สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1250 สาวใช้ของคุณชายเย่ 1150

บทที่ 1250 สาวใช้ของคุณชายเย่ 1150
“คุณพูดแบบนี้ได้อย่างไรกัน! พวกเราที่คนเยอะขนาดนี้ไม่กลัวคุณหรอก ทุกคนอย่ากลัวอันธพาลหัวไม้คนนี้!” ในสถานการณ์มีหลายคนที่ยกมือปลุกระดมผู้คน
“จางหยี ถ้าหากว่าผมจำไม่ผิดล่ะก็ ในครึ่งปีแรกนี้ รายการบัญชีบริษัทของพวกคุณจะทำได้ไม่ค่อยโปร่งใสนะ โครงการก็คล้ายกับว่าจะมีปัญหา”
เย่เชินหลินเอ่ยพูดกับชายคนที่โห่ร้องเสียงดังอย่างเรียบเฉย ชายที่ใกล้จะอายุห้าสิบปีรีบหยุดความคิดที่จะเอ่ยต่อไปของเย่เชินหลิน “ประธานเย่ คุณพูดอะไรของคุณน่ะครับ ผมก็แค่วู่วามไปชั่วขณะ คุณอยากจะทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นเถอะครับ”
สิ่งที่เย่เชินหลินพูดล้วนเป็นความจริง จางหยีรู้สึกเสียใจในภายหลังที่กล้าทำความชั่ว โดยเป็นศัตรูกับเย่เชินหลิน ธุรกิจในพื้นที่สีเทาของตัวเองจึงถูกหยิบยกออกมา และรู้สึกไม่พอใจต่อการที่หวังเฉิงยั่วยุตัวเองด้วยเช่นกัน
“พวกคุณยังมีใครจะคัดค้านอีก สามารถก้าวออกมาได้” เย่เชินหลินที่นั่งอยู่อีกด้าน เคาะที่เท้าแขนอย่างเอ้อระเหยลอยชาย ทั่วทั้งห้องโถงมีเพียงแค่เสียงของเย่เชินหลิน
ในเมื่อทุกคนไม่คัดค้านแล้ว อย่างนั้นก็สามารถดำเนินขั้นตอนถัดไปได้แล้ว เย่เชินหลินโบกมือ กล่องสีดำกล่องหนึ่งถูกวางอยู่ในมือของเย่เชินหลิน
“สิ่งที่คนถ่ายคลิปวิดีโอลืมทิ้งเอาไว้ในห้อง หากว่างก็มาเอามันไปด้วย!” ด้านล่างเวทีโกลาหลขึ้นมา ไห่ลี่หมินค้นหาความรู้สึกของคนที่อยู่ด้านล่างเวทีด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ป่าเอ๋อร์มองกล่องสีดำใบนั้นอย่างตระหนก เริ่มคิดว่าตัวเองลืมอะไรทิ้งไว้จริงๆหรือไม่ นิ้วมือสั่นระริกเล็กน้อย
เงาร่างสูงใหญ่ของคนคนหนึ่งยืนบังอยู่เบื้องหน้าป่าเอ๋อร์ ป่าเอ๋อร์กดเสียงเบาอย่างมีโทสะว่า “คุณทำอะไร!”
เสียงเรียบเฉยของโยวจื๋อลอยมาจากทางข้างหน้า “ถ้าหากว่าตอนนี้คุณส่องกระจกดูล่ะก็ สามารถมองเห็นใบหน้าที่หวาดกลัวของตัวเองได้เลยนะ คิดจะสู้กับเย่เชินหลิน ต้องแข็งแกร่งเท่านั้น!”
ไห่ลี่หมินส่ายศีรษะน้อยๆให้เย่เชินหลิน! เย่เชินหลินคิ้วขมวด วางกล่องไว้ข้างโต๊ะ และสั่งว่า “เพิ่มความดูแลกล่องใบนี้”
เมื่อกลับมาถึงห้อง เย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวน คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวานอนหลับสนิทอยู่บนแขนของเซี่ยชีหรั่น เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เย่เนี่ยนโม่ก็ตื่นขึ้นมา เห็นเย่เชินหลินก็ตะโกนว่า “แด๊ดดี้”
เซี่ยชีหรั่นขยับตัว ไห่โจ๋ซวนก็ตื่นแล้วเช่นกัน เด็กทั้งสองจูงมือกันออกไปหาหลินหลิง เซี่ยชีหรั่นครางออกมาครั้งหนึ่ง ยกแขนขึ้นอย่างยากลำบาก แต่ก็หล่นลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ทั้งยังร้องอย่างตกใจว่า “ปวดมาก!”
มือใหญ่คู่หนึ่งนวดไปที่ข้อมือของเซี่ยชีหรั่นเบาๆ สายตาของเย่เชินหลินแฝงไปด้วยแววขบขัน “ทำไมนอนแล้วไม่ห่มผ้าห่มล่ะ”
เซี่ยชีหรั่นหรี่ตาลงอย่างรู้สึกสบาย พลางเอ่ยว่า “เล่าเรื่องให้เนี่ยนโม่และโจ๋ซวนฟัง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าหลับไปได้อย่างไร ใช่แล้ว!”
เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นมา หยิบเทปบันทึกม้วนหนึ่งจากข้างเตียง เอ่ยว่า “เมื่อครู่นี้มีสิ่งนี้ถูกยัดเข้ามาทางประตูอย่างกะทันหัน ฉันยังไม่ทันได้ดูเลย”
เย่เชินหลินเลิกคิ้ว ทาบทับลงบนร่างของเซี่ยชีหรั่นที่คิดจะลุกขึ้น หลบเลี่ยงบริเวณท้องของเซี่ยชีหรั่น หยิกติ่งหูของเซี่ยชีหรั่นแผ่วเบา “ในเมื่อคุณมีใจเอ้อระเหยขนาดนี้ ไม่สู้พวกเรามาทำอย่างอื่นกันสักหน่อยดีกว่า”
มองชายหนุ่มหล่อเหลาที่ใบหน้าเจือไปด้วยการหยอกล้อตรงหน้านี้แล้ว เซี่ยชีหรั่นก็อ้ำอึ้ง “ยังกลางวันอยู่เลยนะคะ!”
“ถ้าไม่ใช่ตอนกลางวันจะได้หรือ” เย่เชินหลินยั่วเย้า
เซี่ยชีหรั่นแก้มแดงระเรื่อ ดิ้นรนจะลุกขึ้น “เย่เชินหลิน คุณมันโรคจิต!”
เย่เชินหลินลูบท้องเซี่ยซีหรั่นเบามือ หยิบเทปบันทึกมา โยนเข้าไปใต้เตียงอย่างเงียบเชียบ แล้วจูงเซี่ยชีหรั่นออกไปข้างนอก
“ไปไหนหรือ” ใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นยังคงแดงมาก ช่วงแรกจึงยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง จึงเอ่ยถามอย่างตะลึง
สายตาของเย่เชินหลินกวาดมองผิวเนียนนุ่มราวหิมะของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา และรีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เย่เชินหลินเอ่ยเสียงเบา “ไปเถอะ”
เครื่องบินที่กำลังจะพุ่งตรงขึ้นไปลำหนึ่งจอดนิ่งสนิทบนสนามหญ้า จางเฟิงอี้ยืนมองเซี่ยชีหรั่นยิ้มๆอยู่อีกข้าง “ผู้ช่วยจาง ไม่ได้พบคุณมานานเลยนะคะ คุณยังสบายดีไหมคะ” เซี่ยชีหรั่นก้าวขึ้นไปทักทายจางเฟิงอี้อย่างดีใจ
“คุณผู้หญิง ขอบคุณที่คิดถึงกันนะครับ สามารถออกแรงเพื่อบริษัทได้ก็โอเคแล้วครับ” จางเฟิงอี้ยื่นหมวกกันน็อคให้กับเย่เชินหลิน เย่เชินหลินเดินขึ้นไปในห้องโดยสารและประคองเซี่ยชีหรั่นขึ้นมา
เครื่องบินบินออกจากรีสอร์ต เซี่ยชีหรั่นมองเห็นรีสอร์ตที่ค่อยๆมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆในสายตาตัวเอง เวลาผ่านไปเร็วมาก เพียงครู่เดียวทั้งสองคนก็ลงจอดบนเกาะเล็กๆเกาะหนึ่ง
เกาะเล็กๆเกาะนี้เป็นเกาะที่มีดวงดาวสุกสกาวเต็มผืนฟ้าอย่างที่เซี่ยชีหรั่นไม่เคยเห็นมาก่อน ดวงดาวแต่ละดวงกระจัดกระจายไปทั่ว เหมือนกับม้วนภาพวาด
เย่เชินหลินจูงมือเซี่ยชีหรั่นเดินมาถึงด้านหนึ่ง เซี่ยชีหรั่นนั่งลงบนพื้นอย่างซุกซน ทั้งยังจงใจมองไปทางเย่เชินหลินที่มองอยู่อีกด้านหนึ่งด้วย
เย่เชินหลินโค้งตัวลงมาจูบเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ เอ่ยเสียงเบาว่า “อย่ายั่วผม”
เซี่ยชีหรั่นหน้าแดงระเรื่อ เย่เชินหลินก็นั่งตามลงไปบนพื้น เอ่ยคล้ายกับไม่สนใจว่า “เซี่ยชีหรั่น ถ้าหากว่าคุณเบื่อหน่ายสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจริงๆ ผมสามารถพาคุณไปใช้ชีวิตในสถานที่ที่ไม่มีคนได้”
คำพูดของเย่เชินหลินเหมือนกับก้อนหินก้อนหนึ่งที่สร้างความปั่นป่วนต่อความรู้สึกทั้งหมดของเซี่ยชีหรั่น สิ่งเหล่านี้ล้วนเคยเป็นสิ่งที่เธอคิดถึงทั้งวันทั้งคืน แต่เมื่อทั้งหมดนี้หลุดออกมาจากปากของเย่เชินหลิน บุตรผู้เป็นที่รักของสวรรค์ผู้นี้แล้วก็ดูเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด
“ฉันไม่หวังให้ความสุขของฉันต้องแลกด้วยค่าตอบแทนที่มากมายขนาดนั้น” เซี่ยชีหรั่นพึมพำ มองดวงดาวบนท้องฟ้า เย่เชินหลินไม่ใช่ของเธอคนเดียว ไม่เคยเป็นของเธอ
ดวงดาวบนท้องฟ้าสุกสกาว บนเกาะอันโดดเดี่ยวนี้มีเพียงต้นเอื้องเพ็ดม้าแหลมยาว เครื่องบินลำหนึ่งที่กำลังพุ่งตรงขึ้นไป และยังมีคนสองคนที่มองดูดวงดาวบนท้องฟ้า
ในโรงแรม มีเงาร่างหนึ่งที่เดินลับๆล่อๆหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดไปในห้องโถง ไห่ลี่หมินมองคนชุดดำในกล้องวงจรปิด พลางทอดถอนใจว่าเย่เชินหลินพูดไม่ผิดเลย
คนที่สามารถหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดทั้งหมดไปได้จะต้องเป็นคนที่เข้าใจโครงสร้างของโรงแรมอย่างแน่นอน ไห่ลี่หมินมองฝ่ายตรงข้ามแล้วก็ตัดสินใจโหดร้ายเงียบๆ
ป่าเอ๋อร์ตื่นเต้นเสียจนเหงื่อออกที่มือและเท้า สวมหมวกไอ้โม่งสีดำแล้วรู้สึกร้อนอบอ้าวเป็นอย่างมาก เดินเข้าไปในทางเข้าห้องโถงอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางความมืดมิดมีมือคู่หนึ่งลากตัวเองเข้าไปในความมืด
“อ๊า! คุณเป็นใคร!” ป่าเอ๋อร์ตึงเครียดจนร้องออกมา หลังจากที่มองเห็นผู้มาเยือนชัดเจนแล้ว ก็ขมวดคิ้วเอ่ยถามว่า “โยวจื๋อหรือ ผู้ชายอย่างคุณคิดจะทำอะไรกันแน่”
โยวจื๋อยิ้มขังป่าเอ๋อร์เอาไว้ในอ้อมแขนตัวเอง เอ่ยเสียงเบาข้างใบหูเธอว่า “ดูต่อไปดีๆ คุณก็จะรู้แล้วว่า ผมคิดจะทำอะไร”
ไห่ลี่หมินที่วิ่งไปถึงใต้กล้องวงจรปิดตรงปลายทางเดินมองดูอย่างสงสัย เดิมประตูหลังที่ปิดสนิทกลับปรากฎบอร์ดี้การ์ดที่สวมเครื่องแบบพร้อมรบขึ้นหลายนาย ป่าเอ๋อร์ปิดปากตะลึง ถ้าหากว่าเมื่อครู่นี้เธอบุกเข้าไป อย่างนั้นตอนนี้ก็เท่ากับว่าประคองตัวเองส่งมอบออกไปแล้ว!
“คุณช่วยฉันทำไม” ป่าเอ๋อร์มองชายตรงหน้าด้วยความสงสัย รู้สึกคุ้นเคยกับฝ่ายตรงข้ามมาก
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผมจะช่วยคุณทำไม คุณจำเป็นที่จะรู้แค่ว่า ผมสามารถช่วยให้คุณได้ครอบครองเย่เชินหลินก็พอ” โยวจื๋อเอ่ยอย่างมั่นใจ
ป่าเอ๋อร์ยิ้มเย็น “ดูท่าคุณจะยังไม่เข้าใจเรื่องราวนะ”
โยวจื๋อที่เผชิญหน้ากับการเย้ยหยันของป่าเอ๋อร์ เพียงแค่เอ่ยเบาๆว่า “ถ้าหากว่าเรื่องเมื่อครู่นี้ยังไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนถึงความเข้าใจที่ผมมีต่อเย่เชินหลินมากกว่าคุณล่ะก็ คุณก็สามารถไปแตะเกล็ดย้อนของเขาต่อได้เลย”
ป่าเอ๋อร์คิดถึงภาพเหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่นี้แล้ว เหงื่อเย็นๆก็ผุดขึ้นทั่วร่าง มองไปทางโยวจื๋อด้วยสายตาซับซ้อน “คุณชอบเซี่ยชีหรั่นหรือ”
โยวจื๋อตะลึง ยิ้มออกมาในทันที “อย่าเอาความรักอันต่ำต้อยของคุณมาเปรียบเทียบกับผม กลับไปแล้ว สองวันนี้อย่ามาที่นี่อีก กล่องใบนั้นผมจะจัดการเอง”
ภายในห้อง เย่เชินหลินมองหญิงสาวที่ยินยอมพลีชีพเพื่อสัจธรรม พลางเอ่ยถามว่า “ทำไมถึงทำแบบนี้”
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นเอ่ยว่า “ฉันก็แค่เห็นผู้หญิงแบบนั้นแล้วขัดตา ท่าทางล่อลวงผู้ชายแบบนั้น ฉันชอบคุณแล้วจะทำไมล่ะ!”
หลินหลิงก้าวขึ้นมาตบหญิงสาวไปฝ่ามือหนึ่ง “พูดจาให้มันดีๆ!”
หญิงสาวถูกตบจนมึนงง ก้าวขึ้นไปผลักหลินหลิง แต่ถูกไห่ลี่หมินหยุดเอาไว้ ไห่ลี่หมินโอบเอวของหลินหลิง พลางเอ่ยเตือนว่า “ทางที่ดีคุณควรจะชัดเจนฐานะของตัวเองในตอนนี้”
หญิงสาวนิ่งเงียบ มองไปทางเย่เชินหลิน เชิดคอเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรก็เป็นฉันที่ทำ พวกคุณส่งฉันไปที่สถานีตำรวจเถอะ”
เย่เชินหลินยิ้ม เอ่ยช้าๆว่า “ทำไมถึงต้องไปส่งคุณที่นั่นด้วย”
หญิงสาวก้าวถอยหลังอย่างตื่นตระหนก “ไม่ พวกคุณไม่สามารถทำแบบนี้กับฉันได้”
เย่เชินหลินเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ตอนที่คุณตัดสินใจแล้วว่าจะทำแบบนั้น ก็ควรจะต้องรองรับโทสะ คิดอยากจะรับสารภาพว่าเป็นใครค่อยมาพบผม”
ชายสูงใหญ่สองคนเดินเข้ามาใกล้หญิงสาว ทำท่าจะฉีกเสื้อผ้าของหญิงสาว หญิงสาวกรีดร้องถอยไปด้านหลังไม่หยุด ตะโกนอย่างคนทำอะไรไม่ถูกว่า “ไม่ใช่ฉันนะ มีผู้หญิงคนหนึ่งให้ฉันพูดแบบนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
เย่เชินหลินพาหญิงสาวไปเปิดประตูห้องในโรงแรม ด้านในมีหญิงสาวคนหนึ่งที่มีสีหน้าหวาดกลัวยิ่งกว่ามองมาทางเย่เชินหลินที่หมุนตัวมาพูด “เชิญคุณมาเสียเปล่าแล้ว!”
ไห่ลี่หมินก้าวเข้าไปสั่งให้คนพาหญิงสาวทั้งสองคนนี้ออกไป เย่เชินหลินครุ่นคิดอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไร สุดท้ายแล้วก็จากไป
“คุณพูดไม่มีผิดเลย นิสัยขี้สงสัยของเย่เชินหลินนั้นค่อนข้างมาก คนเพียงคนเดียวไม่สามารถทำให้เขาเชื่อได้ มีเพียงแค่คนสองคนร่วมมือกันถึงจะสามารถทำให้เขาคิดว่าตัวเองตามหาคนร้ายเจอแล้วจริงๆ” ป่าเอ๋อร์ที่มองดูเรื่องราวทั้งหมดผ่านตาแมวประตูเอ่ยขึ้น
โยวจื๋อคล้ายกับว่าคาดเดาเรื่องทั้งหมดนี้ได้ตั้งแต่ต้นแล้วนั่งอยู่ภายในห้องอย่างสบายอารมณ์ มองป่าเอ๋อร์เหมือนกับมองหมากตัวหนึ่ง “ขอเพียงแค่คุณทำตามแผนของผม รับรองได้ว่าไม่มีปัญหาแน่นอน ตอนนี้เกมส์เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น”
สนามยิงปืน เย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวน สองคนกำลังเรียนรู้ว่าจะใช้ปืนที่ตัวเองเลือกอย่างไรภายใต้การแนะนำของผู้ชำนาญทาง
“ตอนนี้คุณชายน้อยในตระกูลผู้ร่ำรวยนั้นอนาถมาก เพิ่งจะอายุกี่ขวบก็ต้องเรียนรู้วิธีการจัดการกับของพวกนี้แล้ว!” ผู้รับผิดชอบช่วยบอกวิธีการใช้ปืนเอ่ยทอดถอนใจ
มือซ้ายเย่โมเนี่ยนถือปืนกระบอกหนัก เล็งยิงไปยังที่ห่างไกล ทะลุผ่านเป้าอย่างแม่นยำออกไปหลายเมตร   
“คุณชายเนี่ยนโม่……..คุณลองยิงอีกครั้งหนึ่งสิครับ” ชายคนนั้นมองเย่เนี่ยนโม่ที่แม่นยำโดดเด่นอย่างตกตะลึง สงสัยว่าฝ่ายตรงข้ามจะโชคเข้าข้างล้วนๆ
ต่อหน้าคนภายนอก เย่เนี่ยนโม่นั้นมีท่าทางเย็นชาเหมือนกับเย่เชินหลินตลอด หยิบปืนขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว ใช้มือเล็กๆนั้นจับด้ามปืนเอาไว้ และยิงเข้าเป้าอย่างแม่นยำอีกครั้งหนึ่ง
“เด็กผู้มีพรสวรรค์ในการยิงปืน เด็กผู้มีพรสวรรค์ในการยิงปืน!” ชายคนนั้นตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ จู่ๆก็มองไปทางเย่เนี่ยนโม่ด้วยความตื่นเต้น
เย่เชินหลินโอบเอวเซี่ยชีหรั่นอย่างเบามือ มองไปทางชายหนุ่มที่โม้น้ำลายกระเซ็นอยู่ด้านหน้า “ประธานเย่ คุณรู้ไหมครับว่า ผมเกษียณอายุจากสำนักข่าวกรองมานานแค่ไหนแล้ว คิดอยากจะหาต้นกล้าที่ดีต้นหนึ่งมาตลอด คุณชายน้อยของพวกคุณที่อายุน้อยขนาดนี้ยังมีการตอบสนองที่ว่องไวขนาดนี้นั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ!”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset