สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1256 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1156

บทที่ 1256 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1156
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า เอ่ยอย่างแน่วแน่ “ฉันแน่ใจค่ะ”
เย่เชินหลินมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา ไม่ได้พูดอะไร โอบไหล่เซี่ยชีหรั่นเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง เพื่อไม่ให้เซี่ยชีหรั่นเห็นแววตาที่ซับซ้อนของตัวเอง เขาก้มหน้าจูบลงที่กลางกระหม่อมเซี่ยชีหรั่น “นอนเถอะ”
“อาจจะเป็นเพราะว่าเซี่ยชีหรั่นกังวลถึงเด็กมากเกินไป จากนั้นก็มีการกำหนดภาพขึ้นในจิตใต้สำนึก ปกติแล้วในช่วงเวลาหนึ่งจะหายไปเองอัตโนมัติ” โยวจื๋อที่อยู่อีกด้านหนึ่งเอ่ยเสียยืดยาว
เย่เชินหลินหยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะ โยวจื๋อกวาดตามอง ก็เห็นรูปตัวเองบนหน้าแรกของเอกสาร เย่เชินหลินเอ่ยเรียบๆว่า “ดูเหมือนว่าคุณชายโยวจะเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ไม่รู้ว่านานขนาดนี้แล้ว ทำไมยังคงพักอยู่ที่รีสอร์ทตลอดอีก”
โยวจื๋อดันแว่นไร้กรอบตัวเองอย่างขลาดกลัว เอ่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆว่า “เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจากการรักษาทางการแพทย์ของผม ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างพักร้อนโดยไม่มีกำหนด”
เย่เชินหลินเคาะโต๊ะ ยิ้มออกมากะทันหัน “ดูเหมือนว่าคุณชายโยวจะเป็นห่วงชีหรั่นมากนะครับ”
นัยน์ตาหลังแว่นไร้กรอบของโยวจื๋อทอประกายวูบ แต่ก็ถูกบดบังด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา “ผมเคยเห็นเธอในโทรทัศน์ เธอเป็นนักออกแบบในอิตาลีอะไรนั่นไม่ใช่หรือครับ ผมคิดว่าสิ่งที่เธอออกแบบนั้นมีจิตวิญญาณ!”
โยวจื๋อยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เย่เชินหลินขมวดคิ้ว โบกมือตัดบทเขา พลางเอ่ยว่า “อืม คุณไปได้แล้ว”
โยวจื๋อโค้งตัวแล้วยืดตัวขึ้น มองไปบนเอกสารของตัวเองยิ้มๆ “คุณเย่ครับ อย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ”
นอกประตูห้องเซี่ยชีหรั่น จางห้านเดินกลับไปกลับมาอยู่ที่หน้าประตู ยื่นมือออกไปหลายครั้งแล้วก็ยังไม่ได้เคาะลงไป “ทำไมถึงไม่เคาะประตูล่ะ กลัวหรือ” เสียงหยอกเย้าลอยมาจากด้านข้าง โยวจื๋อที่ยืนอยู่อีกด้านมองจางห้านยิ้มๆ
จางห้านถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างระแวดระวัง มองชายหนุ่มที่ยิ้มอย่างไม่มีพิษไม่มีภัยคนนี้ “คุณเป็นคนเลว คุณอยากให้เซี่ยชีหรั่นแท้งลูก ผมจะบอกเธอ ให้เธอระวังคุณ”
โยวจื๋อเลิกคิ้ว มองเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่อยู่เบื้องหน้า จู่ๆก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้า ดึงมือจางห้านทุบไปที่ประตู พลางเอ่ยว่า
“ผมคิดว่าจิตวิญญาณที่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องของคุณนั้นดีมาก มาๆ เคาะประตูสิ จากนั้นก็บอกเซี่ยชีหรั่นว่า คุณเป็นผู้ชายที่อยู่ในคลิปวิดีโอคนนั้น ให้เธอได้เห็นว่า เพื่อนที่เธอเป็นห่วง กลับแอบวางแผนใส่ร้ายเธอลับหลัง!”
จางห้านดิ้นรนให้หลุดพ้นจากมือของโยวจื๋อแล้ววิ่งออกไปด้านนอก โยวจื๋อมองแผ่นหลังของจางห้านด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
“โยวจื๋อเมื่อครู่นี้คนที่พูดคือคุณหรือเปล่าคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” เซี่ยชีหรั่นเปิดประตูออกมา ก็เห็นรอยยิ้มประหลาดพาดผ่านใบหน้าของโยวจื๋อไป
โยวจื๋อเบนหน้าหนี ใช้แว่นอำพรางตัวเองเอาไว้ ยิ้มอ่อนโยนให้เซี่ยชีหรั่น เอ่ยอย่างสงสัยว่า “ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อครู่นี้เห็นเงาดำเงาหนึ่งมาทำลับๆล่อๆ ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าประตูห้องคุณ ผมเดินเข้ามาถามสองสามประโยค เขาก็ทิ้งของเอาไว้แล้ววิ่งจากไป”
โยวจื๋อยื่นแหวนวงหนึ่งให้กับเซี่ยชีหรั่น มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฝ่ายตรงข้ามด้วยความพอใจ แต่ปากก็ยังคงถามอย่างระมัดระวังว่า “เป็นอะไรหรือ”
เซี่ยชีหรั่นกำแหวนที่ทำหายไปเอาไว้แน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจ “คนคนนั้นอยู่ที่ไหนคะ”
โยวจื๋อชี้ไปยังทิศทางนั้น เมื่อครู่เห็นเขาวิ่งไปทางนั้น แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยพูดอะไร เซี่ยชีหรั่นก็วิ่งไปตามทิศทางที่โยวจื๋อชี้ไปแล้ว
วิ่งไปจนถึงปลายทาง เซี่ยชีหรั่นก็เห็นเงาคนคนหนึ่งที่กำลังระบายอารมณ์โดยการชกต้นไม้อย่างรุนแรง เลือดรินไหลออกมาจากร่องนิ้วของฝ่ายตรงข้าม และติดอยู่บนลำต้น ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับชกต่อไป ทำเหมือนกับว่าไม่รับรู้อะไร
“จางห้าน คุณกำลังทำอะไรน่ะ!” เซี่ยชีหรั่นวิ่งเข้าไปหยุดยั้งการกระทำที่เป็นการทำร้ายตัวเองของจางห้าน
“ชีหรั่น………” จางห้านตะลึงค้าง ปล่อยให้เซี่ยชีหรั่นดึงมือของตัวเองออกมา ในใจมีความเสียใจและหวาดกลัวที่มีต่อเซี่ยชีหรั่นผสมปนเปกันไปมา
“คุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ไม่รู้จักเจ็บหรือไง!” เซี่ยชีหรั่นยกมือจางห้านขึ้นมา ช่วยจางห้านดึงเศษไม้ที่อยู่บนบาดแผลออกอย่างระมัดระวัง
ลูกกระเดือกจางห้านขยับไปมา “ชีหรั่น ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
เซี่ยชีหรั่นก้มหน้าหยิบเศษไม้ออกอย่างจริงจัง เมื่อได้ยินแล้วก็แค่ชะงักไปเล็กน้อย และเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “อืม คุณพูดสิ”
“ชีหรั่น ความจริงแล้วผม……..” คำพูดที่อยู่ในใจค้างอยู่ที่ลำคอแล้วแต่ก็พูดไม่ออก จางห้านมีเหงื่อเย็นไหลไม่หยุด เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นโยวจื๋อที่ยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลนัก มองมาทางตัวเองยิ้มๆ แต่นัยน์ตากลับมีแววเย็นยะเยือกที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“คุณจะพูดอะไรกันแน่” เซี่ยชีหรั่นเงยหน้ามองจางห้านด้วยความแปลกใจ
จางห้านเลียริมฝีปากที่แห้งผาก มือทั้งคู่กำแน่น เปลี่ยนไปเอ่ยว่า “ไม่มีอะไร ผมเพียงแค่อยากบอก ขอบคุณคุณ เท่านั้น”
“อยากขอบคุณฉัน ก็อย่ากำหมัดแน่นขนาดนี้ เลือดออกอีกแล้ว!” เซี่ยชีหรั่นรีบกางมือจางห้านออก และถามขึ้นมากะทันหันว่า “เมื่อครู่นี้ คุณเห็นเงาคนวิ่งผ่านมาทางนี้บ้างไหมคะ”
“เงาคนหรือ ไม่มีนะ ที่นี่มีเพียงแค่ผมคนเดียวมาตลอด” จางห้านเห็นเซี่ยชีหรั่นที่เงยหน้าขึ้นมองตัวเองทันทีแล้วก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “มีอะไรหรือ”
เซี่ยชีหรั่นมองจางห้าน จู่ๆก็ส่ายหน้ายิ้มๆ เอ่ยว่า “ไม่มีอะไรหรอก อาจจะเป็นเพราะว่านอนไม่ค่อยหลับจึงเลือดลมแปรปรวนเล็กน้อย
เมื่อทำแผลเสร็จแล้ว จางห้านก็รีบร้อนจากไป เซี่ยชีหรั่นหยิบแหวนออกมา มองไปยังทิศทางที่จางห้านจากไป ก็ขยี้เท้าแล้วตามไป
จางห้านเดินเร็วมาตลอดทาง จนถึงกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ริมขอบรีสอร์ท ครู่หนึ่งก็หายตัวไปจากด้านนอกกระท่อม
เซี่ยชีหรั่นที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง แหวนในมือคอยเตือนตัวเองถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งตลอดเวลา
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงโต๊ะทำงานนั้นมีสีหน้าโหดเหี้ยมจนเกือบจะเข้าใกล้คำว่าเลือดเย็น โครงการที่อยู่ในมือแทบจะไม่ได้หยุดพลิก จากด้านหนึ่งของแต่ละหน้าไปสู่อีกด้านหนึ่งของแต่ละหน้า
“ประธานเย่” ซูหวางเคาะประตูเดินเข้ามา เย่เชินหลินหน้าก็ไม่เงยขึ้นมา เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆว่า “มีเรื่องอะไร”
“ดูเหมือนว่าคุณนายจะสงสัยจางห้าน วันนี้แอบตามจางห้านไปทั้งวันเลยครับ ถ้าหากว่าจางห้านพบเข้า อย่างนั้นการเฝ้ารอผู้ต้องสงสัยอย่างเงียบๆของพวกเราในหลายวันมานี้ก็จะดำเนินการต่อไปได้ยากอยู่บ้าง”
“จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยตำรวจอเมริกา คุณสมบัติและประสบการณ์บอดี้การ์ดเป็นอาชีพ แชมป์กีฬามวยระดับประเทศ“ เย่เชินหลินที่อยู่อีกด้านเอ่ยขึ้นมาอย่างเอื่อยเฉื่อย
ซูหวางชะงักค้าง คาดคะเนไม่ออกถึงความหมายของสิ่งที่เย่เชินหลินพูดออกมาอย่างกะทันหัน เย่เชินหลินอ่านเอกสารบนโต๊ะ เอ่ยเสียงเข้มว่า “ภารกิจเปลี่ยนแปลง ปกป้องเซี่ยชีหรั่นอย่างสุดความสามารถ เธอคิดจะไปตรวจสอบก็ให้เธอไปตรวจสอบเถอะ”
“แต่ถ้าหากว่าจางห้านพบเข้า พันธมิตรอีกคนหนึ่งของเขาอาจจะหนีไปก็ได้ ถึงตอนนั้นคิดอยากจะจับพวกเขาก็ยากมากแล้วนะครับ” ซูหวางวิเคราะห์จริงจัง
เย่เชินหลินมองซูหวางอย่างเย็นชา ซูหวางสะดุ้ง ถึงได้คิดขึ้นมาได้ว่า ใช่แล้ว สำหรับผู้ชายคนนี้ มีเพียงแค่ผู้หญิงที่ชื่อว่าเซี่ยชีหรั่นถึงจะสำคัญที่สุด
“กำลังคิดอะไรอยู่หรือ” มือคู่หนึ่งกดลงบนไหล่เซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินก้มหน้ามองใบหน้าด้านหลังของเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นลังเลครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า เย่เชินหลินดันหน้าเซี่ยชีหรั่นกลับมา เอ่ยโน้มน้าวอย่างมีชั้นเชิงว่า “ชีหรั่น คิดจะทำอะไรก็บอกผม ผมจะช่วยให้คุณบรรลุผลในทุกสิ่งที่คุณอยากทำ”
เซี่ยชีหรั่นนึกถึงจางห้าน คิดถึงการคาดเดาของตัวเอง เย่เชินหลินที่อยู่ด้านข้างยังคงมองเซี่ยชีหรั่นอย่างอ่อนโยน เซี่ยชีหรั่นอ้าปาก แต่หลังจากเห็นสายตาของฝ่ายตรงข้ามแล้วก็สั่นระริก กลืนคำพูดที่ต้องการจะพูดลงไป “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น”
เย่เชินหลินปล่อยเซี่ยชีหรั่นให้ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองอย่างผิดหวัง มองเซี่ยชีหรั่นแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ในเมื่อไม่ได้คิดอะไร ก็สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วตามผมไป”
เซี่ยชีหรั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าเงียบๆ หน้าท้องเซี่ยชีหรั่นในกระจกนั้นยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ชีวิตชีวิตหนึ่งอยู่ข้างในนั้น ดูดกลืนสารอาหารในร่างกายเธอ
บนสนามหญ้าขนาดใหญ่ของรีสอร์ท รถคันใหญ่คันแล้วคันเล่าขับเข้ามาในสนามหญ้า ภายในห้องรถมีคุณหมอต่างชาติที่สวมชุดกาวน์สีขาวหลายสิบคน
“คุณเซี่ยครับ พวกเราเป็นกลุ่มแพทย์ดูแลสตรีมีครรภ์ของลอส แองเจลิส จะมาดำเนินการตรวจร่างกายตามปกติให้กับคุณครับ” เซี่ยชีหรั่นตะลึงมองเย่เชินหลิน เย่เชินหลินดันแผ่นหลังเซี่ยชีหรั่นเบาๆ พลางเอ่ยว่า “วางใจเถอะ มีอยู่ผมนี่”
“คุณไม่เสียดายที่จะต้องจ่ายเงินจำนวนมาก ย้ายคุณหมอในแผนกสูตินารีเวชและอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาทั้งหมดมาที่ประเทศจีน เพื่อตรวจร่างกายให้กับเซี่ยชีหรั่นจริงๆด้วย” ไห่ลี่หมินมองรถที่เรียงกันเป็นแถบแล้วทอดถอนใจออกมา
“อย่าลืมเสียล่ะว่า ตอนแรก ใครบางคนที่รู้ว่าภรรยาคลอดยาก ก็ตะโกนโวยวายเสียจนฟ้าจะถล่มลงมา” เย่เชินหลินก็ตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้
ไห่ลี่หมินลูบจมูก ใบหน้าหล่อเหลาเผยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อยที่ยากจะมีสักครั้งออกมา “นั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์”
เซี่ยชีหรั่นนอนอยู่บนเตียงในรถ หน้าท้องเย็นวาบ เซี่ยชีหรั่นมองสิ่งมีชีวิตที่ขยับไปมาบนหน้าจอภาพ จู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เหมือนกับในครั้งแรกที่ตั้งครรภ์เนี่ยนโม่ ไม่ ชัดเจนยิ่งกว่าครั้งนั้นเสียอีก เธออดที่จะหันหน้าไปมองไม่ได้ เย่เชินหลินกับไห่ลี่หมินกำลังพูดอะไรกันอยู่ ยังคงมีสีหน้าเย็นชาและเข้มงวดเสมอต้นเสมอปลาย ปฏิบัติต่อตัวเองเหมือนกับว่าเป็นเพียงแค่กิจวัตรประจำวัน เธอโยนความเศร้าโศกเหล่านั้นทิ้งไป เซี่ยชีหรั่นจดจ่ออยู่กับการรอคอยรายงาน
“เด็กแข็งแรงมาก” คุณหมอยิ้ม วางรายงานไว้ที่เซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินรับรายงานมาอ่านอย่างละเอียด
“พวกคุณต้องการรู้เพศของเด็กไหมครับ” คุณหมอถามเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินยิ้มๆ
ริมฝีปากเซี่ยชีหรั่นขยับ ภาพเด็กผู้หญิงในความฝันปรากฏขึ้นในความคิด ไหล่ก็ถูกโอบเอาไว้อย่างทรงพลัง เสียงเย่เชินหลินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมาเรียบๆว่า “ไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงแค่รู้ว่าเขาเป็นลูกของผม เย่เชินหลินก็พอแล้ว”
ไม่ง่ายเลยที่จะรอถึงช่วงเวลาที่เย่เชินหลินไม่อยู่ เซี่ยชีหรั่นแอบมาที่กระท่อมเงียบๆ จางห้านไม่อยู่ที่กระท่อม เซี่ยชีหรั่นลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่ถือว่าใหญ่แห่งนี้ เมื่อวางเตียงหลังหนึ่งในกระท่อมแล้ว ก็ไม่เหลือพื้นที่ให้วางของมากนัก
นิ้วมือเซี่ยชีหรั่นสั่นเล็กน้อย พลิกหาอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หยุดทันที เธอสงสัยจางห้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอสามารถเข้ามาในบ้านของผู้อื่นแล้วขยับของของผู้อื่นได้ตามใจชอบแบบนี้
คิดจะจากไปอย่างรีบร้อน แต่จู่ๆที่หน้าบันไดก็มีหินก้อนหนึ่งถูกโยนเข้ามา หินกระแทกเข้ากับบานหน้าต่างจนเกิดเสียง เซี่ยชีหรั่นเดินไปดูที่บานหน้าต่าง จางห้านกำลังก้าวเดินมาทางกระท่อมอย่างรวดเร็ว
คิดจะจากไปในตอนนี้ก็สายไปแล้ว เซี่ยชีหรั่นมุดเข้าไปในตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ใบเดียวที่สามารถจุตัวเองได้ในห้อง ซูหวางที่อยู่ในพุ่มไม้บีบก้อนหินกลางฝ่ามือแน่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่
จางห้านเข้ามาในกระท่อมแล้วก็ค้นหาไปทั่ว เซี่ยชีหรั่นมองดูอย่างเคร่งเครียด ในใจก็คิดว่า ถ้าฝ่ายตรงข้ามพบตัวเองเข้า ควรจะพูดอย่างไร ถ้าหากว่าไม่ใช่จางห้านที่ทำ ตัวเองที่สงสัยเขาแบบนี้ เขาจะต้องเป็นทุกข์มากอย่างแน่นอน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset