สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1208 แม่บ้านของคุณชายเย่ 1112

ในค่ำคืนวันนั้น คลื่นทะเลซัดกระแทกเข้ากับโขดหิน เหมือนทะเลกำลังส่งเสียงคำราม มีร่างคน ๆ หนึ่งในเงามืดกำลังลากคนอีกคนเดินไปอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ
เขาวางคนนั้นลงบนพื้น ดูเหมือนเขาจะรีบร้อนอยู่ คนในเงามืดคว้างูตัวยาวออกจากตะกร้าและพาดไว้กับคนที่นอนอยู่
“ให้ช่วยไหม?” ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำของเย่เชินหลินก็ดังมาจากความมืด ไฟรอบ ๆ สว่างจ้า เสี่ยวฉุนมองทุกคนด้วยความกลัว
ทันใดนั้นงูพิษก็พุ่งกระโจนเข้าหาเสี่ยวฉุน เซี่ยชีหรั่นที่อยู่ใกล้ที่สุดรีบหยิบไม้มาเขี่ยงูออกไปแล้วพูดด้วยความโกรธ “เสี่ยวฉุน เธอกำลังทำอะไร?”
“เธอเห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันทำอะไรอยู่?” เสี่ยวฉุนยืดตัวตรงแล้วสายตาจับต้องไปที่เย่เชินหลิน
“จางเฟิงอี้อยู่ไหน?” เย่เชินหลินขมวดคิ้วถาม หลังจากหายไปหลายวัน เขาได้แอบสืบการเคลื่อนไหวของจางเฟิงอี้
เสี่ยวฉุนพูดอย่างดื้นรั้น “เขาสบายดี อยู่ในถ้ำที่ปลอดภัยมาก” ฉินเฟิงมองงูที่กำลังเลื้อยอยู่บนพื้นแล้วพูดอย่างน่าเหลือเชื่อ “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเธอกับ Manuel ใช่ไหม?”
คำพูดของฉินเฟิงทำให้ทุกคนถึงกับต้องตกใจ เสี่ยวฉุนมองไปที่เซี่ยชีหรั่น“เป็นไง พอใจแล้วหรือยัง? ให้พี่เชินหลินรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงสกปรก ให้เขารู้ว่าฉันหมกมุ่นเขาไปด้วยแล้วนอนกับผู้ชายคนอื่นไปด้วย”
เซี่ยชีหรั่นตกใจอ้าปากค้าง เย่เชินหลินพูดต่อ “อธิบายมา”
เสี่ยวฉุนพูดอย่างเย็นชา “ไม่มีอะไรต้องอธิบายแล้ว”
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตกอยู่ในความอึดอัด ทำให้บรรยากาศเพลาเงียบลง เสียงของลมที่โหมกระหน่ำชัดเจนขึ้น ร่างขาวสะบัดและเข้ามาปกป้องเย่เชินหลินไว้
เสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ช่องอกที่ถูกเจาะทะลุมีเลือดไหลออกมาอย่างไม่หยุด มองดูผู้ชายที่เธอรัก จากนั้นพูดขึ้นอย่างเจ็บปวด “พ่อหนูเคยตายเพื่อพี่ วันนี้หนูก็จะตายเพื่อพี่เหมือนกัน พวกเราต้องตายในมือพี่ มันคือโชคชะตาใช่ไหม”
เสี่ยวฉุนค่อย ๆ ทิ้งตัวลง เย่เชินหลินขมวดคิ้วแล้วพยุงเสี่ยวฉุนไว้ ฉินเฟิงรีบเข้าไปดูบาดแผลของเธอ ส่วนคนอื่น ๆ ก็วิ่งตามเสียงปืนนั้นไป
“เสี่ยวฉุนเธอไม่เป็นไรใช่ไหม” เซี่ยชีหรั่นมองเสี่ยวฉุนที่เลือดท่วมตัวแล้วถามอย่างเป็นห่วง
ฉินเฟิงมองไปที่เปลือกตาของเสี่ยวฉุนแล้วส่ายหัว เย่เชินหลินลุกขึ้นมาอุ้มเสี่ยวฉุนแล้วเดินออกไป
เซี่ยชีหรั่นอยากตามไปด้วยแต่ฉินเฟิงเข้ามาเอามือวางไว้บนไหล่เธอแล้วส่ายหัว จากนั้นเขาถอนหายใจแล้วพูด “ความสัมพันธ์ของพวกเขาลึกซึ้งกว่าที่คุณคิด”
ความสัมพันธ์ของเสี่ยวฉุนที่มีต่อเย่เชินหลินนั้นไม่ได้เพียงเพราะพ่อของเธอตายเพื่อเย่เชินหลินเท่านั้น ฉินเฟิงพูดเบา ๆ “แม้ท่าทีของเย่เชินหลินที่มีต่อเสี่ยวฉุนไม่ดีมากนัก แต่ทุกครั้งที่เสี่ยวฉุนก่อเรื่องเย่เชินหลินก็จะคอยให้คนแก้ไขปัญหาให้เธอ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือครั้งนี้เขาออกหน้าเอง”
คำพูดของฉินเฟิงทำให้เซี่ยชีหรั่นตกใจมาก ซึ่งมันก็ทำให้เธอกระจ่างแล้วว่าในวันที่อยู่บ้าน Manuel ทำไมเย่เชินหลินถึงเลือกที่จะช่วยเสี่ยวฉุนก่อนแทนที่จะเป็นเธอ
ณ ตอนนี้สมองของเซี่ยชีหรั่นเบลอไปหมดแล้ว เธอค่อย ๆ เดินกลับไปยังที่พักแล้วเห็นเสี่ยวฉุนนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง ส่วนเย่เชินหลินก้มหน้าเล็กน้อยแล้วหันหลังให้กับเซี่ยชีหรั่น
“เย่เชินหลิน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” เซี่ยชีหรั่นถามเบา ๆ
เย่เชินหลินไม่ได้หันกลับมามองเธอ เพียงแค่ตอบสั้น ๆ ว่า “คุณไปเถอะ”
น้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาของเซี่ยชีหรั่นทันที เธอแทบจะปิดประตูอย่างเร่งรีบแล้ววิ่งออกไปทันที ฉินเฟิงที่ยืนอยู่บนระเบียงทางเดินได้ดึงเซี่ยชีหรั่นที่กำลังวิ่งอย่างสิ้นหวังไว้
“ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าเธอสำคัญต่อเขายังไง” ฉินเฟิงพูดเบา ๆ
เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าขึ้น เธอรู้ว่าการที่เสี่ยวฉุนเสียชีวิตเย่เชินหลินต้องเสียใจอย่างแน่นอน แต่เธอไม่คิดเลยว่าเย่เชินหลินจะปฏิเสธเธอและไม่ยอมให้เธออยู่เคียงข้างเขาเลย
ค่ำคืนนั้นเซี่ยชีหรั่นนั่งเงียบ ๆ อยู่ระเบียงทางเดิน ฉินเฟิงเฝ้ามองเธออยู่ที่ไกล เย่เชินหลินอุ้มเสี่ยวฉุนออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียว
เมื่อเดินถึงหน้าเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินพูดกับเธอเบา ๆ ว่า “ผมจะส่งเธอกลับไปนะ”
เซี่ยชีหรั่นทำได้เพียงพยักหน้าแล้วมองเสี่ยวฉุนในอ้อมแขนของเขา จางเฟิงอี้ขับเฮลิคอปเตอร์มาจอดอยู่ที่ไม่ไกล เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นแล้วจางเฟิงอี้อยากพูดอะไรบางอย่างกับเธอ แต่เขามีเวลาเพียงแค่ปลอบใจเธอเท่านั้น “เดี๋ยวแกก็กลับมา แกแค่ตั้งใจไปส่งเธอกลับเท่านั้น”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าแล้วถามกลับทันที “ความสัมพันธ์ของเสี่ยวฉุนกับเย่เชินหลินคืออะไร?”
จางเฟิงอี้มองไฟสลัวบนที่นั่งคนขับแล้วถอนหายใจพูด “หลาย ๆ คนอาจรู้แค่ว่าพ่อของเสี่ยวฉุนเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้เท่านั้น ความจริงเย่เชินหลินรู้จักเสี่ยวฉุนตั้งแต่เด็กแล้ว เขาทั้งสองเป็นคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก”
“อื้ม ฉันเข้าใจแล้ว” เซี่ยชีหรั่นตัดคำพูดของจางเฟิงอี้แล้วยิ้มพูดเบา ๆ “เดินทางปลอดภัยนะ”
เสียงดังสนั่นนั้นได้พาเย่เชินหลินไปจากเธอ ฉินเฟิงเข้ามาหาเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดอย่างเห็นใจ “ตอนนี้คุณร้องไห้ได้แล้วนะ เขาไม่อยู่ด้วยแล้ว”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างขมขื่น เช้าวันที่สองฉินเฟิงเข้ามาหาเซี่ยชีหรั่น “ชีหรั่น คนที่เราจะหาเขากลับมาแล้วนะ”
ทั้งสองจึงรีบออกไปยังล็อบบี้ เขาคือชายอายุราวห้าสิบ เขาไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่เห็นเซี่ยชีหรั่น “ผมรู้ว่าพวกคุณต้องมาหาผมแน่”
หลังจากเย่เชินหลินจากไปเซี่ยชีหรั่นรู้สึกไม่มีความปรารถนาที่อยากจะได้ยาแก้คาถาสักเท่าไหร่แล้ว เธอกลับสงบลงแล้วพูดกับชายคนนั้นด้วยความเกรงใจ “ต้องขอโทษที่มารบกวนพวกคุณนะ แต่ฉันอยากจะรบกวนถามหน่อยว่ามียาชนิดหนึ่งที่สามารถแก้สะกดจิตได้ใช่ไหม”
ชายคนนั้นพยักหน้าตอบ “ใช่ มันมีอยู่จริง แต่ขวดสุดท้ายของโลกนี้มันอยู่ในมือของโยวเล่อ หลายสาวของผม”
“โยวเล่อ?” ชื่อที่คุ้นเคยนี้ทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกเอะใจ
สีหน้าของฉินเฟิงก็ดูประหลาดใจเช่นกัน “คุณรู้จักโยวเล่อ? โยวเล่อคือนักออกแบบคนหนึ่งที่น้องชายของ Manuel ชอบที่สุด”
คำพูดของฉินเฟิงได้ไขความข้องใจทั้งหมด ทำไม kiu ถึงตั้งใจไปหาเธอที่ประเทศจีนด้วย แต่แล้วทำไมเขาต้องคิดว่าเธอคือโยวเล่อ?
ความสงสัยข้องใจมากมายห่อหุ้มเซี่ยชีหรั่นอีกครั้ง เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่างเปล่ามากเมื่อไม่มีเย่เชินหลินอยู่ข้าง ๆ เธอไม่มีแรงบันดาลใจแม้แต่จะรู้ความจริงทั้งหมดนี้
ฉินเฟิงแตะไหล่เซี่ยชีหรั่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่เหนื่อยล้า “ชีหรั่น ผมเริ่มเบื่อกับการใช้ชีวิตในอิตาลีแล้ว ผมไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้อีก คุณยินดีที่จะไปกับผมไหม”
“ไปกับคุณ? ทิ้งทุกอย่างนี้ไป?” เซี่ยชีหรั่นตกใจและพูดคำพูดของฉินเฟิงซ้ำอีกครั้ง
ฉินเฟิงรีบพูดต่อ “ผมจะไม่บังคับให้คุณลืมเขาหรอกนะ ยังไงคุณก็ถูกสะกดจิตไม่ให้รักเขาได้อีกใช่ไหม ผมมีเงินในธนาคารที่สวิสที่พอจะให้เราทั้งสองใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับชีวิตที่เหลือได้นะ”
คำพูดของฉินเฟิงทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกหวั่นไหว ในโลกที่ไม่มีเย่เชินหลิน ที่นั่นจะไม่มีความเศร้าอีก เธอสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออย่างเรียบง่ายได้?
ความคิดนี้วนเวียนในหัวของเซี่ยชีหรั่นตลอดทั้งวัน เธอมองไปที่ดวงจันทร์ที่โผล่ขึ้นมานอกหน้าต่างนั้น เซี่ยชีหรั่นโทรหาเย่เชินหลินโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“ฮัลโหล?” เสียงของเย่เชินหลินเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกถึงความกังวลของอีกฝ่าย เย่เชินหลินจึงเปลี่ยนเสียงพูด “ชีหรั่น”
“อื้ม ฉันเอง……เธอเป็นยังไงบ้าง” เซี่ยชีหรั่นถือโทรศัพท์ด้วยสองมือ หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
“พรุ่งนี้จะจัดงานศพแล้ว” เสียงของเย่เชินหลินค่อนข้างเศร้าโศก จากนั้นทั้งสองก็เงียบไปสักพัก
เซี่ยชีหรั่นฟังเสียงจากอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ จากนั้นพูดด้วยเสียงที่แหบแห้งต่อ “งั้นคุณรีบพักผ่อนนะ” สัญญาณสายเริ่มมีเสียงรบกวน เซี่ยชีหรั่นพูดต่อโดยที่ไม่รอเย่เชินหลินตอบ “สัญญาณไม่ค่อยดี ฉันไม่ได้ยินเสียงคุณเลย งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
บรรยากาศในห้องเริ่มเงียบลงอีกครั้ง เซี่ยชีหรั่นไม่ได้ยินเสียงสุดท้ายของอีกฝ่าย เธอไม่กล้าฟังด้วยซ้ำ จากนั้นเธอถือโทรศัพท์ไว้แล้วค่อย ๆ เผลอหลับไป
เช้าวันที่สอง วันที่สาม เย่เชินหลินก็ไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็น เซี่ยชีหรั่นยืนอยู่บนขอบหน้าผาและมองชายฝั่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้น ฉินเฟิงเดินเข้ามาจากด้านหลังเธอ เสียงลมทะเลพัดเข้ามาทีละคลื่น ๆ “ชีหรั่น บางทีเขาอาจจะกลับมานะ แต่มีครั้งแรกก็ย่อมมีครั้งที่สองอยู่ดี ชีวิตคุณไม่ได้เกิดมาเพื่อรออย่างเดียวนะ”
เซี่ยชีหรั่นหันกลับมาแล้วมองชายที่รู้จักกันในต่างประเทศคนนี้ ชายคนนี้ไม่ได้ดีอย่างที่คิด แต่เขามักจะปรากฏตัวในเวลาที่เธอต้องการเสมอ
“คุณอยากกลับไปประเทศของฉันอีกครั้งไหม?” เซี่ยชีหรั่นถาม
ฉินเฟิงรู้สึกตกใจแล้วถามอย่างไม่น่าเชื่อ “นี่คุณกำลังรับปากใช่ไหม?”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าแล้วยิ้มพูด “ในฐานะเพื่อน ฉันอยากเชิญคุณไปที่ประเทศของฉัน” ท่าทีที่อ่อนโยนของเซี่ยชีหรั่นทำให้ฉินเฟิงรู้สึกดีใจมาก เขารีบพยักหน้าแล้วพูดต่อ “งั้นเราไปกันเลยนะ”
เซี่ยชีหรั่นขมวดคิ้ว ไม่ต้องบอก kiu หรือ? ดวงตาของฉินเฟิงกระพริบแล้วพูดเบา ๆ “ในใจของเขาไม่มีใครนอกจากลูกชายเขา kiki ที่ตายไปแล้ว เราไปกันเถอะ”
จนกระทั่งนั่งอยู่บนเครื่อง เซี่ยชีหรั่นยังรู้สึกใจไม่ดี พวกเขามากันเป็นกลุ่มอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่สุดท้าย Manuel ไปแล้ว เย่เชินหลินไปแล้ว และเสี่ยวฉุนกลับตายที่นี่ ส่วนเธอกำลังจะจากที่นี่ไปพร้อมกับอดีตศัตรูของเธอ
ฉินเฟิงที่นั่งอยู่ข้างเธอส่งเสียงอึดอัดออกมา เมื่อเซี่ยชีหรั่นหันไปมองก็เห็นเขาเหงื่อเต็มศีรษะแล้ว “ฉินเฟิง คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ฉินเฟิงเอามือแตะที่หน้าท้องตัวเองแล้วยิ้มพูดกับเซี่ยชีหรั่น “ไม่เป็นไร ผมแค่มีโรคกระเพาะ”
เซี่ยชีหรั่นขอน้ำอุ่นกับแอร์ฮอตเตรดแล้วให้ฉินเฟิงจิบน้ำไปคำหนึ่ง แต่สีหน้าของเขากลับซีดลง
“สภาพคุณแบบนี้คงทนนั่งไปสิบกว่าชั่วโมงไม่ได้หรอก เราออกไปก่อนค่อยว่ากันนะ!” เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นแล้วเตรียมพยุงฉินเฟิง
“ไม่ เราจะไม่กลับไป” ฉินเฟิงบีบที่พักแขนไว้แน่น ๆ แล้วพูดพึมพำ หลังจากฉินเฟิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็ได้เห็นห้องที่ว่างเปล่าและมีลมทะเลพัดโชยมาเบา ๆ
“ตื่นแล้วเหรอ?” เซี่ยชีหรั่นรู้สึกดีใจและเดินเข้ามาวัดอุณหภูมิร่างกายให้กับฉินเฟิง
“กลับมาจนได้นะ” ฉินเฟิงยิ้มพูดกับเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นนวดเท้าให้ฉินเฟิงแล้วพูดต่อ “รอคุณหายดีก่อนเราค่อยเดินทางนะ” ฉินเฟิงหลับตาแล้วพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก
“เซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินกลับมาแล้ว” เสียงคนแก่ดังขึ้นนอกประตู หัวใจของเซี่ยชีหรั่นเต้นรัวขึ้น ก่อนออกจากห้องเธอหันกลับไปมองก็พบว่า kiu ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉินเฟิงแล้ว และสีหน้าของทั้งสองดูแปลกไป

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset