สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1175 สาวใช้ตัวแสบ 1079

ตอนที่ 1175 สาวใช้ตัวแสบ 1079
“เซี่ยชีหรั่น ”
เมื่อได้รับสายจากจางเฟิงอี้ มือเย่เชินหลินกำลังลูบไล้แผ่นหลังเนียนของเซี่ยชีหรั่นอยู่ มองผิวขาวของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยลมหายใจของตนด้วยความพึงพอใจ
“ประธานเย่ คุณชายน้อยเนี่ยนโม่ร้องไห้แล้วครับ” จางเฟิงอี้นึกดวงตาไร้ความปรานีของเย่เชินหลินในตอนนี้ออกแม้ว่าจะมีโทรศัพท์กั้นอยู่ เมื่อพูดอย่างรวบรัดจบก็รีบวางสายไป
เมื่อเย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นรีบไปถึง เย่เนี่ยนโม่ก็ร้องไห้สะอึกเล็กน้อย เห็นเซี่ยชีหรั่น เย่เนี่ยนโม่ก็พุ่งตัวเข้าสู่อ้อมแขนเซี่ยชีหรั่น
สวีเห้าเซิงมองอย่างกระอักกระอ่วนอยู่ข้างๆ เย่เชินหลินเงยศีรษะขึ้นมา ดวงตาเฉียบคมกวาดมองจางเฟิงอี้ถามขึ้นโดยระงับความโกรธไว้ “เกิดอะไรขึ้น”
จางเฟิงอี้จับเนกไทแล้วยิ้มอย่างหมดหนทาง “เด็กๆ กำลังเล่นกัน เหมือนคุณชายน้อยได้ยินคำว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก็เสียใจ จากนั้นก็ร้องไห้”
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเหรอ?
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเหรอ? เซี่ยชีหรั่นเข้าใจแล้ว เธอมักรู้สึกว่าเนี่ยนโม่เป็นเด็กที่รู้ความมาตลอด แม้ว่าปกติเรื่องที่เธอสัญญากับเขาไว้ก็จะพยายามทำให้ได้ แต่บางครั้งก็ยุ่งเกินไปไม่มีเวลาดูแลลูกและปลอบโยนตัวเองด้วยวิธีอื่น
แต่เด็กก็คือเด็ก เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กอื่นๆ ก็จะรู้สึกน้อยใจอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ตัวเองทำได้ไม่ดีเอง เซี่ยชีหรั่นขอบตาแดงก่ำ กอดเย่เนี่ยนโม่แล้วหอมแก้ม “ลูกรัก แม่ผิดไปแล้ว เราจะไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกันเดี๋ยวนี้เลย”
เย่เนี่ยนโม่ซุกศีรษะในอ้อมแขนเซี่ยชีหรั่น ผมนุ่มถูไปถูมา รู้สึกอับอายนิดหน่อยที่ตัวเองร้องไห้เมื่อครู่นี้ หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยชีหรั่นก็รีบเงยศีรษะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาเป็นประกายมองเซี่ยชีหรั่น
“พ่อก็ต้องไปด้วย!”
เซี่ยชีหรั่นกวาดตามองอีกฝ่ายอย่างค่อนข้างลำบากใจ เย่เชินหลินก็มองเธอเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคำตอบจากเธอ ผู้ชายอย่างเขามักจะจัดการทุกอย่าง คงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอก เซี่ยชีหรั่นคิด แล้วพูดปลอบเนี่ยนโม่
“เนี่ยนโม่เป็นเด็กดีนะลูก แม่ไปกับหนูก็เหมือนกันโอเคไหม” สวีเห้าเซิงรู้สึกผิดมากที่ดูแลเย่เนี่ยนโม่ไม่ดี เป็นห่วงว่าเนี่ยนโม่จะทำให้เซี่ยชีหรั่นลำบากใจจึงรีบเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “จริงสิ เนี่ยนโม่ อาไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำด้วยดีไหม”
จางเฟิงอี้มองเย่เชินหลินอย่างค่อนข้างเป็นห่วง พบว่าอีกฝ่ายมองกำลังมองเซี่ยชีหรั่นและสวีเห้าเซิงที่กำลังปลอบเย่เนี่ยนโม่ด้วยดวงตาเย็นชา
“เย่เนี่ยนโม่ ยืนดีๆ พ่อมีเรื่องจะพูดด้วย” เย่เชินหลินกวาดตามองเซี่ยชีหรั่น จากนั้นก็จ้องมองเย่เนี่ยนโม่
เย่เนี่ยนโม่ดึงเสื้อผ้าบนหน้าอกเซี่ยชีหรั่น ผมสีน้ำตาลและดวงตาที่ยังเปียกชื้น สวีเห้าเซิงก็อยากเดินไปข้างหน้าเพื่อปกป้องสองแม่ลูก เย่เชินหลินมองเขา มุมปากที่เสียดสีเล็กน้อยทำให้สวีเห้าเซิงชะงักฝีเท้าทันที
“หืม? ” เสียงทุ้มต่ำของเย่เชินหลินเหมือนกำลังยืนยัน เย่เนี่ยนโม่ปีนลงมาจากตัวเซี่ยชีหรั่น ยืนตรงหน้าเย่เชินหลินอย่างเชื่อฟัง ก้มศีรษะลงโดยไม่เต็มใจ
“เงยหน้าขึ้นมา เย่เนี่ยนโม่” เย่เชินหลินหยุดเซี่ยชีหรั่นที่กำลังลังเล มองเย่เนี่ยนโม่อย่างอดทนแต่ไม่สูญเสียความเข้มงวดแล้วพูดขึ้น
เย่เนี่ยนโม่เงยศีรษะขึ้นมา นิ้วปั่นป่วนเล็กน้อยอย่างไม่สบายใจ เย่เชินหลินระงับความเจ็บปวดในหัวใจและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เย่เนี่ยนโม่ เธอต้องจำไว้ว่าเธอคือลูกชายของเย่เชินหลิน ต่อไปอย่าร้องไห้กับสิ่งของที่เธอต้องการ แต่ต้องคว้ามันไว้ให้แน่น
ถึงแม้ว่าสุดท้ายหยกจะเผาไปพร้อมกับหิน ถึงแม้สุดท้ายร่างกายจะชอกช้ำ ก็อย่าร้องไห้ การร้องไห้คือการกระทำที่ขี้ขลาดที่สุดรู้ไหม!”
เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินด้วยความรู้สึกซับซ้อน แววตาเย่เชินหลินยังคงอยู่ที่เย่เนี่ยนโม่ แต่เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าคำพูดอีกฝ่ายเหมือนดาบอันแหลมคมเตือนตัวเอง หากเบี่ยงออกจากเส้นทางที่ปลอดภัย ดาบอันแหลมคมนั้นก็จะแทงที่ตัวเอง
เย่เนี่ยนโม่เด็กเกินไป ยังไม่เข้าใจคำพูดของเย่เชินหลินมากพอ แต่ก็จำไว้ในใจอยู่รางๆ จนส่งผลต่อชีวิตเขา
“รู้แล้วครับพ่อ”
เย่เชินหลินมองตาเย่เนี่ยนโม่อย่างอ่อนโยนนิดๆ มันทำให้เซี่ยชีหรั่นอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็เห็นอีกฝ่ายหันตัวมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ก้าวเท้ายาวออกไป
จางเฟิงอี้มองเซี่ยชีหรั่น พยักหน้าแล้วเดินตามไป เซี่ยชีหรั่นรีบอุ้มเย่เนี่ยนโม่มาเอ่ยปลอบ “ลูกรัก แม่จะพาหนูไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนะ”
สวีเห้าเซิงกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อแนะนำตัวเองในฐานะคนขับรถ จางเฟิงอี้ที่เดิมทีเดินออกไปแล้วก็กลับมาพูดกับเซี่ยชีหรั่นอีกครั้ง “คุณนาย ประธานเย่รอคุณอยู่ในรถครับ”
“ไปไหนเหรอ? ” เซี่ยชีหรั่นถามอย่างเผลอตัว
จางเฟิงอี้นึกถึงเย่เชินหลินที่นั่งอยู่ในรถหันศีรษะกลับมาเห็นว่าเซี่ยชีหรั่นไม่ได้เดินตามมาก็รู้สึกตลกนิดๆ กระแอมไอแล้วพูดขึ้น “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำครับ”
โรลส์-รอยซ์ โฮลดิงส์ที่รู้จักกันไปทั่วกำลังแล่นอยู่บนถนน “เซี่ยชีหรั่น ถ้าคุณจะนั่งไกลขนาดนั้น คุณเลือกที่จะเดินไปไหมล่ะ” เย่เชินหลินเห็นอีกฝ่ายหลบหน้าตนเหมือนหลบพวกสัตว์ร้ายสีหน้าก็ไม่พอใจ
ให้ตายเถอะ เธอกอดกับหลินเจี๋ยมันได้ พูดคุยหัวเราะกับสวีเห้าเซิงมันได้ แต่กลับอยู่ห่างกับเขาขนาดนั้น!
เซี่ยชีหรั่นไม่อยากอยู่ใกล้กับเย่เชินหลินมากเกินไป แต่เห็นเนี่ยนโม่ที่กำลังหลับปุ๋ยบนเบาะนั่งสำหรับเด็กก็ไม่อยากทะเลาะกับเย่เชินหลิน เคลื่อนตัวเข้าหาเย่เชินหลินโดยไม่ส่งเสียง
เย่เชินหลินสีหน้าเริ่มมืดมน ทำเสียงฮึดฮัดอย่างหนัก จากนั้นก็เห็นอีกฝ่ายขยับเข้าใกล้ตนอีกครั้ง
ฝ่ามือใหญ่อดไม่ได้ที่จะคว้าท่อนบนเธอมาอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง เซี่ยชีหรั่นดิ้นอย่างอึดอัด เนี่ยนโม่ตรงหน้าเหมือนกำลังจะตื่น การกระทำของทั้งคู่ก็หยุดนิ่ง ชะลอตัวการกระทำทั้งหมดก่อน
เซี่ยชีหรั่นมองคนขับรถอย่างไม่สบายใจ เธอไม่อยากให้คนอื่นเห็นตัวเองตกเป็นเบี้ยล่างเย่เชินหลิน เธอเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้
เย่เชินหลินเหมือนรู้สึกถึงการต่อต้านจากเซี่ยชีหรั่น มือที่โอบเอวอีกฝ่ายก็ไม่ได้คลายออก แต่ไม่รู้ว่าไปกดปุ่มอะไร เบาะด้านหลังและเบาะด้านหน้าก็ยกช่องขึ้นมาอัตโนมัติ แยกสองคนออกจากกัน
เมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เซี่ยชีหรั่นก็ค่อนข้างขาอ่อนถูกเย่เชินหลินพยุงลงจากรถ เนี่ยนโม่ขยี้ตาอยากกอดเซี่ยชีหรั่น ก็โดนฝ่ามือใหญ่ของเย่เชินหลินสกัดไว้กลางทาง
“เย่เชินหลิน ผู้ชายไม่ควรเปราะบางตลอดเวลา” เย่เชินหลินโอบเอวเซี่ยชีหรั่นมองเย่เนี่ยนโม่แล้วพูดขึ้น น้ำเสียงเอาอกเอาใจ แต่ก็แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
เนี่ยนโม่พยักหน้า เริ่มจับมือทั้งสองคน ทั้งสามคนเดินไปที่ประตูใหญ่
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในวันสุดสัปดาห์ไม่ถือว่าเป็นช่วงที่มีลูกค้าหนาแน่น แต่คนก็ไม่น้อยเช่นกัน การปรากฏกายของเย่เชินหลินทำให้เกิดเสียงกระซิบกระซาบอีกครั้ง
เย่เชินหลินเหมือนชินกับการใช้ชีวิตเป็นจุดสนใจไม่ว่าจะไปที่ไหน เซี่ยชีหรั่นพาเย่เนี่ยนโม่เว้นระยะห่างกับเย่เชินหลินนิดหน่อยอย่างเงียบๆ ถอยออกมาด้านหลังเล็กน้อย
เย่เชินหลินถูกลิขิตมาแล้วให้เป็นที่ชื่นชมของผู้อื่น แต่เธอไม่ยินยอม ถึงแม้หลายๆ ครั้งที่เย่เชินหลินต้องการเธอและเอาอกเอาใจเธอ เธอก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีอิทธิพลต่อผู้ชายคนนี้
เย่เชินหลินก้าวเท้ายาวไปข้างหน้า เหมือนไม่ได้คำนึงถึงความคิดของเซี่ยชีหรั่น ทั้งสามคนต่างมองทิวทัศน์อย่างไม่รีบร้อน
ถึงแม้นักท่องเที่ยวที่เดินไปเดินมาจะรู้สึกว่าสองคนนี้คุ้นตา แต่อย่างไรแล้วก็ไม่มีธุรกิจการเมืองมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงถือทัศนคติมาร่วมสนุก
ผู้คนแน่นมาก เซี่ยชีหรั่นเดินตามเย่เชินหลินไม่ค่อยทัน ทำได้เพียงดึงเนี่ยนโม่ไปด้วย พลางเขย่งเท้ามองหาเสียงและเงาของเย่เชินหลิน
หมวกเย่เนี่ยนโม่ก็ถูกเบียดจนหลุดไป เซี่ยชีหรั่นหาเย่เชินหลินไม่เจอเลย ทำได้เพียงโน้มตัวลงไปหยิบหมวกของเย่เนี่ยนโม่ไว้ก่อน
มือข้างหนึ่งยื่นลงไปกุมมือเซี่ยชีหรั่นที่จับหมวกเอาไว้ เซี่ยชีหรั่นเงยศีรษะขึ้นตามแขนเรียว
เย่เชินหลินขมวดคิ้วและดูค่อนข้างใจร้อน “อาจจะหลงไปกับใครก็ได้”
ไม่ว่าปฏิกิริยาของเซี่ยชีหรั่นจะเป็นอย่างไรก็จูงมือเดินไป เซี่ยชีหรั่นรีบจูงมือเนี่ยนโม่ตามมา มือทั้งสามคนไม่เคยแยกจากกันอีกต่อไป จนกระทั่งโทรศัพท์เซี่ยชีหรั่นดังขึ้น
“จิ่วจิ่ว เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆ ไม่มีเสียงล่ะ? เดี๋ยวฉันไป!” รีบมาถึงโรงพยาบาล คุณหมอรับโทรศัพท์แล้วพูดกับเซี่ยชีหรั่นว่า
“เพราะเป็นลมไปขณะที่ขับรถ คนบนถนนเป็นคนพาเธอมาส่งที่นี่ เราเห็นผู้ติดต่อล่าสุดคือคุณ เลยแจ้งให้คุณมาจัดเตรียม”
เซี่ยชีหรั่นรีบหันตัวไปเยี่ยมจิ่วจิ่วที่ห้องคนไข้ จิ่วจิ่วเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนของเธอ ในตอนนี้เธอรู้สึกกังวลมากกว่าใครๆ และเย่เชินหลิน เมื่อได้ยินเธอบอกว่าจะไปโรงพยาบาลเขาก็ออกไปตัวคนเดียว บางทีในหัวใจเขา เพื่อนของเธอก็คงไม่ถือว่าเป็นเพื่อนล่ะมั้ง
“ฮือๆ ” จิ่วจิ่วบนเตียงส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวด ขมวดคิ้ว เซี่ยชีหรั่นค่อนข้างมือสั่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาเหยนชิงเหยียน มือเธอลื่นกดไปโทรหาสวีเห้าเซิง
รีบอธิบายให้สวีเห้าเซิงฟัง เซี่ยชีหรั่นรีบโทรหาเหยนชิงเหยียนอีกครั้ง สัญญาณโทรศัพท์ทำให้เซี่ยชีหรั่นยิ่งร้อนรนใจ สุดท้ายก็ถูกวางสายอีกครั้ง
ภายในห้องปีกที่หรูหราเหยนชิงเหยียนจ้องเขม็งซือซือ “เธอมันผู้หญิงร้ายกาจ ฉันรู้ว่าเธอชอบเย่เชินหลิน รู้ไหมทำไมเย่เชินหลินมันยอมชอบเซี่ยชีหรั่นดีกว่าชอบเธอ? เพราะหัวใจของเธอมันทำได้แค่ตกนรก!”
ซือซือโกรธมากจนหยิบกาแฟบนโต๊ะสาดใส่เหยนชิงเหยียน เห็นท่าทางจนตรอกของอีกฝ่ายก็รู้สึกมีความสุขเล็กน้อยในใจ “ฉันร้ายแล้วยังไง ก็ดีกว่านางแพศยาที่ยั่วยวนสามีคนอื่น ทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก!
อย่ามาว่าฉัน นายเป็นคนวางยาภรรยานายเอง นายมองเธอกินมัน แต่นายไม่ทำอะไรทั้งนั้น ถ้าเธอตาย นายก็เป็นฆาตกร!”
“หุบปาก!” เหยนชิงเหยียนตัวสั่งยกฝ่ามือขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้พูดได้อย่างไรว่าตัวเขาเป็นคนทำร้ายจิ่วจิ่ว ทั้งๆ ที่เป็นเธอ ถ้าไม่ใช่เธอ เขาจะสู้กับเย่เชินหลินได้อย่างไร
ซือซือมองฝ่ามือที่ยังไม่ลดลงมาเป็นเวลานานก็ยิ้มดูถูก เดินไปหาเหยนชิงเหยียนแล้วกดแขนอีกฝ่ายเบาๆ “ตั้งแต่นายลักพาตัวเย่เนี่ยนโม่ นายก็ไม่มีทางถอยหนีแล้ว นายกับฉันเราเป็นตั๊กแตนบนเรือลำเดียวกัน ถ้าเรือล่มมันก็ไม่เป็นผลดีกับใคร”
เหยนชิงเหยียนไม่อยากคุยไร้สาระกับเธอ ตอนนี้เขาเริ่มเสียใจนิดหน่อยที่ตกลงทำเรื่องพวกนี้เพราะเงิน โทรศัพท์สั่นอยู่ตลอดเวลา หยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากเซี่ยชีหรั่น “จิ่วจิ่วอยู่โรงพยาบาล รีบมา”
“เธอไม่มีวันเทียบเซี่ยชีหรั่นได้ ไม่มีวัน” เหยนชิงเหยียนไม่ได้มองหน้าบิดเบี้ยวของผู้หญิงที่อยู่ด้านหลัง ยกเท้าขึ้นจะเดินออกไป
“ช่วยฉันอีกหนึ่งเรื่อง ถ้ามันสำเร็จ ไม่เพียงแต่จะให้เงินนายก้อนโต แต่ต่อไปเราจะไม่มีความสัมพันธ์กันอีก” เห็นร่างอีกฝ่ายค่อยๆหันกลับมาเมื่อฟังจบ ซือซือก็ยกยิ้มโหดเหี้ยม

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset