สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1236สาวใช้ของคุณชายเย่1130

บทที่ 1236สาวใช้ของคุณชายเย่1130
สีหน้าของหลินเจี๋ยมองไปที่ซือซือด้วยสายตาแปลก ๆ ในใจเกิดความสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากกลับประเทศ เซี่ยชีหรั่นแทบจะถูกเย่เชินหลินให้อยู่แต่ในบ้าน ทุกวันในตอนเช้าตรู่เซี่ยชีหรั่น ขณะที่เซี่ยชีหรั่นตื่นนอน เย่เชินหลินก็ออกจากบ้านแล้ว พ่อบ้านก็ดูแลอย่างเข้มงวด
ในความมืด เย่เชินหลินก็กลับมายังคฤหาสน์ตระกูลเย่อย่างเหน็ดเหนื่อย ผู้หญิงที่อยู่บนโซฟากำลังใช้ผ่ามือกุมที่แก้มหลับอยู่
เย่เชินหลินรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นกำลังรอเขาอยู่ จึงเขยิบเข้าไปหอมผู้หญิงที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสบู่เบา ๆ จู่ ๆ แขนก็ถูกคว้าไว้:“เย่เชินหลินฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ!”
เย่เชินหลินยกคิ้วขึ้น กลับมานั่งที่โซฟา นิ้วมือลูบไล้เส้นผมสีดำยาวนุ่มสลวยสีดำของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นรับรู้ได้ถึงการกดขี่ของชายที่อยู่ข้างๆ สูดหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่งพลางพูดขึ้นอย่างตั้งใจว่า:“ฉันก็มีงานเหมือนกัน ฉันไม่อยากถูกกักขังอยู่ที่นี่ทุกวัน ฉันรู้ว่าหลายวันมานี้คุณกำลังหลบหน้าฉันอยู่”
สีหน้าของเย่เชินหลินขรึมลง เขารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเซี่ยชีหรั่นจะต้องต่อต้าน ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้เริ่มมีความคิดเป็นของตนเอง เขาจูงมือเซี่ยชีหรั่นพลางใช้เสียงต่ำพูดขึ้นว่า:“ผมมีอะไรบางอย่างจะให้คุณดู”
เซี่ยชีหรั่นตามเย่เชินหลินมาขึ้นลิฟต์เพื่อมายังห้องใต้หลังคาที่สูงที่สุดของคฤหาสน์ตระกูลเย่ ห้องนั้นเป็นห้องรูปร่างเหมือนหลังคาเต่า เซี่ยชีหรั่นยังไม่เคยมาที่นี่
เมื่อผลักประตูออกไป เย่เชินหลินก็จูงมือเซี่ยชีหรั่นเข้าไปในห้อง เซี่ยชีหรั่นรู้สึกตกใจกับเครื่องมือตรวจตราที่ละเอียดถี่ถ้วนภายในห้องเป็นอย่างมาก เย่เชินหลินให้เซี่ยชีหรั่นมองไปยังกล้องส่องทางไกลขนาดใหญ่ที่วางอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง
“มา คุณมาดูสถานการณ์ของตระกูลเย่ในหลายวันที่ผ่านมา”เย่เชินหลินโอบเซี่ยชีหรั่นอยู่ด้านหลัง นิ้วมือควบคุมกล้องส่องทางไกล ค่อย ๆ เคลื่อนย้ายไปทางทิศเหนือ:“ทิศเหนือ มีคน2คนที่คอยรักษาความปลอดภัยให้กับคฤหาสน์ตระกูลเย่ วันก่อนมีคนคิดจะลักลอบเข้ามา”
และหันกล้องไปอีกด้านหนึ่ง“นั้นคือทิศใต้ เป็นทิศที่เป็นจุดอ่อนที่สุดของคฤหาสน์ตระกูลเย่ บริเวณนี้มีบอดี้การ์ด 4 คนที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัย”
เซี่ยชีหรั่นตกใจจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา จากนั้นเย่เชินหลินก็หันกล้องส่องทางไกลไปยังทิศเหนือ:“นี่คือประตูให้ของคฤหาสน์ตระกูลเย่ นอกจากบอดี้การ์ดทั้ง 4 คนที่คุณเห็นแล้ว ยังมีบอดี้การ์ดอีก 3 คนที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด”
เย่เชินหลินปล่อยมือเซี่ยชีหรั่น พลางบีบสันจมูกด้วยความเหน็ดเหนื่อย:“ชีหรั่น แม้ว่าจะส่งคนมาคุ้มกันมากมายขนาดนี้ แต่ผมก็ยังคงเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณ ถ้าคุณออกไป แล้วผมจะปกป้องคุณยังไง”
เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นเบา ๆ ว่า:“ที่แท้คนพวกนั้นก็ต้องการทำร้ายฉันใช่ไหมคะ?”
เย่เชินหลินส่ายศีรษะ“ไม่ใช้คุณทั้งหมดหรอก ช่วงนี้ก็เกิดเรื่องแปลก ๆ กับบริษัทเย่ซื่อเหมือนกัน การประกวดราคาของสินค้าทั้งหมดถูกคนแย่งชิง จากนั้นก็ยกเลิกอย่างรวดเร็ว”
เซี่ยชีหรั่นเขยิบเข้าใกล้เย่เชินหลิน เธอถูกเย่เชินหลินโอบไว้ในอ้อมกอด เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นเบา ๆ ว่า:“ทุกวันที่ไปทำงานฉันจะอยู่แต่ในออฟฟิศ พอเลิกงานก็จะรีบกลับบ้านทันที นะคะ”
เย่เชินหลินสูดหายใจลึกหนึ่งเฮือก ไม่พูดอะไรออกมา เซี่ยชีหรั่นดึงแขนเสื้อของเย่เชินหลินไปมา แววตาอ้อนวอน
เย่เชินหลินจูบเซี่ยชีหรั่นอย่างแรง แรงของมือราวกับต้องการจะกลืนกินเธอ :“หากไม่ได้รับการอนุญาตจากผม ห้ามออกห่างจากสายตาของผมเด็ดขาด แล้วก็ต้องรอผมไปทำงานและเลิกงานพร้อมผมด้วย!”
เซี่ยชีหรั่นมองดูแววตาที่ความกังวลยังไม่จางหายไปของชายที่อยู่ตรงหน้า จึงเข้าไปกอดเย่เชินหลิน1ที:“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณที่คุณทำทุกอย่างเพื่อฉัน”
วันถัดมา เซี่ยชีหรั่นตามเย่เชินหลินออกไปข้างนอกด้วยความดีอกดีใจ เมื่อเห็นเย่เชินหลินขับรถโรลส์-รอยซ์อย่างเรียบเฉย ด้านหลังและด้านหน้ายังมีรถโรลส์-รอยซ์รุ่นเดียวกันขนาบทั้ง 2 ข้าง
เมื่อรถขับมาได้ครึ่งทาง เย่เชินหลินก็จอดรถ จากนั้นเขากับเซี่ยชีหรั่นก็เปลี่ยนไปขึ้นรถอีกคัน จากนั้นถึงใช้เส้นทางเดินทางไปยังบริษัทอีกครั้ง
เมื่อถึงอ๊อฟฟิตของเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินก็คว้าเซี่ยชีหรั่นไว้แน่น:“ย้ายไปทำงานที่ห้องทำงานผมเถอะ!”
เซี่ยชีหรั่นโอบกอดเย่เชินหลินอย่างเอาใจ:“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะอยู่แต่ในห้องทำงานของฉัน จะเชื่อฟังไม่ไปไหนทั้งนั้นนะคะ!”
ภายในห้องทำงาน จางเฟิงอี้ยืนรายงานให้กับเย่เชินหลินเล่มแล้วเล่มเล่า“ตั้งแต่ต้นปีกระทั่งตอนนี้มีบริษัทที่ทำความร่วมมือกับพวกเขากว่า 300 แห่ง หลังจากที่ผมตรวจสอบแล้วพบว่า มีบริษัทหนึ่งดูแปลก ๆ”
เย่เชินหลินหยิบรายงานประจำปีขึ้นมาดู:“อีเมล。”
จางเฟิงอี้พยักหน้า:“ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เงินทุนของบริษัทไหลเวียนมากเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีอีกปัญหาหนึ่งก็คือ เงินทุนของพวกเขาทั้งหมดไหลเวียนในธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ธนาคารสวิสเซอร์แลนด์อีกทั้งผมยังได้ตรวจสอบผู้ถือหุ้นของพวกเขาพบว่าคนที่น่าสงสัยไม่ใช่คนที่กุมอำนาจ”
เย่เชินหลินเคาะนิ้วบนโต๊ะ:“จับตาดูบริษัทของพวกเขา ตรวจสอบดูซิว่า ช่วงนี้มีความเคลื่อนไหวอะไรไหม แล้วยังมีกลุ่มคนกลุ่มนั้นที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาด้วย”
จางเฟิงอี้วางการ์ดเชิญใบหนึ่งไว้ด้านหน้าของเย่เชินหลินพลางพูดขึ้นว่า:“ตอนนี้มีโอกาสหนึ่ง บริษัทนี้กำลังจะจัดงานเลี้ยงให้กับบริษัท!อยากจะเชิญท่านกับนายหญิงไปร่วมงานวันเปิดกิจการ!วันจัดงานอีก3 วัน”
หลังจากเลิกงาน เซี่ยชีหรั่นรอเย่เชินหลินที่หน้าประตูอย่างเชื่อฟัง ไม่ไกลนักก็มีชายที่ในชุดพนักงานส่งพัสดุกำลังถือกล่องที่ค่อนข้างหนักวิ่งมา
“ขอถามหน่อยครับ ใช่คุณชีหรั่นไหมครับ?”หมวกของพนักงานกดลงต่ำมาก มองเห็นแค่คาง
“อืม ฉันเอง”เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าพลางพูดขึ้น
“เชิญเซ็นต์รับพัสดุครับ!”พนักงานส่งพัสดุหยิบปากกาออกมา
ขณะที่เซี่ยชีหรั่นกำลังรับปากกา จู่ ๆ ก็มีคนชุดดำวิ่งออกมาทุกสารทิศแล้วจับพนักงานคนนั้นกดลงที่พื้น
และเย่เชินหลินก็ปรากฏตัวขึ้นอีกด้านหนึ่ง ลมพัดเสื้อสูทสีเทา เผยความเท่อย่างเย็นชาออกจากตัวเขา “พวกคุณทำอะไรกัน!ผมเป็นแค่พนักงานส่งพัสดุก็เท่านั้นเอง!”
หมวกของพนักงานส่งพัสดุถูกเปิดออกพลางถูกกดลงบนพื้นอย่างแรง เขาร้องขึ้นเสียงดัง จางเฟิงอี้รับพัสดุจากมือของเซี่ยชีหรั่นมาเปิดออก จากนั้นหันไปขยิบตาให้กับเย่เชินหลิน
ในกล่องนั้นมีตุ๊กตาที่ถูกเข็มแทงเต็มไปหมด บริเวณหน้าอกของตุ๊กตามีเสาปักอยู่ เมื่อเปิดกล่องออกมา เสาที่ปักไว้ก็ลาดเอียง ตุ๊กตาก็ส่งเสียงหัวเราะเศร้ารันทดออกมา
“ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมก็เป็นแค่พนักงานส่งพัสดุ!”เย่เชินหลินมองไปที่พนักงานส่งพัสดุ โบกมือปล่อยพนักงานส่งพัสดุไป
ภายในคฤหาสน์ของตระกูลหลิน หลินเจี๋ยมองไปยังซือซือ พลางวางหลักฐานทีละชิ้น ๆ ไว้เบื้องหน้าของซือซือ:“ครึ่งปีมานี้ คุณเข้าออกมาเก๊ากับสวิตเซอร์แลนด์บ่อย ๆ ไปชอปปิ้งเหรอ?”
ซือซือมองตนเองในรูปด้วยสีหน้าเย็นชา:“คุณตรวจสอบฉัน”
หลินเจี๋ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง:“ซือซือ คุณไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่ผมคิด มีเรื่องอะไรคุณก็พูดมาเถอะ”
ซือซือยิ้ม:“บนโลกใบนี้ จะหาภรรยาที่ใจกว้างได้จากที่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าคุณชอบคนอื่นก็ยังไม่เอ่ยปากถามสักคำ แล้วทำไมคุณถึงยังไม่อนุญาติให้ฉันไปหาชายอื่นล่ะ?”
หลินเจี๋ยเก็บซ่อนความโมโห:“ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมไม่อนุญาติให้คุณทำให้ตระกูลหลินเสื่อมเสียอย่างเด็ดขาด”
ซือซือยิ้มพลางวางรูปภาพในมือลง โบกมือแล้วจากไป หลินเจี๋ยมองดูรูปภาพที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วครุ่นคิด:“ซือซือแอบซ่อนอะไรไว้กันแน่?”
3วันต่อมา งานเปิดตัวบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมื่อได้เริ่มขึ้น เย่เชินหลินพาสาวคู่กายออกงานอย่างผ่าเผย เถ้าแก่ของบริษัทซิงหยูก็เดินมาต้อนรับ พลางพูดขึ้นกับเย่เชินหลินด้วยความดีใจว่า:“เหอะ ๆ !เจ้านายเย่,ไม่ง่ายเลยที่จะเชิญท่านมาที่นี่ นี่คือผู้หญิงข้างกายของท่านคุณเซี่ยชีหรั่นใช่ไหมครับ?”
เย่เชินหลินไม่แสดงความคิดเห็นอะไร ขณะที่จะตัดริบบิ้นเถ้าแก่ของบริษัทซิงหยูยื่นกรรไกรให้กับเซี่ยชีหรั่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เย่เชินหลินพลางพูดขึ้นว่า:“คุณเซี่ยในเมื่อคุณเป็นคนดังที่อยู่ข้างกายเจ้านายเย่ ก็มาตัดริบบิ้นด้วยกันเถอะครับ เป็นเกียรติให้กับพวกเราสักหน่อย”
เย่เชินหลินพยักหน้า เซี่ยชีหรั่นหยิบกรรไกรขึ้นมา สถานการณ์ตรงนั้นมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขณะที่เซี่ยชีหรั่นขึ้นไปยืนอยู่บนเวที กระสุนบินนัดหนึ่งเล็งไปที่เธอ เย่เชินหลินมองดูอย่างเรียบเฉย ที่แท้เซี่ยชีหรั่นที่ยืนอยู่กลางเวทีนี้ หันหลบกระสุนได้อย่างคล่องแคล่วเผยสติปัญญาและความสามารถออกมา
“นี่ไม่ใช่เซี่ยชีหรั่น?”เถ้าแก่ของบริษัทซิงหยูขมวดคิ้ว แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะคล้ายกับเซี่ยชีหรั่น แต่ว่าเซี่ยชีหรั่นไม่ได้มีฝีมือดีแบบนี้
“ผมรับปากว่าจะมาร่วมงาน แต่ไม่ได้รับปากว่าจะพาเซี่ยชีหรั่นมาด้วย”เย่เชินหลินมองออกไปในระยะไกล จางเฟิงอี้ทำมือเป็นสัญญาณ จากนั้นก็พาคนลงจากเวที。
เถ้าแก่ของบริษัทซิงหยูพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยมว่า:“บริษัทของพวกเราไม่ได้ล่วงเกินบริษัทเย่ซื่อ แล้วทำไมพวกคุณจะต้องตรวจสอบพวกเราด้วย?”
เย่เชินหลินพูดขึ้นด้วยอารมณ์ขันว่า:“สู้มาคุยกันก่อนไหมว่าทำไมพวกคุณคิดจะฆ่าเซี่ยชีหรั่น?”
เถ้าแก่ของบริษัทซิงหยูพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยมว่า:“มีคนเปิดเผยข้อมูลกับพวกเราว่า ขอเพียงแค่ฆ่าเชี่ยชีหรั่นได้ก็จะช่วยฟอกเงินให้กับบริษัทของพวกเรา”
เมื่อเย่เชินหลินได้ยินดังนั้นก็พลันขมวดคิ้วทันที ถามจางเฟิงอี้ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม:“ชีหรั่นล่ะ?”
“น้องสาว เป็นอะไรรึป่าวคะ!”ขณะที่เซี่ยชีหรั่นเดินไปถึงด้านหน้าประตูของออฟฟิศก็ถามเด็กผู้หญิงที่กำลังร้องไห้อยู่ด้วยความเป็นห่วง
“หนูหลงทางค่ะ พี่สาวช่วยพาฉันไปส่งสถานีตำรวจที่อยู่ตรงนั้นได้ไหมคะ”เด็กน้อยร้องไห้อย่างน่าสงสาร
เซี่ยชีหรั่นคิดไปคิดมา ลูบศีรษะเด็กน้อยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า:“ได้สิคะ!”
เธอพาเด็กน้อยเดินไปบนถนนอย่างรีบร้อน จู่ ๆ เซี่ยชีหรั่นก็หยุดฝีเท้าลง พลางพูดขึ้นกับเด็กน้อยว่า:“สาวน้อยบอกพี่มานะว่า ทำไมถึงหลอกให้พี่มาที่นี่?”
เด็กน้อยจับมือพลางพูดขึ้นว่า:“มีคนให้อมยิ้มหนู แล้วให้หนูพาพี่มาที่นี่ค่ะ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ผลักแผ่นหลังของเด็กน้อยเบาๆ:“รีบไปหาแม่เถอะ”เงยหน้ามองรอบ ๆ ทั้ง 4 ด้าน เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า:“ฉันรู้ว่าเป้าหมายของคุณก็คือต้องการเจอตัวฉัน แต่ว่าฉันหวังว่าพวกคุณจะไปดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง”
เซี่ยชีหรั่นโบกมือไปรอบ ๆ ทั้ง 4 ด้าน คนชุดดำก็วิ่งออกมาปกป้องเซี่ยชีหรั่นเป็นจำนวนมาก ทามกลางความมืดก็มีเงาของคนหันมาด้วยความแค้น เย่เชินหลินรีบร้อนกลับมายังบริษัทเครื่องประดับแฟชั่นเห็นเซี่ยชีหรั่นกำลังวาดรูปต้นหญ้าอยู่ แสงอาทิตย์ยามบ่ายทำให้เธอทำให้เธอสวยเป็นพิเศษ
“คุณกลับมาแล้วเหรอคะ?” เซี่ยชีหรั่นวางดินสอที่อยู่ในมือลง แต่กลับถูกเย่เชินหลินโอบเธอให้อยู่ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น “ผมต้องการคุณ ชีหรั่น ตอนนี้ผมต้องการคุณ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”เซี่ยชีหรั่นถูกเขากอดแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก
เย่เชินหลินกำลังโทษตัวเอง เขาทำเรื่องผิดพลาดอย่างไม่คาดคิด ให้โอกาสฝ่ายตรงข้ามล่อเสือออกจากถ้ำ เขาแทบจะใช้สองมือจุดไฟขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นที่อยู่ข้าง ๆ ตะโกนเสียงลั่น:“รอก่อนค่ะ!”
เสียงหอบหายใจของเย่เชินหลินหยุดลง มองดูแววตาของเซี่ยชีหรั่นที่แฝงความปรารถนาอยู่ลึก ๆ จู่ ๆ ความร้อนรุ่มก็ปะทุขึ้นมา ทำให้คนไม่สามารถทนมองสายตาที่เร่าร้อนนั้นได้
เซี่ยชีหนั่นพับเก็บรูปต้นหญ้าที่ตนออกแบบวางไว้บนโต๊ะ หน้าแดงอ่อน ๆ จนแทบจะมองไม่เห็น เอียงศีรษะพลางพูดขึ้นเสียงเบาว่า:“เบาหน่อย”
การตอบกลับเซี่ยชีหรั่นกลับเป็นร่างกายที่ร้อนรุ่ม จูบที่ชุ่มชื้น รวมทั้งท่วมทำนองที่มีพลัง
ยามค่ำคืน เดิมทีคนที่ควรนอนหลับอย่างลึกกลับเบิกตากว้าง ซือซือค่อย ๆ ย่องมายังห้องอาบน้ำ การอาเจียนอย่างรุนแรงของเธอทำให้เธอตกใจ นานแล้วที่เธอกับหลินเจี๋ยไม่ได้ทำกิจกรรมบนเตียง ตอนนี้สิ่งที่เป็นไปได้สิ่งเดียวก็คือเธอท้องลูกของสวีเห้าเซิง!

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset