สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1263 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1163

บทที่ 1263 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1163
แสงไฟใต้กระจกกระพริบ เซวียเหวินยูนยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ ประคองแก้มและนวดไปบนแก้มของเซี่ยชีหรั่นต่อไป
“คุณปล่อยฉันเร็วเข้า” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยพูดทั้งที่ปากจู๋ เซวียเหวินยูนหัวเราะพรืดออกมา “ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่า ทำไมคนหน้าตายอย่างเย่เชินหลินถึงได้มีหญิงสาวที่น่ารักขนาดนี้แบบคุณอยู่ข้างกาย”
เซี่ยชีหรั่นนั่งนิ่ง โมโหจนไม่อยากจะพูดกับเซวียเหวินยูนอีก เซวียเหวินยูนที่อยู่ข้างๆเอ่ยเสียงเรียบว่า “นั่งดีๆ”
เซี่ยชีหรั่นยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง รถยนต์ก็ขับเป็นรูปตัว “S” ด้วยความเร็วสูง แซงหน้ารถไปสี่ห้าคันขึ้นไปอยู่ด้านหน้าแทน
“คุณบ้าไปแล้ว!” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยทั้งที่ยังขวัญหนีดีฝ่ออยู่ เซวียเหวินยูนนั่งยิ้มกริ่ม พลางเอ่ยว่า “แบบนี้ถึงจะสนุก”
“ประธานเย่ครับ ทางเราพลัดหลงกับรถของคุณผู้หญิงครับ” ก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้ามองเย่เชินหลิน
เย่เชินหลินเคาะโต๊ะเบาๆ เสียงดังกังวานที่เป็นจังหวะ ทำให้ซูหวางใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ “ให้คนทั้งหมดถอยกลับมา”
เย่เชินหลินออกคำสั่งอย่างเย็นชา ซูหวางตะลึง “ให้ทั้งหมดถอยกลับมาหรือครับ ไม่ต้องตามแล้วหรือ”
เย่เชินหลินเหลือบมองซูหวางแวบหนึ่ง น้ำเสียงเย็นยะเยือก “อย่าให้ผมต้องพูดอีกเป็นครั้งที่สอง”
เซวียเหวินยูนยิ้มกริ่ม ให้เซี่ยชีหรั่นลงจากรถ รถจอดอยู่ริมผืนดินว่างเปล่าขนาดใหญ่ผืนหนึ่ง “หลังจากนี้ ที่แห่งนี้จะเป็นย่านธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด แหล่งเก็บเงินเข้ากระเป๋าที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง”
เซวียเหวินยูนปล่อยมือเซี่ยชีหรั่นที่มองดูไปรอบๆ มีคนงานกำลังเริ่มทำงานแล้ว เซี่ยชีหรั่นมองเซวียเหวินยูน พลางเอ่ยว่า “นี่เป็นเรื่องที่หนึ่งที่ฉันรับปากคุณ”
เซวียเหวินยูนมองเซี่ยชีหรั่นยิ้มๆ “แน่นอน ชีหรั่น คิดไม่ถึงเลยว่า คุณจะเป็นคนที่รักษาคำพูดขนาดนี้ เย่เชินหลินไม่คู่ควรกับคุณแม้แต่น้อย ไม่สู้ คุณไปกับผมเถอะ”
เซี่ยชีหรั่นมองใบหน้าที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ของเซวียเหวินยูน จ้องมองฝ่ายตรงข้ามเขม็ง ระยะห่างระหว่างแก้มของทั้งสองฝ่ายมีเพียงแค่นิ้วหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังสามารถรับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายได้อย่างเลือนราง
“ทำไมถึงไม่แสดงต่อไปล่ะ” เซี่ยชีหรั่นจ้องมองเซวียเหวินยูน เซวียเหวินยูนยืดตัวขึ้นตรงเว้นระยะห่างจากเซี่ยชีหรั่น พลางเอ่ยว่า “คุณอยากจะพูดอะไร”
“คุณหวาดกลัวที่จะสัมผัสกับผู้หญิงใช่หรือไม่” เซี่ยชีหรั่นก้าวเข้าไปจับเซวียเหวินยูนเอาไว้ เซวียเหวินยูนสีหน้าเปลี่ยน สะบัดเซี่ยชีหรั่นออกอย่างแรง ใบหน้าบิดเบี้ยว “อย่าแตะต้องผม”
เซี่ยชีหรั่นยืนยันความจริงในการคาดเดาในใจของตัวเองแล้ว ก็มองเซวียเหวินยูนนิ่งๆ พลางเอ่ยว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เอาชนะได้ยาก สู้ๆค่ะ!”
เซวียเหวินยูนยิ้มเจื่อน เขาจะสู้อย่างไร ที่แท้จริงแล้ว บุคคลที่ได้รับการยกย่องชื่นชมกลับเป็นผู้ชายที่กลัวผู้หญิง สิบกว่าปีแล้ว กระทั่งมือของหญิงสาวก็ยังไม่กล้าจูงหรือ
ด้านข้างมีเสียงร้องตื่นตระหนกของคนงานดังขึ้น เซี่ยชีหรั่นกับเซวียเหวินยูนหันหน้าไปมองพร้อมกัน คนงานคนหนึ่งยืนโงนเงนไม่มั่นคงอยู่บนแผ่นคอนกรีตอัดบนตึกก่อสร้างสูงแห่งหนึ่ง
เซวียเหวินยูนขมวดคิ้ว เรื่องต้องห้ามของตึกธุรกิจก็คือการกระโดดตึก เขาวิ่งไปทางขึ้นบันไดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นเห็นว่าเซวียเหวินยูนไม่ได้มีมาตรการป้องกันอะไรก็วิ่งขึ้นตึกไป จึงกอดหมวกนิรภัยวิ่งตามขึ้นไป
“พวกแกหลบไปให้หมด! พวกแกมันก็ดีแต่ประจบสอพลอผู้ที่มีฐานะสูงกว่า แล้ววางตัวปั้นปึ่งใส่คนที่ฐานะต่ำต้อยกว่า เงินค่าตอบแทนที่ผมทำงานอย่างยากลำบาก ทำไมถึงไม่ให้ผมกัน” ชายคนนั้นกระโดดอยู่บนแผ่นคอนกรีตไปมา แผ่นคอนกรีตโงนเงนไม่มั่นคง คนรอบด้านไม่มีใครสักคนที่กล้าเข้าใกล้
“คุณผ่อนคลายลงสักหน่อยเถอะ อย่าหุนหันพลันแล่น” เซวียเหวินยูนแหวกกลุ่มคนออกมา โบกมือเอ่ยพูดกับคนงานที่คิดจะกระโดดตึก พยายามที่จะให้ฝ่ายตรงข้ามสงบลง
“ผมเกลียดคนมีเงินอย่างพวกคุณที่สุด! คุณดูสิว่า ทุกวันพวกคุณล้วนสวมเสื้อผ้าที่งดงาม เกิดมาก็มีอนาคตที่ดี แต่พวกเราล่ะ ต้องใช้แรงงานหาเงินอย่างยากลำบาก สุดท้ายแล้วกระทั่งเงินค่าทำงานก็ไม่ได้!” คนงานเห็นเซวียเหวินยูนก็ยิ่งมีโทสะ
คนงานรอบด้านถูกปลุกอารมณ์ จึงมีท่าทีที่ไม่ดีต่อเซวียเหวินยูน จนถึงขั้นมีคนกลุ่มหนึ่งเริ่มเข้ามาล้อมเซวียเหวินยูน
“พวกคุณใจเย็นกันหน่อย!” เงาร่างเล็กๆพุ่งเข้ามาด้านหน้ากลุ่มคน เซวียเหวินยูนสีหน้าเย็นชา “เซี่ยชีหรั่น คุณออกมาทำอะไร ไสหัวกลับไป”
“พวกคุณใจเย็นกันสักหน่อยเถอะค่ะ แบบนี้ถึงจะจัดการแก้ปัญหาได้ดี” เซี่ยชีหรั่นยกมือทั้งคู่สูงขึ้นอย่างระมัดระวัง ทำให้ทุกคนได้เห็นความจริงใจของตัวเอง
“คุณไปเสีย ผมจะคุยกับเธอ!” คนงานร้องตะโกน เซวียเหวินยูนมองเซี่ยชีหรั่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคนงานเหล่านี้ไม่พูดกันด้วยเหตุผลขึ้นมา ก็ไม่มีทางที่จะคุยกันรู้เรื่อง
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าให้กับเซวียเหวินยูน เซวียเหวินยูนค่อยๆถอยไปทางด้านหลัง สังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเซี่ยชีหรั่น ถ้าหากว่ามีปัญหาจะได้ช่วยเซี่ยชีหรั่นได้ทัน
“คุณฟังฉันพูดก่อนนะคะ มีปัญหาอะไร พวกเราสามารถพูดคุยกันได้” เซี่ยชีหรั่นค่อยๆเข้าไปใกล้คนงาน ลมพัดจนเธอปวดหัวเล็กน้อย
“คุณคือใคร คุณพูดแล้วมีประโยชน์หรือไม่” คนงานมองเซี่ยชีหรั่น พลางตะโกนออกมา
เซี่ยชีหรั่นแทบจะยกตัวเองให้สูงขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อจนแทบทนไม่ไหว จึงรีบพยักหน้า “ฉันชื่อเซี่ยชีหรั่น เป็นนักออกแบบอัญมณีคนหนึ่ง ในท้องของฉันมีลูกของเย่เชินหลินอยู่ คุณรู้จักเย่เชินหลินสินะ เป็นเจ้านายที่ใหญ่ที่สุดในวงการธุรกิจแห่งนี้ เขาจะต้องช่วยคุณได้แน่นอน”
คนงานเอ่ยอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า “ผมจะเชื่อคุณได้อย่างไร!”
เซี่ยชีหรั่นพูดไม่ออก เสียงเรียบเฉยลอยออกมาจากด้านข้าง “สิ่งที่เธอพูดล้วนเป็นความจริง”
เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นขึ้นๆลงๆอย่างพิจารณา เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีปัญหาอะไรก็โอบเธอเอาไว้เบาๆ เมื่อเห็นเย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นก็ปล่อยจุดศูนย์ถ่วงของตัวเองไปบนตัวเย่เชินหลิน เท้าอ่อนจนไร้เรี่ยวแรง
“คุณคือประธานบริษัทเย่ซื่อจริงๆหรือ” คนงานมองเย่เชินหลินอย่างสงสัย
เย่เชินหลินเอ่ยเสียงเรียบ “คุณสามารถลงมาตรวจสอบด้วยตัวเองหรือว่าจะกระโดดลงไปแล้ว รอให้คนในครอบครัวของคุณมาร้องไห้สะอึกสะอื้น หลังจากนั้นก็ให้พวกเขามาตรวจสอบแทน” คนงานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆจึงอาศัยโอกาสนี้คว้าไหล่เขาเอาไว้แล้วดึงลงมา เย่เชินหลินโอบเซี่ยชีหรั่นเดินไปถึงด้านหน้าเซวียเหวินยูน ประคองเซี่ยชีหรั่นให้นั่งบนเก้าอี้ด้านข้างโดยไม่พูดอะไร มองเซวียเหวินยูนด้วยสายตาเย็นชา กำมือหลวมๆแล้วชกลงไปบนแก้มของเซวียเหวินยูนหมัดหนึ่ง
เซวียเหวินยูนถูกชกจนหน้าหัน เลือดไหลออกมา เปรอะเปื้อนเป็นคราบเลือดที่มุมปาก เซวียเหวินยูนยิ้มเย็น “ดีมาก”
หมัดหนึ่งชกมาทางเย่เชินหลินอย่างรวดเร็ว เย่เชินหลินหลบได้อย่างสบายๆ และปล่อยหมัดเข้าไปที่หน้าท้องของฝ่ายตรงข้าม ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันไปมาอย่างดุเดือด
เซี่ยชีหรั่นเห็นว่าเย่เชินหลินเป็นฝ่ายเหนือกว่า เซวียเหวินยูนถูกบีบไปจนถึงมุมหนึ่งแล้ว ถ้าหากว่าถอยหลังอีกก็อาจจะตกลงไปได้ จึงพุ่งเข้าไปกอดเซวียเหวินยูนเอาไว้อย่างร้อนใจ
เย่เชินหลินบังคับหมัดให้หลบออกไป ร่างกายของเซวียเหวินยูนแข็งทื่ออย่างไม่สามารถขยับได้ เพียงแค่ยืนมองเซี่ยชีหรั่นค้าง
“ทะเลาะกันที่ด้านบนอันตรายมาก” เซี่ยชีหรั่นปล่อยเซวียเหวินยูน หันหน้าไปพูดกับเย่เชินหลิน และมีอาการเวียนหัวสลบไป
ยังไม่ทันจะได้สติ จมูกก็ได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อแล้ว เซี่ยชีหรั่นลืมตาขึ้น ห้องยังคงเป็นห้องของตัวเอง แต่ในตอนนี้มีอุปกรณ์ของทางโรงพยาบาลมากมาย
เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นอยู่ข้างๆอย่างเย็นชา เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิด ถึงได้นึกออกว่าตัวเองทำพฤติกรรมที่น่าตกใจออกไป เมื่อเห็นเย่เชินหลินที่ไม่พูดอะไร เซี่ยชีหรั่นก็ไอเล็กน้อย เห็นสายตาของเย่เชินหลินมองมาทางตัวเองแล้วก็เอ่ยเสียงเบาว่า “น้ำ”
แม่บ้านเทน้ำมาให้ เย่เชินหลินรับมา ประคองเซี่ยชีหรั่นขึ้นมากับมือ แก้วน้ำถูกส่งให้กับเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นจิบน้ำไปหลายคำ คิดจะพูดอะไร คิดอยู่นานสองนานก็เอ่ยออกมาประโยคหนึ่งว่า “น้ำนี่ร้อนมาก”
เย่เชินหลินมองแม่บ้านเงียบๆ แม่บ้านจึงรีบไปจัดการเตรียมน้ำอุ่น เย่เชินหลินเลิกคิ้ว “คุณคิดจะพูดแค่นี้หรือ”
เซี่ยชีหรั่นกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “ฉันหิวแล้วค่ะ”
เย่เชินหลินสีหน้าทะมึน ลุกขึ้นยืนและเปิดประตูจากไป เซี่ยชีหรั่นขยับตัวอย่างยากลำบากเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายเล็กน้อย ประตูถูกเปิดออก มือคู่หนึ่งจะเข้ามาช่วย แต่ก็คล้ายจะลังเล
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองได้” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยกับเซวียเหวินยูนยิ้มๆ
“ทำไม ทำไมต้องช่วยผม” สิ่งแรกที่ปรากฏในสายตาของเซวียเหวินยูนคือความสงสัย
เซี่ยชีหรั่นมองเซวียเหวินยูนแปลกๆ “เพราะว่าคุณใกล้จะตกลงไปแล้ว เปลี่ยนเป็นคนงานคนนั้น หรือว่าใครก็ตาม ฉันล้วนช่วยหมด นี่คือธรรมชาติของคนเรา”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” เซวียเหวินยูนพึมพำ เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่ใส่ใจ มองเซี่ยชีหรั่น พลางเอ่ยว่า “เฮ้ คุณผู้หญิง! ผมรังเกียจที่คนอื่นแตะตัวผมจริงๆ ตัวเองยังตั้งครรภ์อยู่นะ หลังจากนี้ก็อย่าออกหน้าอีกเลย”
เซี่ยชีหรั่นโมโหจนหันหน้าไปคว้าหมอนขึ้นมา เซวียเหวินยูนเปิดประตูเดินออกไปแล้ว เมื่อประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง เซี่ยชีหรั่นชูหมอนขึ้นอย่างมีโทสะ เย่เชินหลินมองตั้งแต่ร่างของเซี่ยชีหรั่นไปจนถึงหมอนที่อยู่ในมือของเซี่ยชีหรั่นด้วยสีหน้าค้นหา
สนามหญ้ากว้างใหญ่ บนโต๊ะอาหารตัวยาวสไตล์ยุโรป เต็มไปด้วยของหวานที่ทำอย่างประณีตวางอยู่เต็มโต๊ะ พ่อครัวชาวฝรั่งเศสยืนรอคอยให้บริการด้วยความเคารพอย่างเตรียมพร้อมตลอดเวลา และปฏิบัติตามคำสั่งของเย่เชินหลิน หลังจากนี้ของหวานที่ถูกเซี่ยชีหรั่นแตะมากที่สุดให้ให้ความสำคัญในการทำ
บนดาดฟ้าที่อยู่ไม่ไกลแห่งหนึ่ง นิ้วของป่าเอ๋อร์ขยับไปมาจนแดงก่ำ เอ่ยด้วยความเกลียดชังว่า “ทำไมถึงไม่ล้มจนแท้งลูกของเธอ!”
โยวจื๋อเอ่ยเรียบๆว่า “ยังไม่ถึงเวลา”
“เมื่อไหร่จะถึงล่ะ ฉันจะรอไม่ไหวแล้ว” ป่าเอ๋อร์เอ่ยอย่างมีโทสะ โยวจื๋อเหลือบมองป่าเอ๋อร์แวบหนึ่งแต่เจือไปด้วยการเหยียดหยาม “ถ้าหากไม่ใช่ว่าคุณมันใช้ไม่ได้ขนาดนี้ ตอนนี้คุณก็ยังมีเวลาที่จะอยู่ด้วยกันกับเย่เชินหลินอีกนาน”
คำพูดไม่ไว้หน้าของโยวจื๋อ ทำให้สีหน้าของป่าเอ๋อร์แดงก่ำยิ่งกว่าเดิม สีหน้าของโยวจื๋อแฝงไปด้วยความปรารถนาในการแก้แค้น โยวจื๋อคิด บางทีถึงเวลาที่จะให้ผู้หญิงคนนี้จบภารกิจของเธอแล้วจริงๆ
“คิดอยากจะอยู่ข้างกายเย่เชินหลิน ก่อนอื่นต้องให้เซี่ยชีหรั่นทำดีกับคุณก่อน” โยวจื๋อมองป่าเอ๋อร์แล้วยิ้มออกมากะทันหัน
“จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะให้เซี่ยชีหรั่นทำดีกับฉัน คุณไม่รู้ท่าทีของเธอในตอนที่เห็นฉัน” ป่าเอ๋อร์ไม่ใส่ใจในคำแนะนำของโยวจื๋อแม้แต่น้อย
“คุณรู้ไหมว่า สำหรับเซี่ยชีหรั่นแล้ว ใครสำคัญมากที่สุด” โยวจื๋อเอ่ยถามจูงใจ
“เย่เชินหลิน” ป่าเอ๋อร์มองโยวจื๋อ ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าคุณพูดอะไรไร้สาระ
โยวจื๋อส่ายหน้า “ไม่ใช่เย่เชินหลิน เธอเคยแยกทางกับเย่เชินหลินไปช่วงเวลาหนึ่ง คนที่สำคัญมากที่สุดสำหรับเธอ น่าจะเป็นเย่เนี่ยนโม่ที่เป็นลูกของเธอ”
“เด็กคนนั้นหรือ” ป่าเอ๋อร์เอ่ยเสียงยาว โยวจื๋อพยักหน้า “ขอเพียงแค่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กคนนั้น อย่างนั้นก็ไม่ต้องกลัวว่าเซี่ยชีหรั่นจะไม่ดีกับคุณ เธอดีกับคุณแล้ว คุณก็จะมีโอกาสได้พบหน้าเย่เชินหลินมากขึ้นไม่ใช่หรือ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset