใจก็มีความเจ็บจี๊ดพุ่งขึ้นมาระลอกหนึ่ง เขายื่นมือไปแตะหน้าผากของเนี่ยนโม่ “เด็กดี ไม่ต้องกลัวนะ พ่ออยู่ที่นี่แล้ว พ่อมาแล้ว พ่อตีพวกคนชั่วจนวิ่งหนีไปหมดแล้ว!”
“จริงหรือครับ? พ่อ พ่อรู้ไหมกว่าหนูจะหนีออกมาจากมือพวกคนชั่วได้ยากแค่ไหน อ๋อ ใช่แล้ว คนที่ร้ายที่สุดก็คือน้าคนนั้น คนที่ชอบทำให้คุณแม่ร้องไห้เป็นประจำคนนั้น เขาหลอกคุณย่า แล้วก็เอาหนูไปขังไว้ในห้อง แล้วก็หาคนมาเฝ้าหนูไว้!” พูดแล้วเนี่ยนโม่ก็ยื่นแขนออกมา รอยแผลบนแขนของเขาประทับลงไปในดวงตาของเย่เชินหลิน
ความเจ็บปวดที่เหมือนกับหัวใจโดนบีบเกิดขึ้นมาอีกครั้ง แล้วนัยน์ตาที่ดำลึกของเย่เชินหลินก็มีแววสั่นไหวเล็กน้อยปรากฏออกมา เขากอดแขนเล็ก ๆ ของเนี่ยนโม่เอาไว้ในอกแน่น และลูบไปมาไม่หยุด
“พ่อครับ กว่าหนูจะหนีออกมาได้อย่างยากลำบาก แต่ว่า…… แต่ว่าหนูวิ่งตามหาพวกพ่อไปทั่วถนน แต่ก็ไม่เห็นเงาของพวกพ่อเลยพวกพ่อไม่เอาเนี่ยนโม่แล้วเหรอครับ?” ในดวงตาของเนี่ยนโม่มีแววโศกเศร้าโผล่ออกมา ขนตายาว ๆ นั้นสั่นเล็กน้อย น้ำตาใส ๆ นั้นค่อย ๆ ไหลลงมา
“ลูกรัก อย่าร้องไห้ หนูดูซิพ่อกับแม่ไม่ได้ไม่เอาเนี่ยนโม่? พ่อกับแม่ต่างก็กำลังปกป้องเนี่ยนโม่อยู่ และก็อยู่ข้างกายเนี่ยนโม่จะคอยปกป้องเนี่ยนโม่ตลอดไปดีไหม?” เย่เชินหลินกอดเนี่ยนโม่ที่อยู่ในอ้อมอกไว้ให้แน่นขึ้นไปอีก
“เนี่ยนโม่ เนี่ยนโม่ แม่อยู่นี่ แม่อยู่ที่นี่ตลอดเลย!” อยู่ ๆ ก็มีเสียงลอยเข้ามาในหูของเย่เชินหลิน เขาหันไปเห็นเซี่ยชีหรั่นกำลังพูดอยู่คนเดียวราวกับว่ากำลังพูดละเมออยู่
ตอนที่เซี่ยชีหรั่นลืมตาขึ้นมานั้น เธอก็สบตาทั้งสองข้างเข้ากับเย่เชินหลินทันที พอเห็นเนี่ยนโม่ที่อยู่ในอ้อมอกของเย่เชินหลินแล้ว ความรู้สึกที่ราวกับห้ารสชาติปะปนกันก็พลิกไปมาอยู่เต็มอกไม่หยุด
เธอลุกขึ้นจากเตียงมานั่ง บนใบหน้าที่ขาวซีดไม่มีแม่แต่สีเลือดใด ๆ เธอมองเย่เชินหลินอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันจะไม่เอาลูกมอบให้คุณอีกแล้ว ฉันจะพาลูกไปจากที่นี่!”
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองนี้นะ แล้วคุณจะพาลูกชายของผมไปไหน?” น้ำเสียงเย็นของเย่เชินหลินลอยเข้าสู่หูของเซี่ยชีหรั่น
“ลูกชายของคุณ? คุณมีคุณสมบัติเป็นพ่อคนด้วยเหรอ?” เซี่ยชีหรั่นค่อย ๆ บีบคั้นเย่เชินหลินเข้าไปทีละนิด “เขาก็คือเด็กที่คุณเคยตัดสินใจจะฆ่าทิ้ง? หรือว่าคุณลืมไปแล้วเหรอ?”
“เป็นอดีตที่สมควรตายอีกแล้ว!” เย่เชินหลินแอบด่าอยู่ในใจเป็นพัน ๆ รอบ
“พ่อ พ่อจะฆ่าหนูเหรอ? เพราะอะไรครับ?” ในดวงตาของเนี่ยนโม่มีน้ำตารื้นขึ้น เขาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองเคยเกือบจะโดนผู้ชายตรงหน้าคนนี้ฆ่าแล้ว! เขาเป็นพ่อของตัวเองนะ!
“เซี่ยชีหรั่น คุณจะสามารถไม่พูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าเนี่ยนโม่ได้ไหม เรื่องพวกนี้มันผ่านไปหมดแล้วนะ!” เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นด้วยสายตาเย็น
เซี่ยชีหรั่นอยากจะเชื่อความรู้สึกที่เย่เชินหลินมีต่อตัวเอง แต่ว่ายังไม่ทันได้ชื่นใจเลย เย่เชินหลินก็สาดน้ำเย็นมาใส่ตัวเองอีกแล้ว แล้วเขาจะให้เธอเอาอะไรไปเชื่อใจเขากันล่ะ?
“ไป ลูก เราไปกันเถอะ เราจะไปจากที่นี่กัน! คุณฟังให้ดีนะ คุณอย่าคิดว่าจะให้เรากลับไปอยู่ข้างกายคุณอีก ถึงคุณจะกักขังร่างกายของฉันไว้ได้ แต่ว่าหัวใจของฉันจะไม่มีวันหยุดอยู่ที่คุณ!”
“อะไรนะ? คิดไม่ถึงว่าคุณจะเฉียบขาดขนาดนี้!” หัวใจที่กำลังเต้นอยู่ของเย่เชินหลินก็ได้เปลี่ยนเป็นเงียบเหงาราวกับตายไปแล้วในทันทีทันใด คำพูดของเซี่ยชีหรั่นได้หยุดอยู่ที่ข้างหูของเขาและดังซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น “ หัวใจของฉันจะไม่มีวันหยุดอยู่ที่คุณ! จะไม่มีวันหยุดอยู่ที่คุณ ! ……”
รอจนถึงตอนที่เย่เชินหลินตั้งสติกลับมาได้แล้วนั้น สิ่งที่เหลือให้เย่เชินหลินก็มีแค่ภาพแผ่นหลังของทั้งสองคนเท่านั้น
ผู้หญิงดื้อด้านคนนี้นี่! เย่เชินหลินกำหมัดไว้แน่น
เนื่องจากร่างกายของเนี่ยนโม่ยังไม่หายสนิทดี เซี่ยชีหรั่นจึงตัดสินใจที่จะอยู่ที่ประเทศKนี้ต่อไป รอให้ถึงตอนที่ร่างกายของเนี่ยนโม่หายดีแล้ว ค่อยมาตัดสินใจแผนการต่อไป
ยังดีที่ช่วงคับขันของบริษัทได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ว่า ถ้าบริษัทเครื่องประดับแฟชั่นจะฟื้นฟูกลับไปให้เจริญรุ่งเรืองเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้งนั้น ก็ยังคงจะต้องลงทุนลงแรงไปอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
ในช่วงที่ถือได้ว่าเป็นรอยต่อที่สำคัญสำหรับบริษัทนั้น ปัญหามากมายของบริษัท ก็ยังคงต้องเป็นเซี่ยชีหรั่นที่ไปจัดการด้วยตนเองทั้งนั้น
เพื่อให้มีผลประโยชน์ต่อบริษัทมากยิ่งขึ้น และเพื่อการพักฟื้นของเนี่ยนโม่ เซี่ยชีหรั่นจึงได้เช่าห้องชุดที่นี่ไว้ชุดหนึ่ง ห้องชุดถึงจะไม่ใหญ่มาก และถึงแม้จะอยู่ห่างไกลนิดหน่อย แต่ว่าอากาศรอบข้างกลับบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก
ไม่รู้ว่าสวีเห้าเซิงไปได้ข่าวมาจากไหนว่า เซี่ยชีหรั่นพบเจอกับปัญหาที่ประเทศKเข้า เขาจึงรีบตามมาถึงประเทศKอย่างรีบร้อน ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเสียใจแล้ว ในตอนนั้นเขาไม่ควรยืนมองเซี่ยชีหรั่นโดนเย่เชินหลินพาตัวไปเฉย ๆ เลย!
เขาตามหาอยู่ตั้งนานถึงหาที่พักของเซี่ยชีหรั่นเจอ มันค่อนข้างห่างไกลจริง ๆ เพราะว่าอยู่ใกล้กับภูเขาลูกเล็ก ๆ ลูกหนึ่งอากาศของที่นี่จึงค่อนข้างบริสุทธิ์
“ติงต๊อง!” เสียงกริ่งประตูดังรบกวนเนี่ยนโม่ที่กำลังเล่นของเล่นอยู่บนพื้น เขารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งไปหาเซี่ยชีหรั่นที่กำลังจัดการเอกสารอยู่ในห้องหนังสือ
“แม่ครับ มีคนมาเยี่ยมพวกเราแล้วครับ!” เป็นเวลาหลายวันแล้วที่เนี่ยนโม่ไม่ได้พบเจอคนอื่นนอกเหนือจากแม่ของเขาเลย แม่มักจะหาเหตุผลต่าง ๆ นานามาหยุดยั้งไม่ให้ตัวเองออกไปข้างนอก จนทำให้ตัวเองได้แต่เล่นของเล่นอยู่อย่างเดียว คราวนี้ถือได้ว่าจะสามารถได้เห็นคนเป็น ๆ สักทีแล้ว!
“มีคนมาเยี่ยมพวกเราเหรอ?” คนแรกที่โผล่เข้ามาในหัวสมองของเซี่ยชีหรั่นก็คือเย่เชินหลิน แต่ว่า เธอไม่ได้อยากจะเห็นหน้าเขาเลยนี่!
เซี่ยชีหรั่นรีบเดินไปทางประตูอย่างรวดเร็ว แต่ว่าก็กลับยืนอยู่หลังประตูอยู่ตั้งนาน เนี่ยนโม่จดจ้องอยู่กับท่าทางแปลก ๆ เหล่า
นี้ของเซี่ยชีหรั่น และกัดนิ้วมือไว้ได้แต่เดาความคิดในใจของเธออยู่ไม่ขาด แล้วเขาก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าโลกของผู้ใหญ่นั้นช่างวุ่นวายจริง ๆ !
“ติงต๊อง!” เสียงกริ่งประตูดังขึ้นอีกครั้ง เซี่ยชีหรั่นมองสำรวจคนที่อยู่ข้างนอกจากรูประตูแมวอย่างละเอียด พอเห็นรูปร่างของคนที่มาที่อยู่ข้างนอกแล้ว ไม่รู้ทำไมในใจกลับมีความรู้สึกผิดหวังขึ้นมานิดหน่อย
“พี่สวี!” เธอรีบเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว
“ชีหรั่น ไม่ได้เจอกันนานเลย!” ตอนนี้ในดวงตาของสวีเห้าเซิงนอกจากความดีใจแล้ว ก็ยังคงเป็นความดีใจอีก
“คุณมาได้ยังไงกันคะ? แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?” เซี่ยชีหรั่นขมวดคิ้วขึ้น แล้วมองสวีเห้าเซิงอย่างประเมิน
“ว้าว คุณลุงสวี คุณมาได้ยังไงเนี่ย ผมคิดถึงคุณจะแย่อยู่แล้ว ยังมีของเล่นมาฝากผมด้วยเหรอ? แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมชอบทรานส์ฟอร์มเมอร์ส?” เนี่ยนโม่ดีใจจนเขี้ยวเสือทั้งสองซี่โผล่ออกมาแล้ว ดวงตาโต ๆ ทั้งสองข้างคอยจดจ้องกล่องของเล่นที่อยู่ในมือของสวีเห้าเซิง
“อ๋ายโยว ฉันเกือบจะลืมไปเลย เอ้า ให้คุณ เจ้าเด็กจอมซน!” สวีเห้าเซิงบีบจมูกของเนี่ยนโม่เบา ๆ
เนี่ยนโม่ถือของเล่นแล้ววิ่งไปอีกข้างอย่างรู้ตัว เขานั้นรู้ว่าเมื่อรับของขวัญของคนอื่นมาแล้วก็จะต้องช่วยคนอื่นแก้ปัญหาด้วย
“ชีหรั่น เรื่องของคุณผมได้ยินมาหมดแล้วนะ!” ในดวงตาของสวีเห้าเซิงเต็มไปด้วยความรักใคร่
“นั่งก่อนเถอะ!” เซี่ยชีหรั่นหลบหลีกสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ของสวีเห้าเซิง “จิ่วจิ่วเป็นคนบอกคุณใช่ไหมล่ะ!” เธอรู้อยู่แล้วว่าจิ่วจิ่วจะต้องเป็นคนพูดมากแน่ ๆ !
สวีเห้าเซิงยิ้มอ่อน ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “เพราะผมไปตอแยเขาเอง คุณอย่าไปโทษเขาเลย ผมก็แค่ไม่วางใจคุณก็เท่านั้น! ในเมื่อผมก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำอยู่แล้ว มาเลี้ยงเด็กที่นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน!”
“มาเลี้ยงเด็ก?” เซี่ยชีหรั่นถลึงตาโต แล้วมองไปที่สวีเห้าเซิงทีหนึ่ง
“แค่ชั่วคราวเท่านั้น บริษัทคุณเพิ่งจะผ่านเรื่องคับขันมา จะต้องมีเรื่องมากมายให้จัดการแน่ ๆ คุณอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวแล้วจะต้องยุ่งเรื่องของบริษัท และยังมีเรื่องของเนี่ยนโม่อีก คุณตัวคนเดียวจะไปยุ่งไหวได้ยังไงกัน?” ใบหน้าของสวีเห้าเซิงเริ่มแดงเล็กน้อย แล้วมองไปที่เนี่ยนโม่ที่เล่นของเล่นอยู่อีกข้าง และพูดขึ้นว่า “และอีกอย่าง ผมก็คิดถึงเนี่ยนโม่มากด้วย ไม่เจอหลายวันก็อยากจะดูว่าเจ้าเด็กคนนี้จะอ้วนขึ้นไหม? สูงขึ้นหรือเปล่า?”
“งั้นคุณ……” เซี่ยชีหรั่นยักไหล่
“คุณวางใจได้ ผมได้เช่าห้องข้าง ๆ ไว้แล้ว!” สวีเห้าเซิงยิ้มแล้วมองเซี่ยชีหรั่นทีหนึ่ง ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“คุณเช่าบ้านไว้แล้ว?” เซี่ยชีหรั่นรู้สึกตกใจ สวีเห้าเซิงนั้นมักจะอ่อนโยนใส่ใจเช่นนี้เสมอ แต่ว่าอยู่ในใจของเธอ เขาก็เป็นได้แค่พี่ชายตลอดไปเท่านั้น
จากสายตาของเซี่ยชีหรั่นนั้นสวีเห้าเซิงสามารถมองเห็นความรู้สึกบางอย่าง แล้วยิ้มและก็พูดขึ้นว่า “ก็คิดซะว่าผมออกมาพักร้อนก็แล้วกัน ผมเองก็ไม่ได้ออกนอกประเทศมานานแล้ว!”
“งั้นก็ขอบคุณคุณมากนะคะ!”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก จะเกรงใจกับผมทำไม!”
ตั้งแต่ที่สวีเห้าเซิงปรากฏตัวขึ้น เซี่ยชีหรั่นก็ลดภาระไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว มีบางเวลาสวีเห้าเซิงยังมาทำของอร่อยด้วยตัวเองอีกด้วย หลังจากที่กินอาหารค่ำเสร็จแล้ว สวีเห้าเซิงก็มักจะแอบเล่นของเล่นอยู่กับเนี่ยนโม่ แต่เซี่ยชีหรั่นนั้นกลับจัดการเรื่องเอกสารต่าง ๆ ของบริษัทอยู่ในห้องหนังสือ
ฟังเสียงหัวเราะชอบใจของเนี่ยนโม่ที่อยู่ในห้องรับแขกแล้ว อยู่ ๆ เซี่ยชีหรั่นก็รู้สึกว่าข้างหน้ามืดสนิทไปหมด เธอพยายามส่ายหัวอย่างลำบาก และมองไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่าง ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกลางคืนแล้ว เธอรู้สึกขอบคุณต่อสวีเห้าเซิงเป็นอย่างมากเลย
เพราะว่าเหนื่อยเกินไปแล้วจริง ๆ และนอนเวลาเที่ยงคืนติดต่อกันมาเป็นอาทิตย์แล้ว จึงทำให้เซี่ยชีหรั่นรับไม่ไหว เธอยกมือเรียวขึ้นมาแตะที่หน้าผาก ความร้อนจัด ๆ จากหน้าผากส่งมาถึงฝ่ามือ เธอจับโต๊ะทำงานไว้แล้วลุกยืนขึ้นมา แล้วก็รู้สึกว่าข้างหน้าดับมืดลง และเดินเซล้มลงไปบนพื้นห้องทันที
“คุณลุงครับ ผมเหมือนจะได้ยินเสียงคุณแม่หกล้มเลย!” เนี่ยนโม่หยุดเกมในมือลง แล้วมองไปที่สวีเห้าเซิง
สวีเห้าเซิงลุกยืนขึ้นมาจากพื้นห้อง แล้ววิ่งไปทางห้องหนังสือ พอผลักประตูออก ก็เห็นเซี่ยชีหรั่นนอนอยู่บนพื้นห้องหนังสือ ที่หน้าผากนั้นมีเหงื่อเม็ดใหญ่เท่าเม็ดถั่วซึมออกมา
“แม่ แม่เป็นอะไรไปครับ?” เนี่ยนโม่ร้องออกมาอย่างร้อนใจ ตาโตทั้งสองข้างมีน้ำตาผุดออกมา
“เร็ว เนี่ยนโม่ เราต้องรีบพาแม่ของเธอไปส่งโรงพยาบาลแล้ว!” สวีเห้าเซิงยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของเซี่ยชีหรั่นเพื่อวัดอุณหภูมิ แล้วรีบร้อนพูดขึ้นมา
สวีเห้าเซิงอุ้มเซี่ยชีหรั่นขึ้นมา แล้วก็วิ่งไปทางหน้าประตูเนี่ยนโม่ตามอยู่ข้างหลัง บางทียังใช้มือเล็กของเขาคอยช่วยพยุงร่างกายของเซี่ยชีหรั่นเอาไว้อีกด้วย
“คุณชายเย่ครับ คุณเซี่ยไม่สบายแล้วครับ สวีเห้าเซิงกำลังอยู่ระหว่างทางไปโรงพยาบาล คุณว่า……”
“ไม่ล่ะ จะต้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตของคุณเซี่ยตลอดเวลาทุกวินาที ก็ให้สวีเห้าเซิงเป็นคนพาเธอไปโรงพยาบาลเถอะ!” เย่เชินหลินนั่งอยู่ในห้อง ไวน์แดงที่อยู่ในมือแผ่กลิ่นหอมที่ทำให้คนลุ่มหลงออกมา แล้ววางลงบนริมฝีปากและจิบเบา ๆ คำหนึ่ง แค่กลับมีรสขมขื่นเล็กน้อย!
ตอนที่มาถึงโรงพยาบาลนั้น เป็นเวลาของวันใหม่แล้ว
เซี่ยชีหรั่นเป็นเพราะว่าเหน็ดเหนื่อยเกินไป บวกกับฤดูนี้นั้นเป็นหวัดง่าย ก็เลยเป็นไข้ สวีเห้าเซิงคอยเฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงตลอดเวลา ถือผ้าเอาไว้แล้วค่อย ๆ ซับเหงื่อเย็น ๆ ให้เซี่ยชีหรั่น

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset