สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1272 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1172

ตอนที่ 1272 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1172
“ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นสักหน่อย” เซี่ยชีหรั่นบ่นพึมพำ
ข้าวมื้อนี้เป็นไปอย่างราบเรียบ เมื่อโยวจื๋อล้างจานเสร็จ ก็พาเซี่ยชีหรั่นมาที่ดาดฟ้า แล้วพูดว่า “ตอนนี้เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ตรงนี้คือจุดที่โยวเล่อโดดลงไปในตอนนั้น”
เมื่อเซี่ยชีหรั่นเห็นใบหน้ายิ้มๆของโยวจื๋อก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาแปลกๆ โยวจื๋อหยิบโทรศัพท์ออกมา หลังจากที่เสียงยืดยาวดังขึ้นมา เสียงที่เซี่ยชีหรั่นคุ้นเคยเป็นอย่างดีก็ดังขึ้นมา
“คุณทำสำเร็จแล้ว?” เสียงของซือซือเต็มไปด้วยแววขำขัน
โยวจื๋อเอ่ยถามซือซือเสียงเย็นว่า “ตอนนั้นที่เธอบอกฉันว่าโยวเล่อโดดตึกเพราะเซี่ยชีหรั่น เธอได้ปิดบังอะไรฉันเอาไว้ไหม?”
ซือซือที่อยู่ในสายหยุดนิ่งไป ทันใดนั้นก็พูดกลั้วยิ้มออกมาว่า “เซี่ยชีหรั่นอยู่กับคุณเหรอ? เหอะๆ ไม่เจอกันนานเลยนะเซี่ยชีหรั่น”
เซี่ยชีหรั่นเม้มปาก ผ่านไปนานถึงได้เอยชื่อที่คุ้นเคยออกมา “ซือซือ”
โยวจื๋อวางสายโทรศัพท์ ไม่ว่าความจริงของเรื่องจะเป็นยังไง แต่เขาก็ได้รู้ว่าเขาเป็นหมากของซือซือ เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ซือซือพูดถูกส่วนหนึ่ง โยวเล่อชอบเย่เชินหลินจริงๆ”
โยวจื๋อยิ้มขมขื่นแล้วส่ายหน้า พูดกับเซี่ยชีหรั่นเสียงเบาว่า “อีกไม่นานเย่เชินหลินก็จะตามมาแล้ว”
ใบพัดอันใหญ่จอดนิ่งอยู่เหนือหัวของทั้งสองคน จากนั้นร่างกายที่คุ้นเคยก็ห้อยตัวลงมาตามบันไดลิงอย่างสบายๆ เย่เชินหลินจ่อปืนใส่ศีรษะของโยวจื๋อแล้วเอ่ยว่า “ฉันมาเร็วกว่าที่นายคิดเอาไว้ใช่ไหมล่ะ”
โยวจื๋อโบกมือแล้วเป็นฝ่ายวางปืนที่อยู่ในมือลงก่อน จากนั้นก็มองมาที่เซี่ยชีหรั่นแล้วพูดว่า “พวกคุณไปเถอะ”
เซี่ยชีหรั่นเดินไปหาเย่เชินหลินช้าๆพร้อมกับหันไปมองโยวจื๋ออย่างกังวล เย่เชินหลินเก็บปืน แล้วดึงเซี่ยชีหรั่นเข้ามาสำรวจขึ้นๆลงๆ เมื่อสายตาเห็นแผลที่ตกสะเก็ดแล้วบนลำคอของเซี่ยชีหรั่น แววตาของเขาก็พลันเยือกเย็น
เย่เชินหลินเหลือบมองโยวจื๋ออย่างลุ่มลึก แล้วจึงจูงเซี่ยชีหรั่นลงไปข้างล่าง เซี่ยชีหรั่นรู้สึกแปลกๆ จึงเอ่ยพูดกับเย่เชินหลินว่า “ฉันเป็นห่วงเขา”
เย่เชินหลินยังไม่หายโกรธ จึงตอบกลับไปด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่ว่าเขาจะทำอะไรล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาเลือกแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือเคารพการตัดสินใจของเขา”
ดวงตาของเซี่ยชีหรั่นค่อยๆเบิกกว้าง หันหลังเตรียมจะเดินกลับไปทางเดิม แต่เย่เชินหลินกลับจับข้อมือของเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ กัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นมาว่า “ต่อให้เขาไม่ทำอย่างนี้ยังไงก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายอยู่ดี ทำไมคุณไม่ปล่อยให้เป็นไปตามเจตนาของเขาล่ะ?”
เซี่ยชีหรั่นกัดฟัน แล้วพูดกับเย่เชินหลินอย่างเสียใจว่า “เพราะว่าเขาคือเพื่อนของฉัน ฉันไม่สามารถทนเห็นเขาจากไปต่อหน้าต่อตาได้”
เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นด้วยแววตาลึกล้ำ ปล่อยมือออกอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อมองตามแผ่นหลังของเซี่ยชีหรั่นที่รีบวิ่งขึ้นไป ก็รู้สึกเหมือนความสุขของเขาสามารถหายไปได้ทุกเมื่อ
สำหรับเซี่ยชีหรั่นแล้ว มีคนมากมายที่เธอไม่สามารถปล่อยวางได้ ต้องทำยังไงถึงจะทำให้ในสายตาของเธอมีเขาแค่คนเดียว
โยวจื๋อมองรูปของโยวเล่อ รอบข้างมีน้ำมันกับไม้ขีดที่เตรียมเอาไว้ เขาพูดงึมงำขึ้นมาเสียงเบาว่า “พี่ไม่อยากตายวิธีเดียวกับแก พี่กลัวว่าตอนที่ได้เจอกันแกจะจำพี่ไม่ได้ อีกไม่นานพี่ก็จะไปอยู่กับแกแล้วนะ”
“โยวจื๋อ!” เซี่ยชีหรั่นตะโกนลั่นจนทำให้โยวจื๋อชะงักนิ่ง เขาจุดไฟแช็กแล้วหันไปมองเซี่ยชีหรั่น
“คนท้องไม่ควรเคลื่อนไหวร่างกายเยอะนะรู้ไหม” โยวจื๋อสั่งสอนเซี่ยชีหรั่นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ พร้อมทั้งส่งแววตาตำหนิไปให้เย่เชินหลินที่อยู่ข้างๆ
เย่เชินหลินทำได้เพียงกวาดสายตามองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเย็นชา จากนั้นก็เบนสายตาหนีอย่างเงียบๆ คนมันตั้งใจจะตาย ใครก็ห้ามเอาไว้ไม่ได้หรอก
โยวจื๋อจุดไฟเตรียมไว้แล้วเรียบร้อย เซี่ยชีหรั่นจึงหันไปดึงแขนของเย่เชินหลิน “คุณรีบบอกให้คนไปแย่งไฟแช็กในมือของเขามาเร็วเข้า ไม่งั้นก็ไปเตะไม้ขีดพวกนั้นออกก็ได้”
เย่เชินหลินกับโยวจื๋อมองตากัน ทั้งสองต่างเข้าใจความหมายในแววตาของกันและกัน โยวจื๋อมองมาที่เซี่ยชีหรั่นอย่างลึกซึ้ง แล้วพูดเสียงดังฟังชัดออกมาว่า “ผู้หญิงคนนี้ซื่อบื้อ แล้วก็ขี้อ่อนไหวชอบคิดมากด้วย คิดอะไรก็ไม่ยอมพูดออกไปหรอก หลังจากนี้นายก็อย่าทำให้เธอเสียใจเสียน้ำตาล่ะ”
เย่เชินหลินตอบกลับเสียงเย็น “ไม่จำเป็นต้องให้นายบอก เธอเป็นคนของฉันอยู่แล้ว” โยวจื๋อเหลือบตามองบนพร้อมกับบ่นพึมพำ “กับคนกำลังจะตายก็ไม่ยอมไว้หน้าเลยนะ ขี้หวงจริงๆ”
เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินด้วยแววตาขอร้อง แต่เย่เชินหลินกลับโอบเอวเซี่ยชีหรั่นเดินลงข้างล่างอย่างไม่แยแส พร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ได้เจอกันเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว กลับกันเถอะ”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้ารัว ทันใดนั้นใบหน้าก็พลันซีดเผือด เธอกุมท้องเอาไว้แล้วค้อมตัวลง เหงื่อเม็ดเป้งไหลลงตามกรอบหน้า
“เป็นอะไรไป?” เย่เชินหลินถามเสียงเบา จากนั้นก็อุ้มเซี่ยชีหรั่นรีบวิ่งลงตึกไป สักพักก็เปลี่ยนใจวกกลับไปชั้นบนอีกครั้ง
เมื่อโยวจื๋อเห็นเซี่ยชีหรั่นโดนอุ้มเข้ามา ไฟแช็กในมือก็ดับลงอีกครั้ง จากนั้นก็เอ่ยถามว่า “เป็นอะไรไป?”
“มาดูอาการเธอก่อนแล้วนายค่อยตาย” เย่เชินหลินออกคำสั่งอย่างไม่เกรงใจโยวจื๋อวางไฟแช็กในมือลงแล้วรีบเข้ามาหาเซี่ยชีหรั่น
แล้วไล่มองไปตามท้องของเซี่ยชีหรั่น จากนั้นโยวจื๋อก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลกใจว่า “รู้สึกเจ็บแปลบๆเป็นช่วงๆใช่ไหม”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล โยวจื๋อยิ้มแล้วเอ่ยพูดว่า “เด็กน้อยถีบท้องคุณน่ะ ดูท่าทางแล้วคงแข็งแรงน่าดู”
เซี่ยชีหรั่นนิ่งไป นึกถึงตอนที่เย่เนี่ยนโม่ยังอยู่ในท้องก็เป็นแบบนี้ จึงวางมือลงบนหน้าท้องแล้วหันไปพูดกับเย่เชินหลินด้วยท่าทางทึ่งๆ “ลูกกำลังถีบจริงๆด้วย!”
เย่เชินหลินวางมือทับลงบนมือของเซี่ยชีหรั่นด้วยท่าทางจริงจัง เมื่อสิ่งมีชีวิตเล็กๆในท้องส่งแรงถีบออกมาอีกครั้ง ใบหน้าของเย่เชินหลินก็สะท้อนความมหัศจรรย์ออกมา เหมือนกับว่าตุ๊กตาที่ตัวเองสร้างขึ้นมากับมือกำลังหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์พร้อมสำหรับการเติบโต
โยวจื๋อกับเย่เชินหลินสบตากัน จากนั้นเย่เชินหลินก็อุ้มเซี่ยชีหรั่นเดินลงจากตึกทันที แม้ว่าเซี่ยชีหรั่นจะร้องไห้โวยวายเท่าไหร่ก็ไม่ไม่สนใจ จนกระทั่งเปลวไฟลุกสว่างไสวไปทั่วอาคารที่สูงที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้
“โยวจื๋อ?” เซี่ยชีหรั่นมองแว่นตาไร้กรอบหล่นลงมาจากที่สูงอย่างนิ่งอึ้ง จนกระทั่งร่วงลงพื้นดิน
“คนเราต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป” เย่เชินหลินมองเปลวไฟที่ลุกโชนด้วยแววตาซับซ้อน พร้อมกับเอ่ยพูดขึ้นมาช้าๆ
“ประธานเย่ เฮลิคอปเตอร์ลงจอดแล้วครับ ทางตำรวจโทรมาแจ้งว่า อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงจะมาถึง” จางเฟิงอี้พูดขึ้นมาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง
เย่เชินหลินพยักหน้า เมื่อหันไปเห็นท่าทางเสียใจของเซี่ยชีหรั่น ก็ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “เก็บกวาดให้สะอาด ลบร่องรอยทุกอย่างที่เขาเคยทำทิ้งให้หมด”
จางเฟิงอี้ขานรับเสียงต่ำ สายตาของเซี่ยชีหรั่นมองมาที่เย่เชินหลิน จากนั้นก็เอ่ยพูดขอบคุณออกมาอย่างจริงใจ “ขอบคุณนะ”
เมื่อกลับมาถึงบ้านอีกครั้ง ก็พบว่าพ่อบ้านยังคงสุขุมดังเดิม อาคารหรือแม้แต่สวนดอกไม้แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย เซี่ยชีหรั่นโอบกอดท้องของตัวเองพร้อมกับลูบเบาๆ เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงดิ้นเป็นบางครั้ง
“คุณนาย คุณผู้ชายบอกว่าวันนี้เขาต้องออกไปทำงานนอกสถานที่คงไม่ได้กลับมา” พ่อบ้านเอ่ยพูดกับเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจพูดงึมงำเสียงเบาว่า “อีกแล้วเหรอ?”
พ่อบ้านกังวลว่าเซี่ยชีหรั่นจะคิดมาก จึงคิดหาคำอธิบายแทนเย่เชินหลิน แต่เซี่ยชีหรั่นกลับเงยหน้าขึ้นมาโบกมือแล้วพูดยิ้มๆว่า “ในเมื่อเขาต้องไปทำงานนอกสถานที่งั้นฉันออกไปช็อปปิ้งดีกว่า”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชีหรั่นเลือกออกไปข้างนอก พ่อบ้านก็พูดออกมาอย่างกระตือรือร้นว่า “ได้เลยครับคุณนาย เดี๋ยวผมจะไปเตรียมรถไว้”
เซี่ยชีหรั่นเรียกพ่อบ้านเอาไว้ “ให้แค่คนขับรถออกไปกับฉันก็พอแล้ว คนอื่นๆไม่ต้องหรอก ฉันไปเองได้ไม่มีปัญหา”
ท่าทางของพ่อบ้านเริ่มเคร่งขรึม จากนั้นก็เอ่ยห้ามเซี่ยชีหรั่นอย่างอ่อนน้อมว่า “คุณนาย คุณผู้ชายสั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณจะออกไปข้างนอกต้องมีคนคอยติดตามไปด้วย”
แต่ไหนแต่ไรพ่อบ้านก็ไม่เคยขัดคำสั่งเย่เชินหลินอยู่แล้ว เซี่ยชีหรั่นจึงต้องพยักหน้าอย่างหมดหวัง รถมาเซราตีแล่นไปตามถนน มีรถคันอื่นคอยขับประกบข้างหน้าข้างหลัง ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขากำลังคุ้มกันคนท้องที่นั่งอยู่ในรถคันตรงกลาง
เมื่อรถวิ่งมาจอดลงหน้าห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุด คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น บอดี้การ์ดเปิดประตูรถให้ เมื่อเซี่ยชีหรั่นลงมาจากรถ ก็วิ่งลิ่วๆมาประกบหลังเซี่ยชีหรั่น
มีบอดี้การ์ดสามคนและแม่บ้านหนึ่งคน เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเดินเข้ามาในร้านสไตล์หรูหรา พนักงานก็ตกใจกับการปรากฏตัวอย่างน่าเกรงขามของเซี่ยชีหรั่น เริ่มนึกว่าเจ้านายตัวเองได้ไปติดหนี้นอกระบบมาหรือเปล่า
“สวัสดีค่ะ…..ไม่ทราบว่าคุณมาซื้อเสื้อผ้าหรือเปล่าคะ?” พนักงานในร้านเลือกเอ่ยถามเซี่ยชีหรั่นที่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนสำคัญ
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าไม่ว่าจะไปที่ไหน หรือเหลือบสายตามองไปทางไหน บอดี้การ์ดและแม่บ้านก็จะคอยหามาให้ในทันที
“เป็นคุณนายไฮโซนี่ โชคดีจังเลย” พนักงานพูดกับพนักงานอีกคนเบาๆ แต่เซี่ยชีหรั่นทำได้เพียงยิ้มแกนๆออกมา
“ลูกคนนี้ ไปใส่เสื้อผ้าคนอื่นจนแม่เกือบจำไม่ได้แล้วไหมล่ะ!” คุณแม่คนหนึ่งจูงลูกมาพร้อมกับบ่นฉอดๆ
แววตาของเซี่ยชีหรั่นเป็นประกาย เธอเดินกุมท้องมาถึงห้องน้ำ พวกบอดี้การ์ดทั้งสามจึงสลายตัวไป เหลือไว้แค่คนเดียวคอยเฝ้าอยู่นอกห้องน้ำ
“สวัสดีค่ะ คุณอยากเปลี่ยนเสื้อผ้ากับฉันไหม?” กว่าจะเจอคนท้องเหมือนกันสักคน เซี่ยชีหรั่นจึงเอ่ยเสนอด้วยรอยยิ้ม
ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่เซี่ยชีหรั่นอย่างสงสัย แล้วถามว่า “คุณอยากเปลี่ยนกับฉันจริงๆเหรอ เสื้อผ้าคุณมองแวบแรกก็รู้แล้วว่ามีแต่ของแบรนด์เนม ส่วนของฉันซื้อมาจากแผงลอยนะ”
“ไม่เป็นไรๆ” เซี่ยชีหรั่นโบกมือ ประกายในดวงตายังไม่จางหายไป
บริเวณด้านนอกห้องน้ำ มีผู้หญิงอุ้มท้องคนหนึ่งเดินออกมา เหล่าบอดี้การ์ดต่างจับจ้องผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เลิกสนใจในทันที ผู้หญิงท้องคนนั้นสวมใส่ชุดคลุมราคาถูกๆ ทั้งยังใส่หมวกเปื้อนๆ มองยังไงก็ไม่ใกล้เคียงกับคนมีระดับอย่างเซี่ยชีหรั่นแน่นอน
เซี่ยชีหรั่นหันกลับไปมองข้างหลัง เมื่อแน่ใจแล้วว่าบอดี้การ์ดจำตัวเองไม่ได้ ก็ถอดหมวกออกพร้อมกับถอนหายใจออกมา จากนั้นก็หันมองสิ่งรอบข้างที่แปลกใหม่อย่างเพลิดเพลิน
บนจอLEDกำลังฉายวิดีโอสัมภาษณ์เย่เชินหลิน หลายๆคนต่างหยุดชม เพื่อดูว่าผู้ชายที่ใช้ชีวิตอยู่เหนือห่วงโซ่อาหารคนนี้สร้างอำนาจบารมีขึ้นมาเป็นของตัวเองได้ยังไง
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจออกมา เดินอุ้มท้องไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ทันใดนั้นก็มีรถเฟอร์รารี่ขับผ่านมา ภายในรถปรากฏใบหน้าที่เซี่ยชีหรั่นคุ้นเคยเป็นอย่างดี
รถวิ่งผ่านไปได้ไม่กี่เมตรก็จอดลงทันที ชายหนุ่มปิดประตูรถแรงๆแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าเซี่ยชีหรั่นด้วยความรวดเร็ว เซวียเหวินยูนมองสำรวจเธอขึ้นๆลงๆพร้อมกับขมวดคิ้ว “เย่เชินหลินล้มละลายแล้วเหรอ?”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset