สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1295หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1195

บทที่1295หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1195
เย่เชินหลินใจสั่นราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ เลือดสีแดงคล้ำไหลจากที่นั่งสู่พื้น ดวงตาทั้งคู่ของเย่เชินหลินแดงก่ำ สองขาไร้ซึ่งความรู้สึกไม่อาจสัมผัสกับความเร็วของตนได้ รีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างแข็งทื่อ
“หรั่นหรั่น··”มีคำพูดมากมายแต่เย่เชินหลินก็พูดเพียงประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ!”เซี่ยชีหรั่นกุมที่ท้อง พลางมองไปที่หน้าต่างของรถด้วยความสับสน หยาดฝนเริ่มกระทบกับหน้าต่างของรถพร้อมกับเสียงแป๊ะๆๆๆ แสดงเป็นนัยว่าสิ่งเก่าจะถูกชะล้าง
“เหมือนลูกอยากจะออกมาแล้ว”เซี่ยชีหรั่นค่อยๆอ้าขาทั้งสองออก ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างมีคราบเลือดสีแดงคล้ำติดอยู่ ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นต้องตกใจ เย่เชินหลินโอบกอด เซี่ยชีหรั่นเบาๆ พลางลูบที่ไหล่ของเซี่ยชีหรั่น และจูบผู้หญิงที่ดื้อรั้นคนนี้:“นอนเถอะ เมื่อฝนหยุดตกแล้วคุณตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่คุณเห็นจะต้องเป็นผมอย่างแน่นอน”
ใรความฝัน เด็กทารกหันหน้ามาพลางยิ้มอ่อนและยื่นมือให้กับเซี่ยชีหรั่น“ลูก!”
เซี่ยชีหรั่นพลางลูบผิวหน้าท้องของตนเองอย่างอัตโนมัติ ด้านนอกหน้าต่างลมพัดกระโชกแรง เซี่ยชีหรั่นมองไปรอบๆอย่างตื่นตระหนก
“เป็นยังไงบ้าง?ช่วยชีวิตไว้ไม่ได้ ตอนนี้อยู่ที่ห้องฉุกเฉิน”
“น่าสงสารจริงๆเลย พอคลอดมาก็เป็นแบบนี้แล้ว พ่อแม่ต้องเสียใจมากแน่ๆ!”
พยาบาลทั้งสองพูดคุยกันอยู่บริเวณด้านหน้าประตู ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าตอนนี้ใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นเริ่มซีด เซี่ยชีหรั่นรีบวิ่งเข้าไปถามอย่างบ้าคลั่ง“ห้องฉุกเฉินอยู่ทางไหนคะ!”
ไฟสีแดงของห้องฉุกเฉินได้ดับลง ร่างเล็กของทารกถูกเข็นออกมา เซี่ยชีหรั่นลงล้มกับพื้นอย่างหมดแรง หมอและพยาบาลมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความสงสาร:“อย่าเสียใจไปเลย เดิมทีเด็กก็พิการอยู่แล้ว ถือซะว่าเขาได้หลุนพ้นจากความทุกข์”
“เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงคะ?”เซี่ยชีหรั่นถามขึ้นอย่างเบลอๆ
“เด็กผู้หญิง น้ำหนักสองกิโลกรัม”เมื่อหมอพูดจบก็อยากให้เวลาเซี่ยชีหรั่นกับลูก แต่ก็มีเสียงร้องไห้โฮดังมาจากด้านข้าง
“ลูกของฉัน แม่ขอโทษ แม่ไม่ควรดื่มเหล้า สูบบุรี่ และนอนดึก ลูกฟื้นขึ้นมาสิ แม่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว จะได้กลับบ้านกับแม่”
เซี่ยชีหรั่นมองไปยังคุณหมออย่างงุนงง หมอหยิบสมุดบันทึกประวัติอาการป่วยของคนไข้ออกมา:“หลี่ชุนฮวา?”
เซี่ยชีหรั่นเดินกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยอย่างงงๆ ในใจนั้นว่างเปล่าคิดแต่เรื่องของลูก เมื่อเข้าไปถึงห้องพักคนป่วยก็เดินจนกับหน้าอกที่แข็งแรงของชายหนุ่ม
“คุณไปไหนมา!”น้ำเสียงของเย่เชินหลินฟังดูโกลาหลอย่างหาได้ยาก
เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าขึ้นมา สายตาลอดผ่านผมหน้าม้ามองไปยังตู้อบที่มีเด็กทารกนอนอยู่ เธอผลักเย่เชินหลินออก พลางวิ่งไปยังเด็กน้อย
“ลูกของฉัน!”
ดวงตาเป็นประกายของทารกมองมายังเซี่ยชีหรั่น แววตาเหมือนในฝันไม่ผิดเพี้ยน แสงแดดทางด้านนอกเริ่มเปล่งแสงออกมา เมื่อฝนหยุดลง เย่เชินหลินเขยิบเข้าใกล้เซี่ยชีหรั่น แววตาอ่อนโยนดั่งแสงอาทิตย์และพูดขึ้นว่า :“คิดแล้วหรือยังว่าจะตั้งชื่อว่าอะไร?”
เซี่ยชีหรั่นเงยหน้ามองที่หน้าต่าง แสงแดดส่องไปยังกิ่งก้านของต้นไม้ หยดน้ำเจิดจ้าเป็นประกายหลากสีสันกระทบกับกิ่งไม้ “ชูฉิงเรียกเธอว่าชูฉิงก็แล้วกัน”
“ชูฉิงยิ้มให้หม่ามี๊ทีหนึ่งสิคะ?”เซี่ยชีหรั่นหยอกล้อกับเย่ชูฉิง ประตูถูกเคาะเบาๆ เซวียเหวินยูนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“หน้าตาเหมือนคุณจริงๆ”เซวียเหวินยูนยิ้ม เซี่ยชีหรั่นยิ้มอย่างเขินอายให้กับเซวียเหวินยูนพลางพูดขึ้นว่า:“ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างฉัน”
เซวียเหวินยูนส่ายศีรษะหยิบแหวนออกมาพลางถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า:“ไม่ง่ายเลยที่จะเจอผู้หญิงที่คิดว่าน่าจะเข้ากับตนได้ ครั้งนี้ต้องถือว่าล้มเหลวอีกแล้ว”
เซี่ยชีหรั่นมองดูแหวนและพูดขึ้นอย่างจริงใจว่า:“ฉันอาจจะไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับคุณ”
เซวียเหวินยูนยักไหล่แล้วยื่นเอกสารให้กับเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นเปิดออกมาดูตกใจจนแทบจะเป็นลม:“มอบที่ดินทั้งหมดนี้ให้กับฉัน?”
เนื่องจากเสียงของเซี่ยชีหรั่นทำให้ชูฉิงขยับคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็นอนหลับต่อ เซวียเหวินยูนพยักหน้า:“ตอนนี้คุณได้ครอบครองแผ่นดินผืนสุดท้ายของประเทศนี้แล้ว คุณก็ถือว่าเป็นมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงสมจริงดังคำเล่าลือแล้ว”
“แต่ว่า ทำไมกันล่ะ?”เซี่ยชีหรั่นคิดไม่ตก อ้ายหลอน กว๋อเหาและ กั๋วเจี้ยนทั้งสามคนก็ยังอยู่แล้วทำไมหม่าลี่ถึงได้มอบสิทธิ์นี้ให้กับเธอล่ะ
“เมื่อวานหม่าลี่ได้เสียชีวิตลงแล้ว นี่คือพินัยกรรมที่หล่อนได้เขียนไว้ ส่วนคนอื่นๆก็ไม่มีใครขัดข้อง”เซวียเหวินยูนพูดขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง หากไม่มีหม่าลี่และเซี่ยชีหรั่น เขาก็คงไม่มีสิทธิ์อยู่ในสถานที่แห่งนั้นแล้ว
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เซวียเหวินยูนเขยิบเข้ามาใกล้เซี่ยชีหรั่นพลางสูดดมแล้วพูดขึ้นว่า:“พอเป็นแม่คนแล้วกลิ่นตัวก็จะเปลี่ยนไปแบบนี้นี่เอง!”
“คุณพูดจาเหลวไหลอะไรกัน!”เซี่ยชีหรั่นหน้าแดง เซวียเหวินยูนลุกขึ้นอย่างเงียบๆ พลางพูดขึ้นว่า:“ผมไม่อยากกลายเป็นคนฉวยโอกาส มีเรื่องๆหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคุณ เมื่อเดือนก่อนตอนที่คุณนอนโรงพยาบาล เย่เชินหลินก็มาเยี่ยมคุณ และวันนั้นตอนที่อยู่ที่โรงหนัง เขาก็อยู่ที่นั้นด้วย และคนที่เจอคุณที่โรงรถก็คือเขาไม่ใช่ผม”
เซี่ยชีหรั่นฟังสิ่งที่เซวียเหวินยูนพูดด้วยความตกตะลึง ในใจมีคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเซวียเหวินยูนเดินมาถึงหน้าประตูบ้านจู่ๆก็หันกลับไป:“ผมจะบอกคุณนะว่า การที่ผมพูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมถอย กลับกันผมต้องการที่จะแข่งกับเขาอย่างยุติธรรมต่างหาก”
“ประโยคนี้พูดกับผมน่าจะมีประโยชน์กว่านะ”เย่เชินหลินปรากฏตัวขึ้นบริเวณหน้าห้อง พลางพูดขึ้นอย่างราบเรียบ เซวียเหวินยูนมองไปยังเย่เชินหลินพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเตือน :“ถ้าคุณไม่ดูแลเธอให้ดี คุณก็ระวังตัวไว้เลยนะ อย่าได้ดูถูกพลังของตระกูลเซวียอย่างเด็ดขาด!”
เหมือนกับเซี่ยชีหรั่นกำลังคิดอยากจะพูดอะไรออกไป เซวียเหวินยูนก็จากไปเสียแล้ว เย่เชินหลินค่อยๆเข้ามาขวางสายตาของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นกอดเย่ชูฉิงไว้แน่น ก้มหน้าพลางพูดขึ้นว่า:“เรื่องบางเรื่องที่ฉันอยากจะขอโทษ ฉันจะไม่หลบหนีอย่างเด็ดขาด”
“ดังนั้น?”เย่เชินหลินตอบกลับอย่างราบเรียบ
“ก็คือเรื่องพวกนั้น ···ฉัน···”เซี่ยชีหรั่นอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี
“เด็กโง่!”เย่เชินหลินจูบลงที่เส้นผมของเซี่ยชีหรั่น ด้านนอกมีพยาบาลเข้ามาสองสามคน เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินด้วยความประหลาดใจ
ไม่ง่ายเลยที่มุมปากของเย่เชินหลินจะแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม:“คุณคิดถึงเนี่ยนโม่ไม่ใช่เหรอ?”
“สุดยอดไปเลย!”เซี่ยชีหรั่นดีใจจนต้องร้องออกมา จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่าในอ้อมกอดของตนยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ จึงรีบยกระดับเสียงลง ภายในค่ายทหารของอเมริกา เด็กผู้ชายคนหนึ่งยิ้มพลางวิ่งเข้ามาหาเซี่ยชีหรั่น เขามองดูเด็กผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเซี่ยชีหรั่นด้วยความประหลาดใจ เซี่ยชีหรั่นลูบศีรษะของไห่โจ๋ซวน:
“โจ๋ซวน หนูโตขึ้นเยอะเลยนะ?เนี่ยนโม่ล่ะ?”
ไห่โจ๋ซวนชี้ไปยังเนี่ยนโม่ที่หลบอยู่หลังต้นไม้ไม่ยอมออกมา:“พี่เนี่ยนโม่อายครับ”
อาย?เซี่ยชีหรั่นส่งเย่ชูฉิงให้กับแม่บ้าน และกวักมือเรียกเนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆ เซี่ยชีหรั่นสูดหายใจเฮือกหนึ่งแล้วลูบที่ริมฝีปากคล้ำของ เนี่ยนโม่ พลางพูดขึ้นว่า:“เนี่ยนโม่ไปชกต่อยมาใช่ไหม?”
เย่เนี่ยนโม่ส่ายศีรษะ ก้มหน้าแล้วพูดขึ้นว่า:“ไม่ทันระวังก็เลยไปชนเข้า”
“เย่เนี่ยนโม่ หม่ามี๊เคยบอกแล้วใช่ไหมว่า ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ต้องยืดอกรับผิดชอบ การพูดโกหกนั้นเป็นพฤติกรรมของคนขี้ขลาด?”เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เย่เนี่ยนโม่ก้มหน้าต่ำลงอีก:“ชกต่อยกับคนที่มาฝึกที่นี่ แต่ว่าก็อยู่ในขอบเขตที่ครูฝึกอนุญาตครับ”
เซี่ยชีหรั่นลูบศีรษะของเย่เนี่ยนโม่เป็นเป็นการปลอบประโลม ขณะที่กำลังจะพาเนี่ยนโม่ออกไปนั้น เงาของเด็กน้อยคนหนึ่งก็วิ่งมา ปากของเขาไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บ ตาของเขาก็บวมอีกด้วย
“เย่เนี่ยนโม่ นายจะไปแล้วเหรอ?”เด็กชายทำหน้ามุ้ย
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าไม่พูดไม่จา นอกจากเซี่ยชีหรั่นจะได้เห็นความไร้เดียงสาของเขาแล้ว บางครั้งเขาก็เหมือนกับเบ่เซินหลินไม่น้อย
เมื่อเซี่ยชีหรั่นเห็นว่าเด็กคนนั้นแต่งตัวไม่ค่อยจะดีนักจึงพูดขึ้นพลางลูบศีรษะของเด็กน้อย:“พ่อแม่ ของหนูล่ะ?”
เมื่อเด็กชายผิดดำเห็นความอ่อนโยนของเซี่ยชีหรั่นสีหน้าก็แดงก่ำ ไม่แสดงท่าทีเที่ยวรังแกระรานคนอื่นเหมือนเมื่อสักครู่นี้แล้ว:“ผมไม่มีพ่อแม่ ผมพลัดหลงกับพวกท่าน พวกเขาเก็บผมได้ ก็เลยเลี้ยงผมไว้ที่นี่”
เมื่อเล่าถึงประสบการณ์ในชีวิตของตน เด็กชายก็พูดขึ้นด้วยความเคยชิน เซี่ยชีหรั่นมองเด็กคนนั้นด้วยความเห็นใจ พูดกับเด็กชายผิดดำคนนั้นว่า:“จะไปอยู่กับป้าไหม?กลับประเทศจีน จะได้เป็นเพื่อนเล่นกับเนี่ยนโม่ด้วย”
เด็กชายมองไปยังเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าอย่างจริงจัง เด็กชายมองเซี่ยชีหรั่นที่อ่อนโยน และน้ำตาที่ไม่เคยไหลมาก่อน ก็พรั่งพลูลงมาอาบใบหน้า
เย่เชินหลินไม่ได้พูดอะไรออกไปหลังจากที่เห็นเซี่ยชีหรั่นพาเด็กน้อยคนหนึ่งกลับมาด้วย เพียงแต่บอกให้พ่อบ้านพาเด็กน้อยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน เย่เนี่ยนโม่หยอกล้อกับเย่ชูฉิง แต่เย่ชูฉิงกลับมองไปที่โจ๋ซวนอย่างไม่ลดละ
“โจ๋ซวน ดูเหมือนว่าชูฉิงจะชอบหนูไม่น้อยเลยนะ”เซี่ยชีหรั่นยิ้มพลางหันไปยังโจ๋ซวน
ไห่โจ๋ซวนยื่นมือขาวอวบอิ่มไปยังเย่ชูฉิง จู่ๆเย่ชูฉิงก็ยื่นมือขนาดจิ๋วจับที่โจ๋ซวน ทำให้ในที่เรียบของโจ๋ซวนเต้นทันที
“คุณชายน้อย”เด็กชายผิดดำยืนอยู่ด้านหน้าประตูพลางโค้งคำนับเย่เนี่ยนโม่
เซี่ยชีหรั่นโบกมือให้กับเด็กชาย:“ใครบอกให้เรียกแบบนี้ล่ะ”
เด็กชายตอบด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า:“พ่อบ้านบอกว่าต่อไปผมก็จะเป็นผู้ติดตามคุณชายน้อย จะต้องศึกษาหาความรู้และวิชาการป้องกันตัวไว้ให้มากๆจะได้ปกป้องคุณชายน้อยได้”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มพลางเอ่ยถามเด็กชายว่า:“หนูชื่ออะไร?”
เด็กชายส่ายศีรษะ จู่ๆเย่เนี่ยนโม่ที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นว่า:“เย่ป๋อ”
“เย่ป๋อ?ชื่อดี”เซี่ยชีหรั่นชื่นชมเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่รู้สึกเขิลอายต่อเซี่ยชีหรั่น อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมา
ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งมองดู รูบิคที่เสียหายตามลำพังรูบิคที่อยู่ในมือถูกแย่งไป อ้าวเสว่เงยหน้าขึ้นมามอเด็กผู้ชายที่แย่งรูบิคของเธอไปด้วยสายตาที่เย็นชา:
“หลี่หวาเซิง เอาของคืนมานะ”หลี่หวาเซิงเล่นลิ้น:“เอาคืนให้ก็ได้ ของเล่นห่วยๆนี่ไม่เห็นอยากจะได้เลย!”
ขณะที่ทำทีจะโยนทิ้ง อ้าวเสว่พูดขึ้นด้วยนำเสียงเย็นชา:“เมื่อครึ่งเดือนก่อนนายทำแก้วของอาจารย์จางหล่นแตก เมื่อสัปดาห์ก่อนก็กลั้นแกล้งอาผั้นแต่กลับบอกว่าคนอื่นเป็นคนทำ เมื่อสามวันก่อนก็ลอกข้อสอบ แล้วเมื่อวานก็ยังขโมยเงินของอาจารย์จางอีก”
อ้าวเสว่พูดขึ้นมากมายภายในอึดใจเดียวหลี่หวาเซิงร้องแว๊ๆ:“ยัยแม่มดประหลาด มาทำเป็นความจำดีนะ ของเล่นห่วยๆพวกนี้เราไม่เอาหรอก!”
หลี่หวาเซิงทำให้สีของรูบิคที่อยู่ในมือเละเทะ เขาโยนรูบิคใส่ในมือของอ้าวเสว่ด้วยความโกรธ แล้วรีบวิ่งหนีไป อ้าวเสว่หยิบรูบิคขึ้นมา ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถทำให้สีกลับมาเหมือนเดิม
“แม่หรั่นหรั่นมาแล้ว!”เด็กน้อยกลุ่มหนึ่งวิ่งตามมาด้วยรอยยิ้ม อ้าวเสว่เงยหน้าขึ้น แววตาแต่เดิมที่เย็นชาก็ปรากฎความหวังขึ้นมา เด็กสองคนนั้นจะมาด้วยไหม?
เซี่ยชีหรั่นยิ้มพลางแจกของขวัญให้กับเด็กๆ สายตามองไปยังเด็กผู้หญิงที่จ้องมองตนมาโดยตลอดแต่ไม่กล้าเข้ามาใกล้ เซี่ยชีหรั่นนึกขึ้นได้ว่าเด็กคนนี้ชื่อว่าอ้าวเสว่ ซึ่งแต่เดิมก็ชอบพอกับเธอไม่น้อย และยังเคยให้ตุ๊กตากระต่ายกับไห่โจ๋ซวน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset