สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1231 สาวใช้ของคุณชายเย่ 1135

บทที่ 1231 สาวใช้ของคุณชายเย่ 1125
ความอ่อนโยนของเย่เชินหลินทำให้เซี่ยชีหรั่นประนีประนอม เมื่อกลับถึงบ้านก็คิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องเด็ก ๆ พวกนั้นนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ อย่างไม่สบายใจ รู้เพียงว่าเย่เซินหลินรับสายโทรศัพท์ และเมื่อจูบลงบนหน้าผากของเซียชีหรั่นแล้วก็เตรียมที่จะออกไปข้างนอก
เธอคว้าชายเสื้อของเย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นขยี้ตาแล้วลุกขึ้นมา พลางพูดขึ้นอย่างสะลึมสะลือว่า:“ฉันจะไปกับคุณ”
เย่เซินหลินรักและเป็นห่วงเซียชีหรั่น ตลอดการเดินทางเขากำชับให้คนขับรถขับรถอย่างนิ่มนวล ภายในโรงแรมหรู มีคนจำนวนหนึ่งนั่งเรียงแถวคุกเข่าอยู่ที่พื้น
เย่เชินหลินให้เซียชีหรั่นประกบอยู่ข้างกายพลางประคองเธอนั่งลงบนโซฟา มีชายหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า:“คุณผู้ชาย พวกเราไม่ได้รู้จักกัน แล้วทำไมจู่ ๆ คุณถึงได้จับพวกเรามาที่นี่ล่ะ!”
เซี่ยชีหรั่นโกรธจนพูดออกมาอย่างไม่ต้องไตร่ตรองยั้งคิดว่า:“พวกนายทำกับเด็กแบบนั้น พวกนายนี่มันปีศาจจริงๆ”
ชายผู้นั้นตกตะลึงครู่หนึ่งพลางพูดขึ้นว่า:“พวกเราจับลูกของพวกคุณไปเหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นโกรธจนต้องขบฟัน เย่เชินหลินปลอบใจโดยการตบแขนของเซี่ยชีหรั่นเบา ๆ จางเฟิงอี้ที่อยู่ข้าง ๆแสดงสัญญาณมือเรียก จากนั้นคน 2-3 คน ก็เขยิบมาข้างหน้า และทำร้ายชายผู้นั้นจนเลือดสีแดงสดไหลออกจากจมูกจนกระเด็นเต็มพื้น ส่วนคนที่เหลือต่างมองเย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นอย่างหวาดกลัว เพื่อทำให้ทราบโดยทั่วกันว่า ห้ามล่วงเกินผู้หญิงที่อยู่ข้างกายชายคนนี้อย่างเด็ดขาด
เมื่อเซี่ยชีหรั่นเห็นใบหน้าของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยเลือด ก็ทนไม่ได้จนต้องหันศีรษะ เย่เชินหลินพยายามแยกขากรรไกรล่างของเซี่ยชีหรั่นออก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า:“บนโลกใบนี้ไม่ได้มีความยุติธรรมมากนัก วิธีการแก้ไขปัญหาไม่ได้มีแต่วิธีการพูดคุยด้วยหลักของเหตุผลเท่านั้น”
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ไปรู้อะไรมากันแน่ครับ จับผมส่งตำรวจเถอะ ผมทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ”ชายผู้นั้นคุกเข่าขอร้องด้วยเสียงที่โศกเศร้าอยู่ที่พื้นพรม
เย่เชินหลินจัดแจงแขนเสื้อที่ย่นของตนเองอย่างสนอกสนใจ พลางถามขึ้นว่า:“พูดมาตามความจริงนะว่ารถที่จอดอยู่หน้าประตูเป็นมายังไง?”
“รถ?คนรถนั้นเป็นรถที่พวกเราซื้อมาจากเต็นท์ขายรถมือ2 ไม่ได้ขโมยมาครับ!”ชายผู้นั้นร้องออกมาด้วยเสียงโศกเศร้า เย่เชินหลินคิดว่าถามไปก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากนัก จึงไม่มีความสนใจที่จะถามต่อ สะบัดมือพลางพูดขึ้นว่า:“กลับไปแล้วก็ไปสารภาพผิดที่สถานีตำรวจซะ แล้วก็พาเด็กพวกนั้นไปด้วย”
พวกผู้ชายและผู้หญิงเหล่านั้นร้อนรนหาทางคิดจะหนีออกไป เย่เชินหลินพูดขึ้นเบา ๆ ว่า:“อย่าคิดหนีนะ พวกนายคงจินตนาเลยได้เลยว่าผมทำอะไรได้บ้าง”
เซี่ยชีหรั่นจ้องมองเย่เชินหลิน:“คุณจะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้เหรอ?”
เย่เชินหลินตบหลังของเซี่ยชีหรั่นเบา ๆ พลางพูดกับจางเฟิงอี้ว่า:“กดเงินออกมาสัก2-3ล้านเพื่อจัดตั้งมูลนิธิ ให้มูลนิธิดูแลชีวิตของพวกเด็กหลังจากนี้ และพยายามปกป้องคุ้มครองพวกเขาให้ถึงที่สุด”
หลังจากที่จางเฟิงอี้รับปากก็เดินจากไป เย่เชินหลินโอบเซี่ยชีหรั่นที่ไม่พูดไม่จามาไว้ในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม พลางพูดขึ้นว่า:“เป็นอะไรไปครับ?ไม่พอใจเหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นทอดถอนหายใจพลางพูดขึ้นว่า:“ก็แค่รู้สึกว่าชีวิตวัยเด็กของเด็กน้อยพวกนั้นถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว”
เย่เชินหลินยักคิ้ว:“คุณสนใจที่จะดูแลมูลนิธิของคุณนี้ต่อไหม?”
ความเห็นของเย่เชินหลินทำให้สายตาของเซี่ยชีหรั่นเป็นประกาย“ได้ไหมครับ?”เย่เชินหลินเขยิบเข้าใกล้เซี่ยชีหรั่น ใช้จูบเป็นตัวแทนของคำตอบทั้งหมด
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังถี่ขึ้น เย่เชินหลินมองที่หน้าจอ เริ่มวางแผนที่จะให้จางเฟิงอี้ย้ายไปดูแลบริษัทลูกที่ประเทศแอฟริกาใต้
“ถงจืงจืงกับโยวเล่อฆ่าตัวตายแล้วครับ”จางเฟิงอี้พูดขึ้นอย่างราบเรียบ
เย่เชินหลินระงับอารมณ์ และค่อย ๆ ออกห่างจากเซี่ยชีหรั่น เพื่อระวังไม่ให้เธอได้ยินเรื่องราวที่ดังออกมาผ่านโทรศัพท์ พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“เกิดอะไรขึ้น?”
“ก่อนหน้านี้ 2-3วัน บัญชีของถงจืงจืงและโยวเล่อมีเงินทุนไหลออกจากบัญชีพร้อมกันเป็นจำนวนมาก และ 2 วันต่อมาทั้ง2คนก็ฆ่าตัวตาย”
“เย่เชินหลินขมวดคิ้ว:“รีบไปตรวจสอบเส้นทางการเงินซะ”
จางเฟิงอี้ถอนหายใจผ่านโทรศัพท์:“ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ มีการแบ่งเงินออกเป็น 3 ก้อน จากนั้นโยกย้ายเข้าบัญชีธนาคารสวิสเซอร์แลนด์ในประเทศสามารถตรวจสอบได้ทุกเมื่อ แต่ในต่างประเทศไม่สามารถตรวจสอบได้เลย ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์จริง ๆ ”
หลังจากวางสาย เย่เชินหลินก็กอดเซี่ยชีหรั่นแน่น ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นใคร เขาจะต้องสืบเสาะหาตัวให้ได้
“สำนักข่าวของเมืองนี้รายงานว่า หลังจากที่ตำรวจได้ทำคดีลักพาเด็กไปขาย ตอนนี้เด็กเหล่านั้นได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิอ้านซิงของบริษัทเย่ซื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวังว่ามูลนิธิจะสามารถช่วยตามหาพ่อแม่ของเด็กเหล่านั้นจนพบ ”
เซี่ยชีหรั่นมองดูเด็กที่ปรากฏอยู่หน้าจอโทรทัศน์พบว่า มีเด็กบางส่วนได้พบหน้าพ่อแม่แล้ว ดีใจจนต้องยิ้มออกมา “ประธานคะมีเงินบริจาคจำนวนมหาศาลเข้ามาจำนวนหนึ่งค่ะ”Kitty มาช่วยงานเซี่ยชีหรั่น
“เงินบริจาคจำนวนเท่าไหร่เหรอคะ?”เซี่ยชีหรั่นวางปากกาลงพลางถามขึ้น
“20 ล้านหยวนคะ เป็นเงินบริจาคจากผู้หญิงท่านหนึ่ง เธอบอกว่าเธอชื่อซือซือ”
“คุณหญิงหลิน!”เซี่ยชีหรั่นเห็นว่าห้องรับแขกมีผู้หญิงคนหนึ่งมองมาที่ตน จู่ ๆ ร่างกายก็อดที่จะรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวไม่ได้
ซือซือมองเซี่ยชีหรั่น สายตาไม่มีอาการแสดงถึงความอาฆาต ตาต่อตา ฟันต่อฟันเหมือน2-3ครั้งก่อนที่เคยพบกัน“ฉันเห็นข่าวในโทรทัศน์ ก็เลยอยากจะช่วยเหลือ”
เซี่ยชีหรั่นเปลี่ยนมุมในการมองซือซือใหม่ พูดขึ้นด้วยความจริงใจว่า:“เด็ก ๆ ทุกคนจะต้องรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณคุณมาก”
ซือซือยิ้ม พลางพูดขึ้นว่า:“ขอบคุณฉันหนะเหรอ ไม่จำเป็นหรอก เพราะฉันก็กำลังขอพรให้คนสำคัญของฉันคนหนึ่งเหมือนกัน”
น้ำเสียงของซือซือราบเรียบทำให้เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าจะสนทนาเรื่องอะไรต่อ มองใบหน้าของซือซือ เซี่ยชีหรั่นจึงถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า:“ซือซือ ใบหน้าของคุณเป็นอะไรเหรอ?”
ซือซือถอยหลัง 2 ก้าว:“คุณพูดอะไร?”
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกได้ว่าเธอกำลังละเมิดสิทธิ์คู่สนทนา จึงรีบโบกมือพลางพูดขึ้นว่า:“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ ฉันแค่รู้สึกว่าใบหน้าด้านซ้ายของคุณบวมเล็กน้อย”
“เหอะ ๆ ”Kittyที่อยู่ข้าง ๆ กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ซือซือเบิกตาจ้องKittyครู่หนึ่ง พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า:“เงินก้อนนั้นคุณก็ดูเอาเถอะว่าจะเอาไปใช้อะไร ฉันไปล่ะ”
เมื่อออกจากประตู ซือซือกับคนที่กำลังเดินเข้ามาก็ชนกันอย่างจัง “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”สวีเห้าเซิงพยุงเธอขึ้นมา ถึงรู้ว่าเธอคือซือซือ
ซือซือยิ้มให้กับสวีเห้าเซิงครู่หนึ่ง:“มาหาเซี่ยชีหรั่นเหรอคะ?”
สวีเห้าเซิงผงกศีรษะ ซือซือเอียงตัวแล้วเดินออกไปข้างนอก แต่กลับถูกสวีเห้าเซิงตามไปแล้วคว้าที่เข้าที่แขน:“ซือซือ คืนนั้นผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“สวีเห้าเซิง!” ซือซือสะบัดมือของสวีเห้าเซิงอย่างแรงพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“นั้นก็เป็นเพียงวันไนท์สแตนด์ ฉันเคยบอกแล้วไงว่าอย่าพูดถึงมันอีก”
สวีเห้าเซิงมองดูแววตาเย็นชาของฝ่ายตรงข้าม ความรู้สึกละอายในใจที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยก็จางหายไป พลางปล่อยมือจากซือซือ สวีเห้าเซิงยืดตัวตรงพลางพูดขึ้นว่า:“ก็ตามที่คุณปรารถนาก็แล้วกัน”
“ชีหรั่น”เมื่อสวีเห้าเซิงเห็นเซี่ยชีหรั่นก็ดีใจเป็นอย่างมาก เซี่ยชีหรั่นทักทายสวีเห้าเซิง พลางใช้นิ้วก้อยเคลื่อนย้ายขวดที่ทำจากไม้ส่งให้กับสวีเห้าเซิง
“นี่คืออะไรเหรอครับ!”สวีเห้าเซิงถาม
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่สวีเห้าเซิงและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า:“ตอนนั้นเพราะว่าคุณกับฉันถูกสะกดจิต นี่คือยารักษาการถูกสะกดจิต คุณลองดูนะคะ”
สวีเห้าเซิงจ้องมองเซี่ยชีหรั่น:“ดังนั้นตอนนี้คุณมองผมก็เลยไม่รู้สึกหวั่นไหวแล้วใช่ไหมครับ?”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า:“ฉันหวังว่าการแต่งงานของคุณจะราบรื่น”
สวีเห้าเซิงนำขวดไม้ยัดใส่มือของเซี่ยชีหรั่น ยักไหล่แล้วออกไปข้างนอก เหลือเพียงเสียงที่ดังไม่หยุด:“ถ้าหากเป็นแบบนี้ ก็ให้ผมจดจำคุณเพียงคนเดียวเถอะครับ”
“จากที่ติดตามสถานการณ์ รถมือ 2 คันนั้นซื้อในตลาดมืด แน่นอนว่าจะไม่มีการทิ้งข้อมูลของผู้ขายไว้ อีกทั้งผมยังพบว่าผู้หญิงคนนี้สนิทสนมกับท่านและนายหญิงเป็นอย่างมาก คงไม่อาจหลีกหนีการตรวจสอบได้”เย่เชินหลินยืนอยู่บริเวณขอบหน้าต่าง มองดูเซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินทะเลาะกันอยู่ในสวนดอกไม้
“ไปตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลในระยะเวลา 5 ปีนี้เกี่ยวกับคน ๆ นี้ มาให้เรียบร้อย รวมทั้งตรวจสอบเงินทุนหมุนเวียน ของพวกเขาด้วย”สายตาอ่อนโยนฉายแววออกจากดวงตาคู่นั้นของเย่เชินหลิน แต่น้ำเสียงยิ่งฟังยิ่งดูเย็นชา
จางเฟิงอี้นิ่งครู่หนึ่ง :“หากอาศัยเครือข่ายบริษัทเย่ซื่อในปัจจุบัน อาจจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเป็นระยะเวลานาน”
ด้านนอกหน้าต่าง เย่เนี่ยนโม่หกล้ม เซี่ยชีหรั่นให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ อย่างปวดใจ รอคอยให้เย่เนี่ยนโม่ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาด้วยตนเอง เย่เชินหลินมองดูอย่างราบเรียบ:“ตรวจสอบ!”
เย่เนี่ยนโม่นอนหลับอย่างมีความสุขพลางจับเสื้อผ้าของเซี่ยชีหรั่นหลับอย่างมีความสุข เซี่ยชีหรั่นลูบหลังของเย่เนี่ยนโม่เบาๆ ในปากยังคงดูดอมยิ้มอยู่
หลังจากที่เย่เชินหลินจัดการธุระเสร็จ ก็เข้าไปยังห้องของเย่เนี่ยนโม่ ค่อย ๆ นำมือของเย่เนี่ยนโม่วางไว้ที่ตุ๊กตา และค่อย ๆ หยิบอมยิ้มในปากของเซี่ยชีหรั่นออกมา
ในขณะที่เซี่ยชีหรั่นกำลังนอนหลับก็ร้องเสียงครวญครางอยากจะอมอมยิ้ม ไม่ทันได้ระวังก็อมมือของเย่เชินหลินเข้าไป เซี่ยชีหรั่นที่เพิ่งจะเข้านอนก็ส่งเสียงสะอื้นอยากจะอมอมยิ้ม และได้อมนิ้วมือของเย่เชินหลินโดยไม่ได้ตั้งใจ เย่เชินหลินรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวที่อ่อนโยน เมื่อดูท่าทางนอนหลับอย่างไร้เดียงสาของเซี่ยชีหรั่น ค่อย ๆ ก้มหน้าลงจูบเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นลืมตาขึ้น มองไปที่สายตาของเย่เชินหลิน ก็พบว่าตนอมมือของฝ่ายตรงข้ามอยู่ สีหน้าของเธอแดงก่ำในทันที เธอจึงคลายนิ้วมือของเย่เชินหลินออกมา
เย่เชินหลินค่อย ๆ อุ้มเซี่ยชีหรั่นขึ้นมา เมื่อเชี่ยชีหรั่นเห็นสันจมูกโด่งและสันคางที่ชัดเจนของฝ่ายตรงข้าม นิ้วมือก็อดไม่ได้ที่จะลูบไล้
รู้สึกอย่างเห็นได้ชัดว่าเซี่ยชีหรั่นเร่งความเร็วขึ้น พอกลับมาถึงห้อง เย่เชินหลินก็วางเซี่ยชีหรั่นลง จากนั้นก็นัวเนียบริเวณหน้าประตู
เลียอมยิ้มรสสตรอว์เบอร์รีที่ติดอยู่บริเวณริมฝีปากอย่างประณีต ไฟที่ลุกโชนและร่างกายที่เร่าร้อนของทั้งสอง แสงยามค่ำคืนเพิ่มเฉดสีรอบ ๆ ทำให้วัตถุโดดเด่น นำมาซึ่งลมหายใจที่ความอบอุ่น ทำให้เกิดความรู้สึกหยุดก็ไม่ได้
หลังจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่านได้จบลงก็ถูกแทนที่ด้วยความสบายทำให้เกิดความขี้เกียจ เซี่ยชีหรั่นค่อยๆ เปิดนิตยสารภาพ และสุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่รูปของภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน
“อยากไปที่นี่เหรอ?”เย่เชินหลินเหลือบหันมามองดูครู่หนึ่งพลางพูดชื่นชมว่า:“ไม่เลวเลย”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“สมัยก่อนเวลาฝันมักจะคิดว่าตนเองได้เป็นสโนไวท์!”
เย่เชินหลินยิ้มอ่อน กระซิบที่ข้างหูเซี่ยชีหรั่นเบา ๆ ว่า:“คุณเป็นเจ้าหญิงของผมตลอดมา”
วันถัดมา พ่อบ้านได้เตรียมกระเป๋าเดินทางมาวางไว้ที่หน้าประตูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว:“คุณนายคุณหญิงพวกคุณวางใจเถอะครับ ลูกนายมีผมดูแลอยู่ทั้งคน”
“ไปที่ไหนเหรอคะ?”เซี่ยชีหรั่นถามขึ้นด้วยความสงสัย
พ่อบ้านยิ้มกริ่มพลางหยิบแผนที่ออกมาฉบับหนึ่ง แล้วชี้ไปที่สถานที่รูปสถานที่แห่งหนึ่ง:“ลานสกีในสวิตเซอร์แลนด์!”
กระทั่งนั่งอยู่บนเครื่องบิน เซี่ยชีหรั่นยังคงไม่มีการตอบสนอง:“พวกเราจะไปสวิตเซอร์แลนด์”
เย่เชินหลินกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ของวันนี้อยู่ เขาพลิกหน้าหนังสือพิมพ์พลางพูดขึ้นว่า:“อืม ไปฤดูกาลนี้กำลังดี”
เซี่ยชีหรั่นรับผ้าห่มที่แอร์โฮสเตสยื่นให้อย่างไม่คิดไม่ฝันพลางพูดขึ้นว่า:“แต่ว่างานของบริษัท”
เซี่ยชีหรั่นวางหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือลง มองแววตาของเซี่ยชีหรั่นพลางพูดขึ้นว่า:“ผมหวังว่าช่วงเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้จะทำให้คุณสมปรารถนาในสิ่งที่คุณหวังทุกประการ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset