สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1209 แม่บ้านของคุณชายเย่ 1113

เย่เชินหลินดูโทรมมาก ขอบตาสีดำสองข้างของเขามองเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นแล้วเย่เชินหลินก็เดินเข้าไปถามอย่างจริงจัง “คุณกำลังจะไปไหน?”
เซี่ยชีหรั่นปัดมือเย่เชินหลินออกแล้วพูดต่อ “ฉันคิดว่าจะกลับประเทศจีนกับฉินเฟิงก่อน”
เย่เชินหลินกัดฟันพูด “ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้รอผม?”
เซี่ยชีหรั่นจำเสียงที่ทุ้มต่ำของเย่เชินหลินในสายได้ แต่ประโยคนี้ทำให้เธอยิ่งโกรธมากขึ้น เซี่ยชีหรั่นใช้แรงปัดแขนของเย่เชินหลินที่จับแขนเธอออกแล้วตะโกนพูด “ทำไมฉันต้องรอคุณด้วย ทำไมต้องให้ฉันเป็นคนรออยู่เสมอ ครั้งนี้เป็นเสี่ยวฉุน แล้วครั้งหน้าล่ะ?”
เย่เชินหลินขมวดคิ้ว “เธอเสียแล้วนะ ผมแค่ไปส่งเธอเป็นครั้งสุดท้าย คุณอย่าหาเรื่องได้ไหม?”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันหาเรื่อง? คุณเสียใจมากเลยใช่ไหมที่เสียเธอไป คุณไล่ฉัน ได้ ฉันจะไป ไปให้ไกล ๆ เลย!”
เซี่ยชีหรั่นยังไม่ทันพูดจบ แต่แขนสองข้างของเธอถูกเย่เชินหลินจับไว้แน่น ๆ จากนั้นเขาถลึงตาแล้วพูดต่อ “คุณต้องการอะไรกันแน่ เธอจากแล้ว ผมแค่อยากอยู่กับเธอตามลำพังสักพัก ผมแค่อยากให้คุณยอมให้เวลากับเธอบ้าง!”
เซี่ยชีหรั่นไม่ได้พูดอะไร เย่เชินหลินกอดผู้หญิงที่กำลังรู้สึกเสียใจคนนี้ไว้แน่น ๆ แล้วพูดต่อ “ผมเคยมีความสัมพันธ์กับเธอเมื่อตอนเด็ก ตอนนี้เธอตายไปแล้วผมต้องเสียใจสิ แต่ถ้าหากเป็นคุณที่ตายผมยอมที่จะไปกับคุณด้วย”
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าข้อขัดแย้งระหว่างเธอกับเขานั้นดูไร้ความหมายมาก ความเศร้าโศกในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทำให้เธอตกอยู่ในทางตันของความคิด เธอแทบจะพูดขอร้องต่อเขา
“คุณต้องการให้เวลาและพื้นที่กับเธอ แต่คุณเคยคิดถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม? อยู่ด้วยกันแล้วเจออุปสรรคอะไรมากมายคุณเคยคิดถึงฉันบ้างไหม!”
เย่เชินหลินปล่อยมือที่กอดอยู่บนไหล่ของเซี่ยชีหรั่น ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างดุเดือดขึ้น “ผมคิดว่าคุณเริ่มจะเชื่อผมซะแล้ว ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลาจริง ๆ อีกอย่างคุณก็ไม่ได้ตกหลุมรักผมหรอกว่าไหม?”
เซี่ยชีหรั่นตกใจจนถอยหลังไป จริงเหมือนกัน เธอไม่ได้รักเย่เชินหลิน แล้วทำไมต้องขอให้เย่เชินหลินรักเธอ ดูแลเธอ ยอมเธอด้วย
เซี่ยชีหรั่นก้มหน้าลงแล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้ง น้ำเสียงของเธออ่อนลงแล้วพูดกับเขาเบา ๆ “ขอโทษด้วยนะ” จากนั้นเธอพยักหน้าแล้วเตรียมวิ่งออกไปโดยไม่สนทิศทาง
ตอนนี้ขอให้เธอได้ออกไปจากสถานการณ์ที่อึดอัดนี้ก็พอ
ด้วยอารมณ์ที่สับสนวุ่นวาย เซี่ยชีหรั่นเดินเฉียดเย่เชินหลินไป แขนเสื้อของทั้งสองชนกันทำให้เกิดการเสียดสีเล็กน้อย
จู่ ๆ ข้อมือของเซี่ยชีหรั่นก็ถูกคว้าด้วยมืออันทรงพลังของเย่เชินหลิน เขาจับมือเล็ก ๆ ของเซี่ยชีหรั่นแล้วกดเธอเข้ากับกำแพงไว้ เขาค่อย ๆ ขยับเข้าหาจนแทบจะแนบติดกับตัวเธอ
“เซี่ยชีหรั่น แม้ว่าคุณจะรู้สึกลำบากแค่ไหนแต่คุณก็ไม่สามารถหลีกหนีได้ เพราะผมปล่อยคุณไปไม่ได้” ความอ่อนโยนในดวงตาของเย่เชินหลินได้ทำลายความคิดที่คิดจะจากไปของเซี่ยชีหรั่นทีละขั้น
หลังกลับไปที่ห้องนอน เซี่ยชีหรั่นทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มแล้วมองคลื่นทะเลที่ซัดเข้าชายฝั่งจากประตูหน้าต่างอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ในคืนนั้น kiu มาปรากฏตัวที่หน้าห้องของเซี่ยชีหรั่น “คุณต้องรักตัวเองให้มาก ๆ ถึงจะสมควรแก่ลูกชายที่ตายไปของผมนะ” kiu มองไปที่เซี่ยชีหรั่นด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้
เซี่ยชีหรั่นได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นและไม่อยากสนใจเรื่องอื่นอีก จากนั้นเธอพูดเบา ๆ “kiu คุณมีธุระอะไร?”
Kiu พยักหน้า “ออกไปทานมื้อเย็นด้วยกัน ฉินเฟิงก็อยู่ด้วย เขาดีขึ้นเยอะแล้ว”
เมื่อพูดถึงฉินเฟิง เซี่ยชีหรั่นก็มีแรงจูงใจที่จะไปด้วย เธอจึงรีบเก็บของแล้วตามไปที่ร้านอาหาร
แต่ในห้องอาหารมีบุคคลที่เซี่ยชีหรั่นไม่ต้องการเห็นที่สุดในตอนนี้อยู่ด้วย แม้ข้างเย่เชินหลินยังมีที่นั่งว่างอยู่ แต่เซี่ยชีหรั่นกลอกตาแล้วเลือกที่นั่งที่ใกล้กับฉินเฟิงในที่สุด
สีหน้าของเย่เชินหลินไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่แววตาของเขาดูเย็นชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เซี่ยชีหรั่นหันหน้าไปมองฉินเฟิงด้วยความรู้สึกผิด เมื่อเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายยังคงซีดเซียวอยู่เธอจึงถามอย่างเป็นห่วง “ฉินเฟิง คุณเป็นยังไงบ้าง?”
ฉินเฟิงมองไปที่เซี่ยชีหรั่นอย่างอ่อนโยน จากนั้นเขากวาดสายตาไปที่เย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นอีกครั้งก่อนที่จะตอบคำถามเธอ “ชีหรั่น ผมสบายดี”
Kiu แกล้งไอเบา ๆ “เราทานข้าวกันเถอะ”
ฉินเฟิงหยิบแก้วไวน์แล้วพูดว่า “เราเจออะไรมากมายที่นี่ด้วยกัน บางทีเราอาจจะต่างคนต่างไปหลังจากวันนี้ เพราะฉะนั้นเรามาดื่มแก้วนี้ด้วยกันเถอะ”
จางเฟิงอี้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยิบแก้วไวน์ให้กับเย่เชินหลิน ส่วนฉินเฟิงก็ริมให้เซี่ยชีหรั่นเต็มแก้ว เซี่ยชีหรั่นรู้สึกอึดอัดและเตรียมจะยกแก้วไวน์นั้นทันที
ฉินเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ ได้ห้ามเธอไว้ก่อน จากนั้นถามว่า “ชีหรั่น คุณเคยมีใจให้ผมไหม?”
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่เย่เชินหลิน เขากำลังค่อย ๆ จิบไวน์ในมือด้วยสีหน้าอันเฉยเมย ผู้ชายคนนี้มักจะเป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาไม่เคยหวั่นไหวเลย แม้กระทั่งสถานการณ์แบบนี้ แต่เซี่ยชีหรี่นก็ไม่ได้คิดจะลองใจใคร
“ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันชวนคุณไปเที่ยวประเทศของฉันก็เพราะว่าคุณเป็นเพื่อนที่จริงใจที่สุดของฉัน”
“จริงสิ” ฉินเฟิงยังคงยิ้มอย่างไม่ลดละ เขาปล่อยมือเซี่ยชีหรั่นจนกระทั่งไวน์ในแก้วหมดไป จู่ ๆ kiu ก็พูดขึ้นมา
“ฉินเฟิง กับ Manuel แล้วก็ KIKI เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก แม่ของ kiki เป็นผู้หญิงที่ผมรักที่สุด ในตอนนั้น kiki ตกหลุมรักสาวดีไซเนอร์คนหนึ่ง
ในวันนั้น เขารู้ว่าสาวดีไซเนอร์คนนั้นกำลังจะกลับจีนเพื่อพบกับชายที่เธอรักมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงตามเธอไปด้วย แต่ในระหว่างทางเขาดันเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียก่อน”
Kiu ยังคงเล่าต่อโดยไม่สนใจใคร เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าอีกฝ่ายเริ่มดูเหมือนอารมณ์แปรปรวน จากนั้นเธอหันไปมองเย่เชินหลินและฉินเฟิงทั้งสองไม่มีทีท่าที่จะขัดคำพูดของ kiu เลย เซี่ยชีหรั่นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฟัง kiu พูดต่อไป
“ผมรู้สึกโกรธและเสียใจมาก ผมจึงวางยาพิษเรื้อรังให้ลูกชายอีกสองคน ยาพิษนี้จะอยู่ได้นาน เมื่อผมพบสาวดีไซน์เนอร์คนนั้น พวกเขาก็จะตามเธอไปเอง
แต่หลังจากนั้นมีสาวจีนคนหนึ่งบอกชื่อของสาวดีไซน์เนอร์ให้ผม สิ่งที่ผมไม่คาดคิดเลยก็คือสาวดีไซน์เนอร์คนนั้นจะข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงที่นี่ และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือลูกชายทั้งสองของผมยังตกหลุมรักเธอด้วย”
เซี่ยชีหรั่นฟังอย่างเงียบ ๆ แต่ในใจเธอรู้สึกกระวนกระวายตั้งนานแล้ว คนที่ kiu พูดนั้นคือเธอและเธออยากถามให้ชัดเจนมาก “สาวดีไซน์เนอร์คนนั้นคือฉัน?”
ฉินเฟิงตัดคำพูดเขาแล้วยิ้มพูดต่อ “แล้วลูกชายผู้เคราะห์ร้ายที่ได้รับพิษเรื้อรังและต้องตายไปกับน้อยชายสุดที่รักคนนั้นคือผม”
Kiu เลิกคิ้วแล้วมองไปที่ฉินเฟิง ซึ่งเป็นพ่อลูกกันแท้ ๆ แต่สายตาที่มองนั้นช่างอาฆาตราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น
Kiu หันหน้าไปมองเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดอย่างได้ใจ “เซี่ยชีหรั่น คุณไปดีเถอะ ลูกชายผมรอคุณอยู่นะ”
เซี่ยชีหรั่นอ้าปากค้าง เธอเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจกับเรื่องบางเรื่องแล้ว แต่เย่เชินหลินที่อยู่ข้าง ๆ กลับเลิกคิ้วและแสดงสีหน้าปกติ
ฉินเฟิงหันไปมองเซี่ยชีหรั่น ดวงตาที่หล่อเหลาเหมือนรู้สึกกำลังบอกลาใครบางคน แต่เมื่อหันกลับไปมอง kiu แล้วสายตาก็กลับกลายเป็นความเย็นชาอีกครั้ง
“คุณล่อพวกเขามาที่นี่ก็เพราะต้องการให้เซี่ยชีหรั่นตายไปพร้อมกับ KIKI แต่คุณคิดผิดแล้ว เซี่ยชีหรั่นไม่ใช่สาวดีไซน์เนอร์คนนั้น นี่เป็นแผนที่คาดคิดไม่ถึงแต่รู้กันเฉพาะผมกับ Manuel และผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น”
สีหน้าของ kiu เปลี่ยนไปทันที เขากระโดดลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วพูดด้วยเสียงที่สั่นเท่า “หมายความว่าไง”
ฉินเฟิงรู้สึกชื่นชมกับการแสดงออกที่กระวนกระวายของ kiu มาก จากนั้นเขานั่งตัวตรงแล้วพูดต่อ “ชื่อของสาวดีไซน์เนอร์คนนั้นไม่ใช่เซี่ยชีหรั่น แต่เธอชื่อโยวเล่อ ผมรู้ตั้งแต่ตอนที่คุณวางยาแล้ว ฉะนั้นจะเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังได้อย่างไร อีกอย่างคุณถูกผู้หญิงคนนั้นหลอกมาโดยตลอด ไอ้แก่โง่เอ้ย!”
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นโศกนาฏกรรมที่คนกลุ่มนี้เป็นคนสร้างขึ้นมาเอง เซี่ยชีหรั่นมองทั้งสองที่กำลังโต้แย้งกันแล้วหัวเราะอย่างขมขื่นใจคนมักจะเป็นเช่นนี้ ล้วนแต่มีความเคียดแค้นและความเจ็บปวด
Kiu นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งแล้วยิ้มพูดอย่างได้ใจ “ไหน ๆ เซี่ยชีหรั่นก็จะตายแล้ว พวกคุณไปหา kiki ที่นรกด้วยกันเถอะ”
เซี่ยชีหรั่นตกใจที่ได้ยินชื่อของเธอและคำพูดคำนี้ของเขา “พวกคุณเล่นกล!”
Kiu พูดอย่างเย็นชา “ไวน์ที่คุณดื่มเข้าไปเป็นยาพิษเช่นเดียวกับฉินเฟิง ไม่สิ มันต้องแรงกว่าของเขา” kiu เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จากนั้นเขาหันไปมองฉินเฟิงแล้วพูดว่า “นายไม่ได้วางยา?”
ฉินเฟิงหยิบแก้วเปล่าของเซี่ยชีหรั่นขึ้นมาแล้วพูดกับเธอ “ที่ผมปวดท้องในสนามบินก็เพราะว่ายาออกฤทธิ์แล้ว ผมพยายามจะบอกคุณ ไม่ว่าจะยังไงก็ห้ามกลับมาที่นี่อีก ให้ผมรู้สึกผิดชอบชั่วดีไป แต่น่าเสียดาย……”
ฉินเฟิงส่ายหัวเลิกคิ้วแล้วหันไปคุยกับเย่เชินหลิน “คุณไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเหรอ?”
เย่เชินหลินกุมมือไว้แล้วมองเซี่ยชีหรั่นอย่างเงียบ ๆ นัยน์ตาของเขามีอะไรบางอย่างที่เซี่ยชีหรั่นก็ไม่อาจเข้าใจได้ “พูดต่อเลย”
ฉินเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน จากนั้นพูดต่อ “เซี่ยชีหรั่น หากคุณมีใจต่อผมแม้แต่นิด ผมยังอยากพาคุณไปโลกที่เหน็บหนาวนั้นด้วย แต่น่าเสียดาย คุณไม่เคยรักผมเลย”
แก้วใบนั้นหล่นลงบนพื้นพร้อมเสียงแตกดังขึ้น ฉินเฟิงลุกขึ้นแล้วมองไปที่เซี่ยชีหรั่นอย่างลึกซึ้ง จากนั้นพูดเบา ๆ “ตอนนี้ผมต้องหาสถานที่ที่หนึ่งเพื่อเผชิญกับความตายของผม”
เซี่ยชีหรั่นยืนขึ้นและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ kiu กลับพูดก่อน “ฉันรู้ว่านายหลงรักเซี่ยชีหรั่น และรู้ว่านายอาจจะปล่อยวางได้ในนาทีสุดท้าย ดังนั้นฉันไม่ได้วางยาลงในไวน์ แต่วางที่แก้วไวน์ต่างหาก”
ฉินเฟิงรีบหันกลับมาแล้วจับไหล่ของเซี่ยชีหรั่นอย่างรวดเร็ว “เร็ว! คายออกมาให้หมด!”
“ปล่อยเธอ” เย่เชินหลินที่เงียบมาตลอดก็ได้เอ่ยปากพูด จากนั้นเดินเข้ามาแล้วปัดมือของฉินเฟิงออกเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของของเซี่ยชีหรั่น
“เย่เชินหลิน รีบพาเซี่ยชีหรั่นไปโรงพยาบาล เธอเพิ่งดื่มมันเข้าไปอาจจะยังช่วยทัน!” ฉินเฟิงพูดด้วยสีหน้าซีดเซียว
Kiu ที่อยู่ข้าง ๆ ไออย่างรุนแรงขึ้น ฉินเฟิงมองที่ kiu ด้วยความสงสัย จากนั้นหันไปมองเย่เชินหลินแล้วถามอย่างไม่แน่ใจ “เซี่ยชีหรั่นไม่ได้ใช้แก้วใบไหน?”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset