สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1291 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1191

บทที่1291 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1191
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าถือปากกาอัดเสียงแล้วเดินเข้าไปที่บ้านตระกูลหวา เดินไปสักพักหนึ่งก็หันกลับมาอย่างอัตโนมัติ บริเวณด้านหน้าประตูใหญ่ยังคงมีเงาคนยืนตระหง่านจ้องมองตนอยู่ด้วยท่าทางเศร้าสลด
“อ้ายหลอน”เซี่ยชีหรั่นถูกชน เธอรีบคว้าเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆเพื่อพยุงตนเองไว้จึงไม่ล้มลง อ้ายหลอนรีบเดินไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว แต่จู่ๆก็ก้าวถอยกลับมาแล้วถามขึ้นว่า:“สองสามวันมานี้มีใครโทรหาคุณบ้างไหม หรือมีใครมาหาคุณหรือเปล่า แล้วพูดจาเลอะเทอะกับคุณ”
เซี่ยชีหรั่นส่ายศีรษะพลางถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า:“ไม่มีหนิ คุณหมายถึงใครเหรอ?”
อ้ายหลอนถอนหายใจอย่างโล่งอก ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า:“ไม่มีอะไรหรอก แค่ได้ยินมาว่าช่วงนี้ชอบมีคนโรคจิตมาเดินป่วนเปี้ยนแถวนี้ กลัวว่าเธอจะได้รับอันตราย ฉันไปก่อนล่ะ”
อ้ายหลอนทักทายอย่างรีบร้อนแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานรถปอร์เช่สีแดงก็ขับออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู “คุณหนูอ้ายหลอน?”พ่อบ้านข่าเอ๋อถือกระเป๋ายาออกมาแล้วถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ:“คุณอ้ายหลอนล่ะครับ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อครู่นี้เห็นเธอรีบร้อนออกไป”เซี่ยชีหรั่นมองไปยังพ่อบ้าน ขณะที่พ่อบ้านถือกล่องยาอยู่ก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ:“บาดแผลที่มือของคุณอ้ายหลอนควรที่จะจัดการให้เรียบร้อย”
“บาดแผล?”เซี่ยชีหรั่นนึกถึงบาดแผลบริเวณมือของอ้ายหลอน ข่าเอ๋อพูดขึ้นต่อว่า:“ใช่ครับแขนของเธอมีร่องรอยของกระจกบาด”
ข่าเอ๋อพูดพึมพรำ เซี่ยชีหรั่นพลันขมวดคิ้ว กระจก?พลางนึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ตนได้กลิ่นจากบริเวณโรงรถวิเวกวังเวง หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกัน?
กลิ่นหอมลอยเข้ามาเตะจมูก เซวียเหวินยูนถือเต้าฮวยไปมาบริเวณจมูกของเซี่ยชีหรั่น ยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“องค์หญิงของผมคิดอะไรอยู่เหรอครับ?ทำไมถึงได้เพลิดเพลินขนาดนั้น?แม้แต่กลิ่นหอมที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้กลิ่น?”
เซี่ยชีหรั่นได้สติพลันหันมามองเซวียเหวินยูน ยิ้มแล้วหันมาดูว่าเซวียเหวินยูนนำของอร่อยอะไรมากันแน่ เซวียเหวินยูนนำมือไปหลบไว้ข้างหลัง ทำให้เซี่ยชีหรั่นเข้าใกล้ตนมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งริมฝีปากของเขาแตะไปยังหน้าผากของเธอ
สัมผัสชุ่มชื่นทำให้เซี่ยชีหรั่นตะลึงงันพลันถอยหลังกลับด้วยสีหน้าแดงก่ำพลันมองไปยังเซวียเหวินยูน เซวียเหวินยูนนำเต้าฮวยวางไว้บนโต๊ะน้ำชาด้วยความพึงพอใจพลางพูดขึ้นว่า:“กินเถอะ กินเสร็จค่อยออกเดินทาง”
“ไปไหนค่ะ?”เซี่ยชีหรั่นกินเต้าฮวยรสหอมหวานไปหนึ่งคำอย่างพอใจ แล้วเงยหน้ามองเซวียเหวินยูนด้วยความงุนงง
มีสัมผัสเบาๆแตะที่หน้าผากของเธอ เซวียเหวินยูนแตะเบาๆที่หน้าผากของเซี่ยชีหรั่น จากนั้นคลึงด้วยความเอ็นดู แล้วจึงพูดออกไปว่า:“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องลืมแน่ๆ คุณบอกว่าจะไปงานเลี้ยงวันสถาปนาโรงเรียนกับผมไม่ใช่เหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นจึงนึกขึ้นมาได้ เซวียเหวินยูนเคยชวนเธอจริงๆและเธอก็ได้รีบปากเขาแล้ว แต่หลังจากที่ได้พบกับเย่เชินหลิน จิตใจของเธอก็ว้าวุ่น และลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
จากโรงเรียนที่เงียบสงบ ในเวลานี้กลับเต็มไปด้วยผู้คน นักเรียนที่เรียนจบแล้วออกไปดิ้นรนในสังคมภายนอก ต่างสวมใส่เสื้อผ้าอย่างประณีต พยายามขับรถคันหรู และพูดคุยกับผู้คนอย่างยิ้มแย้ม เพื่อเสนอด้านดีๆให้กับผู้คนได้เห็น และเก็บซ่อนความทุกข์ยากของตนไว้อย่างชาญฉลาด
“เหวินยูน!”ชายคนหนึ่งยืนยิ้มต้อนรับผู้คนอยู่บริเวณด้านหน้าประตูโรงเรียน เซวียเหวินยูนพาเซี่ยชีหรั่นเดินไปยังเบื้องหน้าของชายผู้นั้น ใบหน้ายิ้มออกไปด้วยความจริงใจอย่างยากที่จะได้พบเห็น:“ผู้อำนวยการจาง”
ผู้อำนวยการจาง ตบไหล่ของเซวียเหวินยูนเบาๆพลางพูดขึ้นว่า:“ในรุ่นนั้น คุณมีอนาคตที่สดใสที่สุด เงินที่คุณบริจาคจำนวนหนึ่งร้อยล้านหยวนสำหรับสร้างโรงเรียนพวกเราได้รับแล้ว อาจารย์และนักเรียนทุกคนต่างรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก”
“ผู้อำนวยการจางโรงเรียน นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำครับ”เซวียเหวินยูนพูดขึ้นอย่างราบเรียบ และแนะนำเซี่ยชีหรั่น:“นี่เซี่ยชีหรั่นครับ”
“เซี่ยชีหรั่น คุณก็คือนักออกแบบอัญมณีใช่ไหม?”ผู้อำนวยการจาง มองไปยังเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าพลางหยอกล้อขึ้นว่า:“หากไม่ได้เป็นเพราะชื่อเหมือนกัน ฉันนี่แหระเซี่ยชีหรั่น”
“ฮ่าๆๆ ตัวจริงของคุณน่าหลงใหลกว่าในหนังสืออีกนะครับ คุณรู้หรือยังครับว่าผลงานของคุณถูกนำมาเรียบเรียงเป็นส่วนหนึ่งของบทเรียนการออกแบบงานศิลปะ?”ผู้อำนวยการจางยิ้มกริ่มพลางมองไปยังเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นมองไปยังเซวียเหวินยูนและผู้อำนวยการจางด้วยความงงงวย ผู้อำนวยการจางโบกมือพลางพูดขึ้นว่า:“มา ตามผมมาครับ”
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ผู้อำนวยการจางโรงเรียน หยิบหนังสือออกแบบงานศิลปะขึ้นมาเล่มหนึ่งพลางเปิดออกสองสามหน้าและชี้ไปที่รูปของอัญมณี “คุณเซี่ยครับ ผลงานของคุณได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแบบเรียนที่นักเรียนสาขาการออกแบบใช้ในการเรียนเรียบร้อยแล้วนะครับ”
เซี่ยชีหรั่นตลึงงันเมื่อเห็นผลงานของตนเองถูกพิมพ์เป็นภาพถ่ายสี และคิดถึงภาพที่นักเรียนที่กำลังไล่ตามความฝันเหล่านั้นใช้แบบเรียนที่มีภาพผลงานของตนเองเรียนอย่างตั้งใจ “ยินดีด้วยนะครับ”เซวียเหวินยูนตบไหล่ของเซี่ยชีหรั่นเบาๆ แชร์ความรู้สึกดีใจกับเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นยิ้มอย่างเบิกบาน ท้องขยับเล็กน้อย เซี่ยชีหรั่นลูบที่ท้องของตน เซวียเหวินยูนถามขึ้นอย่างเคร่งเครียดว่า:“ทำไมเหรอครับ?เขาเตะคุณอีกแล้วเหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า:“อาจจะเป็นเพราะเด็กน้อยอยากจะแสดงความยินดีกับเธอมั่ง” บรรยากาศค่อยข้างดี สีหน้าของผู้อำนวยการจางโรงเรียนมองไปยังเขาทั้งสองอย่างเข้าใจพลางพยักหน้า และใช้โอกาสในขณะที่เซวียเหวินยูนอารมณ์ดีพูดขึ้นว่า:“ในเมื่อวันนี้คุณก็มาแล้ว เราถือโอกาสคุยเรื่องอาคารเรียนกันเถอะ?”
เซวียเหวินยูนพยักหน้า และเกรงว่าเซี่ยชีหรั่นจะรู้สึกอุดอู้ จึงมองไปที่เซี่ยชีหรั่นพลางพูดขึ้นว่า:“คุณอยากจะไปเดินเล่นรอบๆไหม?”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ไม่รู้ว่าชีวิตการเรียนในโรงเรียนของเซวียเหวินยูนเป็นอย่างไรบ้าง?ขณะที่เซี่ยชีหรั่นเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนขวักไขว่ไปมาอย่างคับคั่งในโรงเรียนแห่งนี้ ในอ้อมกอดของเธอเต็มไปด้วยผลงานของตัวเธอเอง และมองออกไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ
บริเวณสองข้างทางของโรงเรียน มีทั้งคนจีนและคนต่างชาติเดินสลับไปมา ทำให้อบอวลไปด้วยบรรยากาศของวัยหนุ่มสาว สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ชมรมต่างๆที่เรียงรายอยู่ตามสองข้างทาง แสดงความสามารถต่างๆที่อยู่ในตัวเองและชักชวนให้ผู้คนต้องหยุดฝีเท้าเพื่อมองดู ราวกับว่าสายตาของผู้ช่วยยืนยันความสามารถของตนให้ประจักษ์ยิ่งขึ้น
ห้องเรียนทรงวงกลมถูกโอบล้อมไปด้วยผู้คนอย่างแน่นหนา กระทั่งทำให้มีคนบางส่วนไม่สามารถเข้าไปได้ ทำให้ต้องยืนมองอยู่ด้านนอก เซี่ยชีหรั่นเดินเข้าไปใกล้ด้วยความประหลาดใจ และเมื่อเดินไปถึงบริเวณบันไดก็ค่อยๆหยุดฝีเท้าลง
น้ำเสียงและคนที่อยู่ในห้องนั้นเป็นคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี เซี่ยชีหรั่นยืนมองเย่เชินหลินสอนหนังสืออยู่ที่มุมๆหนึ่ง เย่เชินหลินสวมชุดสีดำ สีหน้าเคร่งขรึมและจริงจัง น้ำเสียงหนักแน่น นั่งอยู่ท่ามกลางนักเรียนพันกว่าคน เขาสอนเกี่ยวกับปัญหาที่นักเรียนเหล่านี้ต้องพบเจอเมื่อออกไปสู่สังคมภายนอก
เมื่อเซี่ยชีหรั่นหันไปก็พบกับนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งมองมุมข้างของเย่เชินหลินด้วยความหลงใหล เธอถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเดินจากไป เย่เชินหลินไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เป็นดั่งดวงดาวที่สุกสว่าง ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนไปเลยไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม
เย่เชินหลินราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง หันไปมองที่บริเวณด้านหน้าประตูครู่หนึ่ง ราวกับเห็นเงาอะไรบางอย่างแว๊บๆ แต่ก็เหมือนกับไม่ได้มองเห็นอะไร
ลมจากทะเลสาปพัดมากระทบแขนเสื้อของเซี่ยชีหรั่นเบาๆ เดิมที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งแต่จู่ๆก็มีเมฆดำเคลื่อนมาปกคลุม เมฆดำกลุ่มนั้นเข้ามาครอบครองพื้นที่ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว ทำให้แสงแดดเลือนหาย และสิ่งที่ตามมาก็คือลมและฝน
จากเดิมที่ผู้คนขวักไขว่ไปมาอย่างคับคั่ง ก็เกิดเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวขึ้น ผู้คนต่างแย่งชิงเพื่อหาที่หลบฝน ทิ้งความสง่างามและสติปัญญาที่แสร้งทำก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น
เซี่ยชีหรั่นวิ่งมายังบริเวณใต้ตึกเรียน ก้มหน้ามองรองเท้าส้นเตี้ยที่เปียกฝนของเธอ และหยาดฝนกระทบเม็ดแล้วเม็ดเล่า
สายตาของเธอก็เหลือบเห็นรองเท้าหนังที่ถูกขัดจนมันวาว ไม่นานเจ้าของรองเท้าหนังนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้เธอ เซี่ยชีหรั่นหันไปสายตาของเธอกับเย่เชินหลินก็ประสานกันพอดี
“ตุ้บ”หนังสือของเซี่ยชีหรั่นหล่นลงบนพื้น เย่เชินหลินเลิกคิ้วขึ้น ก้มลงไปเก็บหนังสือของเซี่ยชีหรั่น พลิกดูสองสามหน้าก็เผยแววตาเป็นประกายออกมา
เซี่ยชีหรั่นหันศีรษะกลับมาเล็กน้อยไม่อยากสบตาเย่เชินหลิน กระทั่งส่วนบนสุดของศีรษะของเธอรับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่น เส้นผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย เย่เชินหลินยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“เซี่ยชีหรั่น ผลงานคุณไม่เลวเลย”
“ขอบคุณค่ะ”เซี่ยชีหรั่นก้มหน้ามองไปยังรองเท้าส้นเตี้ยของตนพลางพูดอย่างทำตัวไม่ถูก เย่เชินหลินมองไปยังติ่งหูที่แดงก่ำของฝ่ายตรงข้าม ยิ้มพลางจูงมือเซี่ยชีหรั่น ไม่ได้เข้าไปมากนัก ระยะห่างของพวกเขาทั้งสองคนเป็นเพียงระยะของการจูงมือเท่านั้น
“คุณมาสอนที่นี่เหรอ?”เซี่ยชีหรั่นไม่รู้จะพูดอะไร
“อืม”เย่เชินหลินตอบกลับอย่างราบเรียบ
ทั้งสองต่างก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร กระทั่งแสงแดดแสงแรกส่องกระทบพวกเขาทั้งสอง ฟ้าที่มืดครึ้มได้จางหายไป ในที่สุดแสงแดดก็สามารถชนะลมฝนได้
เย่เชินหลินปล่อยมือของเซี่ยชีหรั่นลงแล้วเดินไปข้างหน้า:“ไปเถอะ”
“ฉันมากับเซวียเหวินยูน ฉันต้องไปหาเขา”เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นอย่างอัตโนมัติ
เย่เชินหลินหันไปมองเซี่ยชีหรั่น ริมฝีปากแห้งของเซี่ยชีหรั่นเหมือนกับจะพูดอะไรออกมา เย่เชินหลินพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรและเดินหันหลังจากไปด้วยฝีเท้าที่หนักแน่น
จางเฟิงอี้มองไปยังร่มที่อยู่ในรถ นึกถึงตอนที่เย่เชินหลินลงจากรถด้วยความรีบร้อน ก็ถอนหายใจออกมา
“ชีหรั่น ในที่สุดผมก็หาคุณเจอ”เซวียเหวินยูนที่ถือร่มอยู่นั้น มองดูเซี่ยชีหรั่นตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างร้อนใจ:“เปียกตรงไหนหรือเปล่า”
เซี่ยชีหรั่นมองดูเสื้อผ้าของเซวียเหวินยูนที่ชื้นแฉะพลางยิ้มและพูดขึ้นว่า:“ประโยคนี้ควรจะถามใครกันแน่คะ?”
เซวียเหวินยูนพยักหน้าพลางเคาะที่หน้าผากของเซี่ยชีหรั่น ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า:“เด็กแสบ!”
“หยวนหยวน?”ด้านข้างมีคนมองมายังเซี่ยชีหรั่นดูเหมือนกำลังลังเลว่าจะขยับเข้ามาใกล้ไหม เซี่ยชีหรั่นถามผู้หญิงคนนั้นด้วยความประหลาดใจว่า:“คุณรู้จักหยวนหยวนเหรอ?”
หญิงสาวทอดถอนหายใจยาวครู่หนึ่ง ตบที่หน้าอกพลางพูดขึ้นว่า:“ฉันคิดว่าหยวนหยวนตายไปแล้ว ที่แท้ก็ไปคลอดลูกนี่เอง คุณหน้าตาเหมือนเธอเลย แต่ว่าคุณสวยกว่า”
เซี่ยชีหรั่นยังคงถามสิ่งที่ตนความแคลงใจอีกครั้ง:“คุณรู้จักหยวนหยวนเหรอ?”
หญิงสาวพยักหน้า:“ฉันชื่อซาซา หยวนหยวนเป็นเพื่อนห้องเดียวกับฉัน ที่จริงหลายคนก็รู้จักหล่อน หล่อนมนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดีนัก”
เซี่ยชีหรั่นยังคงอยากจะถามต่อ และหญิงสาวคนนั้นกลับหันไปมองยังเซวียเหวินยูน แล้วพูดขึ้นอย่างเขิลอายว่า:“คุณกับพี่สาวคนนี้เป็นแฟนกันเหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นอยากจะปฏิเสธ และถูกเซวียเหวินยูนขวางไว้ เซวียเหวินยูนเลิกคิ้วขึ้นพลางมองไปยังซาซาพลางพูดขึ้นว่า:“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
ซาซาก้มหน้าด้วยความเศร้าใจพลางบ่นพึมพำ:“ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอคนสเปคสูง แต่ก็มีเจ้าของซ่ะแล้ว”
“เพื่อนนักเรียนคุณช่วยเล่าเรื่องของหยวนหยวนให้ชัดเจนได้ไหมคะ?คุณเจอเธอครั้งสุดท้ายที่ไหน?”เซี่ยชีหรั่นมองไปยังหญิงสาวที่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์แม้แต่จะพูดคุยแล้ว
หญิงสาวมองไปยังเซี่ยชีหรั่น จากนั้นก็เบนสายตามายังกระเป๋าของเซี่ยชีหรั่น และพูดขึ้นอย่างอิจฉาว่า:“นี่เป็นกระเป๋าแฮร์เมสรุ่นใหม่ล่าสุด ถ้าคุณให้ฉัน ฉันก็จะเล่าให้คุณฟัง”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset