สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1290 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1190

บทที่ 1290 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1190
“เมื่อครู่ฉันเห็นกว๋อเหา ฉันคิดว่า ดูเหมือนเขากับหยวนหยวนจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกัน จะพูดอย่างไรดีล่ะ ฉันรู้สึกว่าการตายของหยวนหยวนเกี่ยวข้องกับเขา!” สีหน้าของเซี่ยชีหรั่นนั้นแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด เพราะวิ่งมาด้วยความเร่งรีบ หลังจากที่เห็นคนแล้ว เธอก็คิดจะมาหาเย่เชินหลินตามจิตใต้สำนึก
“ถ้าอย่างนั้น มันเกี่ยวข้องอะไรกับผมกัน” เย่เชินหลินควบคุมเสียงหัวใจที่เต้นอย่างมีชีวิตชีวาผิดปกติเอาไว้ให้เงียบลงเล็กน้อย
เซี่ยชีหรั่นชะงัก ถอยไปสองก้าว สีแดงก่ำบนใบหน้ากลายเป็นขาวซีด พูดพึมพำว่า “ใช่แล้ว เกี่ยวข้องอะไรกับคุณด้วยล่ะ ฉันก็แค่เคยชินเท่านั้นเอง”
เซี่ยชีหรั่นหมุนตัว คิดจะจากไป แต่แผ่นหลังที่แนบชิดกับแผงอกอันอ่อนโยนนั้นได้ยินเสียงหัวใจเต้นที่ดังไม่น้อยกว่าตัวเองออกมาจากหน้าอกของเย่เชินหลิน เย่เชินหลินเอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณที่มาหาผม”
ภายในห้องที่มืดสลัว มีเสียงหัวเราะกำเริบเสิบสานของชายหญิง ผงแป้งสีขาวที่อยู่บนโต๊ะกระจายไปทั่ว สิ่งเหล่านี้อาจจะต้องใช้เงินที่หามาได้ครึ่งชีวิตของคนคนหนึ่ง ถึงจะซื้อได้ ถูกคนที่อยู่ที่นี่โปรยไปทั่วอย่างตามใจชอบ
กว๋อเหาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่โอบหญิงสาวสองคนเอาไว้ และจมเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเองแล้ว ประตูถูกเปิดออก มีบริกรสองคนเดินเข้ามา กว๋อเหาหรี่ตามองสองคนนี้อย่างพิจารณา
คนหนึ่งอ้วนผิดปกติ อีกคนหนึ่งนั้นยืนนิ่งอยู่อีกด้าน ออร่าดีกว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้ “นาย! มารินเหล้าให้ฉัน!”
กว๋อเหาชี้ไปยังบริกรที่ยืนนิ่งๆ บริกรกวาดมองไปด้วยสีหน้าเย็นเยียบ แววตาราบเรียบเหมือนกับมองซากศพของสัตว์
กว๋อเหาตะลึงไปครู่หนึ่ง พึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่งโดยไม่รู้ตัว และตะคอกเสียงดังใส่บริกรตัวอ้วนท้วมที่อยู่อีกด้าน “เรียกนายนั่นแหละ ไอ้อ้วน มารินเหล้า”
ไอ้อ้วนขยับ แต่กลับถูกชายที่อยู่ด้านข้างดึงเอาไว้ สายตาที่เย็นยะเยือกราวกับลำแสงกวาดผ่านไปทางกว๋อเหา “บริกรสองคนนี้นี่ อีกครู่หนึ่งฉันจะร้องเรียนพวกเขา หักเงินเดือนเขาให้หมด!” กว๋อเหาพึมพำกับตัวเอง ขณะยกขวดเหล้าขึ้นมา
“พวกเราจะยืนฟังความลับอยู่ตรงนี้อย่างเปิดเผยหรือ” เซี่ยชีหรั่นถามอย่างเหลือเชื่อ
“ไม่อย่างนั้นล่ะ?” เย่เชินหลินเอ่ยเรียบๆ กว๋อเหาที่อยู่ด้านนั้นก็กำลังเล่นสนุกอย่างบ้าคลั่ง เพราะตัวยา เขาโอบหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเอาไว้ ทั้งยังเล่นสนุกเสียเต็มประดา
“มีอีกครั้งหนึ่งที่ฉันโทรศัพท์หาคุณ ตอนนั้นฉันได้รับบาดเจ็บ และอยากเจอคุณมากอย่างกะทันหัน แต่กลับได้ยินเสียงผู้หญิง ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองน่าขันมาก”
เซี่ยชีหรั่นมองเหตุการณ์บ้าบอคอแตกเบื้องหน้าอย่างเฉยเมย เอ่ยพูดด้วยความท้อแท้เล็กน้อย เย่เชินหลินเลิกคิ้ว เขารู้ว่าเรื่องพวกนี้ล้วนทำร้ายเซี่ยชีหรั่น แต่เขาไม่ใช่คนที่ถนัดอธิบายมาแต่ไหนแต่ไร
“ขอเพียงแค่คุณเชื่อว่าที่ผมทำมาทั้งหมดนี้ล้วนเพื่อคุณ คุณก็จะไม่ถูกทำร้าย” เย่เชินหลินเอ่ยเรียบๆ
“อย่างนั้นหรือ สิ่งที่คุณคิดว่ามันคือการปกป้องนั้นทำร้ายฉันมาตลอดนะคะ” เซี่ยชีหรั่นกระซิบเสียงเบาจนไม่อาจจะเบาไปมากกว่านี้แล้วเอ่ยออกมา
“เอ๋ บริกรคนนี้ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน หน้าตาจิ้มลิ้มดีนะ” หญิงสาวคนหนึ่งลงมาจากตัวกว๋อเหา เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่น
สายตาของกว๋อเหามองมาทางเซี่ยชีหรั่น สีหน้าซีดเผือดลงไปมากในเสี้ยววินาที “เขาจะต้องมองฉันเป็นหยวนหยวนอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน”
แววตาของเย่เชินหลินคมกริบขึ้นมากะทันหัน น้ำเสียงทุ้มต่ำเหมือนกับเส้นขนานเส้นหนึ่ง “เขาทำร้ายคุณหรือไม่!”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า ทางด้านกว๋อเหานั้นเริ่มที่จะกวาดของบนโต๊ะลงพื้นแล้ว “หยวนหยวน ทำไมเธอถึงไม่ปล่อยฉันไป ฉันไม่ได้ฆ่าเธอสักหน่อย เธออย่าตามติดฉันไม่ปล่อยอีกเลย!”
เสียงร้องไห้โวยวายของชายหนุ่มทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตะลึงค้าง กว๋อเหาหยิบที่เขี่ยบุหรี่ขึ้นมาปาใส่กำแพง พร้อมกับตะโกนออกมาว่า “ไสหัวไปให้หมด!”
หญิงสาวมองไปทางกว๋อเหาด้วยความประหลาดใจแวบหนึ่ง พากันหยิบกระเป๋าขึ้นมาและตามกันออกไป เย่เชินหลินลากเซี่ยชีหรั่นไปนั่งบนโซฟาด้วยท่าทีเอ้อระเหยลอยชาย ปลายนิ้วแตะผงแป้งที่ถูกบดบนโต๊ะ ดวงตาคู่นั้นมองไปทางกว๋อเหาราวกับดูเรื่องสนุก
“ปล่อยฉัน! ไม่อย่างนั้นฉันจะให้เธอตายอีกครั้ง!” กว๋อเหาหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะขึ้นมาปาทิ้ง คว้าเศษกระจกขึ้นมา ชี้ไปทางเซี่ยชีหรั่น
“นายสามารถลองดูได้” เย่เชินหลินสลัดผงแป้งที่อยู่บนนิ้วทิ้ง เอนเข้ากับพนักพิงหลังโซฟาอย่างสบาย มองเยาะเย้ยไปทางกว๋อเหา
กว๋อเหาถอยไปก้าวหนึ่งอย่างขลาดกลัว สำหรับเย่เชินหลินนั้นเขารู้สึกหวาดกลัวแปลกๆ ใบหน้าของหยวนหยวนนั้นลอยไปลอยมาบนตัวเซี่ยชีหรั่นตลอดเวลา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดที่รินไหล เจือไปด้วยคำตำหนิที่โกรธแค้น มองมาทางกว๋อเหาเงียบๆ หลังจากนั้นก็ค่อยๆมีคราบเลือดซึมออกมา
“อย่างมองฉันแบบนี้นะ!” กว๋อเหาวิ่งมาทางเซี่ยชีหรั่นด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ เย่เชินหลินยกเท้าถีบโต๊ะวางน้ำชาที่อยู่ตรงกลาง โต๊ะวางน้ำชาก็พุ่งไปกระแทกกว๋อเหาที่พุ่งเข้ามา
เสียงกระจกกระทบเข้ากับร่างกาย กว๋อเหาร้องอู้อี้ออกมา พาดอยู่ที่โต๊ะ ลุกขึ้นไม่อีก “เล่าเรื่องที่นายรู้ทั้งหมดออกมา”
เย่เชินหลินเอ่ยอย่างเย็นชา สำหรับเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้แผนการอะไร การใช้ความรุนแรงง่ายๆนั้นเป็นวิธีการของเขา เพราะเขามีความสามารถ
“หยวนหยวน! ฉันเจ็บปวดมากเลย เห็นอยู่ชัดๆว่าตอนเด็กๆ เธอชอบฉันที่สุด ฉันพาเธอไปสวนสนุก เธอชอบนั่งเรือโจรสลัดมากที่สุด พวกเรายังกินไอติมด้วยกัน แต่ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้กัน!” กว๋อเหาตบโต๊ะและเอ่ยเล่าความเจ็บปวดที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่ขยับเขยื้อน
เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นยืน ข้อมือถูกเย่เชินหลินจับเอาไว้ เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นที่ส่ายหน้า เขารู้ว่าเซี่ยชีหรั่นจะทำอะไร ชายที่อยู่บนโต๊ะคนนั้นพร้อมโจมตีคนอื่นตลอดเวลา เขาไม่อาจปล่อยให้เซี่ยชีหรั่นไปเสี่ยงอันตรายนี้ได้
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก” เซี่ยชีหรั่นปลดมือเย่เชินหลินที่จับข้อมือตัวเองออก เดินไปข้างกายกว๋อเหา เอ่ยเรียบๆว่า “ฉันรู้ว่าคุณหาอะไรบางสิ่งในห้องของฉันมาโดยตลอด ดังนั้นฉันจึงรื้อหาเองรอบหนึ่ง และหากล่องใบหนึ่งพบที่ใต้เตียง
กล่องถูกดูแลรักษาอย่างดี มองออกเลยว่าเจ้าของมีความตั้งใจมาก ภายในกล่องมีรูปภาพกองแล้วกองเล่า มีรูปภาพตอนที่พวกคุณไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกันในตอนที่ยังเด็ก มีภาพถ่ายคู่ของคุณกับเธอในตอนฉลองวันเกิด มีภาพท่าทางโมโหของคุณในตอนที่เธอโดดเรียน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของมีค่าของเธอนะ”
กว๋อเหาฟังอย่างตะลึง ภายในใจมีความท้อแท้วนเวียนอยู่ คิดอยากจะตายเดี๋ยวนี้ จึงยกมือข้างที่มีเศษกระจกขึ้นสูง กว๋อเหาหัวเราะและแทงเข้าไปที่หน้าอกของตัวเอง
เศษกระจกในมือถูกเตะกระเด็น ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านมาทางมือ ทำให้กว๋อเหาเงยหน้ามองชายหนุ่มที่มีท่าทางเย็นชามาโดยตลอดตามสัญชาตญาณ “การตายเป็นวิธีการไถ่โทษที่โง่ที่สุด”
เย่เชินหลินกลับไปนั่งที่โซฟา ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เซี่ยชีหรั่นมองกว๋อเหาที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วก็ถอนหายใจ วางรูปใบหนึ่งเอาไว้บนโต๊ะ พร้อมกับเอ่ยเสียงเบาว่า “ฉันคิดว่าคุณตามหารูปใบนี้มาโดยตลอดสินะ”
สายตาของกว๋อเหาตกลงบนรูปภาพ หญิงสาวในรูปนั้นแต่งหน้าอย่างประณีตด้วยความอดทน และสีหน้าตกตะลึงของเด็กหญิงคนหนึ่งที่มองมาทางตัวเองสะท้อนในกระจก
กว๋อเหายกมือขึ้นปิดตาตัวเอง เอ่ยอย่างช้าๆ “ผมไม่รู้ว่า เริ่มคาดหวังอยากจะให้ตัวเองเป็นผู้หญิงคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อไร วันนั้นเธอเห็นทั้งหมด ผมตื่นตระหนกมาก อยากจะตามขึ้นไป เพื่อห้ามไม่ให้เธอเล่าเรื่องทั้งหมดออกไป
เธอวิ่งไม่หยุด ขับรถออกจากที่จอดรถไป ผมไม่ได้ตามไป และไม่กล้าออกจากบ้านในสภาพแบบนั้น ใครจะไปรู้ว่ามีข่าวอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเธอมาเยือนแทน ผมรู้ว่าผมทำให้เธอสะเทือนใจ ผมทำให้เธอตาย”
กว๋อเหาเงยหน้ามองเพดาน พูดสิ่งที่เก็บเอาไว้ตลอดครึ่งปีนี้ออกมา บนเพดานมีหยวนหยวนที่เต็มไปด้วยเลือดมองมาที่ตัวเอง ใบหน้าที่ไม่เหลือเค้าเดิมนั้นเผยรอยยิ้มประหลาดออกมา
เซี่ยชีหรั่นขมวดคิ้ว พลางเอ่ยว่า “พูดแบบนี้ คุณไม่ได้ตามอยู่ด้านหลังหยวนหยวนหรือ”
กว๋อเหาส่ายหน้า พร้อมกับเอ่ยว่า “เปล่า”
เย่เชินหลินนั้นได้ข้อมูลที่ตัวเองต้องการรู้แล้ว ก็ไม่อยากจะมองคนที่สภาพเหมือนซอมบี้ที่พาดอยู่บนโต๊ะอีกสักแวบหนึ่ง จึงดึงมือเซี่ยชีหรั่นเดินออกไปข้างนอก
เซี่ยชีหรั่นหยุดอยู่ที่หน้าประตู หันหน้าไปมองสบตากับกว๋อเหาที่กำลังเงยหน้าขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นมองชายหนุ่มที่ยืมเหล้าดับทุกข์ด้วยความสงสาร เอ่ยเสียงเบาว่า “รู้ไหมว่า ทำไมบ้านตระกูลหวาจึงไม่สามารถเหลือคนเอาไว้ได้ในตอนกลางคืน เพราะว่าแม่ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างยิ่งใหญ่และปกป้องอย่างลับๆต่องานอดิเรกพิเศษของลูกชายตัวเอง”
กว๋อเหาฟังอย่างตะลึง จนกระทั่งประตูถูกปิดลงอย่างแผ่วเบา กั้นแสงอาทิตย์และความอบอุ่นทั้งหมดเอาไว้ เหลือเพียงแค่บรรยากาศที่มืดสลัวและจิตวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในห้องว่างเปล่าแห่งนี้
“น่าจะมีคนกำลังตามหยวนหยวนอยู่ ฉันเก็บปากบันทึกเสียงของหยวนหยวนได้ที่โรงงานทำลายรถที่ถูกทิ้ง เธอพูดว่ามีคนคนหนึ่งกำลังตามเธออยู่ ถ้าหากว่าคนคนนั้นไม่ใช่กว๋อเหา อย่างนั้นจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องเฝ้ามองหยวนหยวนอยู่ตลอดเวลา มีเพียงแค่แบบนี้ ถึงจะสามารถตามหยวนหยวนที่หนีออกไปจากบ้านตระกูลหวาได้ตลอด” เซี่ยชีหรั่นวิเคราะห์อย่างเป็นระเบียบแบบแผนบนรถ
เย่เชินหลินขับรถด้วยตัวเอง สายตามองผ่านกระจกหลัง เอ่ยเรียบๆว่า “นอกจากเรื่องพวกนี้ คุณไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือ”
เซี่ยชีหรั่นหุบปากเงียบทันที เบนสายตาหลบไปด้วยความร้อนรนเล็กน้อย เธอตื่นเต้นมาก ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่หยิบยืมการพูดไม่หยุดมาลดทอนความตื่นเต้นของตัวเอง และการกระทำแบบนี้ ต่อหน้าเย่เชินหลินก็เหมือนกับการปกป้องด้วยกระดาษบางๆ ขอเพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามแตะลงเบาๆก็สามารถยับจนไม่เหลือเค้าเดิม
“วันนั้นตอนที่ฉันถูกคนขังเอาไว้ในโรงงานทำลายรถที่ถูกทิ้ง ฉันโทรศัพท์หาคุณ” เซี่ยชีหรั่นคว้าเบาะนั่งทางด้านหลังเอาไว้ เอ่ยพูดด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“อืม” เย่เชินหลินที่ขับรถอยู่ รับคำเสียงเรียบ
“ฉันทั้งหมดหวังและกลัวมาก กลัวว่าลูกของฉันจะจากไปเพราะความหุนหันพลันแล่นของฉัน ดังนั้นฉันจึงได้โทรหาคุณ” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยอย่างเชื่องช้า เย่เชินหลินไม่ได้ตัดบท แต่เซี่ยชีหรั่นก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังฟังอยู่
“ฉันกลัวมาก และหวังว่าคุณจะมา” เซี่ยชีหรั่นคล้ายกับจมเข้าสู่ห้วงอารมณ์นั้นของตัวเอง เย่เชินหลินคิ้วขมวด น้ำเสียงเจือไปด้วยความอ่อนโยน “ดังนั้นผม…….”
“โชคดีที่มีเซวียเหวินยูน ตอนที่เห็นเขา ฉันรู้สึกว่าโลกใบนี้มีแสงสว่างส่องเข้ามา มอบความเชื่อใจและความกล้าให้กับฉัน” เซี่ยชีหรั่นพูดออกมาด้วยความเร่งรีบ เพื่อหยุดคำพูดของเย่เชินหลิน แววตาปรากฏความขอบคุณที่มีต่อเซวียเหวินยูนโดยไม่หลบเลี่ยง
เย่เชินหลินที่ขับรถอยู่เม้มริมฝีปาก ไม่อธิบายอะไรเช่นกัน
บางครั้งการอธิบายก็ไร้น้ำหนัก หลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามได้เชื่อข้อเท็จจริงนั้นไปแล้ว
รถยนต์จอดที่บ้านตระกูลหวา เย่เชินหลินส่งปากกาบันทึกเสียงให้ เซี่ยชีหรั่นรับมา ด้านในปากกาบันทึกเสียงมีเสียงของเย่เนี่ยนโม่ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย “หม่ามี๊ วันนี้ผมไปเรียนมวยกับคุณลุงมา ไห่โจ๋ซวนนั้นเอาชนะผมไม่ได้แล้ว หม่ามี้รอผมนะ ผมจะกลับไปในเร็วๆนี้แล้ว”
เซี่ยชีหรั่นกอดปากกาบันทึกเสียงเอาไว้ด้วยความตื้นตันใจ นัยน์ตาเต็มไปด้วยประกายสุกใส เย่เชินหลินจูบหน้าผากเซี่ยชีหรั่นอย่างแผ่วเบา “เข้าไปเถอะ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset