สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1130 สาวใช้ตัวแสบ 1034

ตอนที่ 1130 สาวใช้ตัวแสบ 1034
“คุณลุงครับ ให้ผมเป็นคนดูแลแม่เถอะนะครับ!” เนี่ยนโม่หยีตาทั้งคู่ไว้ อดทนกับความง่วงงุน ลากร่างกายที่อ้วนตุ้ยนุ้ยเบียดมาอยู่ข้างกายเซี่ยชีหรั่น
“หนูนอนไปเถอะ เนี่ยนโม่ มา มานอนข้าง ๆ แม่นี่ เดี๋ยวลุงดูแลพวกหนูทั้งสองคนเอง!” สวีเห้าเซิงยิ้ม ๆ แล้วก็ดูท่าทางน่ารักของเนี่ยนโม่
“คุณลุงครับ ทำไมคุณลุงถึงดูแลพวกเราถึงสองคนได้ล่ะครับ?” เนี่ยนโม่ง่วงงุนจนสายตาทั้งคู่สั่นไหว
“เพราะว่าลุงเป็นชายชาตรีอกสามศอกนะซิ!” สวีเห้าเซิงยิ้มแล้วพูดกับเนี่ยนโม่ แล้วลากเขาอยู่ในอ้อมอกของตัวเองผ่านไปไม่นานเนี่ยนโม่ก็นอนหลับไปในอ้อมอกของสวีเห้าเซิง!
แสงแดดของรุ่งเช้าสาดส่องเข้ามา เนี่ยนโม่ตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว
“คุณลุงครับ พวกเราไปซื้ออาหารเช้าให้คุณแม่ดีไหมครับ?” คำพูดแรกของเนี่ยนโม่ตั้งแต่ตื่นมาก็คือ จะไปซื้ออาหารเช้าให้เซี่ยชีหรั่นพร้อมกับสวีเห้าเซิง
“ได้!” สวีเห้าเซิงจูงมือเล็ก ๆ ของเนี่ยนโม่แล้วเดินไปทางนอกโรงพยาบาล
ตอนที่เซี่ยชีหรั่นตื่นมานั้น ก็มองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาล นึกย้อนกลับไปที่เรื่องของเมื่อคืน แล้วก็นวดหน้าผากที่มีความรู้สึกเจ็บเบา ๆ
พยาบาลเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มองเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดว่า “อิจฉาคุณจังเลย ที่มีลูกและสามีที่ดีขนาดนี้!”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มอย่างอึดอัด ขมวดคิ้วอย่างสงสัยแล้วถามขึ้นว่า “พวกเขาล่ะคะ? ไปไหนกันแล้ว?”
“ตั้งแต่เช้า ฉันก็เห็นพวกเขาออกไปซื้ออาหารเช้าแล้วล่ะค่ะ!” พยาบาลยิ้มแล้วก็ออกไปและดึงประตูปิดลง
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าดีขึ้นมากแล้ว ก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จึงเก็บข้าวของ และนั่งรอสวีเห้าเซิงและเนี่ยนโม่
ทั้งสองคน ถือโจ๊กไว้คนละถ้วยแล้วเดินไปทางข้างในโรงพยาบาล เนี่ยนโม่นั้นดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ไม่น้อยเลย
“เด็กคนนี้เก่งจังเลย!”
“ผมเป็นชายชาตรีอกสามศอก!” เนี่ยนโม่ยิ้มจนเขี้ยวเสือทั้งสองซี่โผล่ออกมา
พอผลักประตูห้องผู้ป่วยเปิดออก สวีเห้าเซิงก็เห็นเซี่ยชีหรั่นเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังนั่งรอพวกเขากลับมา
“แม่ครับ หนูไปซื้อโจ๊กกับคุณลุงมาให้แม่ครับ ตอนนี้หนูสามารถดูแลแม่ได้แล้วนะ หนูเป็นชายชาตรีอกสามศอกแล้วครับ!” เนี่ยนโม่ชูโจ๊กในมือขึ้นมาแล้ววิ่งไปทางเซี่ยชีหรั่น
“เธอนี่เจ้าเด็กแสบ!” เซี่ยชีหรั่นรับโจ๊กที่อยู่ในมือของเนี่ยนโม่มา แล้วมองสวีเห้าเซิงอย่างยิ้ม ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ขอบคุณ ขอบคุณคุณมาก ๆ นะคะ!”
“ทำไมคุณลุกขึ้นแล้วล่ะ? ดีขึ้นบ้างหรือยัง?” สวีเห้าเซิงรีบเดินขึ้นหน้า และมองเซี่ยชีหรั่นอย่างประเมิน
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ สามารถกลับบ้านได้แล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากแล้ว แต่ว่าต้องรบกวนคุณแล้ว!”
“อีกแล้วนะ!” สวีเห้าเซิงมองเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดขึ้นว่า “ไปเถอะ เรากลับบ้านกัน!”
เก็บข้าวของกลับถึงบ้านแล้วก็เก็บกวาดบ้านเสร็จเรียบร้อย สวีเห้าเซิงก็ทำอาหารกลางวันมื้อเต็มโต๊ะให้เซี่ยชีหรั่นและเนี่ยนโม่อีกมื้อหนึ่งด้วย
“นี่คือผักที่คุณชอบกินที่สุด!” สวีเห้าเซิงคีบผักมาแล้วก็วางลงในถ้วยให้เซี่ยชีหรั่น
“แม่ครับ นี่เป็นผักที่แม่ชอบกินที่สุด!” เนี่ยนโม่ก็เลียนแบบสวีเห้าเซิงคีบผักไปไว้ให้ในถ้วยของเซี่ยชีหรั่นบ้าง
“โชคดีที่เมื่อคืนตอนที่ออกไป มีรถแท็กซี่คันหนึ่งกำลังอยู่ที่หน้าประตูพอดี ไม่งั้นดึกขนาดนั้นแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะโบกรถได้!” สวีเห้าเซิงพูดเพื่อจะปกปิดความอึดอัดของทั้งสองคน พูดไปก็ยิ้มไป
“บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ!” เซี่ยชีหรั่นรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อย
“ถ้าหากไม่มีรถแท็กซี่ ผมยังไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องไปทางไหน อ๋อใช้แล้ว ผมได้ยินมาว่าที่ใกล้ ๆ นี้มีสวนสนุกอยู่ที่หนึ่ง หรือว่าเราไปเที่ยวเล่นที่นั่นกันดีไหม?” สวีเห้าเซิงกะพริบตาไปทางเนี่ยนโม่
“ดีจังเลย! ดีจังเลย!” เนี่ยนโม่ร้องตะโกนเสียงดัง
ช่วงเวลาในตอนบ่ายนั้นช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วจริง ๆ พาเนี่ยนโม่เล่นหมุนวนอยู่ในสวนสนุก แต่พริบตาเดียวก็มาถึงช่วงเวลาเย็นแล้ว แสงไปตอนหัวค่ำสาดส่องมาที่ใบหน้าของเซี่ยชีหรั่น ดูแล้วยิ่งทำให้คนหลงใหล
ในตอนนี้เนี่ยนโม่ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กำลังพิงตัวเซี่ยชีหรั่นนอนหลับอยู่
“ชีหรั่น ผมมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับคุณ!” สวีเห้าเซิงมองเซี่ยชีหรั่นที่ยืนอยู่ภายใต้แสงไฟ และพูดขึ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“เรื่องอะไรคะ?” เซี่ยชีหรั่นจ้องดวงตาของเขาไว้
“ผมยินดีที่จะเป็นพ่อของเนี่ยนโม่ แล้วมาดูแลพวกคุณตลอดชีวิต! คุณ…….คุณเห็นด้วยไหม?” สวีเห้าเซิงสารภาพรักอย่างแกร่งกล้าเช่นนี้ จนทำให้เซี่ยชีหรั่นอยู่ ๆ ก็ทำตัวไม่ถูกขึ้นมา
เซี่ยชีหรั่นมองสวีเห้าเซิงแล้ว ในใจก็มีความเจ็บจี๊ดขึ้นมา “ขอโทษค่ะ ในใจของฉันมีคนที่ชอบแล้ว! คุณจะเป็นพี่ชายของฉันตลอดไปนะค่ะ!”
สวีเห้าเซิงเหมือนกับว่าจะสามารถรู้สึกถึงความคิดทั้งหมดในใจของเธอ เขากัดริมฝีปาก แล้วพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “คือ……คือเย่เชินหลินใช่ไหม?” นอกจากเย่เชินหลินแล้ว เขาก็คิดไม่ถึงใครอื่นอีกเลย เขายังคงจำตอนที่อยู่ที่บาร์เหล้าได้ ท่าทางตอนที่เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินอย่างหลงใหลนั้น เธอในตอนนั้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความรัก ถึงแม้ว่าจะเมาอยู่ แต่บางทีใจอาจจะกำลังตื่นอยู่ !
“ขอโทษค่ะ!” เซี่ยชีหรั่นก้มหน้าไว้ แต่กลับนึกถึงใบหน้าที่เย็นชานั้นของเย่เชินหลิน ยังมีดวงตาสีดำคู่นั้นที่ดำสนิทจนไม่เห็นก้น ราวกับหลุมดำที่ไม่มีทางเข้าไปสำรวจได้ตลอดกาล……
“ผมจะไม่บีบบังคับคุณ ผมจะรักคุณตลอดไปและจะรอคุณ บนโลกใบนี้จะไม่มีคนที่สองที่รักคุณแบบนี้เหมือนผมอีกแล้ว!” ดวงตาของสวีเห้าเซิงสั่นเล็กน้อย
“นี่ก็ดึกพอสมควรแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเซี่ยชีหรั่นอยากจะรีบสลัดสถานการณ์อึดอัดแบบนี้หรือเปล่า เธอมองสวีเห้าเซิงแล้วพูดขึ้นมา
ในเวลานี้ คำพูดของเซี่ยชีหรั่นก็เหมือนกับน้ำเย็นจัด ๆ ราดลงมาที่หัวใจของเขา ทำให้ใจของเขาอยู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นสงบนิ่งอย่างผิดปกติ เขาไม่ได้ไม่พอใจกับตอนนี้ และยิ่งจะไม่สูญเสียความหวังไป
“คุณชายเย่ครับ ตามที่คุณสั่งมา ตอนนี้สวีเห้าเซิงโดนเราสะกดรอยตามแล้วครับ เขาได้เดินหน้าสารภาพรักกับคุณเซี่ยที่สวนสนุกแล้วครับ!”
“อะไรนะ? สารภาพรักเหรอ? งั้น……เซี่ยชีหรั่นล่ะ? เธอว่ายังไงบ้าง?” เย่เชินหลินที่มักจะสงบนิ่งมาตลอด อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นร้อนรนอย่างผิดปกติขึ้นมา
“เธอไม่ได้ตอบตกลงสวีเห้าเซิงครับ แต่พูดว่าคนที่รักยังคงเป็นคุณชายเย่คุณเองอยู่ครับ!”
“อะไรนะ……!” เย่เชินหลินรู้สึกแปลกใจและดีใจอย่างมากมาย ตัวเขาในตอนนี้นั้นรู้สึกว่าความรู้สึกหลากหลายมากมายราวกับห้ารสชาติหลอมรวมกัน ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกไม่เข้าใจในตัวเซี่ยชีหรั่นแล้ว ถ้าหากว่ายังคงรักตัวเองอยู่ แล้วทำไมยังจะพูดคำพูดพวกนั้นอีก?
“คุณชายเย่ครับ ผมรู้สึกว่าผู้หญิงยังไงก็ต้องจีบบ้างนะครับ!”
“หุบปาก……ใครใช้ให้นาย”
“ขอโทษครับคุณชายเย่ ผมวางสายก่อนนะครับ แล้วผมจะคอยรายงานสถานการณ์ของคุณเซี่ย ให้คุณทราบตลอดนะครับ!”
“จีบ?” ศัพท์ที่น่าขำมากมาย เย่เชินหลินเคยต้องจีบผู้หญิงเมื่อไหร่กัน? ผู้หญิงคนไหนไม่ใช่ว่าพอเห็นตัวเองแล้ว ก็มาติดอยู่บนตัวเขาแล้วเหรอ? การจีบคนคนหนึ่งนั้นมีความรู้สึกเป็นยังไงบ้างนะ? พอเย่เชินหลินคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็อดที่จะส่ายหน้าไม่ได้
“สารภาพรักเหรอ?” ตอนที่คิดมาถึงคำนี้นั้น อยู่ ๆ เย่เชินหลินก็เริ่มหน้าแดง เขาเริ่มแอบด่าตัวเองที่อยู่ ๆ ก็มีความคิดแปลก ๆ แบบนี้ออกมา
ช่างเถอะ เพื่อผู้หญิงคนนี้แล้ว นี่ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายอะไร เขาแอบปลอบใจตัวเองอยู่เงียบ ๆ
ตอนกลางคืนตอนที่เซี่ยชีหรั่นไปซื้อกับข้าวกลับมานั้น ก็พบว่าทั้งตึกนั้นกลับโล่งโจ้ง มองไม่เห็นแสงไฟที่สว่างอยู่เลย ก็เลยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น แม้แต่ห้องของสวีเห้าเซิง ก็ยังมืดสนิททั้งแถบ
และในตอนที่เตรียมจะเดินเข้าไปในตึกนั้น บนท้องฟ้าก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมาเป็นระลอก ตอนที่เงยหน้าขึ้นดูนั้น ก็เห็นดอกไม้ไฟระบายอยู่เต็มทั่วท้องฟ้าเต็มตา
“สวยจังเลย!” เธอมองดอกไม้ไฟในท้องฟ้าอย่างเซ่อซ่า ตอนที่หันหน้ามานั้น กลับพบว่าที่หน้าประตูมีเงาของคนที่คุ้นเคยคนหนึ่งยืนอยู่ ภาพที่มีท่าทางสูงส่งไม่เหมือนกับมนุษย์ธรรมดา ราวกับว่าเดินอยู่ในห่วงเวลาที่ถูกตัดขาดไปแล้ว ไม่เปื้อนฝุ่นผงในโลกมนุษย์ จากแสงดอกไม้ไฟ ทำให้มองเห็นหน้าตาที่สบาย ๆ ของเขา เหมือนกับว่าถ้าจ้องมากไปอีกสักทีหนึ่ง ก็จะมีความรู้สึกแบบหนึ่งเหมือนเกือบโดนดูดกลืนเข้าไป
เย่เชินหลิน!
เป็นไปได้ยังไง!
เธอว่าแล้วว่าคืนนั้นรถแท็กซี่คันนั้นไม่มีทางที่จะมาปรากฏอยู่ที่นี่อย่างบังเอิญ ที่สวีเห้าเซิงสามารถโบกรถแท็กซี่พาตัวเองไปโรงพยาบาลได้ง่ายขนาดนั้น ทั้งหมดก็เป็นเพราะว่าเย่เชินหลินได้จัดแจงไว้หมดเรียบร้อยแล้ว!
แต่ว่า!
ในช่วงที่เธอขมวดคิ้วนั้น กลีบของดอกกุหลาบนับพันนับหมื่นดอกก็ได้ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เหมือนอย่างกับผีเสื้อเป็นพันเป็นหมื่นตัวกำลังบินวนเริงระบำอยู่ทั่วทุกทิศทาง
เย่เชินหลินเดินเข้ามาใกล้เซี่ยชีหรั่น กลิ่นอายบนตัวของเขาบีบคั้นจนเซี่ยชีหรั่นรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย
“นี่มันเป็นความจริงแค่ไหน? เป็นฝัน? เป็นความจริง? หรือว่าเป็นการแสดงอย่างหนึ่งของเย่เชินหลิน?”
ไม่มีเวลาให้เธอคิดอะไรมาก เย่เชินหลินก็ได้เดินมาถึงข้างกายเธอแล้ว เขามองดวงตาที่มีความแปลกใจและมีความลำบากใจของเธอ แล้วพูดขึ้นอย่างความรู้สึกลึกซึ้งว่า “กลับบ้านกับผมเถอะ ผมยังรักคุณอยู่นะ ผมเป็นพ่อของเนี่ยนโม่ ตำแหน่งนี้ไม่มีใครจะมาแทนที่ได้ คุณลองถามใจตัวเองดู เลิกเอาแต่ปากกับใจไม่ตรงกันได้แล้ว!”
ไอ้สมควรตายนี่ นี่มันคือการสารภาพรักเหรอ? ทำไมเหมือนทั้งได้รางวัลและโดนลงโทษในเวลาเดียวกันเลยล่ะ? แม้แต่การสารภาพรักก็ยังไร้ยางอายขนาดนี้เลยเหรอ?
แรงโกรธแรงหนึ่งพุ่งออกมาจากอกของเซี่ยชีหรั่น ผู้ชายคนนี้มักจะทำให้เธอเชื่อแล้วก็สงสัยไปด้วย ตอนที่ยังไม่ทันได้ดีอกดีใจก็จะมีน้ำเย็น ๆ หนึ่งกะละมังตามมาแล้ว ชั่วพริบตาหนึ่ง เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปยังไงดี
ช่างเถอะ ในเมื่อได้ตัดสินใจทางเดินชีวิตของตัวเองมาตั้งนานแล้ว แล้วจะมากลับลำทำไม? เธอยินดีที่จะพลาดไป แต่ก็ไม่ยินดีที่จะให้เขามีโอกาสมาทำร้ายตัวเองและเนี่ยนโม่อีก
“แม่ครับ!” ไม่รู้ว่าเนี่ยนโม่วิ่งมาจากทางไหน
“เนี่ยนโม่!” เซี่ยชีหรั่นมองเนี่ยนโม่ แล้วนั่งลงไปอุ้มเนี่ยนโม่ขึ้นมาไว้ในอ้อมอก
“แม่ครับ เขาอยากเป็นพ่อของหนูนั้นจำเป็นจะต้องได้รับการทดสอบนะ ในเมื่อเมื่อก่อนเขาเคยทำร้ายแม่ ทำร้ายจนทำให้แม่ต้องร้องไห้ฟูมฟาย งั้นพวกเราก็ให้เขาลองเป็นพ่อหนึ่งเดือน ขอแค่เขาไม่ทำให้แม่เสียใจอีก ก็ถือว่าผ่านด่าน! ยังมีอีก ขอแค่ไม่ทำให้หนูเสียใจ และถึงมาตรฐานของพ่อที่อยู่ในใจหนู ก็ถือว่าผ่านด่านแล้ว!” เนี่ยนโม่กะพริบตาให้เย่เชินหลินอย่างซุกซน
เย่เชินหลินส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะทำยังไง เขาจดจ้องใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นเอาไว้
เซี่ยชีหรั่นมองหน้าเนี่ยนโม่ มองความเหมือนกันขนาดนี้ของเย่เชินหลินและเนี่ยนโม่ อยู่ ๆ ในใจของเธอก็เจ็บปวดขึ้นมา ดูจากปฏิกิริยาของเนี่ยนโม่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กแสบนี่น่าจะชอบเย่เชินหลินเอามาก ๆ
“ได้ แม่ตกลงตามคำขอของเนี่ยนโม่ดีไหม จะยอมให้เขามาทดลองฟรี ๆ หนึ่งเดือนก็แล้วกัน!” เซี่ยชีหรั่นจับแก้มที่อ้วนตุ้ยนุ้ยของเนี่ยนโม่!
“สู้ ๆ นะครับ ผมเชื่อว่าคุณทำได้ครับ!” เนี่ยนโม่แลบลิ้นใส่ไปทางเย่เชินหลิน
“เจ้าตัวแสบนี่จริง ๆ เลย!”
สวีเห้าเซิงยืนอยู่ในมุมมืดมิด และได้เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา ดอกกุหลาบดอกหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ยังมีกลิ่นของดอกไม้ไฟติดมาด้วย และตกลงตรงเท้าของเขา
“ชีหรั่น แล้วคุณจะอยู่ที่ประเทศKตลอดเลยเหรอ? ร่างกายของเนี่ยนโม่ก็พักฟื้นดีแล้ว หรือว่าเรากลับบ้านพร้อมกับคุณแม่เลยเถอะนะ!” เย่เชินหลินอดกลั้นความดีอกดีใจที่อยู่ในใจไว้ไม่ไหว

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset