สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1278 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1178

บทที่1278 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1178
จู่ๆคนตรงหน้าก็หยุดเดิน เซี่ยชีหรั่นจึงเดินชนไหล่กว้างของเย่เชินหลิน จากนั้นก็ถูกรวบเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น อีกฝ่ายพกพาร้อยยิ้มจางๆแล้วพูดว่า “ยังอยากเดทต่อไหม?”
การก่อกวนตลอดทั้งวันทำให้เซี่ยชีหรั่นไม่มีแรงแม้แต่จะโกรธ เธอจึงส่ายหน้าแล้วยอมเดินตามเย่เชินหลินแต่โดยดี เมื่อเข้ามานั่งในรถ เซี่ยชีหรั่นก็เอาแต่มองวิวนอกหน้าต่าง คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่กลับจำไม่ได้ว่าคิดอะไรไปบ้าง
รถพลันจอดลงตรงหน้าสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่สไตล์ยุโรปตรงหน้าราวกับเป็นเอกลักษณ์ของอำนาจบารมี เย่เชินหลินเอื้อมมือไปลูบต่างหูเพชรสีเขียวมรกตที่เซี่ยชีหรั่นใส่เอาไว้กับหูตลอด แล้วเอ่ยพูดเสียงนิ่งว่า “จำได้ไหมในเครื่องบันทึกเสียงผมพูดอะไรเอาไว้?”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า เย่เชินหลินขยับเข้าไปใกล้ ความอุ่นร้อนรินลดลงบนผิวกายบอบบางของเซี่ยชีหรั่น จนทำให้ตัวสั่นสะท้าน
“ไหน บอกผมสิว่าผมพูดว่าอะไร?” เสียงของเย่เชินหลินทุ้มต่ำทว่าน่าดึงดูด
เซี่ยชีหรั่นอยากปฏิเสธ พออ้าปากกลับเอ่ยคำพูดที่จำฝังใจออกมา “คุณบอกให้รอ”
รอยจูบแผ่วเบาประทับลงมาบนหน้าผากของเซี่ยชีหรั่นราวกับให้รางวัล สายตาที่เย่เชินหลินมองมาที่เซี่ยชีหรั่น เปี่ยมไปด้วยความรักและความอบอุ่น เขาพูดย้ำออกมาอีกครั้งว่า “รอผมนะ”
เซี่ยชีหรั่นนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง เธอมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ในหัวมีแต่คำสัญญากับรอยจูบลึกซึ้งของเย่เชินหลิน
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู เซี่ยชีหรั่นจึงเดินไปเปิดอย่างไม่หยุดคิด จากนั้นก็พบว่ามีผู้หญิงแต่งหน้าสวยหมดจรดคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตู อ้ายหลอนมองมาที่เซี่ยชีหรั่น เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “ห้องของหยวนหยวนสบายไหม? เธอรู้ไหม ว่าห้องที่เธออยู่เป็นห้องของคนที่ตายแล้ว!”
อ้ายหลอนเตรียมเห็นท่าทางตลกๆของเซี่ยชีหรั่น แต่เซี่ยชีหรั่นกลับทำแค่มองมานิ่งๆแล้วพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าคุณย่าหม่าลี่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย?”
อ้ายหลอนชะงัก จากนั้นก็ตอบกลับเสียงแหลมว่า “แล้วยังไง!”
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกผิดหวัง ผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้รู้สึกโศกเศร้ากับการที่แม่ตัวเองกำลังจะจากไปเลยสักนิด เธอจึงพูดออกมาเสียงนิ่งว่า “เธอเป็นแม่ของคุณนะ”
“แม่งั้นเหรอ เป็นคำพูดที่ตลกสิ้นดี ถ้าคนเป็นแม่ออกคำสั่งไม่ให้เธอกลับมาอยู่ที่นี่ตลอดไป ไม่แบ่งสมบัติให้เธอ เก็บไว้แต่กับตัวเอง อย่างนี้ยังเรียกว่าแม่ได้อยู่เหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกหดหู่ แค่เพราะเรื่องเงินและอำนาจ ถึงขั้นทำให้แม่ลูกกลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้วเหรอ เมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้าอารมณ์ขึ้น เซี่ยชีหรั่นจึงพยายามอธิบายว่า “แต่ไม่ว่าจะยังไง เธอก็เลี้ยงดูคุณมา”
อ้ายหลอนส่งเสียงหึออกมา แล้วพูดอย่างโกรธเกลียดว่า “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เอาเป็นว่าฉันขอเตือนเธอเอาไว้ เธอไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนี้ ทางที่ดีอย่าคิดอะไรไม่เหมาะสมเกี่ยวกับทรัพย์สมบัติเด็ดขาด”
อ้ายหลอนมองนาฬิกา แล้วพูดขึ้นมาว่า “เอาล่ะ หลานสาวตัวปลอมอย่างเธอก็หลับนอนอยู่ในปราสาทนี้ต่อไปเถอะนะ ลูกสาวแท้ๆอย่างฉันหมดเวลาเยี่ยมแล้ว ฉันต้องไปละ”
เสียงรองเท้าส้นสูงดังห่างออกไปเรื่อยๆ เซี่ยชีหรั่นไม่รู้สึกง่วง จึงใส่ชุดนอนออกมาเดินเล่นข้างนอก ถึงจะเป็นเวลากลางคืนคฤหาสน์แห่งนี้ก็ยังสว่างไสว ทันใดนั้นเสื้อตัวใหญ่ก็คลุมทับลงมาบนไหล่ของเซี่ยชีหรั่น พร้อมกันนั้นเสียงของเซวียเหวินยูนก็ดังขึ้นมา “มีอารมณ์ออกมาชมจันทร์ขนาดนี้เลยเหรอ?”
เมื่อเซี่ยชีหรั่นเห็นเซวียเหวินยูนแต่งตัวจัดเต็มเตรียมออกไปข้างนอกจึงเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “ดึกขนาดนี้แล้วยังจะออกไปข้างนอกอีกเหรอ?”
เซวียเหวินยูนยิ้มแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้ออกไป แต่กำลังจะกลับ”
กลับ? เซี่ยชีหรั่นนึกถึงคำพูดของอ้ายหลอน จึงอดถามเซวียเหวินยูนอย่างนึกสงสัยไม่ได้ว่า “ทุกคนค้างที่นี่ไม่ได้เหรอ?”
เซวียเหวินยูนพยักหน้า “คฤหาสน์หลังนี้คุณอาจจะมองว่าใหญ่ แต่จริงๆแล้วพอตกกลางคืนก็มีแค่สามคนที่อยู่ที่นี่ นั่นก็คือพ่อบ้านข่าเอ๋อ หม่าลี่ แล้วก็คุณ ขนาดพวกคนใช้ยังต้องอยู่ห่างจากที่นี่ตั้งสามร้อยเมตร”
คำพูดของเซวียเหวินยูนทำให้เซี่ยชีหรั่นขนลุก อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองตึกทรงสไตล์ยุโรปที่เปิดไฟสว่างไสว แต่ความเป็นจริงกลับมีอยู่แค่สามคน!
“ทำไม กลัวเหรอ?” เซวียเหวินยูนขยับเข้ามาใกล้เซี่ยชีหรั่น เมื่อเห็นท่าทางเหมือนกระต่ายตื่นกลัวของอีกฝ่ายก็ระเบิดหัวเราะออกมา แล้วพูดออกมาอย่างนึกสนุกว่า “ถ้ากลัวผมให้คุณพิงไหล่ผมได้นะ”
เซี่ยชีหรั่นเหลือบตามองเซวียเหวินยูน รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมาว่า “คุณต้องรีบไปไม่ใช่เหรอ! ถ้ายังไม่ไปเดี๋ยวฟ้าก็สว่างก่อนหรอก!”
เซวียเหวินยูนพยักหน้าอย่างไม่ว่าอะไร เมื่อขึ้นไปบนรถก็ลดกระจกลงแล้วพูดกับเซี่ยชีหรั่นอย่างจริงจังว่า “ช่วงนี้เวลาได้ยินเสียงอะไรแปลกๆตอนกลางคืนห้ามออกมาข้างนอกเด็ดขาดเข้าใจไหม?”
“เสียงแปลกๆ?” มันคืออะไร? เซี่ยชีหรั่นกำลังจะถามเซวียเหวินยูน เซวียเหวินยูนกลับขับรถออกไปจนหันแต่ควันแล้ว เห็นแค่ไฟท้ายรถรางๆ
คำพูดของเซวียเหวินยูนกวนใจ จนเซี่ยชีหรั่นนอนไม่หลับ แค่คิดว่าในคฤหาสน์หลังนี้มีคนอยู่แค่สามคน ในใจก็เอาแต่รู้สึกกลัว
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา ลังเลอยู่ชั่วครู่ก็กดโทรออกอย่างรวดเร็ว เสียงรอสายที่ไม่รู้ว่าจะกดรับเมื่อไหร่ยิ่งทำให้ร้อนใจ เซี่ยชีหรั่นจึงกดวางสาย แล้วยัดโทรศัพท์ลงใต้หมอน
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นจึงรีบกดรับ เสียงของคนในสายไร้ความงัวเงีย เหมือนไม่ใช่เวลากลางคืน
“ซีหรั่น?” เสียงของเย่เชินหลินเรียบนิ่ง
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน?” เซี่ยชีหรั่นจำได้ว่าเธอไม่เคยโทรหาเย่เชินหลิน เพราะไม่ว่าตอนไหนเธอก็มีเขาอยู่ข้างๆตลอด เธอจึงไม่จำเป็นต้องโทรหา
เย่เชินหลินที่อยู่ในสายตาหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ยอมตอบคำถามแต่กลับเอ่ยถามว่า “มีอะไร?”
“นอนไม่หลับ” เซี่ยชีหรั่นพูดออกมาอย่างน่าสงสาร สมองสั่งการให้ออดอ้อนเย่เชินหลิน “ฉันอยากฟังนิทาน”
เมื่อเธอพูดออกไป ปลายสายก็เงียบไปชั่วขณะ จากนั้นเสียงวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก็ดังขึ้นมาเบาๆ ผ่านไปห้านาที เสียงของเย่เชินหลินถึงได้เอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบนิ่ง “ในห้องของเนี่ยนโม่มีเรื่องหนูน้อยหมวกแดงพอดี พอได้ไหม?”
“คิกๆ งั้นก็เอาเรื่องนี้แหละ” เซี่ยชีหรั่นนอนหงาย นำโทรศัพท์มาวางข้างหูแล้วหัวเราะคิกคักออกมา ในสายมีเสียงพลิกหน้ากระดาษ เสียงแผ่วเบาของเย่เชินหลินเปี่ยมไปด้วยความทุ้มลึกที่น่าดึงดูดเขาอ่านนิทานอย่างสงบ ทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจไปด้วย
“นับแต่นั้นเป็นต้นมาหมาป่าและหนูน้อยหมวกแดงก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จบแล้ว” เย่เชินหลินเอ่ยพูดนิ่งๆ น้ำเสียงไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
เมื่อเซี่ยชีหรั่นนึกภาพเย่เชินหลินถือหนังสือนิทานก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ จากนั้นก็พูดอ้อนๆขึ้นมาอีกว่า “อีกเรื่องนะ”
เสียงโทรศัพท์ถูกวางลงบนโต๊ะอีกครั้ง ครั้งนี้ใช้เวลานานกว่าเดิม จนกระทั่งเซี่ยชีหรั่นรู้สึกเบื่อสุดๆปลายสายถึงได้ส่งเสียงกลับมา “สโนไวท์เป็นไง?”
เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน รู้เพียงแค่ว่าเสียงหนักแน่นจากปลายสายเหมือนยานอนหลับชั้นดี
ร่างกายเริ่มขยับเขยื้อน เมื่อบริเวณชั้นล่างมีเสียงดังวุ่นวาย เซี่ยชีหรั่นขยี้ตา ก็พบว่าหน้าจอโทรศัพท์ยังคงสว่างอยู่ เธอจึงหยิบขึ้นมาแล้วเอ่ยเรียก “เย่เชินหลิน?”
“หืม” ปลายสายตอบกลับอย่างรวดเร็ว เซี่ยชีหรั่นตกใจ “คุณไม่ได้วางสายตลอดทั้งคืน?”
เสียงของเย่เชินหลินยังคงเรียบนิ่งเหมือนปกติ แต่เซี่ยชีหรั่นสัมผัสได้ถึงความอ่อนล้าจากน้ำเสียงของเขา “วางแล้วนะ” โทรศัพท์ถูกตัดสายไปทันที
เสียงฝีเท้าของคนใช้ที่วิ่งวุ่นอยู่ชั้นล่างเรียกความสนใจของเซี่ยชีหรั่น เธอจึงเดินลงไปชั้นล่าง ก็พบว่าCupidกำลังวิ่งหนีคนอื่นๆอยู่
“แกไสหัวออกไปเลยนะ!” ผู้ชายคนหนึ่งเดินพุ่งออกมาจากในห้องแล้วตะคอกใส่Cupidเสียงดัง เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นก็รีบแย้มยิ้มออกมา “หยวนหยวน?”
“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ใช่หยวนหยวน ตอนที่คุณย่าไม่อยู่คุณเรียกฉันว่าเซี่ยชีหรั่นก็ได้ค่ะ” ไม่รู้ว่าทำไม ผู้ชายคนนี้ถึงให้ความรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าอ้ายหลอนเสียอีก คำพูดคำจาก็ดูรอบคอบมากกว่ากัน
“เหอะๆ ในเมื่อแม่ฉันให้เธอเป็นหยวนหยวนแล้ว ทำไมไม่แสดงให้มันสมจริงไปเลยล่ะ ถึงยังไงเวลาของแม่ฉันก็เหลือไม่มากแล้ว” กว๋อเหาถอนหายใจออกมา ท่าทีดูเศร้าๆ แต่เซี่ยชีหรั่นกลับรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ
Cupidส่งเสียงออกมา ชายหนุ่มจึงบ่นงึมงำว่า “แมวตัวนี้พังห้องฉันจนเละเทะไปหมด คงต้องจัดการมันสักวันแล้ว!”
กว๋อเหายิ้มให้เซี่ยชีหรั่น พร้อมกับถลึงตาใส่Cupidจากนั้นก็เดินออกไป Cupidมองตามกว๋อเหาด้วยสายตาแปลกๆ จากนั้นก็มาถูไถขากางเกงของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นจึงก้มลงไปหยิบคอนแทคเลนส์ที่ติดอยู่บนขนของCupid-ขึ้นมา
“คนใช้ทำตกไว้เหรอ?” เซี่ยชีหรั่นพูดงึมงำ
บนโต๊ะอาหาร มีอ้ายหลอน กว๋อเหา และเซวียเหวินยูนรออยู่ก่อนแล้ว ส่วนหม่าลี่มาถึงคนสุดท้าย เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นก็เข้าไปกอดอย่างสนิทสนม “หลานรักของย่า วันนี้ย่าจะพาไปช็อปปิ้งที่ลาสเวกัสนะ”
เมื่ออ้ายหลอนเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของเซี่ยชีหรั่น ก็หันไปพูดกับหม่าลี่ว่า “แม่คะ มีบริษัทร่วมลงทุนที่หนึ่งอยากเช่าที่ดินของเราสร้างศูนย์การค้า ฉันเห็นว่าข้อกำหนดไม่เลว เลยคิดว่าโครงการนี้น่าจะทำได้นะ”
หม่าลี่กวาดสายตามองอ้ายหลอนนิ่งๆ แล้วพูดออกมาว่า “เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกัน”
อ้ายหลอนหงุดหงิด กว๋อเหาที่อยู่ข้างๆเหยียดยิ้มออกมา ดวงตาสามเหลี่ยมทอแววถือดีและเยาะเย้ยอย่างปิดไม่มิด
ตกดึก เซี่ยชีหรั่นนอนพลิกตัวไปมา ต่างหูสีเขียวมรกตที่วางอยู่บนโต๊ะเรืองแสงสีเขียวออกมาเล็กน้อย จากนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ส่งเสียง เซี่ยชีหรั่นมองหน้าจอพร้อมกับกดรับอย่างตื่นเต้น “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันนอนไม่หลับ?”
เสียงของเย่เชินหลินยังคงเรียบนิ่ง เสียงพลิกเปิดหนังสือดังขึ้นมาแค่สั้นๆแต่ชัดเจน เขาเอ่ยถามยิ้มๆว่า “อยากฟังต่อไหม?”
แค่เซี่ยชีหรั่นนึกถึงท่าทางตอนที่เย่เชินหลินเล่านิทานหัวใจก็ล่องลอย จากนั้นก็พูดกับเย่เชินหลินอย่างอัดอั้น “ฉันรู้สึกว่าที่นี่แปลกๆ”
“เหตุผลล่ะ?” เย่เชินหลินหยุดพลิกหน้าหนังสือ น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
เซี่ยชีหรั่นนึกอยู่สักพักก็ยอมตอบแต่โดยดี “ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกเหมือนทุกคนในนี้ใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา มองไม่ออกเลยว่าคิดอะไรกันอยู่”
“ถ้าคุณอยากกลับ ก็กลับได้ทุกเวลาเลยนะ” เย่เชินหลินพูดนิ่งๆ เซี่ยชีหรั่นกำลังจะตอบตกลง แต่จู่ๆก็นึกถึงเรื่องที่หม่าลี่ยกหุ้นครึ่งหนึ่งให้เย่เชินหลินเพื่อแลกกับการที่เขาต้องไปจากเธอ เธอก็รู้สึกเศร้าใจ
“ตุบ” เสียงบางอย่างตกอยู่ตรงหน้าประตู เซี่ยชีหรั่นถือโทรศัพท์เดินออกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก ข้างนอกเงียบงันไร้การเคลื่อนไหว มีเพียงแค่ภาพวาดเสมือนจริงเรียงรายอยู่บนผนัง ราวกับว่าคนในภาพต่างกำลังมองมาที่เซี่ยชีหรั่น

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset