สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1203 แม่บ้านของคุณชายเย่ 1107

เมื่อเซี่ยชีหรั่นตะโกนขึ้น หลินเจี๋ยก็เสียสมาธิ Manuelรีบฉวยโอกาศชักมีดออกมาจากแขนเสื้อแล้วปาไปที่หลินเจี๋ย แม้หลินเจี๋ยจะหลบทัน แต่ก็ทำให้Manuelหลุดออกไปได้
เดิมทีมีผู้คลางแคลงและฝ่ายคัดค้านเมื่อเห็นManuelหลุดพ้นไปได้ก็ตะโกนตามกันไป
เย่เชินหลินคลายกระดุมแขนเสื้อแล้วกวาดมองไปรอบ ๆ เหมือนราชา จากนั้นพูดขึ้นเสียงว่า “คนโง่”
เสียงดีดนิ้วที่คมชัดทำให้เหล่าบริกรหันหน้าไปที่เหล่าคนชนชั้นสูงแล้วเอาปืนจ่อพวกเขา ทุกคนจึงถามด้วยความโกรธ “Manuel มันหมายความว่าอะไร! คุณต้องการเป็นศัตรูกับพวกเหรอ?”
Manuelมองไปที่เหล่าบริกรที่ควรฟังคำสั่งของเขา จากนั้นหันกลับไปมาเย่เชินหลินแล้วพูดอย่างโมโห “ฝีมือนาย!”
“ท่านประธานเย่ครับ” จางเฟิงอี้เดินมาจากด้านข้างและพยักหน้าให้เย่เชินหลิน
เย่เชินหลินนั่งลงไปบนที่นั่งที่เต็มไปด้วยอัญมณีและทองคำเหมือนราชาผู้บังเกิดเกล้าอย่างไรอย่างนั้น เขาดึงเซี่ยชีหรั่นมานั่งบนตัก เซี่ยชีหรั่นพยายามดิ้นรนแต่เย่เชินหลินยื่นมือไปกอดเอวเธอไว้แน่น ๆ
เซี่ยชีหรั่นตัวแข็งทื่อแล้วหันหน้าไปหาเย่เชินหลินอย่างเหลือเชื่อ “เย่เชินหลิน ยังมีเรื่องไหนที่คุณไม่กล้าทำอีกไหม!”
ดวงตาของเย่เชินหลินจับต้องไปที่เซี่ยชีหรั่นราวกับว่าทุกคนด้านล่างนั้นเป็นแค่อากาศ ในบรรยากาศเงียบสงบนั้นมีเพียงเสียงหนักแน่นของเย่เชินหลินเท่านั้น “การสูญเสียคุณ เป็นสิ่งที่ผมไม่กล้าทำ”
เซี่ยชีหรั่นรีบหันหน้าหนี แต่ปลายหูเล็ก ๆ ของเธอเริ่มแดงระเรื่อ เย่เชินหลินหันกลับไปที่ห้องประชุมแล้วแสดงรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา
“ถึงเวลาคิดบัญชีกันแล้ว คุณว่าไหม? ฉินเฟิง!”
“ฉินเฟิง!” คำนี้ฟังดูเหมือนเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วฟ้า ฉินเฟิงอยู่ที่นี่ด้วยหรือ?!
Manuelรีบมองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ
“เย่เชินหลิน คุณเป็นผู้ชายที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลยนะ” เสียงหัวเราะค่อย ๆ ดังขึ้น เซี่ยชีหรั่นมองไปที่ฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคุณดูเปลี่ยนไป ไม่เหมือนบริกรที่ฉันเจอในคฤหาสน์ของManuelในวันนั้นเลยนะ?”
ฉินเฟิงพยักหน้าแล้วพูดกับเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลิน “ไม่คิดเลยว่าคนที่จำผมได้กลับเป็นพวกคุณสองคนนะ” จากนั้นเขาก็มอง Manuelอย่างยั่วเย้า
“ไม่คาดคิดเลยว่าคุณจะแอบแฝงตัวอยู่ข้างผมมาตั้งนาน” ในที่สุดManuelก็รู้ว่าทำไมแผนการของเขาจึงถูกเปิดเผยโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอ
“ผมไม่มีเวลามานั่งฟังความคับแค้นใจของพวกคุณหรอกนะ รีบส่งkiuมาซะ” ปลายนิ้วเรียวยาวของเย่เชินหลินเคาะที่นั่งเบา ๆ ด้วยสีหน้าเหลือทนอย่างเห็นได้ชัด
ฉินเฟิงและManuelต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจและไม่เต็มใจ ในเวลานี้ทั้งสองยังคงต่อสู้ด้วยความเงียบ
เย่เชินหลินหรี่ตาลงแล้วพูดอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าพวกคุณยังไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้สักเท่าไหร่” ด้ามปืนสีดำชี้ไปที่ด้านหลังศีรษะของ Manuel Manuelเหล่ตาแล้วถามว่า “คุณกล้าเหรอ?”
เย่เชินหลินที่ถูกยั่วยุเลิกคิ้วเล็กน้อย “คุณมีโอกาสครั้งเดียวที่จะลองว่าผมกล้าหรือไม่”
Manuelเหลือบมองไปที่เย่เชินหลินด้วยสายตาลังเล จากการเผชิญหน้ากับเย่เชินหลินมา เขาได้ตระหนักถึงความน่ากลัวของผู้ชายอย่างแท้จริง
“ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน” Manuelพูดเสียงแข็งและไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
ฉินเฟิงยักไหล่ด้วยรอยยิ้มที่ไม่แยแส “แน่นอน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เย่เชินหลินกวาดสายตามองทั้งสองต่อหน้าพวกเขา นิ้วมือของเขาขยับเล็กน้อยในท่ามกลางสายตาของทุกคน สิ่งนี้จึงทำให้ฉินเฟิงและManuelเกรงจนร่างกายแข็งทื่อ
“ใจเย็นก่อน!” คนที่เอ่ยปากพูดขึ้นกลับเป็นเซี่ยชีหรั่น เมื่อเห็นทุกสายตาจับจ้องมาที่ตัวเองเซี่ยชีหรั่นจึงพูดต่อ “ตอนนี้มันเป็นสังคมยุคแห่งกฎหมายแล้ว”
“เหอะ ๆ ชีหรั่น คุณตลกจริง ๆ เลยนะ” ฉินเฟิงพูดติดตลก เย่เชินหลินหมดความอดทน เขาดึงเซี่ยชีหรั่นกลับไปในอ้อมแขนอีกครั้ง จากนั้นก็ส่งสายตาให้จางเฟิงอี้
“เดี๋ยวก่อน! คนที่พวกคุณหาอยู่มาแล้ว” เสียงตะโกนดังมาจากนอกห้องรับแขก Manuelถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาปาดเหงื่อที่หน้าผากอย่างไม่สบายใจ ท้ายที่สุดเขารู้สึกว่าชายที่อยู่ข้างหลังเขากำลังจะเหนี่ยวไกปืนแล้ว มันใกล้เกินไป แม้แต่เทพพระเจ้าก็คงช่วยเขาไม่ได้หรอก
ฉินเฟิงขมวดคิ้วและถอนหายใจ “น่าเสียดายจัง” kiuเดินเข้ามาจากข้างนอก สายตาของเขากวาดมองมาที่Manuelและฉินเฟิงด้วยความโกรธ “แค่หาเรื่องก็แล้วไป แต่ทำไมถึงจัดการคนนอกไม่ได้!”
“ไอ้แก่ แกน่าจะรู้ดีว่าใครเป็นต้นเหตุของเรื่องพวกนี้” ฉินเฟิงพูดอย่างไม่พอใจ
“พวกคุณจะพูดอีกนานแค่ไหน?” เย่เชินหลินมองคนพวกนั้นอยู่ที่นั่งเบื้องบน เซี่ยชีหรั่นสัมผัสถึงความร้อนรนของชายที่อยู่ข้างหลังเธอ เธอกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจจริง ๆ และเริ่มเข่นฆ่ากัน เธอจึงรีบสะกิดที่แขนของเย่เชินหลิน “ใจเย็นก่อนสิ ความใจร้อนคือมารนะ”
เย่เชินหลินล็อกแขนเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันชั่วร้าย “ถ้าให้เทียบกับความต้องการที่จะฆ่าคนในตอนนี้ ผมอยากทำอย่างอื่นมากกว่า”
สีหน้าของฉินเฟิงที่อยู่ใกล้สองคนนี้ที่สุดก็เปลี่ยนไปทันที Manuelหันไปมองเขาแล้วหัวเราะเยาะ “ทำไม ไม่เคยเห็นคนรักกันเหรอ?”
ฉินเฟิงตอบกลับเหมือนปืนใหญ่ที่เพิ่งติดไฟ “ดึงเล็บที่นิ้วมือของนายออกหมดก่อนค่อยมาคุย”
“พอที ไม่อายบ้างเหรอ! ทะเลาะกันให้ตายแล้วจะแยกพวกเขาออกจากกันได้เหรอ?” kiuตะคอกด้วยความโมโห จากนั้นก็มองไปที่เย่เชินหลิน “ถ้าคุณคิดจะมาขอวิธีล้างคำสาบของผู้หญิงคนนี้ ผมช่วยคุณไม่ได้หรอกนะ”
การแสดงออกของเย่เชินหลินไม่ได้ผันผวนมากนัก นัยน์ตาของเขายังเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจเย็นเยือกได้มากกว่านี้ “คุณหมายถึงคุณสะกดจิตเธอ แต่ตอนนี้คุณกลับแก้การสะกดจิตของคุณไม่ได้?”
เสียงของเย่เชินหลินเต็มไปด้วยการกดขี่อย่างไม่มีข้อยกเว้น kiuเริ่มรู้สึกเหงื่อไหลเต็มหลังเขา ภายใต้ดวงตาที่เหมือนหมาป่าคู่นั้นของฝ่ายตรงข้าม เขาจำเป็ยต้องพยักหน้าอย่างหนักใจ “มีผู้หญิงคนหนึ่งต้องการให้เธอตาย ในระหว่างที่สะกดจิตผู้หญิงคนนั้นนำยาสะกดจิตอีกตัวมาใช้ด้วย ดังนั้นผมจึงไม่สามารถแก้การสะกดจิตนี้ได้”
“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร!” เย่เชินหลิน ฉินเฟิงและManuel ทั้งสามแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน
Kiuมองไปที่เซี่ยชีหรั่นแล้วยิ้มพูด “เรื่องนี้คงต้องถามคุณเซี่ยแล้วล่ะ”
เซี่ยชีหรั่นหันไปมองเย่เชินหลิน ผู้หญิงที่เกลียดเธอนั้นมีมากมายอย่างนับไม่ถ้วนและทุกคนที่เกลียดเธอนั้นมีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นก็คือการตกหลุมรักเย่เชินหลินชายตรงหน้าเธอคนนี้
“วิธี” เย่เชินหลินพูดอย่างเย็นเยือก ไม่ปล่อยโอกาสให้ kiuได้แก้ตัว
“kiu รีบบอกพวกเราเถอะ” ฉินเฟิงเอ่ยปากพูดก่อน จากนั้นหันมองไปที่เซี่ยชีหรั่น แต่เธอมองที่เย่เชินหลิน ฉินเฟิงจึงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วหันกลับไป
Kiuมองไปรอบ ๆ ด้วยความเงียบ เย่เชินหลินพอเข้าใจ เขาพยักหน้าให้กับหลินเจี๋ย หลินเจี๋ยจึงออกจากประตูและผ่านไปไม่นานก็มีโลงศพใสถูกยกออกมาจากหลังประตู
“kiki” kiuส่งเสียงอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่เย่เชินหลินด้วยสายตาที่มีคำเตือนและความเกลียดชัง
เย่เฉินหลินเลียริมฝีปากของเขาอย่างหยิ่งผยอง จากนั้นพูดต่อ “เลือกที่จะปกป้องความลับนั้นหรือเลือกที่จะแลกกับลูกชายคนสำคัญที่สุดของคุณ”
Kiuหันหน้ามองไปที่เซี่ยชีหรั่น “คุณเซี่ยครับ ผมรู้ว่าคุณเป็นคนจิตใจดี ที่ผมไม่บอกก็เพราะหวังดีกับคุณ ไม่ว่าผู้ชายสำหรับคุณนั้นจะเป็นใคร แต่มันไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน”
เซี่ยชีหรั่นไม่ได้ตอบกลับ เธอค่อย ๆ สัมผัสถึงความโกรธเกรี้ยวของเย่เชินหลินที่จมอยู่ในเกลียวคลื่น เธอจึงตบหลังมือเย่เชินหลินเบา ๆ แล้วพูดอย่างใจเย็น “บางทีอาจจะเป็นผลที่ถูกสะกดจิต แม้ฉันจะรู้สึกถึงความรักของเขาไม่ได้ แต่ฉันก็เต็มใจที่จะไปกับเขา”
คำพูดที่คล้ายกับการสารภาพของเซี่ยชีหรั่นทำให้ความโกรธของเย่เชินหลินลดลง “รู้สึกถึงความรักของผมไม่ได้? คุณต้องการรู้สึกตอนนี้ไหม?”
เซี่ยชีหรั่นเกือบจะหายใจไม่ออกจากคำพูดที่ชัดเจนของเย่เชินหลิน เธอจึงพูดพึมพำช้า ๆ “นี่ไม่ได้ถูกสะกดจิตใช่ไหม?”
“จะพูดหรือไม่พูด!” เย่เชินหลินไม่มีเวลาและหมดความอดทนแล้ว ทันทีที่เสียงพูดของเขาจบลง จางเฟิงอี้ก็ยิงไปที่โลงศพแก้วนั้นและมีเสียงกระสุนกระทบกับโลงศพแก้วดังขึ้น
“นัดต่อไปเล็งมาที่หัวของเขานะ” เย่เชินหลินพูดอย่างเย็นชา
“พอแล้ว อัลดาบรา ว่ากันว่าที่นั่นมีวิธีแก้ แต่รายละเอียดที่มากกว่านี้ผมไม่ทราบแล้ว” kiuรีบเข้าไปที่ข้างโลงศพแล้วดึงแขนที่ถือปืนของจางเฟิงอี้ลงด้วยความโกรธ
เย่เชินหลินมองไปรอบ ๆ ด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาตบก้นของเซี่ยชีหรั่นเบา ๆ จนทำให้เซี่ยชีหรั่นกระเด้งกระดอนขึ้นมาทันที “อันธพาล”
เย่เชินหลินพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายแต่ชัดเจน “อาจถึงเวลาแล้วที่คุณจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของอันธพาล”
เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการ เย่เชินหลินจับมือเซี่ยชีหรั่นแล้วเดินลงจากที่นั่งบัลลังก์ราวกับว่าไม่มีใครคนอื่นอยู่ด้วย
“เดี๋ยวก่อน!” ฉินเฟิงที่อยู่ข้างหลังพูดขึ้น “ผมขอไปกับพวกคุณด้วย”
“จะบ้าเหรอ?” kiuรีบพูดอย่างกระวนกระวาย “นายไม่รู้หรอกว่าที่เกาะนั้นมันอันตรายมากแค่ไหน”
เย่เชินหลินเลิกคิ้วแล้วมองไปที่kiu “ดูเหมือนว่ายังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถได้ยินจากปากคุณได้อีกนะ”
“เย่เชินหลิน คุณอย่ามากไปนะ!” kiuพูดด้วยความโกรธ เขาหันไปมองคนที่นอนอยู่ในโลงศพแก้วสักพักค่อยพูดต่อ “ผมจะไปกับพวกคุณด้วย แค่ผมไม่รับประกันนะว่าพวกคุณจะกลับมาอย่างครบสามสิบสอง”
เซี่ยชีหรั่นถูกพาออกจากคฤหาสน์ของ Manuel ในขณะที่เธอยังคงมึนงงอยู่ ทิวทัศน์ในยามค่ำคืนที่สวยงามซึ่งหาไม่ได้จากในประเทศของตน
เย่เชินหลินเปิดประตูรถปอร์เช่คาเยนน์แล้วยิ้มพูดด้วยใบหน้าอันเย็นชาของเขา “ถ้าคุณชอบที่นี่ผมซื้อให้คุณอยู่ได้นะ”
“คุณว่าไงนะ! ซื้อแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหนกัน!” เซี่ยชีหรั่นถูกคำพูดของเย่เชินหลินชักจุงจนลืมตัว จากนั้นเธอก็พูดเสริมอีกคำอย่างเขินอาย “ใครอยากอยู่กับคุณ!”
“หลินเจี๋ย!” หลังจากเดินออกไปก็มีร่างคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากใต้ต้นเมเปิ้ลแล้วตรงเข้าไปที่กลางอกของหลินเจี๋ย หลินเจี๋ยได้แต่รับตัวเธอไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว “ซือซือ?”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset