สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1292หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1192

บทที่1292หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1192
เซี่ยชีหรั่นขมวดคิ้วพลางมองไปที่หญิงสาว เธอไม่ชอบท่าทีเช่นนี้ของหญิงสาวเลย เซวียเหวินยูนที่อยู่ข้างๆเลิกคิ้ว ผู้หญิงแบบนี้เขาเจอมาไม่น้อยแล้ว เขาลูบไหล่ของเซี่ยชีหรั่นพลางพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า:“เดี๋ยวค่อยไปซื้อเอาใหม่ก็ได้?อ่า?”
ซาซามองเซี่ยชีหรั่นด้วยความรู้สึกอิจฉา พึมพำว่าตนนั้นวาสนาไม่ดี เซี่ยชีหรั่นนำกระเป๋าของตนเองวางที่มือของหญิงสาวคนนั้น พลางพูดขึ้นอย่างจริงใจว่า:“มีเวลาไหนบ้างไหมที่คุณรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร?”
หญิงสาวทำปากแบะและพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า:“คุณมีผู้ชายคอยปกป้อง อีกทั้งยังเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ คุณก็เลยพูดแบบนี้ได้ไง พวกเราคนธรรมดาต่างก็ต้องอาศัยวิธีนี้เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ”
เซี่ยชีหรั่นเริ่มรู้สึกโกรธ เซวียเหวินยูนที่อยู่ด้านหลังของเซี่ยชีหรั่นส่งสายตาบอกเป็นนัยกับซาซาว่าอย่าพูดมาก และพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า:“ทางที่ดีคุณควรระวังปากของคุณให้มากกว่านี้ เดี๋ยวจะไม่ได้อะไรเลย”
ซาซาทำปากแบะ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า:“ซาซากลับมาจากต่างประเทศอย่างกะทันหัน ได้ข่าวว่าพ่อของเขาจู่ๆก็เข้าไปรักษาตัวที่สถานพักฟื้น เขากับพวกเราก็เลยมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก”
“แล้วพวกคุณเจอเธอครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?”เซี่ยชีหรั่นถามขึ้น
ซาซาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงตอบว่า:“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่เธอมาโรงเรียน วันนั้นท่าทีของเธอไม่ค่อยดีนัก ดูอกสั่นขวัญหาย กระทั่งอาจารย์เรียกชื่อของเธอ เธอก็ไม่ได้ยิน พอถึงคาบเรียนในช่วงกลางวันก็ไม่เห็นเธอแล้ว มีเพื่อนนักเรียนบางคนบอกว่ามีคนมาหาเธอ”
ใครกัน?ใครมาหาหยวนหยวน?เซี่ยชีหรั่นขมวดคิ้ว คนที่มาหาหยวนหยวนคือคนที่ไล่ตามเธอกระทั่งจะทำร้ายเธอจนตายคนนั้นใช่ไหม?
“เฮ้ย ถ้าพวกคุณไม่ถามอะไรต่อฉันจะไปแล้วนะ”ซาซาถือกระเป๋าของเซี่ยชีหรั่นอย่างอดใจไว้ไม่ไหว จู่ๆก็รับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างในกระเป๋าดังขึ้น ไม่นานก็พบว่าเซี่ยชีหรั่นลืมหยิบโทรศัพท์มือถือของตนออกจากกระเป๋า เธอปิดเครื่องอย่างสงบเยือกเย็น จากนั้นซาซาก็รีบร้อนเดินจากไป
คนที่ไล่ตามหยวนหยวนเป็นใครกันแน่ เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดอย่างหมกมุ่น และจู่ๆรถก็ได้หยุดลง เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าขึ้นอย่างงงงวย :“ถึงแล้วเหรอ?”
เซวียเหวินยูนเปิดประตูรถให้กับเซี่ยชีหรั่นพลางพูดขึ้นว่า:“ลงรถเถอะ”เซี่ยชีหรั่นมองสิ่งก่อสร้างที่อยู่รอบๆตัว พลางถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า:“ทำไมคุณถึงพาฉันมาที่ห้างสรรพสินค้าล่ะ?”
เซวียเหวินยูนเขกหน้าผากของเซี่ยชีหรั่นพลางพูดขึ้นว่า:“คุณคงไม่อยากให้ผมกลายเป็นคนพูดไม่เป็นคำพูดหรอกนะ”
เธอตามเซวียเหวินยูนมายังร้านค้าแบรนด์หรู ในร้านคนค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากคนที่มีกำลังซื้อของที่นี่มีไม่มากนัก
“ไปเถอะ”เซวียเหวินยูนยืนอยู่ด้านหลังของเซี่ยชีหรั่นยิ้มพลางพูดขึ้น เซี่ยชีหรั่นเดินเข้าใกล้ร้านๆหนึ่งอย่างใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
สิ้นค้าทุกชิ้นที่อยู่ในร้านเธอมีแล้วแทบทั้งนั้น เพราะทุกครั้งข่าเอ๋อจะซื้อของแบรนด์เนมเหล่านี้นำมาไว้ที่ห้องแต่งตัวของเซี่ยชีหรั่น
เธอหยิบเน็คไทขึ้นมาเส้นหนึ่งอย่างลวงๆ เมื่อเซวียเหวินยูนเห็นท่าทีที่เหม่อลอยของเซี่ยชีหรั่น ก็ถามขึ้นอย่างหดหู่ว่า:“คิดถึงเขาอยู่เหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นหันกลับมาแล้วนำเน็คไทมาทาบที่คอของเซวียเหวินยูนพลางพูดขึ้นว่า:“ฉันคิดว่าเส้นนี้เหมาะกับคุณไม่น้อยเลย”
“ความหมายของคุณก็คือ?”แววตาของเซวียเหวินยูนก็ค่อยๆเปล่งประกายขึ้น เซี่ยชีหรั่นนำเนคไทกลับไปวางไว้ที่เดิมอย่างรู้สึกผิด“ขอโทษนะค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณจะชอบแบบนี้ไหม”
เนคไทที่อยู่ในมือของเธอถูกอีกมือหนึ่งหยิบไป แววตาของเซวียเหวินยูนอ่อนโยน เขาพูดขึ้นอย่างตั้งใจว่า:“ขอบคุณครับ!”
เซี่ยชีหรั่นรีบร้อนสะบัดมือ และไปกระทบกับหลังมือของเซวียเหวินยูนจึงร้องด้วยความตกใจว่า:“ทำไมมือของคุณถึงได้ร้อนขนาดนั้นคะ?”
รถมาถึงบ้านตระกูลหวาอย่างรวดเร็วจากการเร่งของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นจูงมือของเซวียเหวินยูน แล้วจู่ๆก็มาหยุดอยู่ที่บันได พลาง
พูดขึ้นว่า:“ห้องของคุณไปทางไหนคะ?”
เซวียเหวินยูนยิ้มเปลี่ยนมาเป็นคนจูงมือเซี่ยชีหรั่นไปอีกทางหนึ่ง ในห้องสีหน้าของเซวียเหวินยูนเริ่มแดงก่ำ
เขาชี้ไปที่โซฟาพลางพูดขึ้นกับเซี่ยชีหรั่นว่า:“หรั่นหรั่นคุณนั่งลงก่อน เดี๋ยวผมขอเคลียร์เอกสารก่อน”
เมื่อพูดจบเซวียเหวินยูนก็เริ่มเข้าสู่ภวังค์ในการทำงาน และมองดูตัวเลขในเอกสารรายงานอย่างละเอียด เซี่ยชีหรั่นมองดูหน้าที่แดงก่ำของเซวียเหวินยูนเพราะอาการป่วย พลางลุกขึ้นแล้วใช้มือบังที่หน้าจอคอมของเซวียเหวินยูนด้วยความฉุน
“หรั่นหรั่นหยุดก่อกวนได้แล้ว”เซวียเหวินยูนเงยหน้าขึ้น เนื่องจากเขาตัวร้อนจึงทำให้สายตาดูอ่อนโยนไม่น้อย
“ฉัน ฉันไม่สนทั้งนั้น ฉันต้องการให้คุณไปพักผ่อนบนเตียงเดี๋ยวนี้!”เซี่ยชีหรั่นไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เซวียเหวินยูนฟังตน จึงพูดขึ้นอย่างเผด็จการ
เซวียเหวินยูนไม่เคยเห็นท่าทีเผด็จการของเซี่ยชีหรั่นมาก่อน จึงรู้สึกตะลึงงันเล็กน้อย สีหน้าของเซี่ยชีหรั่นเริ่มแดง แต่ว่าจะเป็นตายยังไงเธอก็ไม่ยอมปล่อยมือออก
“เหอะๆ หรั่นหรั่นคุณจะทำให้ผมต้องประหลาดใจอีกกี่ครั้ง?”เซวียเหวินยูนลุกขึ้นพลางจูงมือของเซี่ยชีหรั่นแล้วเดินเข้าไปในห้องและพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า:“มาเฝ้าผมเถอะ ถ้าไม่อยากให้ผมทำงานคุณก็ต้องมาเฝ้าผมไม่ให้ละสายตา”
ในห้องพักซาซามองดูโทรศัพท์รุ่นใหม่ด้วยความดีอกดีใจเป็นอย่างมาก โทรศัพท์รุ่นนี้ราคาน่าจะมากกว่าหมื่นหยวน อีกทั้งยังเป็นของจริงอีกด้วย
เสียงเพลงที่ฟังแล้วผ่อนคลายดังขึ้น ทำให้เธอกดปุ่มรับสายโดยไม่ทันระวัง เสียงหนักแน่นของผู้ชายดังขึ้นจากโทรศัพท์ “ทำอะไรอยู่?”
ซาซารีบกดวางสายอย่างตื่นเต้นพลางมองดูชื่อที่ปรากฎที่หน้าจอ “เย่เชินหลิน”เย่เชินหลิน?หรือว่าเป็นเย่เชินหลินคนที่สามารถครอบงำสิ่งธรรมชาติได้?
ซาซารีบลุกขึ้นแล้วเสิร์ชข้อมูลของเย่เชินหลิน ข้อมูลดังกล่าวทำให้เธอตกใจตนต้องตะลึง เพราะคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะได้ลาภก้อนใหญ่ และเริ่มรู้สึกอิจฉาเซี่ยชีหรั่น ผู้หญิงคนนี้โชคดีจริงๆเลย ผู้ชายที่อยู่รอบกายล้วนเป็นคนที่มีคุณภาพทั้งนั้น!
จะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้ซาซาโทรกลับไป:“ฮัลโหล”
เย่เชินหลินได้ยินเสียงที่ผิดปกติในแว็บแรกทันที จึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า:“คุณเป็นใคร”
ซาซากลืนน้ำลายพลางพูดขึ้นว่า:“ฉันรู้ว่าคุณคือเย่เชินหลิน ฉันเก็บโทรศัพท์เครื่องนี้ได้ คุณสามารถมารับคืนได้ที่โรงเรียนของฉัน ฉันอยากจะคุยกับคุณสักหน่อย”
หลังจากที่เย่เชินหลินถามข้อมูลที่อยู่เรียบร้อยแล้วก็วางสาย ซาซามองไปที่โทรศัพท์และอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เซี่ยชีหรั่นหาโทรศัพท์ของตัวเองรอบๆ ในโทรศัพท์มีเบอร์ของเย่เชินหลิน และยังมีรูปของเนี่ยนโม่ ก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์อาจจะอยู่ในกระเป๋าที่ตนได้มอบให้กับซาซา
เซี่ยชีหรั่นหยิบกระเป๋าแล้วรีบมุ่งตรงไปยังโรงเรียนของซาซา บริเวณด้านหน้าประตูโรงเรียนมีรถเซราติคันหนึ่งจอดอยู่ที่บริเวณด้านหน้าประตู ดึงดูดให้ผู้คนจำนวนมากหยุดดู
ซาซามองไปยังชายชุดสูทที่กำลังลงจากรถ พลางร้องอุทานว่าชายที่ลงมาจากรถนั้นคือเย่เชินหลินที่อยู่ในนิตยสารจริงๆ เย่เชินหลินเดินมายังเบื้องหน้าของซาซาเลิกคิ้วพลางพูดขึ้น:“ซาซา”
ซาซาดื่มด่ำกับสายตาอิจฉาริษยาที่มองมายังตัวเธอ พยายามยิ้มหวานออกมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้:“ฉันคือซาซา สวัสดีค่ะ”
เย่เชินหลินพยักหน้าและพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาว่า:“โทรศัพท์”
ซาซาหัวเราะคิกคักพลางพูดขึ้นอย่างออดอ้อนว่า:“สุภาพบุรุษอย่างคุณควรจะมีวิธีการตอบแทบที่พิเศษหน่อยไม่ใช่เหรอคะ?”
สีหน้าของเย่เชินหลินไม่ค่อยสบอารมณ์นักแต่ก็ยังคงซุกซ่อนสีหน้าที่เคร่งขรึมไว้ พลางหยิบเช็กออกมาแล้วเขียนตัวเลขลงในเช็กจำนวนหนึ่ง:“เอาไป”
แววตาของซาซาเป็นประกาย ตัวเลขที่อยู่ตรงหน้าเท่ากับรายได้ของเธอสิบกว่าปีเลยทีเดียว เธอมองไปยังชายสุดเท่ที่อยู่เบื้องหน้า แววตาของซาซาก็เปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง
“ทำไมโทรศัพท์ของเธอมาอยู่ที่คุณได้” นี่เป็นประโยคที่เย่เชินหลินเย่ขึ้นยาวที่สุด ซาซาทำปากแบะพลางพูดขึ้นว่า:“เธอถามข่าวคราวเกี่ยวกับหยวนหยวน แล้วก็ยังมอบกระเป๋าของเธอให้กับฉันด้วย” ท่ามกลางสายตาที่เฉียบคมของชายผู้นี้ ซาซาก็อดไม่ได้ที่จะพูดความจริงออกมา
เย่เชินหลินมองผู้หญิงละโมบคนนี้อย่างแจ่มแจ้งพลางเลิกคิ้วขึ้นแล้งเปิดประตูรถออก:“ไปเถอะ กระเป๋ารุ่นใหม่ไม่ได้มีแค่ใบนี้”
รถขับมายังบริเวณด้านห้างสรรพสินค้าหรูขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้างของโรงเรียน แววตาของซาซามองไปที่ร้านสินค้าแบรนด์เนมที่ตั้งเรียงรายกันอยู่อย่างเป็นประกาย พนักงานขายที่ปกติไม่เคยชายตามองเธอเลยแม้แต่น้อยแต่ตอนนี้กลับเดินตามเธออย่างกับสุนักขี้ประจบ
“ฉันต้องการใบนี้ ใบนี้และก็ใบนี้ พวกคุณอย่าทำเงอะงะจนกระเป๋าพังเสียหายล่ะ” ซาซาทำตัวราวกับเป็นคุณนายชี้นิ้วสั่ง
พนักงานที่อยู่ข้างๆมองดูเย่เชินหลินที่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาพลางพึมพำว่าผู้หญิงที่โอ้อวดคนนี้วาสนาดีจริงๆ นำกระเป๋าที่ตนเลือกเรียบร้อยแล้ววางลงบนเคาน์เตอร์ ซาซามองไปยังเย่เชินหลินด้วยความพึงพอใจ ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรตนจึงจะได้ครอบครองผู้ชายแบบนี้
เย่เชินหลินหยิบบัตรเครดิตโกลด์ออกมา แล้วยื่นมือออกมา:“โทรศัพท์” ซาซาหยิบโทรศัพท์มาวางไว้ที่มือของเย่เชินหลินด้วยความพึงพอใจ เย่เชินหลินรับโทรศัพท์และรูดบัตร
ขณะที่ซาซากำลังหยิบกระเป๋าขึ้นมานั้น เย่เชินหลินก็พูดอย่างราบเรียบว่า:“กระเป๋าพวกนี้เอาไปตัดทิ้งให้หมดอย่าให้เหลือนะ”
“อะไรกัน?”ซาซามองไปยังเย่เชินหลินอย่างตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เย่เชินหลินไม่แม้แต่จะช้ายตาเย้ยหยันเหลือบมองผู้หญิงคนนี้ หันหลังกลับ ไม่นานรถมาเซราติก็ขับออกไป
พนักงานหยิบกรรไกรขึ้นมาด้วยอารมณ์คึกคัก ทิ้งให้ซาซาโวยวายอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ระหว่างที่เย่เชินหลินขับรถอยู่บนถนน ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆถนนก็ดึงดูดความสนใจของเขาเป็นอย่างมาก
เซี่ยชีหรั่นมองไปยังรถที่วิ่งขวักไขว่ไปมา เมื่อเซี่ยชีหรั่นเดินไปข้างหน้าเพียงสองสามก้าวก็ได้ยินเสียงบีบแตรที่ดังแสบหูขึ้น
เธอสองจิตสองใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี มือที่อยู่ข้างลำตัวถูกอีกมือหนึ่งคว้าไว้ เซี่ยชีหรั่นมองไปยังชายชุดสูทที่อยู่เบื้องหน้าที่จับมือตนอยู่
เมื่อถึงฝั่งตรงข้าม เย่เชินหลินก็ปล่อยมือเซี่ยชีหรั่นลง สีหน้าเย็นชาพลางพูดขึ้นว่า:“บ้านตระกูลหวาไม่ได้ให้รถคุณขับเหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นส่ายศีรษะแล้วพูดขึ้นว่า:“โทรศัพท์ของฉันหายไป ก็เลยจะมาหาเพื่อนนักเรียนที่นี่เพื่อเอาโทรศัพท์คืน”เย่เชินหลินเลิกคิ้วพลางพูดขึ้นว่า:“แล้วคุณวางแผนจะเอาโทรศัพท์คืนมายังไง?”
เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดพลางพูดขึ้นว่า:“หากพูดด้วยท่าทีที่นิ่มนวลฝ่ายตรงข้ามก็น่าจะให้คืนนะ”เย่เชินหลินนึกถึงสีหน้าท่าทางของซาซาและคิดว่าโชคดีที่ตนเองได้แก้ปัญหาให้ฝ่ายตรงข้ามแล้ว
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาวางไว้ด้านหน้าของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นรับมาอย่างงงงวย“ทำไมถึงมาอยู่กับคุณได้ล่ะ?”
เย่เชินหลินไม่พูดไม่จา เซี่ยชีหรั่นรู้สึกทำตัวไม่ถูก เม็ดฝนโปรยลงมาท่ามกลางแสงแดด เซี่ยชีหรั่นลูบที่ปลายจมูกของตนด้วยความเคยชินแล้วเงยหน้ามองไปยังกล้องวงจรปิด
“มีแล้ว!ในเมื่อวันนั้นมีคนมาหาหยวนหยวน ก็คงจะทิ้งร่องรอยไว้ในนี้บ้างแหระ เพราะนี้เป็นถนนเส้นเดียวที่ใช้ในการเข้าออกโรงเรียน!”
เซี่ยชีหรั่นพูดกับเย่เชินหลินด้วยความดีอกดีใจ เย่เชินหลินกัดฟันพลางพูดขึ้นว่า:“สิ่งที่คุณคิดก็คือเรื่องนี้เหรอ?”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset