สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1258 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1158

บทที่ 1258 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1158
เย่เชินหลินมีสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อได้ฟังคำพูดของเซี่ยชีหรั่น บีบคางเซี่ยชีหรั่นอย่างแรง ให้สายตาของฝ่ายตรงข้ามอยู่ในระดับเดียวกันกับตัวเอง เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจังอย่างไร้ที่เปรียบว่า “คุณคือตัวแปรหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ว่าคุณไปพบเข้าล่ะก็ เขาก็จะหายตัวไปเงียบๆ”
เซี่ยชีหรั่นฟังจนจบด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เพียงแค่พยักหน้าเรียบๆ และเอ่ยว่า “ฉันต้องการกลับห้องแล้วค่ะ”
เย่เชินหลินคิ้วขมวด มองหน้าซีดเผือดของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นเดินล่องลอยจะออกจากห้อง แต่เส้นประสาทบนหน้าผากเต้นตุบๆ ทนไม่ไหวจนล้มอ่อนแรงลงไปในอ้อมกอดที่อบอุ่น
“สภาพของเธอในตอนนี้ไม่สามารถไปอเมริกาได้แน่นอน มีความเสี่ยงที่จะแท้งได้ตลอดเวลา ผมแนะนำว่าให้พักรักษาตัวอยู่ที่นี่ต่อไป” เสียงของโยวจื๋อลอยเข้ามาในโสตประสาทเซี่ยชีหรั่น ถัดมาก็มีมือใหญ่ที่หยาบคู่หนึ่งลูบแก้มเซี่ยชีหรั่นเบาๆ
“ออกไป” เย่เชินหลินสั่ง ครู่หนึ่งเสียงปิดประตูก็ดังขึ้น “เซี่ยชีหรั่น ผมควรจะทำอย่างไรกับคุณดี” เย่เชินหลินประคองมือของเซี่ยชีหรั่นขึ้นมาแล้วจูบเบาๆ เจือไปด้วยความสับสนเล็กน้อย
“ฉันอยากไปเยี่ยมพวกเด็กๆที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะ” เซี่ยชีหรั่นลืมตาขึ้นมาและเอ่ยกับเย่เชินหลิน เย่เชินหลินปฏิเสธตามจิตใต้สำนึก “ตอนนี้ร่างกายของคุณยังไม่ค่อยดี ผมจะให้คนไปรับพวกเขามา”
“อย่างนั้นก็ช่างเถอะ ไม่ไปเยี่ยมก็ได้” เซี่ยชีหรั่นหันหน้ามองไปนอกหน้าต่าง กิ่งไม้ที่นอกหน้าต่างเริ่มมียอดอ่อนสีเขียวโผล่ออกมา ฤดูร้อนจะมาเยือนแล้ว
เย่เชินหลินประจูบรอยจูบอันอบอุ่นบนเปลือกตาเซี่ยชีหรั่น พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “เป็นไปตามที่คุณปรารถนา”
เครื่องบินส่วนตัวขนาดใหญ่จอดอยู่บนสนามหญ้า เซี่ยชีหรั่นคิดจะลงมาจากตัวเย่เชินหลิน จึงขยับเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกได้ถึงการคุมขังที่แน่หนาขึ้นจากฝ่ายตรงข้าม
“คุณเซี่ยครับ ตอนนี้คุณอย่าเคลื่อนไหวจะดีกว่า ไม่งั้น ให้ผมไปด้วยไหมครับ” โยวจื๋อที่อยู่อีกด้านหนึ่ง พยายามเอ่ยโน้มน้าว
เย่เชินหลินมองโยวจื๋อครั้งหนึ่ง เอ่ยสั้นๆว่า “ไม่ต้อง”
เครื่องบินเริ่มบินขึ้น ในไม่ช้าก็มองไม่เห็นเงาแล้ว ป่าเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างโยวจื๋อเอ่ยยิ้มๆว่า “เกมส์ของคนมีเงิน ไม่ใช่หรือ”
โยวจื๋อยักไหล่ แฝงไปด้วยการเหยียดหยาม “จางห้านอยู่ที่ไหน” ป่าเอ๋อร์ถามโยวจื๋อ อย่างระมัดระวัง “ตอนนี้จะทำอย่างไรกับเขาดี ฉันกังวลว่าเขาจะพูดความจริงออกมา”
โยวจื๋อยิ้มทัดผมป่าเอ๋อร์ไปไว้ข้างหู เอ่ยเสียงเบาว่า “คนตายไม่มีโอกาสได้พูดความจริง” จางห้านก้มหน้าก้มตาเขียนจดหมายอยู่ใต้แสงไฟสลัว เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มทำให้เขาเงยหน้ามองเครื่องบินที่บินไกลออกไปตามสัญชาตญาณ และก้มหน้าลงเขียนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อ ด้านนอกมีเสียงปลดล็อคกลอนประตูดังขึ้น จางห้านนำกระดาษที่เขียนเสร็จไปครึ่งหนึ่งสอดเอาไว้ใต้เตียง มองผู้มาเยือน จางห้านถอนหายใจเสียงเบา “จะส่งผมไปสถานีตำรวจเมื่อไร”
ผู้มาเยือนมีรอยยิ้ม หยิบปืนสีดำออกมาอย่างผ่อนคลาย และเอ่ยกับจางห้านว่า “ตอนนี้”
เสียง “ปัง!” ดังขึ้นเงียบๆ จางห้านเอ่ยทันแค่ประโยคสุดท้ายประโยคเดียวว่า “ที่แท้คุณก็เป็นพวกเดียวกันกับพวกเขา”
เย่เชินหลินอุ้มเซี่ยชีหรั่นขึ้นไปบนเครื่องบิน วางเธอลงบนเตียงนุ่มสบายขนาดใหญ่ เครื่องบินค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นช้าๆ เซี่ยชีหรั่นนอนอยู่บนเตียงเงียบๆ มองดูการตกแต่งอันหรูหราและเมฆสีขาวที่ลอยผ่านไปนับไม่ถ้วนนอกบานหน้าต่าง สองศีรษะเล็กๆมุดออกมามองเซี่ยชีหรั่นยิ้มๆ “เนี่ยนโม่ โจ๋ซวน พวกหนูไม่ได้อยู่ด้วยกันกับคุณน้าหลินหลิงหรือจ๊ะ” เซี่ยชีหรั่นกวักมือเรียกเด็กน้อยสองคนที่วิ่งเล่นกันจนเหงื่อท่วมตัวมาที่ด้านหน้าตัวเอง
“หม่ามี๊ คุณน้าหลินหลิงจะให้ไห่โจ๋ซวนไปเรียนหนังสือที่อเมริกา หม่ามี๊ไม่ให้เขาไปได้ไหมครับ”
เนี่ยนโม่เอ่ยพูด พลางดึงแขนเซี่ยชีหรั่น หลายวันมานี้ เย่เชินหลินไม่ให้พวกเขามาหาเซี่ยชีหรั่น
“ใครให้พวกหนูหนีมาโดยไม่บอกผู้ใหญ่กัน” เย่เชินหลินถือโทรศัพท์ยืนอยู่หน้าประตูห้องโดยสาร มองมาทางเย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวน
เซี่ยชีหรั่นอยากจะปกป้องเด็กทั้งสองคน “ฉันให้พวกเขาขึ้นเครื่องบินมาเองค่ะ ไม่โทษพวกเขา”
เย่เชินหลินคิ้วกระตุก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสามคนต้องโดนลงโทษ” เซี่ยชีหรั่น เย่เนี่ยนโม่ และไห่โจ๋ซวนมองไปทางเย่เชินหลินที่มีท่าทางเข้มงวดอย่างน่าสงสาร โดยเฉพาะเซี่ยชีหรั่น เธอเข้าใจวิธีการของผู้ชายคนนี้
“ทำโทษโดยการยืนหันหน้าเข้าหากำแพง” เย่เชินหลินเอ่ยเสียงเบา
“คุณพูดว่าอะไรนะคะ” เซี่ยชีหรั่นหันหน้ามามองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเย่เชินหลินจะเสนอการลงโทษที่อ่อนหัดแบบนี้ออกมา เย่เชินหลินหน้าตึง มองเย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนที่หันหน้ายืนเข้าหากำแพงอย่างเชื่อฟัง และเลิกคิ้วขึ้นเมื่อหันไปมองเซี่ยชีหรั่นที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เซี่ยชีหรั่นเดินไปถึงข้างกายเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนเป็นฝ่ายเขยิบที่ว่างให้ตำแหน่งหนึ่ง ส่วนสูงของทั้งสามคนที่ยืนด้วยกันนั้นคล้ายกับจังหวะตัวโน๊ตดนตรีอย่างไรอย่างนั้น
เย่เชินหลินพยักหน้าอย่างพอใจ คุณหมอบอกว่าเซี่ยชีหรั่นต้องออกกำลังกายมากหน่อย ใช้วิธีนี้ก็ไม่เลว เขาหมุนตัวจากไปและทิ้งทั้งสามคนไว้ที่เดิม
เซี่ยชีหรั่นแนบตัวมองเมฆสีขาวและท้องฟ้าสดใสนอกบานหน้าต่างห้องโดยสาร เย่เนี่ยนโม่ชี้ไปทางชายทะเล พลางเอ่ยว่า “หม่ามี๊ สถานที่แห่งนั้นสวยมากเลยครับ”
เซี่ยชีหรั่นก้มหน้ามองดู เป็นน่านน้ำทะเลหนึ่งจริงๆ มองดูจากเครื่องบินที่บินอยู่นั้นเหมือนกับริบบิ้นสีฟ้า ที่มีลักษณะเหมือนกับโบว์อันหนึ่ง
“สวยมากจริงๆ!” เซี่ยชีหรั่นทอดถอนใจ
เย่เชินหลินทำงานเสร็จแล้วก็เห็นเด็กและผู้ใหญ่สามคนเบียดกันอยู่ที่บานหน้าต่าง จึงก้าวขึ้นไปข้างหน้า เย่เชินหลินโอบเอวเซี่ยชีหรั่นเบามือ เอ่ยเสียงเบาข้างใบหูเซี่ยชีหรั่นว่า “ดูอะไรอยู่หรือ”
เซี่ยชีหรั่นชี้ไปยังผืนทะเลที่เครื่องบินใกล้จะบินผ่านไปแล้ว ก็ทอดถอนใจว่า “สวยมากจริงๆค่ะ”
“อยากไปไหม” เย่เชินหลินเข้าใจในทันที แต่ก็อยากจะเห็นเซี่ยชีหรั่นพูดออกมาด้วยตัวเอง
“ไม่อยาก” เซี่ยชีหรั่นมองตาปริบๆ พลางเอ่ย
“ในเมื่อไม่อยาก อย่างนั้นก็เพิ่มความเร็วไปข้างหน้า” เย่เชินหลินเตรียมหมุนตัวจากไปด้วยใบหน้าเย็นชา แต่แขนเสื้อและกางเกงกลับถูกทั้งสามคนคว้าเอาไว้ในเวลาเดียวกัน
“แด๊ดดี้ / คุณลุง / ฉันอยาก” ทั้งสามคนเอ่ยออกมาพร้อมกัน มองเย่เชินหลินตาปริบๆ
เหนือแนวปะการังชายฝั่งขนาดใหญ่ แม่บ้านติดตามดูแลเย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวน เซี่ยชีหรั่นเดินเท้าเปล่าบนทรายขาวสะอาดตามหาดทราย บางครั้งคลื่นทะเลก็กระทบเข้ากับฝ่าเท้า ทำให้เซี่ยชีหรั่นหัวเราะคิกๆออกมา
ร่างกายกระทบถูกแขนของเย่เชินหลินในบางครั้ง เซี่ยชีหรั่นก้มหน้ามองมือของฝ่ายตรงข้าม ก้าวไปข้างหน้าต่อไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
คลื่นขนาดใหญ่กระทบเข้ามา เซี่ยชีหรั่นหลบไปอยู่ข้างกายเย่เชินหลินตามสัญชาตญาณ หลังจากนั้นฝ่ามือก็ถูกจับเอาไว้ เย่เชินหลินเดินก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก โดยไม่ได้ปล่อยมือออก
เมื่อกลับไปถึงสนามบิน ก็มีรถLincoln Limousineคันหนึ่งจอดรถอยู่ที่สนามบิน จางเฟิงอี้มองไปทางเซี่ยชีหรั่นยิ้มๆ “คุณผู้หญิง”
เซี่ยชีหรั่นยิ้ม แม่บ้านที่อยู่รอบๆรีบเข้ามาเปิดประตูให้เซี่ยชีหรั่น รถคันหนึ่งตรงเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เมื่อลงจากรถแล้ว เสียงหัวเราะร่าเริงของเหล่าเด็กๆก็ทำให้เซี่ยชีหรั่นเผยรอยยิ้มที่จริงใจออกมา
ไม่ว่าโลกใบนี้จะร้ายกาจขนาดไหน อย่างน้อยในกลุ่มเด็กๆก็ยังคงมีความใสซื่อในวัยเยาว์อยู่สินะ เย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนวิ่งมาถึงด้านหน้าเซี่ยชีหรั่น พลางเอ่ยถามว่า “หม่ามี๊ ไม่ให้น้าเซวียตามพวกเราได้ไหมครับ พวกเราก็อยากจะเล่นกับเด็กคนอื่นๆด้วยเช่นกัน”
น้าเซวียเป็นแม่บ้านที่คอยดูแลเย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวน เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดแล้วก็ลูบศีรษะเด็กทั้งสองคน เอ่ยยิ้มๆว่า “อย่างนั้นไม่อนุญาตให้วิ่งไปทั่ว โทรศัพท์มือถือถือเอาไว้ดีแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
เย่เนี่ยนโม่หยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นหนึ่งออกมาโบกไปมา เซี่ยชีหรั่นขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย ราคาของโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ในตลาดขายกันอยู่ที่สามหมื่นต่อเครื่องแล้ว เย่เนี่ยนโม่ยังเด็ก ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์มือถือที่แพงขนาดนี้
“พวกหนูไปเล่นกันเถอะ” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยยิ้มๆ
เด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ายังคงมองเย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนที่สวมเสื้อผ้าสุดประณีตอย่างขลาดกลัว ไม่ค่อยมีใครกล้าเล่นกับพวกเขาสองคน
เย่เนี่ยนโม่หยิบรูบิคขึ้นมาแล้วบิดไปบิดมา แต่บิดอยู่สิบกว่านาทีแล้ว ก็ยังคงทำไม่สำเร็จสักด้าน “ให้ฉันทำเถอะ ฉันสามารถทำได้” ไห่โจ๋ซวนรับรูบิคมา หมุนไปหมุนมาอย่างจริงจัง ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนก็มองรูบิคด้วยความท้อใจ
“ฮ่าๆ พวกนายโง่จังเลย!” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งโผล่ศีรษะออกมาจากเสาด้านข้าง ใบหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตาเต็มไปด้วยเฉลียวฉลาด ผิวพรรณขาวเนียนสวย ผมหน้าม้าตรงทำให้เด็กหญิงน่ารักยิ่งกว่าเดิม เย่เนี่ยนโม่มองเด็กหญิงคนนี้อย่างตะลึง เอ่ยออกมาว่า “อ้าวเสว่หรือ”
“อืม คิดไม่ถึงว่านายจะจำฉันได้” อ้าวเสว่ที่ได้พบกับเย่เนี่ยนโม่นั้นก็คล้ายกับว่าไม่ได้ตกตะลึงอะไรมากมายนัก อีกทั้งนิสัยก็ไม่เก็บตัวเหมือนกับเย่เนี่ยนโม่ในอดีตด้วย
อ้าวเสว่หยิบรูบิคมา นิ้วบิดรูบิคไปมาอย่างคล่องแคล่ว ในไม่ใช้รูบิคในมือของเด็กสาวก็พลิกกลับไปมาอย่างรวดเร็ว ครู่หนึ่งด้านที่เป็นสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นเรียบร้อย
“เก่งมากเลย!” เย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนร้องออกมาพร้อมกัน อ้าวเสว่ยังคงหมุนอีกด้านหนึ่ง เย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนมองดูอย่างพิจารณา
อีกด้านหนึ่งก็ถูกมือที่คล่องแคล่วว่องไวของเด็กสาวจัดการเสร็จแล้ว ตามด้วยอีกด้านหนึ่ง ในไม่ช้ารูบิคที่สมบูรณ์ทั้งหกด้านก็วางอยู่ในมืออ้าวเสว่
“อ้าวเสว่ ยังไม่มีใครมารับเธอไปหรือ” ในความทรงจำของเย่เนี่ยนโม่ เด็กหญิงคนนี้ยังคงมีท่าทางขลาดกลัว แม้ว่าตอนนี้นิสัยจะเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ความทรงจำที่เย่เนี่ยนโม่มีต่อเด็กหญิงคนนี้ยังคงลึกซึ้งมาก
“ใครบอกว่าไม่มีใครมารับฉันกัน เพียงแต่ว่า………เพียงแต่ว่า………ช่างมันเถอะ ไม่พูดแล้ว!” อ้าวเสว่าเชิดหน้าขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการตอบคำถามเย่เนี่ยนโม่
“เธอชื่อแม่มดน้อย เป็นแม่มดน้อยที่ทั้งดุร้ายและประหลาด” เด็กที่กำลังรวมตัวเล่นกันอยู่ด้านข้างหัวเราะฮาฮา
อ้าวเสว่เบะปาก อยากจะโต้กลับ แต่ก็ทำได้เพียงแค่กระทืบเท้าและเอ่ยว่า “เชอะ ไม่เล่นกับพวกนายแล้ว!”
หมุนตัววิ่งไปกลางซอย ครู่หนึ่งก็หายตัวไป เย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนมองรูบิคที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่เดิม ถมึงตามองกลุ่มเด็กเหล่านั้น “พวกนายทำแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ!”
เด็กๆเห็นเด็กสองคนที่คล้ายกับตุ๊กตาถมึงตาใส่ตัวเองแล้ว ก็วิ่งหนีไปอย่างขายหน้า เมื่อรู้ว่าทำเรื่องที่ไม่เหมาะสม
เย่เชินหลินนั่งอยู่อีกด้าน จางเฟิงอี้นำเอกสารหนาและหนักมารายงานให้กับเย่เชินหลินฟังถึงเรื่องราวน้อยใหญ่ขณะที่เย่เชินหลินไม่อยู่ที่บริษัท เย่เชินหลินฟังแล้ว บางครั้งก็ถามประโยคสองประโยค และแสดงความคิดเห็น
เซี่ยชีหรั่นยืนมองอยู่ด้านข้างเงียบๆ ไม่อยากไปรบกวนฝ่ายตรงข้าม แต่เมื่อหมุนตัวกลับไป เท้าก็เหยียบโดนกิ่งไม้จนทำให้เกิดเสียงแกรกดังขึ้น
“คุณผู้หญิงหรือครับ” จางเฟิงอี้เป็นฝ่ายเก็บโครงการขึ้นมา เย่เชินหลินพยักหน้า จางเฟิงอี้ยิ้มให้กับเซี่ยชีหรั่น และเดินออกไป
“ทำไมหรือ” เย่เชินหลินกวักมือให้เซี่ยชีหรั่นเดินมาด้านหน้าตัวเอง และอุ้มเซี่ยชีหรั่นมาไว้บนตักของตัวเอง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset