สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1264 หญิงรับใช้ของเย่เชินหลิน 1164

บทที่ 1264 หญิงรับใช้ของเย่เชินหลิน 1164
บนรั้วกว้างที่ว่างเปล่า เซี่ยชีหรั่นถูกเย่เชินหลินบังคับให้เดินไปรอบๆโต๊ะอาหาร สีหน้าเย่เชินหลินไม่น่าดูเป็นอย่างมาก ไม่พูดอะไรสักประโยค
โยวจื๋อหรี่ตามองเซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินอย่างไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เซวียเหวินยูนเดินมาถึงข้างกายโยวจื๋อ เอ่ยเรียบๆว่า “ถ้าหากว่าเป็นไปได้ อย่าจัดการเซี่ยชีหรั่น”
โยวจื๋อหัวเราะออกมาเบาๆ “ทำไมหรือ เพิ่งจะไม่กี่วัน นายก็ถูกทำให้หลงใหลเสียแล้วหรือ”
แววตาของเซวียเหวินยูนมีเปลวไฟไหววูบวาบแปลกๆ จู่ๆก็ยิ้มชั่วร้ายออกมา ลากเสียงยาวเอ่ยว่า “ฉันถูกใครทำให้หลงใหล นายไม่ได้รู้ชัดมากกว่าหรือ”
โยวจื๋อชะงัก เบนสายตาออกไป หลังจากแสร้งเผยรอยยิ้มจอมปลอม “ฉันจะไม่ปล่อยเซี่ยชีหรั่นไปแน่”
อากาศที่มีฝนตกพรำๆนั้นหนาวขึ้นมาเล็กน้อย เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินที่กำลังจัดการงานในบริษัทแล้วก็ถอนหายใจเสียงเบา
นับตั้งแต่วันนั้น แม้ว่าเย่เชินหลินจะบังคับให้เซี่ยชีหรั่นกินข้าวและออกกำลังกายทุกวัน แต่เซี่ยชีหรั่นรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามมีโทสะ
เย่เชินหลินหยุดปากกาในมือ รู้สึกได้ถึงสายตาของเซี่ยชีหรั่นที่มองมาทางตัวเองบ่อยๆ เขาโกรธ โกรธที่เซี่ยชีหรั่นปกป้องผู้ชายคนอื่นจนกระทั่งชีวิตก็ไม่ต้องการ ยิ่งโกรธตัวเองที่ถูกเซี่ยชีหรั่นสั่นคลอนความรู้สึก ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคย
“ชีหรั่น ไปกับผมสักรอบได้ไหม” เซวียเหวินยูนเคาะประตู เห็นเซี่ยชีหรั่นแล้วก็เอ่ยขึ้น แววตาแฝงไปด้วยความร้อนรน
“ไม่อนุญาตให้ไป” เย่เชินหลินเอ่ยออกมาโดยไม่เงยหน้า
เซี่ยชีหรั่นไม่อยากจะขัดใจเย่เชินหลินในช่วงเวลาสำคัญที่ทะเลาะกันอยู่แบบนี้ จึงเอ่ยอย่างลำบากใจว่า “ขอโทษด้วยค่ะ คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ ตอนนี้ฉันยังไม่อยากออกไปข้างนอก”
เซวียเหวินยูนกวาดตามองเย่เชินหลิน เอ่ยเสียงเข้มว่า “ผู้ชายคนนั้นถูกจับเข้าคุก ตอนนี้พ่อแม่ของเขาต้องการพบกับคุณ”
เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินอย่างไม่อยากจะเชื่อ เอ่ยถามเสียงสั่นว่า “คุณทำหรือคะ”
เย่เชินหลินสีหน้าเย็นชาไม่ปฏิเสธ เซี่ยชีหรั่นเดินไปถึงด้านหน้าเซวียเหวินยูน เอ่ยว่า “ให้เวลาฉันห้านาทีค่ะ”
เซวียเหวินยูนมองเย่เชินหลิน พยักหน้าแล้วปิดประตู เซี่ยชีหรั่นยืนอยู่ด้านหน้าเย่เชินหลิน ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ “พวกเขาเพียงแค่ต้องการเงินค่าทำงาน คนที่ทำผิดไม่ใช่พวกเขา”
เย่เชินหลินเอ่ยเรียบๆว่า “เชือดไก่ให้ลิงดู ถ้าหากไม่ทำแบบนี้ ก็จะมีคนอีกมากมายที่เลียนแบบเขา ครั้งนี้มีคุณ ครั้งหน้าก็ยังจะมีเรื่องแบบนี้อีก”
“แต่ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์นะคะ คุณจะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นๆเลียนแบบการกระทำของเขา โดยทำเรื่องที่โหดเหี้ยมกับเขาได้อย่างไรคะ” เซี่ยชีหรั่นตะคอกด้วยโทสะ
ความเจ็บแปลบเล็กน้อยถูกส่งมาจากบริเวณท้อง เซี่ยชีหรั่นคิ้วขมวด เย่เชินหลินนั้นลุกขึ้นยืนนานแล้ว ไม่ยอมให้ใครได้อธิบายอะไรก็อุ้มเซี่ยชีหรั่นไปวางบนเตียง เซี่ยชีหรั่นเอ่ยเสียงเย็นว่า “ตอนนี้ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ค่ะ!”
เย่เชินหลินยืดตัวขึ้น ริมฝีปากบางเม้มแน่น นัยน์ตาคมปลาบ คิ้วขมวดเป็นปมแน่น “คุณอย่าคิดว่าเรื่องมันจะง่ายขนาดนั้น”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มเฝื่อน “ฉันกับคุณนั้นก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแม้แต่น้อย ฉันโชคดีที่คิดเรื่องพวกนี้ตื้นๆแบบนี้”
เซี่ยชีหรั่นหยิบเสื้อคลุมมาแล้วเดินผ่านข้างกายเย่เชินหลินไป “เซี่ยชีหรั่น” เย่เชินหลินตะโกนเสียงต่ำด้วยความโมโหอยู่ด้านหลัง
เซี่ยชีหรั่นหยุดฝีเท้า นึกถึงหยาดน้ำตาและเสียงตะโกนโวยวายของชายที่อยู่บนดาดฟ้าแล้ว ก็เปิดประตูออกไป ด้านในมีเสียงขวดแก้วแตกเพล้งดังขึ้น
เซวียเหวินยูนกางร่มยืนรออยู่ท่ามกลางสายฝน เซี่ยชีหรั่นหันหน้าไปมองเงาร่างสูงตระหง่านที่ยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างหลังดอกพุทธรักษา เซวียเหวินยูนเอาร่มมากกว่าครึ่งให้กับเซี่ยชีหรั่น เมื่อหันหน้ามาก็เอ่ยเสียงเบาว่า “ถ้าหากว่าคุณไม่อยากไป ผมก็จะไม่ฝืนบังคับคุณ”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า มองคนที่ยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างแวบหนึ่งแล้วก็ก้าวเข้าไปในรถ หยาดฝนโปรยปรายแฝงไปด้วยความหนาวเย็นจับกระดูก
เซี่ยชีหรั่นก้าวขึ้นไปบนลิฟต์โดยสารอย่างยากลำบาก หน้าประตูดาดฟ้ามีบอดี้การ์ดยืนเรียงกันเป็นหน้ากระดาน เซี่ยชีหรั่นถามเซวียเหวินยูน “คุณจัดการหรือคะ”
เซวียเหวินยูนส่ายหน้า เอ่ยว่า “ไม่ใช่ผม”
เงาร่างของเย่เชินหลินปรากฏขึ้นด้านหน้าเซี่ยชีหรั่น เหล่าบอดี้การ์ดกางร่มดูแลเซี่ยชีหรั่นที่ตั้งครรภ์ มีผู้ชราสองคนพาเด็กสาวที่อายุ 7-8 ขวบปีนข้ามรั้วเหล็กมาท่ามกลางสายฝน เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นก็ตาเป็นประกาย
“คุณคือผู้มีพระคุณที่พูดว่าจะช่วยชีวิตลูกชายของฉันใช่ไหมคะ” หญิงชราเห็นเซี่ยชีหรั่นแล้วก็ร้องเรียกออกมา และคุกเข่าให้กับเซี่ยชีหรั่น
“พวกคุณรีบลุกขึ้นเร็วเข้า” เซี่ยชีหรั่นวิ่งไปด้านหน้าหลายก้าว บอดี้การ์ดก็ตามกางร่มให้เซี่ยชีหรั่นเป็นเงา
เซี่ยชีหรั่นถลึงตาใส่บอดี้การ์ด คว้าร่มมากางไว้เหนือศีรษะผู้ชรา ผู้ชราพึมพำว่า “ชั่วชีวิตนี้ของพวกเราทำมาหากินอย่างซื่อสัตย์สุจริต ได้ยินว่าเขาเข้าไปอยู่ในสถานที่แบบนั้น คนในหมู่บ้านล้วนนินทาพวกเรา เฮ้อ ชีวิตลำบากจริงๆ”
เซี่ยชีหรั่นเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของผู้ชราแล้วก็เอ่ยอย่างสะอื้นว่า “คุณลุกขึ้นมาก่อนเถอะนะคะ มีอะไร พวกเราก็มาพูดกันดีๆเถอะค่ะ”
ผู้ชราคุกเข่าไม่ยอมลุกขึ้น ทั้งยังบังคับให้เด็กสาวคุกเข่าลงด้วยกัน “คุณผู้หญิง ประธานเย่สั่งให้สถานีตำรวจปล่อยคนแล้ว”
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างกายเซี่ยชีหรั่นเอ่ยเบาๆ หญิงชราได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะโขกศีรษะให้กับเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นมองผู้ชราเหล่านี้ด้วยความปวดใจ ในใจก็รู้สึกโศกเศร้าต่อการกระทำที่ไม่เห็นใจผู้อื่นของเย่เชินหลิน
ทำไมถึงได้เย็นชาต่อคนที่ไม่มีความสลักสำคัญอะไรกับตัวเองได้ถึงขนาดนี้ เซี่ยชีหรั่นนั่งมองฝนนอกหน้าต่างโดยไม่เอ่ยอะไรภายในรถ เซวียเหวินยูนเห็นรถบอดี้การ์ดคันหน้าและคันหลังที่นำทางแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ผู้หญิงที่ทำให้เย่เชินหลินเอาใจใส่ได้มีเพียงแค่เซี่ยชีหรั่น”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มแหยๆ “แต่ว่าในบางครั้งการเอาใจใส่แบบนี้ก็กลายเป็นภาระประเภทหนึ่ง”
หยาดน้ำฝนถูกขวางกั้นอยู่นอกบานหน้าต่าง เซี่ยชีหรั่นเปิดประตู ท่ามกลางความมืดสลัว ก็ถูกแรงที่ไม่น้อยกดทับเอาไว้บนกำแพง กลิ่นแอลกอฮอล์อบอวลอยู่ในโพรงจมูก
แม้ว่าเย่เชินหลินจะเมาแล้ว แต่ก็ผ่อนแรงไม่ให้การกระทำของตัวเองทำร้ายเซี่ยชีหรั่นและลูกในท้องบาดเจ็บตามจิตใต้สำนึก
“คนคนนั้น ผมปล่อยไปแล้ว” เย่เชินหลินหันหน้า เอ่ยเบาๆที่ข้างหูเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นชะงักไปเล็กน้อย ปล่อยมือที่คิดจะผลักเย่เชินหลินออก รับคำเสียงเบาว่า “ฉันรู้แล้วค่ะ”
“เซี่ยชีหรั่น ในใจของผมมีแค่คุณ แต่คุณล่ะ ในใจของคุณมีคนมากมายเกินไป ผม เย่เชินหลินได้ครอบครองเพียงแค่ตำแหน่งหนึ่งในนั้นเท่านั้นเองสินะ” เย่เชินหลินพึมพำข้างหูเซี่ยชีหรั่น
กลิ่นของวิสกี้เจือไปด้วยความหอมหวาน เย่เชินหลินที่พิงตัวอยู่บนไหล่ของเซี่ยชีหรั่นพึมพำไม่ได้ศัพท์ มือของเซี่ยชีหรั่นที่อยู่ด้านข้างผลักเย่เชินหลินเบาๆ
ร่างกายที่ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมขยับไปด้านข้างเล็กน้อย มือทั้งสองข้างโอบกอดเซี่ยชีหรั่นอย่างดื้อดึงเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ
“เย่เชินหลินคะ” เซี่ยชีหรั่นดันเบาๆ มีเสียงเบาๆของลมหายใจลอยมาจากบนไหล่ ดวงตาคู่นั้นของเย่เชินหลินหลับสนิท คล้ายกับว่าไม่พอใจต่อการผลักไสของเซี่ยชีหรั่นมากนัก จึงกอดแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย
“เย่เชินหลิน ตื่นไปนอนที่เตียงเถอะค่ะ” เซี่ยชีหรั่นผลักเย่เชินหลินออกอย่างกินแรง เย่เชินหลินค่อยๆลื่นไหลลงไปซบที่ไหล่ของเซี่ยชีหรั่น
ไม่ง่ายเลยที่จะกึ่งลากกึ่งประคองเย่เชินหลินมาส่งถึงเตียงได้ เซี่ยชีหรั่นหยิบผ้าห่มมาห่มบนร่างเย่เชินหลิน มองรองเท้าหนังที่สวมอยู่บนเท้าและกางเกงของเย่เชินหลินแล้ว
เซี่ยชีหรั่นคิดแล้วก็ดึงผ้าห่มออก ถอดรองเท้าและกางเกงให้เย่เชินหลิน ชั่วขณะที่ท้องฟ้าหมุนวนผืนดินพลิกกลับ เซี่ยชีหรั่นก็นอนทับอยู่บนตัวเย่เชินหลิน
เย่เชินหลินลืมตา แพขนตาโค้งงอนสั่นระริก สายตาคล้ายกับมองเซี่ยชีหรั่น แต่ก็จากไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจ เอ่ยว่า “ดื่มจนเมาแล้วจริงๆหรือ”
เย่เชินหลินที่ดื่มเหล้าเมานั้นไม่ได้มีท่าทางเผด็จการเหมือนยามปกติ กลับมีความเป็นเด็กอยู่บ้าง จับมือของเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ไม่ปล่อย
“เย่เชินหลิน คุณปล่อยมือก่อนค่ะ ฉันจะไปรินน้ำร้อนให้คุณ” เซี่ยชีหรั่นยันตัวขึ้น พลางเอ่ย
นัยน์ตาของเย่เชินหลินกลอกไปมา ได้ยินชัดเจนเพียงแค่สองคำก็คือปล่อยมือ จึงกอดเซี่ยชีหรั่นเอาไว้แน่น เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ผมไม่ปล่อยมือเด็ดขาด!”
เซี่ยชีหรั่นถูกโอบจนไหล่เจ็บเล็กน้อย จึงทำได้เพียงแค่ปลอบใจว่า “ฉันจะไปรินน้ำแก้วหนึ่ง ครู่เดียวค่ะ 3 นาที ไม่เชื่อคุณก็ดูนาฬิกาข้อมือ แค่ 3 นาที ฉันก็กลับมาแล้ว”
เย่เชินหลินมองตาเซี่ยชีหรั่น เบนสายตาไปมองนาฬิกาบนข้อมือ นับเวลาอย่างจริงจัง เซี่ยชีหรั่นเดินไปรินน้ำให้เย่เชินหลินที่ห้องรับแขกด้วยความรู้สึกที่ว่าหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก
ตอนที่กำลังรินน้ำอยู่นั้น เงาดำสูงใหญ่ก็ปกคลุมทับเซี่ยชีหรั่น กักขังเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองอย่างแน่นหนา เซี่ยชีหรั่นยกแก้วขึ้นสูงแล้วรีบเอ่ยว่า “ทำไมหรือคะ”
เย่เชินหลินชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองอย่างเข้มงวด “3 นาที”
ยามเช้าตรู่ เย่เชินหลินเกลี่ยปอยผมบนหน้าผากเซี่ยชีหรั่นออกอย่างเบามือด้วยรอยยิ้ม เมื่อคืนวานภาพที่โวยวายยังคงอยู่ในความทรงจำ เขาไม่ได้เมาขนาดนั้น แต่กลับตั้งใจที่จะตามใจตัวเอง เพียงเพื่อที่จะเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่ผู้หญิงคนนี้นำพามาให้แต่เพียงผู้เดียว
เซี่ยชีหรั่นขมวดคิ้วเล็กน้อย เย่เชินหลินคิดจะดึงมือที่ลูบแก้มเซี่ยชีหรั่นออก เซี่ยชีหรั่นกลับพลิกตัวทับลงบนมือแห้งกร้านของเย่เชินหลิน ถูไปมาอย่างสบาย
เห็นสีหน้าขณะนอนหลับที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจของเซี่ยชีหรั่นแล้ว ในใจของเย่เชินหลินก็ละลายกลายเป็นชื่อชื่อหนึ่ง ชื่อนั้นเรียกว่า เซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นขยับไปมาอย่างพึงพอใจ ลืมตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อปรับให้เข้ากับแสงในยามเช้า ตามด้วยการไล่สายตามองขึ้นไปบนแขนที่นอนหนุน เย่เชินหลินมองตัวเองด้วยใบหน้าเฉยเมย สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความเข้มงวดดั่งที่เคยเป็น
“ขอโทษค่ะ!” เซี่ยชีหรั่นตะโกนออกมาแล้วถอยหลังไป มองรอยแดงบนมือของเย่เชินหลินที่ถูกตัวเองนอนทับ เซี่ยชีหรั่นก็เอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า “ฉันบอกไปแล้วว่าท่าทางการนอนของฉันนั้นแย่มาก คุณไม่ต้องสนใจฉันก็ได้”
เย่เชินหลินเห็นเซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นแล้ว ก็สวมเสื้อผ้า ตอนที่มือสอดเข้าไปในแขนเสื้อก็ชะงักไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด เซี่ยชีหรั่นเดินไปถึงข้างกายเย่เชินหลิน ค่อยๆบีบนวดไปที่แขนของเย่เชินหลินเบาๆ
“เมื่อคืนวานคุณบอกว่า ในโลกของฉันมีผู้คนมากมาย คุณเป็นเพียงแค่คนหนึ่งในนั้น” เซี่ยชีหรั่นก้มหน้าหลบสายตาเย่เชินหลิน เอ่ยออกมาเสียงเบา
เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นโดยไม่พูดอะไร แต่มือกลับกำหมัดเล็กน้อย เซี่ยชีหรั่นไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงอารมณ์ของเย่เชินหลิน จมเข้าสู่ความคิดของตัวเอง เอ่ยช้าๆว่า “ฉันไม่สามารถทำอย่างที่คุณต้องการได้ ฉันมีสิ่งที่กังวลและต้องคำนึงถึงมากเกินไป ดังนั้นขอโทษด้วยนะคะ”
เย่เชินหลินดึงมือตัวเองกลับมา มองเซี่ยชีหรั่นที่ก้มหน้าคอตก เอ่ยเรียบๆว่า “ผมรู้”
เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าอย่างประหลาดใจ แต่ก็เห็นเพียงแค่แผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวของเย่เชินหลิน “เขาหมดความอดทนแล้วหรือ รู้สึกว่าการทุ่มเทแบบนี้ไม่คุ้มค่าแล้วหรือ” เซี่ยชีหรั่นลูบท้อง พูดกับตัวเอง
“ชีหรั่น ช่วงนี้คุณกับประธานเย่เป็นอะไรไปหรือ” โยวจื๋อที่ช่วยทำอัลตราซาวด์อยู่ด้านข้างให้กับเซี่ยชีหรั่นเอ่ยถาม

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset