สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1262 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1162

บทที่ 1262 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1162
เซี่ยชีหรั่นก้มหน้าดูเครื่องแต่งกายของตัวเอง ชุดเดรสยาวโบฮีเมียนทับด้วยเสื้อคลุมหลวมๆ มองดูแล้วเหมือนกับว่ามีเพียงแค่หน้าท้องเล็กๆเท่านั้น
“ดังนั้นคุณผิดหวังแล้วหรือคะ” เป็นเพราะว่าเซี่ยชีหรั่นยังคงโกรธป่าเอ๋อร์อยู่ น้ำเสียงจึงแข็งกระด้างไปบ้าง
“ไม่ๆๆ คุณเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ผมเพียงแค่อยากถามหาคนที่ชื่อโยวจื๋อ คุณรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“โยวจื๋อหรือ” เซี่ยชีหรั่นหยุดเดิน หันมามองเซวียเหวินยูน
“ใช่ๆ ก็คือโยวจื๋อ คุณรู้จักเขาหรือครับ” เซวียเหวินยูนยกมือขึ้นเหนือศีรษะเซี่ยชีหรั่นเพื่อช่วยบังแดดให้ มองไปที่เซี่ยชีหรั่นยิ้มแย้ม
เดาว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะเป็นเพื่อนสนิทของโยวจื๋อ แต่เพื่อไม่เป็นการสร้างเรื่องวุ่นวายให้โยวจื๋อ เซี่ยชีหรั่นยังคงสอบถามอย่างระมัดระวัง “ไม่ทราบว่าคุณมาหาโยวจื๋อ มีธุระอะไรหรือคะ”
เซวียเหวินยูนเอ่ยยิ้มๆว่า “ผมเป็นคนไข้ของเขา คนคนนี้รักษาได้แค่ครึ่งเดียวก็หนีไปเสียแล้ว ผมต้องนำตัวเขากลับไปครับ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยการขออภัย “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันพูดแบบนี้อาจจะดูกะทันหันไปหน่อย แต่โยวจื๋อเป็นคุณหมอที่ดีคนหนึ่ง ระหว่างพวกคุณอาจจะเข้าใจผิดอะไรกัน”
เซวียเหวินยูนมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความประหลาดใจ จู่ๆก็เอ่ยขึ้นมาว่า “พวกเรามาพนันกันครับ ถ้าหากว่าคุณแพ้แล้ว คุณต้องรับปากผมเรื่องหนึ่ง ถ้าผมแพ้ ผมก็จะรับปากคุณเรื่องหนึ่ง”
เซี่ยชีหรั่นถามอย่างแปลกใจว่า “ทำไมฉันต้องพนันกับคุณด้วยล่ะคะ”
เซวียเหวินยูนหยิบเหรียญออกมาเหรียญหนึ่งแล้ว เอ่ยยิ้มๆว่า “ทุกครั้งที่ผมได้เจอกับสาวงาม ก็มักจะอยากพนันกับพวกเธออย่างไร้แรงต้านทาน รีบทายเร็วเข้าว่า ด้านไหนจะหงายขึ้นบน”
เซี่ยชีหรั่นมองฝ่ายตรงข้ามด้วยความสงสัย เอ่ยส่งๆไปว่าด้านหน้า แต่เมื่อเซวียเหวินยูนเปิดออกมา กลับเป็นด้านตรงข้าม “ตอนนี้คุณติดค้างผมอยู่เรื่องหนึ่งแล้วนะครับ”
เซี่ยชีหรั่นมองเซวียเหวินยูนค้าง สงสัยว่าตัวเองไปติดค้างเขาเรื่องหนึ่งได้อย่างไรกัน ยังคิดอยู่ว่าจะลองใหม่อีกสักครั้งดีไหม เซวียเหวินยูนมองเซี่ยชีหรั่นอย่างลึกลับ
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า เรื่องที่รับปาก ถ้าไม่ใช่เรื่องเงินก็เป็นการให้ทำเรื่องอื่นๆ เงิน ในตอนนี้เธอยังสามารถให้ได้
เมื่อเลือกด้านหลัง ตอนเปิดออกมาก็เป็นด้านหน้า เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจ พลางเอ่ยว่า “ไปเถอะค่ะ ฉันจะพาคุณไปพบโยวจื๋อ”
“คุณติดค้างผมสองเรื่องแล้วนะครับ นี่เป็นความลับระหว่างเรา ไม่สามารถบอกกับคนอื่นได้นะครับ” เซวียเหวินยูนมองเซี่ยชีหรั่นยิ้มๆ ตอนที่ยิ้มนั้นดวงตาทั้งคู่ก็โค้งเหมือนจันทร์เสี้ยว
“ยายผู้หญิงโง่ ถ้ามีครั้งหน้าอีก ผมจะไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่นอน” โยวจื๋อเอ่ยพูดอย่างโหดเหี้ยมกับป่าเอ๋อร์แล้ว ก็ตัดสายทันทีโดยไม่รอให้ฝ่ายตรงข้ามพูดอะไร
“โยวจื๋อคุณอยู่ไหมคะ” เสียงเซี่ยชีหรั่นดังอยู่นอกประตู โยวจื๋อเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่อ่อนโยนไปเปิดประตู หลังจากเห็นผู้มาเยือนแล้วก็มีสีหน้าขรึมในทันที
“ฉันนึกว่านายจะไม่ใช้สีหน้าจอมปลอมแบบนี้กับฉันแล้วเสียอีก” เซวียเหวินยูนมองโยวจื๋ออย่างเย็นชา
โยวจื๋อลากเซี่ยชีหรั่นมาข้างกายตัวเอง และปิดประตูทันที “โยวจื๋อ………เขาบอกว่าเขาเป็นคนไข้ของคุณ” เซี่ยชีหรั่นเห็นบรรยากาศแข็งค้างของทั้งสองคนแล้วก็รีบเอ่ยขึ้นมา
โยวจื๋อมองไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “เขาพูดไม่ผิดครับ เขาเป็นคนประสาทคนหนึ่ง”
ประตูถูกเตะให้เปิดออก เซวียเหวินยูนหมุนขยับข้อมือไปมา เอ่ยเสียดสีว่า “นายก็กล้าพูดนะ”
“พวกคุณ……..เกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างพวกคุณกันแน่คะ” เซี่ยชีหรั่นรู้สึกได้ถึงคลื่นลมที่ถาโถมระหว่างคนทั้งคู่ แต่กลับไม่ได้พูดออกมา
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ชีหรั่น คุณมานี่เถอะ อย่าอยู่กับคนประสาทเลย” โยวจื๋อเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา คิดจะดึงเซี่ยชีหรั่นมา
“ฮ่า ที่แท้คุณก็ชื่อว่าชีหรั่น ชื่อเพราะมากจริงๆ” เซวียเหวินยูนมองโยวจื๋อด้วยสายตาเย็นยะเยือก แต่ตอนที่หันกลับไปทางเซี่ยชีหรั่นกลับเจิดจ้ามาก
“ปล่อยเธอ” เสียงเย็นยะเยือกลอยมาจากทางหน้าประตู โยวจื๋อปล่อยมือตามจิตใต้สำนึก เซี่ยชีหรั่นจึงล้มไปในอ้อมแขนของเซวียเหวินยูน มือคู่หนึ่งคว้าเอวของเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ โอบเซี่ยชีหรั่นเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ แค่ได้ยินเสียงผมก็สะดุ้งตัวสั่นแล้ว” โยวจื๋อมองไปทางเย่เชินหลินด้วยความระมัดระวังและเจือไปด้วยการขอโทษ
เบื้องหน้าถูกเงาร่างที่สูงกว่าช่วงศีรษะหนึ่งปกคลุม เซวียเหวินยูนขมวดคิ้ว มองไปทางเย่เชินหลิน เลิกคิ้ว พลางเอ่ยว่า “เย่เชินหลินหรือ”
เย่เชินหลินมองเซวียเหวินยูน พยักหน้าโอบเซี่ยชีหรั่นเดินไปทางด้านนอก เซี่ยชีหรั่นงึมงำ “ทำไมหรือคะ”
เสียงของเย่เชินหลินราบเรียบแต่เจือไปด้วยแววตามใจเล็กน้อย “ถึงเวลาออกกำลังกายหลังอาหารแล้ว”
“ผู้ชายคนนั้นน่าสนใจมาก ฉันเห็นว่าเขากับโยวจื๋อคล้ายจะมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน ฉันไม่เคยเห็นความรู้สึกมากมายขนาดนี้บนใบหน้าของโยวจื๋อมาก่อนเลย” เซี่ยชีหรั่นประคองท้องเดินอย่างเชื่องช้า พลางเอ่ย
“คุณคิดว่าผู้ดูแลเป็นอย่างไร” จู่ๆเย่เชินหลินก็เอ่ยถามเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นคิดถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของผู้ดูแลแล้ว ก็เอ่ยว่า “ไม่…….ก็ไม่เลวนะคะ”
เย่เชินหลินดึงเซี่ยชีหรั่นเข้ามา ก้มหน้าบังแสงแดดอันอบอุ่นที่ส่องลงมาบนใบหน้าเซี่ยชีหรั่น เอ่ยเสียงเบามา “อย่างนั้นก็พูดถึงผู้ดูแลเถอะ อย่าพูดถึงผู้ชายคนอื่น”
จูบที่ร้อนแรงดุเดือด เจือไปด้วยกลิ่นหอมที่มอมเมาผู้คนในยามบ่าย แขนของเซี่ยชีหรั่นที่เดิมวางอยู่ข้างกายก็จับแขนเสื้อทั้งสองคนของเย่เชินหลินแน่น
เซี่ยชีหรั่นหลับตา ดังนั้นจึงไม่เห็นความเด็ดขาดเข้มงวดในแววตาอันอ่อนโยนของเย่เชินหลินที่มองมาทางเซี่ยชีหรั่น ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ถึงการกระทำของป่าเอ๋อร์
เขาให้โอกาสผู้หญิงคนนั้น สาเหตุหลักๆเลยก็เพราะอยากเห็นการแสดงออกของเซี่ยชีหรั่น หญิงโง่ที่ไม่รู้จักการออดอ้อน ในใจเย่เชินหลินเกิดความรู้สึกเอ็นดูขึ้นมา
ภายในห้องทำงานกว้างขวาง เย่เชินหลินมองนาฬิกาด้วยสีหน้าเฉยชา เอ่ยเสียงเรียบว่า “ดังนั้นคุณเป็นคนที่มารับช่วงต่องานแผนงานอสังหาริมทรัพย์ซิงอันหรือ”
เซวียเหวินยูนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างขี้เกียจพยักหน้ายิ้มๆ ป่าเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างก็ก้าวออกมาพูด “สวัสดีค่ะ ฉันป่าเอ๋อร์เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ หลังจากนี้พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้บ่อยๆค่ะ”
เซวียเหวินยูนมองป่าเอ๋อร์ ชื่นชมว่า “เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยว่า ข้างกายประธานเย่ล้วนมีแต่สาวงาม”
ป่าเอ๋อร์อิจฉา โยวจื๋อที่ถูกบังคับลากตัวมาก็ถลึงตาใส่เซวียเหวินยูน “จุ้นจ้าน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เลขาพาเซี่ยชีหรั่นเข้ามา เมื่อเห็นสภาพภายในห้องประชุมก็โค้งตัว “ขอโทษด้วยค่ะ ประธานเย่แจ้งว่า ตอนนี้ถึงเวลาทานอาหารกลางที่นัดเอาไว้กับคุณเซี่ยแล้ว รบกวนแล้วค่ะ”
“ชีหรั่นหรือ” เซวียเหวินยูนเลิกคิ้วเอ่ย “ตอนนี้ผมขอเป็นตัวแทนตัดสินให้คุณเซี่ยชีหรั่นรับตำแหน่งคู่หูแทนคุณป่าเอ๋อร์”
ป่าเอ๋อร์หน้าขาวซีด มองไปทางเย่เชินหลินอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “เซี่ยชีหรั่นไม่เหมาะสม”
ป่าเอ๋อร์เห็นเย่เชินหลินพูดแทนตัวเองแล้วก็มองไปทางเย่เชินหลินด้วยความดีใจ โยวจื๋อที่อยู่ด้านข้างคิ้วขมวด ผู้หญิงคนนี้โง่จริงๆ เย่เชินหลินเพียงแค่ไม่ต้องการให้เซี่ยชีหรั่นออกไปปรากฏตัวในวงสังคม อาศัยชื่อเสียงในการทำงานเท่านั้นเอง
“ผมคิดว่าเหมาะสมมาก อีกอย่าง พูดว่าเหมาะสมหรือไม่นั้น ก็ควรจะให้เจ้าตัวเป็นผู้ตัดสินใจไม่ใช่หรือ” เซวียเหวินยูนมองเย่เชินหลินอย่างยั่วยุ
เมื่อเซี่ยชีหรั่นเดินเข้ามาในห้องประชุมก็รู้สึกได้ถึงสายตาทุกคนที่มองมาทางตัวเอง “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ฉันมารบกวนพวกคุณหรือ” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยการขออภัย
“ไม่ ผมแค่อยากถามคุณเรื่องหนึ่ง คุณยินยอมที่จะเป็นคู่หูของผมแทนคุณป่าเอ๋อร์ไหมครับ” เซวียเหวินยูนมองเซี่ยชีหรั่นยิ้มๆ
เซี่ยชีหรั่นชี้มาทางตัวเอง และเอ่ยขึ้นอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกว่า “ฉันเป็นนักออกแบบ อาจจะช่วยอะไรไม่ได้”
“ไม่อย่างนั้น พวกเรามาตัดสินกันด้วยการโหวตเถอะ ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินในที่นี้คือเซี่ยชีหรั่น ประธานเย่ และเซวียเหวินยูนใช้การโหวตมาตัดสินแล้วกัน”
เซวียเหวินยูนได้ยินโยวจื๋อเรียกตัวเอง ก็กวาดตามองผ่าน เอ่ยอย่างเฉื่อยชาว่า “เป็นความคิดที่ดีจริงๆ คุณชายโยวมักจะตัดสินใจทำเรื่องที่ทำให้ผมประหลาดใจเป็นอย่างมากในตอนสำคัญ”
โยวจื๋อถลึงตาใส่เซวียเหวินยูน เย่เชินหลินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเรียบๆว่า “ป่าเอ๋อร์” ป่าเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่า เย่เชินหลินจะช่วยตัวเองแบบนี้
เซี่ยชีหรั่นมองไปทางเย่เชินหลิน แม้ว่าเธอจะไม่สนใจตำแหน่งนี้ แต่กลับใส่ใจเย่เชินหลินที่เลือกอีกคนหนึ่งโดยไม่ลังเล เหมือนกับว่าดูแคลนความสามารถของตนเอง
“คุณเซี่ย คุณล่ะครับ” เซวียเหวินยูนมองไปทางเซี่ยชีหรั่น ชูสองนิ้วแล้วโบกไปมา เตือนเรื่องที่เซี่ยชีหรั่นรับปากตัวเองเอาไว้
“อืม ฉันรับปากค่ะ” เซี่ยชีหรั่นเอ่ย มองไปที่เซวียเหวินยูน
เย่เชินหลินลุกขึ้น หน้าเขียวปั้ด คว้าข้อมือของเซี่ยชีหรั่น เดินออกไปทางด้านนอกโดยไม่พูดอะไร “ชีหรั่น” โยวจื๋อลุกขึ้น คิดจะตามไป
เซวียเหวินยูนเอ่ยเรียบๆว่า “ถัดมา ก็ควรจะจัดการปัญหาระหว่างฉันกับนายแล้ว”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนาย” โยวจื๋อเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
“อ่อ เป็นเช่นนั้นหรือ” เซวียเหวินยูนเลิกคิ้ว เอ่ยต่อไปว่า “อย่างนั้นต้องพูดว่า นายจะต้องแก้แค้นให้ได้ถึงจะพอใจสินะ”
โยวจื๋อไม่ตอบ แต่แววตากลับเผยความเกลียดชังอันรุนแรงออกมา “น้องสาวคนเดียวของฉันกระโดดตึกเพื่อเขา ฉันจะปล่อยวางเรื่องนี้ได้อย่างไร ให้พวกเขามีความสุขได้อย่างไร”
ในสวนดอกไม้ เซี่ยชีหรั่นสะบัดมือเย่เชินหลินทิ้ง เย่เชินหลินขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “อย่าโวยวาย”
“ดังนั้น ในสายตาของคุณตอนนี้ ฉันเพียงแค่พาลหาเรื่องถูกไหมคะ” เซี่ยชีหรั่นหอบเล็กน้อย ถลึงตาใส่เย่เชินหลิน
“อย่าไปแหย่ผู้ชายคนนั้น” เย่เชินหลินเอ่ยเรียบๆ สำหรับข่าวลือของผู้ชายคนนี้มีมาขาดสายไม่เคยหยุด อยู่ระหว่างขาวและดำทั้งสองฝ่าย เป็นผู้ชายที่สามารถปิดท้องฟ้าด้วยการใช้มือข้างเดียวที่ฝรั่งเศส
เซี่ยชีหรั่นถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อเว้นระยะห่างจากเย่เชินหลิน “ฉันไม่ได้พาล เขาหวังจะให้ฉันช่วยเขา ฉันก็แค่ทำตามเท่านั้นเอง เอาเถอะค่ะ ฉันจำเป็นต้องกลับไปเตรียมตัวแล้ว”
เย่เชินหลินไม่ได้ห้ามปรามอีก มองเงาหลังเซี่ยชีหรั่นที่จากไปไกล ซูหวางปรากฏขึ้นที่ด้านข้าง เอ่ยเสียงเรียบว่า “ต้องการให้ผมไปจัดการเขาไหมครับ”
เย่เชินหลินดึงสายตากลับมา “ไม่ต้อง ส่งคนไปปกป้องเธอหลายคนหน่อย”
รถขับเคลื่อนไปบนท้องถนนอย่างรวดเร็ว เซวียเหวินยูนเอ่ยกับเซี่ยชีหรั่นที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว่า “หลังจากที่วงการการค้าขายซิงอันก่อตั้งสำเร็จแล้ว ก็จะกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจขนาดใหญ่แห่งที่สอง”
“อืม” เซี่ยชีหรั่นรับคำเรียบๆ
เซวียเหวินยูนรู้สึกว่าน่าสนุก จึงเลิกคิ้วเอ่ยว่า “อีกทั้งเย่เชินหลินก็จะกลายเป็นเศรษฐีที่อายุน้อยมากที่สุดในอันดับมหาเศรษฐีทั่วโลก”
“อ่อ” เซี่ยชีหรั่นมองไปยังนอกหน้าต่างต่อไป
“คุณรู้ไหมว่าด้านหลังมีรถกี่คันตามพวกเราอยู่ ดูท่าเย่เชินหลินจะเอาใจใส่คุณมาก” เซวียเหวินยูนมองปฏิกิริยาของเซี่ยชีหรั่นด้วยความพอใจ
เซี่ยชีหรั่นหันไปมองด้านหลังรถรอบๆ เซวียเหวินยูนใช้มือประคองแก้มทั้งสองข้างของเซี่ยชีหรั่นแล้วเอ่ยยิ้มๆว่า “ถ้าหันอีก คอจะหลุดแล้วนะครับ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset