สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1288 สาวใช้ของคุณชายเย่1132

#####บทที่ 1228 สาวใช้ของคุณเย่1132
บทที่ 1228 สาวใช้ของคุณเย่1132
ภายในรถ เซี่ยชีหรั่นบีบมือตัวเองไว้แน่น สายตาของเธอลอยออกไปนอกหน้าต่าง หัวใจของเธอยุ่งเหยิงไปหมด โดยไม่เห็นมือที่ถงจืงจืงเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าอย่างเงียบๆ หยิบโทรศัพท์ หนังสือเดินทางและเงินไป
“พี่ชีหรั่น ฉันอิจฉาคุณจริงๆ ที่ช่วยฉันดูแลเย่เชินหลินมานานมากขนาดนี้” ถงจืงจืงพูดช้าๆ
เซี่ยชีหรั่นหันหน้าไปมองไปที่ ถงจืงจืง ขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันไม่สนเรื่องระหว่างพวกคุณสองคนจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ฉันแค่อยากเห็นหน้าลูกชายของฉันเท่านั้น”
“เหรอคะ?” บนใบหน้าถงจืงจืงปรากฏรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย
รถจอดที่หน้าโรงพยาบาล เซี่ยชีหรั่นถามแปลกๆ ว่า “ทำไมเนี่ยนโม่ถึงอยู่ในโรงพยาบาลที่ห่างไกลขนาดนี้”
ถงจืงจืงยักไหล่ “ใครจะไปรู้ละคะ? บางทีแพทย์ที่นี่อาจจะรักษาดีก็ได้นะคะ”
เซี่ยชีหรั่นรีบวิ่งเข้าไปในประตูโรงพยาบาลโดยไม่ทันคิดอะไร ในเวลากลางคืนมีแพทย์เพียงสองคน และพยาบาลสองสามคนอยู่ที่ประตู
ถงจืงจืงขยิบตาให้นายแพทย์ และทันใดนั้นพยาบาลหลายคนก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับเซี่ยชีหรั่น
“เซี่ยชีหรั่น เป็นผู้ป่วยจิตเวชรายล่าสุดที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เป็นผู้ป่วยขั้นรุนแรง ส่งตัวไปที่ห้องพิเศษ” เซี่ยชีหรั่นฟังนายแพทย์ที่ใส่หน้ากากพูดพึมพำด้วยความหวาดกลัว โดยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
“พวกคุณปล่อยฉันนะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันชื่อเซี่ยชีหรั่น!” เซี่ยชีหรั่นกรีดร้องดังๆ ถงจืงจืงมองดูเซี่ยชีหรั่นถูกพาตัวไป และพูดเบาๆ ว่า “ซ่อนเธอไว้ในที่ที่ห่างไกลผู้คนแบบนี้ คงอุ่นใจมากขึ้น”
“ทางด้านออสเตรเลียไม่พบเซี่ยชีหรั่น?” เย่เชินหลินตบโต๊ะด้วยฝ่ามือ พูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเทา
จางเฟิงอี้กังวลมากเช่นกัน และพูดว่า “แต่กล้องวงจรปิดเห็นคุณหญิงที่สนามบิน แต่คนที่ดูแลคนหญิงที่ออสเตรเลียรายงานว่าไม่พบคุณหญิง วันนั้นบนเครื่องบินก็ไม่พบคุณหญิงเช่นกันครับ”
สายตาของเย่เชินหลินแผ่ความเย็นชาอย่างรุนแรง และพูดเบาๆ ว่า “ในเมื่อพวกเธอรีบที่จะอยากตาย งั้นก็รีบจัดการซะ”
“เชินหลิน ฉันจะเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้น และอยู่เคียงข้างคุณตลอดไปได้ใช่ไหม? พี่เซี่ยเธอหล่ะคะ?” ถงจืงจืงนั่งอยู่ในรถอย่างลังเล และมองไปที่เย่เชินหลิน
เย่เชินหลินพูดอย่างแผ่วเบา “ได้” ดูเหมือนว่าเขาจะขมวดคิ้วเมื่อถงจืงจืงพูดถึงเซี่ยชีหรั่น “อย่าพูดถึงเธอต่อหน้าผมอีก”
แค่พูดถึงก็ไม่ได้? ถงจืงจืงยิ้มด้วยความพึงพอใจ รถจอดที่ประตูบ้านตระกูลเย่ ถงจืงจืงยกมุมปากขณะมองไปที่สถานที่แห่งนี้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความมั่งคั่ง
“เธอมาได้อย่างไร?” โยวเล่อที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกลุกขึ้นมา
“พวกคุณรู้จักกัน?” เย่เชินหลินถามขึ้น
“ไม่รู้จักค่ะ” ทั้งสองตอบพร้อมเพรียงกัน
ใบหน้าหล่อของเย่เชินหลินไม่ได้แสดงออกอะไร และเดินไปที่ห้องหนังสือเพียงคนเดียว เมื่อเขาขึ้นไปชั้นบน เขาเหลือบมองทั้งสองที่มองหน้ากัน นัยน์ตาเย่เชินหลินเย็นชาขึ้นมา
“ฉันบอกแล้วว่าเย่เชินหลินชอบฉันแล้ว ทำไมเธอถึงยังไม่รู้ตัวและยังจะอยากอยู่ที่นี่อีก” ถงจืงจืงตบเข้าที่โซฟาราคาแพง
โยวเล่อ พูดด้วยรอยยิ้ม “ในตอนนั้นเย่เชินหลินให้ฉันเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยตัวเขาเอง ถ้าเขาไม่ได้พูดอะไร แล้วฉันจากอย่างกะทันหัน เธอคิดว่าเขาจะไม่สงสัยเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ถงจืงจืงหัวเราะอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และยังตบที่วางแขนของโซฟาในขณะที่หัวเราะไปด้วย
โยวเล่อพูดด้วยความโกรธ “เธอหัวเราะอะไร!”
ถงจืงจืงปิดปากและพูดว่า “หัวเราะที่เธอช่างไร้เดียงสาหนะสิ ถ้าฉันจำไม่ผิด เย่เชินหลินเก็บเธอไว้เพราะเธอสามารถถอนการสะกดจิตได้ แต่ตอนนี้เย่เชินหลินชอบฉันแล้ว เธอคงไม่สำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป?”
ถงจืงจืงมองโยวเล่อด้วยความพึงพอใจ และครุ่นคิดพลางปรบมือและพูดว่า “ยังไงก็ตามฉันจะบอกเธอไว้อีกอย่าง ฉันออกมาจากเกาะเพื่อหลีกเลี่ยงKIKI ดังนั้นตอนที่เธอเสนอเรื่องแลกเปลี่ยนตัว ฉันถึงได้ตอบตกลง แต่ยาอันนั้นฉันก็เป็นคนให้เธอ เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ฉันให้เธอมันไม่ใช่ของปลอม?”
โยวเล่อมองไปที่ถงจืงจืง ด้วยความตกใจ จากนั้นก็พูดด้วยความโกรธ “ถงจืงจืงเธออย่าได้หยิ่งผยองจนเกินไป”
ถงจืงจืงดูเหมือนจะได้ยินอะไรตลกๆ และยิ้มอย่างสดใสมากขึ้น “ฉันหยิ่งผยองแบบนี้แหละ แต่เธอก็อย่าลืมว่าฉันก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเรียกในตอนนั้น หัวของเธอคงปลิวไปนานแล้ว”
เย่เชินหลินขยับหูฟังในหูของเขา และฟังทั้งสองคนพูดคุยกันที่ชั้นล่าง การแสดงออกบนใบหน้าของเขาเคร่งขรึมมาก “เซี่ยชีหรั่น คุณอยู่ที่ไหนกันแน่”
“พวกคุณปล่อยฉันออกไปนะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ!” มือและเท้าของเซี่ยชีหรั่นถูกพันไว้รอบเก้าอี้ พยาบาลนำอาหารมา และคลายผ้าที่ผูกไว้รอบปากเซี่ยชีหรั่นออกไป
นายแพทย์ที่พาเธอเข้ามาพูดอย่างมีความหมายว่า “บางครั้ง คนที่มีอาการทางจิตขั้นรุนแรงก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ป่วย”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ปล่อยฉันออกไป!” เซี่ยชีหรั่นจ้องมองไปที่นายแพทย์
นายแพทย์มองไปที่ร่างที่มีเสน่ห์ตรงหน้าเขา ถอนหายใจและพูดว่า “คุณอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังดีกว่านะครับ บางทีวันหนึ่งคุณจะสามารถออกไปได้ โอเคครับ กินข้าวเถอะ”
เซี่ยชีหรั่นสงบลง และขอให้พยาบาลป้อนอาหารเธออย่างเชื่อฟัง เมื่อเธอกำลังจะผูกแถบผ้าใหม่ เซี่ยชีหรั่นก็รีบพูดไปว่า “ฉันไม่ได้บ้า คุณรู้ใช่ไหม และทำแบบนี้มันทำให้ฉันเจ็บ ฉันไม่เอาผ้าอันนั้นได้ไหมคะ? ถึงยังไงฉันก็จะไม่ทำร้ายตัวเอง ร้องออกไปยังไงก็ไม่มีใครสนใจฉันอยู่ดี”
นายแพทย์คิดอยู่พักหนึ่ง และแท้จริงแล้วผ้านี้ก็ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้คนไข้กัดตัวเอง และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องปฏิบัติต่อเซี่ยชีหรั่นในลักษณะเดียวกับผู้ป่วยทางจิต
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่นายแพทย์ด้วยดวงตากลมดั่งลูกกวาง ใบหน้าของนายแพทย์แดงขึ้น เขาทำเหมือนไอ และกวักมือเรียกพยาบาล “ไม่ต้องใส่ผ้านั้นแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าพวกนั้นออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ เซี่ยชีหรั่นก็รีบบิดมือ เลื่อนเก้าอี้ไปติดที่ประตู ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก่อนที่เสียงฝีเท้าจากทางเดินจะดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ มีคนอยู่ไหมคะ? ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!” เซี่ยชีหรั่นตะโกนอยู่ติดประตู
เสียงฝีเท้าหยุดลง และเสียงผู้ชายที่ยังดูหนุ่มก็ดังขึ้น “ไม่มีใครครับ ผมเป็นแค่เห็ดหอมเท่านั้น”
เห็ดหอม? เซี่ยชีหรั่นนึกได้ขึ้นมาว่านี่คือโรงพยาบาลจิตเวช และกังวลว่าอีกฝ่ายจะเดินจากไป เซี่ยชีหรั่นจึงรีบพูดไปว่า “บังเอิญจังเลยค่ะ ฉันก็เป็นเห็ดหอมเหมือนกัน เพื่อนยาก! คุณเปิดประตูให้หน่อยได้ไหมคะ!”
เสียงที่อยู่นอกประตูอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ และถามอย่างสงสัยว่า “คุณบอกว่าคุณเป็นเห็ดหอม ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณเป็นเห็ดหอมหล่ะ?”
“นี่เป็นผู้ป่วยทางจิตจริงๆ หรือเปล่า? ตรรกะดีมาก” เซี่ยชีหรั่นพึมพำเงียบๆ เสียงที่อยู่นอกประตูดูกังวลเล็กน้อย และพูดเร่งว่า “ถ้าคุณไม่บอก ผมจะไปแล้วนะ”
“ถ้าคุณเปิดประตูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นเห็ดหอมหรือเปล่า!” เซี่ยชีหรั่นพูดออกไปอย่างรวดเร็ว
มีเสียงบิดจากลูกบิดประตูและไม่นานก็มีศีรษะโผล่มา เซี่ยชีหรั่นมองไปที่ใบหน้าของเด็กชายตรงหน้า เธอรู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาสีเทาและผมที่หยิกเล็กน้อย ใบหน้าบอบบาง คล้ายว่าเป็นลูกครึ่งที่หล่อเหลามาก
ลูกครึ่งคนนั้นเดินไปรอบๆ เซี่ยชีหรั่นที่ถูกมัดไว้ และปรบมืออย่างมีความสุข “คุณเป็นเห็ดหอมจริงๆ ด้วย ไม่ขยับเลย!”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มอย่างขมขื่น “ใช่ ฉันเป็นเห็ดหอม แต่ตอนนี้เชือกเหล่านี้ขัดขวางการเติบโตของฉัน คุณช่วยฉันปลดเชือกทั้งหมดนี้ได้ไหม?”
ลูกครึ่งคนนั้นพยักหน้าและดึงเชือกที่ตัวของเซี่ยชีหรั่นออก “คุณชื่ออะไร?” เซี่ยชีหรั่นถามขณะมองดูการเคลื่อนไหวที่อยู่นอกประตู
“ผมชื่อเห็ดหอมไง!” ลูกครึ่งคนนั้นดึงเชือกอย่างแรง
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจ และถามอย่างอดทน “นอกจากชื่อนี้ ไม่มีชื่ออื่นอีกแล้วเหรอ?”
ลูกครึ่งคนนั้นหยุดมือที่ปลดเชือก แล้วพูดว่า “บางครั้งพวกเขาก็เรียกผมว่าเสี่ยวเทียน แต่ผมชอบเห็ดหอมมากกว่า”
ทันทีที่เชือกคลาย เซี่ยชีหรั่นก็จับมือของเสี่ยวเทียนทันที “เสี่ยวเทียนพวกเราไปกันเถอะ”
ทันทีที่เดินออกจากทางเดิน เสียงสัญญาณเตือนก็ดังขึ้น พยาบาลข้างๆ เห็นเซี่ยชีหรั่นแล้ว เซี่ยชีหรั่นจึงดึงเสี่ยวเทียนและวิ่งออกไปข้างนอก
เจ้าหน้าที่นายแพทย์และพยาบาลจำนวนมาก รีบออกมาจากทางเดิน เสียงสัญญาณเตือนก็ทำให้ผู้ป่วยคนอื่นๆ ตกใจ ทันใดนั้นผู้ป่วยทางจิตและนายแพทย์พยาบาลก็ต่างยุ่งวุ่นวายกันมาก
เซี่ยชีหรั่นถือโอกาสวิ่งออกไปนอกลาน และพบว่ามีกำแพงสูงตระหง่านอยู่รอบๆ มีเสียงที่คุ้นเคยของนายแพทย์ดังขึ้นที่ประตู “อย่าปล่อยให้เธอวิ่งไป!”
“พี่สาว พวกเราไม่ใช่เห็ดหอมเหรอ? ทำไมเราวิ่งได้เร็วขนาดนี้!” เสี่ยวเทียนคว้ามือของเซี่ยชีหรั่น เห็นได้ชัดว่าเขาสูงกว่าเซี่ยชีหรั่นมาก แต่การแสดงออกนั้นทำให้เซี่ยชีหรั่นใจอ่อน
เซี่ยชีหรั่นอุทานด้วยความตื่นเต้น “ใช่สิ! เสี่ยวเทียนคุณพูดถูก พวกเราเป็นเห็ดหอม!”
นายแพทย์วิ่งไล่ไปที่ลาน ในลานมีเพียงสองร่างที่ถอนหญ้าอย่างเงียบๆ นายแพทย์เดินเข้าไปใกล้ อยากเห็นใบหน้าของทั้งสองคนชัดๆ ทันใดนั้นเด็กชายที่หล่อเหลาก็หันหน้ามา และพูดว่า “เงียบหน่อย พวกเรากำลังปลูกเห็ดหอมอยู่!”
นายแพทย์ถอนหายใจ และพูดกับเสี่ยวเทียนอย่างเคร่งขรึม “เสี่ยวเทียน กลับไปนอนเร็ว ไม่ต้องปลูก…เห็ดหอมแล้ว!”
เสี่ยวเทียนหันกลับมาและยังคงดึงหญ้า นายแพทย์เลื่อนสายตาของเขาจาก เสี่ยวเทียน ไปยังร่างที่ดึงหญ้าข้างๆ นั้น ก่อนจะไล่ตามไปทางอื่น
“เสี่ยวเทียน ขอบคุณนะ!” เซี่ยชีหรั่นพยายามปีนกำแพง กังวลว่าตัวเองจะลงน้ำหนักเท้าที่ เสี่ยวเทียนมากเกินไป และทำให้ตัวเบาขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ไหล่ของเสี่ยวเทียนเจ็บขึ้นมา แต่เขาก็กัดฟันทนและพูดว่า “ยินดีครับ พวกเราเป็นเห็ดหอมนี่!”
เมื่อปีนขึ้นไปบนกำแพง เซี่ยชีหรั่นมองเด็กที่ช่วยตัวเองด้วยความซาบซึ้ง และพูดเบาๆ “คุณจะไปกับฉันไหม? ฉันจะพาคุณกลับบ้าน”
เสี่ยวเทียนส่ายหัว “ไม่ครับ ผมต้องรอพี่ชาย เขาบอกว่าจะพาผมกลับบ้าน”
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่ใบหน้าที่จริงจังของ เสี่ยวเทียน ก่อนจะถอนหายใจ และโบกมือให้อีกฝ่ายอย่างอาลัย เซี่ยชีหรั่นยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ถอนหายใจขณะที่ฟังเสียงที่ดังมาจากกำแพง และค่อยๆ เคลื่อนตัวไปที่ไกลๆ
ไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหนแล้ว ในที่สุดเซี่ยชีหรั่นก็มองเห็นแสงสว่างในระยะไกล มันเป็นบาร์เหล้าแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง ที่มีการตกแต่งที่หรูหรา ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ความสำราญกับคนรวยมากกว่า

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset