สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1297หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1197

บทที่1297หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1197
ขณะที่เซี่ยชีหรั่นตื่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างสลึมสลือจึงรีบลุกขึ้นมา“หาชูฉิงเจอหรือยังค่ะ?”
เย่เชินหลินส่ายศีรษะ แล้วหยิบรูปภาพที่ปริ้นออกมา ผู้หญิงที่อยู่ในรูปภาพอุ้มเด็กคนหนึ่ง:“ชูฉิง นี่เป็นเสื้อผ้าที่ชูฉิงใส่วันนี้!”
“คนๆนี้คุณรู้จักไหม?”เย่เชินหลินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เซี่ยชีหรั่นส่ายศีรษะ พูดขึ้นด้วยความเสียใจว่า:“ไม่รู้จัก”
สายตาของเย่เชินหลินหลีกออกจากผู้หญิงในรูปภาพ แล้วนำนมมาวางข้างๆเซี่ยชีหรั่น:“ดื่มซ่ะ”
เซี่ยชีหรั่นส่ายศีรษะ ตอนนี้เธอกินอะไรไม่ลงทั้งนั้น จู่ๆก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดกับเย่เชินหลินว่า:“หรือว่าจะเป็นศัตรูของบริษัทเย่ซื่อ เหมือนเหตุการณ์ของเหยนชิงเหยียน”
เย่เชินหลินจับมือของเซี่ยชีหรั่น พลางพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า:“ผลยังไม่ออกมาอย่าเพิ่งคิดไปเรื่อยเลย”
“ผล?ผลอะไร ตอนนั้นเนี่ยนโม่ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน?เนี่ยนโม่!”จู่ๆเซี่ยชีหรั่นก็ร้องขึ้นมา
เย่เชินหลินหยิบนมยื่นมาใกล้บริเวณริมฝีปากของเซี่ยชีหรั่น พลางพูดโน้มน้าวว่า:“ดื่มนมก่อนเถอะ”
คิ้วที่ขมวดอยู่และปากที่หุบอยู่ของเซี่ยชีหรั่นก็ไม่ยอมเปิดออกมา หลังจากที่เย่เชินหลินคลายมือลงก็ใช้ริมฝีปากปะกบปากเธออย่างแรง พลางจับที่คางของเซี่ยชีหรั่นแล้วบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดปากออก เพื่อให้ดื่มนมเข้าไป
เปลือกตายิ่งอ่อนลงเรื่อยๆ เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินด้วยท่าทีขอร้อง“ฉันกลัวจังเลย”เย่เชินหลินจูบหน้าผากของเธอเบาๆ:“นอนเถอะ น่าจะดีกว่าการตื่นขึ้นมาเผชิญกับความจริง”
อ้าวเสว่วิ่งตามหญิงบ้าคนนี้มา โทรศัพท์ที่แขวนอยู่บริเวณลำคอก็ดังขึ้น อ้าวเสว่รับโทรศัพท์ด้วยความดีใจ:“แม่”
“ฉันบอกเธอตั้งหลายครั้งแล้วว่าอย่าเรียกฉันว่าแม่”ซือซือตัดสายของอ้าวเสว่อย่างไม่เกรงใจพลางพูดขึ้นว่า:“ตามหญิงบ้าคนนั้นไป อย่าให้เด็กคนนั้นต้องหิวตายล่ะ ถ้าหิวตายก็คงจะไม่สนุก”
อ้าวเสว่ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของซือซือที่พูดผ่านทางโทรศัพท์นัก ทำเพียงพยักหน้า เมื่อวางโทรศัพท์ลงก็ไม่เห็นเงาของผู้หญิงคนนั้นแล้ว
สวีเห้าเซิงรีบออกมาจากห้างอย่างรีบร้อน เขายุ่งมาทั้งคืนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีการประชุมที่มอสโคว์ จึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้าง
ด้านหน้ามีผู้หญิงที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่เดินเข้าไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังพูดอะไรอยู่:“อย่าเรียกฉันว่าแม่”ทั้งสองเดินสวนกัน เท้าของฝ่ายหญิงสะดุดจนล้มลง สวีเห้าเซิงพยุงเอวฝ่ายหญิงขึ้นอย่างมีมารยาท
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม”หลังจากที่เซวียเหวินยูนพยุงฝ่ายหญิงจนสามารถทรงตัวได้แล้วก็รีบปล่อยมือลง
“สวีเห้าเซิง?”น้ำเสียงของซือซือดังขึ้น
“ซือซือ?”สวีเห้าเซิงตะลึงงัน ยิ้มให้กับซือซือ และถามขึ้นอย่างมีชีวิตชีวาว่า:“มีลูกแล้วเหรอ?”
ซือซือตอบอย่างไร้ความรู้สึกว่า:“ขอเพียงแค่เป็นผู้หญิงก็มีโอกาสมีลูกทั้งนั้น”
“ความหมายของผมก็คือ คืนนั้น จะเป็นไปได้ไหม?”สวีเห้าเซิงถามขึ้นอย่างกระอักกระอ่วนใจ
ซือซือเหลือบมองสวีเห้าเซิงครู่หนึ่ง และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า:“ไม่ใช่ของคุณ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ซือซือพูด ในใจของสวีเห้าเซิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หากไม่ใช่เซี่ยชีหรั่นแต่เป็นผู้หญิงคนอื่นก็จะทำให้เขารู้สึกผิดอย่างเลวร้าย
“ฉันไปก่อนนะ”ซือซือหันหลังแล้วเดินจากไป แต่กลับถูกสวีเห้าเซิงจับข้อมือไว้ ซือซือสะบัดออกอย่างแรง สวีเห้าเซิงรีบปล่อยมือพลางพูดขึ้นว่า:“อย่าโกรธเลย ผมก็แค่อยากถามว่าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง”
ซือซือยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“พวกเรามีความสัมพันธ์กันเพียงแค่ค่ำคืน ไม่ถึงขนาดที่จะต้องถามทุกข์สุขเวลาเจอกัน อย่าดึงฉัน”ซือซือรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
สวีเห้าเซิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง และไปสนามบินพร้อมกับผู้ช่วย ด้านนอกสนามบินมีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งยืนอยู่ซึ่งเป็นที่สะดุดตาสวีเห้าเซิงเป็นอย่างมาก
ดวงตากลมโต คิ้วเข้มพร้อมผมหน้าม้ากำลังน่ารัก เด็กผู้หญิงราวกับกำลังรีบร้อนหาอะไรอยู่ สวีเห้าเซิงเดินเข้ามาข้างหน้า:“หาแม่เจอหรือยัง?”
อ้าวเสว่มองสวีเห้าเซิงอย่างระมัดระวัง:“ฉันไม่รู้จักคุณ”
แววตาของอ้าวเสว่ทำให้สวีเห้าเซิงนึกถึงซือซือ แต่ว่ากลับไม่รู้สึกขัดหูหัดตา ในทางตรงกันข้ามกับรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้เป็นพิเศษ จึงพยายามพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน:“ลุงไม่ใช่คนเลว ให้ลุงพาหนูไปสถานีตำรวจทางด้านนั้นดีไหม”
อ้าวเสว่ส่ายศีรษะ พาเธอไปสถานนี้ตำรวจแล้วเธอจะหาผู้หญิงคนนั้นเจอได้ยังไง?จึงถามสวีเห้าเซิงอย่างชาญฉลาดว่า:“ในอ้อมกอดแม่ของฉันมีเด็กผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ใส่ชุดสีชมพู”
สวีเห้าเซิงจูงมืออ้าวเสว่ตามหาอยู่ที่บริเวณสนามบินหลายรอบ ผู้ชายเดินเข้ามาพูดขึ้นเบาๆว่า:“หากยังไม่ไปอาจจะตกเครื่องได้”
สวีเห้าเซิงมองไปยังมือน้อยๆที่จูงมือขนาดใหญ่ของตนอยู่ ยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ลูกก็ต้องสำคัญกว่าการประชุมใช่ไหม”
ถามตลอดทาง จู่ๆ อ้าวเสว่ก็ชี้ไปที่ผู้หญิงที่นั่งอยู่บริเวณเก้าอี้:“หาเจอแล้ว!”
สวีเห้าเซิงจูงมืออ้าวเสว่พลางขมวดคิ้วมองดูหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หญิงคนนั้นไม่ได้รู้สึกร้อนรนเลยสักนิด?สายตาแข็งทื่อราวกับไม่ใช่คนปกติ
“คุณปล่อยฉันสิ!”อ้าวเสว่กัดที่มือของสวีเห้าเซิงด้วยความโกรธ สวีเห้าเซิงมองเด็กผู้หญิงที่เดินจากไป
“ไปกันเถอะ ในเมื่อได้พบกับคนในครอบครัวแล้ว”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆเร่ง
สวีเห้าเซิงมองไปยังเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านัก ขมวดคิ้วและตัดสินใจเดินจากไป
ตลอดการเดินทาง เซี่ยชีหรั่นรัดเข็มขัดไว้แน่น เย่เชินหลินยื่นมือออกไปเพื่อแยกฝ่ามือของเซี่ยชีหรั่นออกจากกัน และพบว่าบริเวณฝ่ามือมีรอยกดของฝ่ามือเต็มไปหมดและมีรอยรอยที่ดำคล้ำจนมีรอยเลือดออกมา
“ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่ข้างๆ”เย่เชินหลินลูบที่หัวของเซี่ยชีหรั่นพลางพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า
บริเวณสนามบิน ผู้คนต่างมองดูกลุ่มคนในชุดสีดำด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชายมีฐานะกับชายในชุดสูทเดินเข้ามาในสนามบิน
เย่เชินหลินจับมือของเซี่ยชีหรั่นแน่น ไม่ยอมปล่อยมือเซี่ยชีหรั่น และกำชับกับคนที่อยู่รอบข้างอย่างเคร่งขรึมว่า:“ตรวจสอบคนที่เข้าออกอย่างละเอียด”
เซี่ยชีหรั่นมองไปรอบๆด้วยความตึงเครียด ในใจรู้สึกกลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เย่เชินหลินมองไปยังเซี่ยชีหรั่น พลางรับโทรศัพท์
“เป็นยังไงบ้าง หาเจอแล้วหรือยังครับ?”น้ำเสียงของไห่ลี่หมินก็ดูรีบร้อนเช่นเดียวกัน
“ครับ”เย่เชินหลินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ไห่ลี่หมินอดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจพลางพูดขึ้นว่า:“ผมได้ติดต่อกับด้านบนไว้แล้วนะครับ ไม่มีใครมาขวางคุณอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณมาก”เย่เชินหลินปวดหัวจนต้องบีบจมูก น้ำเสียงของไห่ลี่หมินดังขึ้นอีกครั้ง:“สำหรับเรื่องนี้ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
เมื่อวางโทรศัพท์ลง เย่เชินหลินก็หันไปจูงมือเซี่ยชีหรั่น สนามบินใหญ่จะขนาดนี้จะเจอเงาของเซี่ยชีหรั่นได้ยังไงกัน!
เซี่ยชีหรั่นรีบเดินตามฝูงชนเข้าไป เมื่อสักครู่นี้เธอเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกับอ้าวเสว่เดินอยู่ในกลุ่มฝูงชนนั้น
คนที่อยู่ด้านหน้าเริ่มเข้าแถวกันแล้ว เซี่ยชีหรั่นตามหาเงาของอ้าวเสว่ในทุกทิศทุกทาง ผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทำให้เธอให้ความสนใจ:“แม่คะ เมื่อสักครู่นี้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชนหนู เจ็บมากเลยค่ะ”
“เด็กน้อย ใช่ผู้หญิงที่มีหน้าม้า ตาโต คิ้วเข้มดูฉลาดเฉลียวใช่ไหม?”เซี่ยชีหรั่นก้มลงพลางมองไปยังสาวน้อย
สาวน้อยพยักหน้า:“อืม ใช่แล้วคุณดูสิ พวกเขาอยู่ตรงนั้นไง!”
เซี่ยชีหรั่นหันไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นอ้าวเสว่และผู้หญิงคนหนึ่งที่ในอ้อมอกอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่กำลังจะผ่านด่านตรวจ “ชูฉิงอ้าวเสว่!”เซี่ยชีหรั่นตะโกนเสียงดัง พลางพุ่งตรงเข้าไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“คุณผู้หญิง คุณทำอะไรคะ?หากไม่มีบัตรขึ้นเครื่องเข้าไปไม่ได้นะคะ”พนักงานเข้าขวางเซี่ยชีหรั่นอย่างมีมารยาท สายตาเผยแววความสงสัยออกมา
“นั้นเป็นลูกสาวของฉัน หล่อนขโมยลูกสาวของฉันไป ขอร้องพวกคุณล่ะรีบขวางหล่อนเร็ว”เซี่ยชีหรั่นขอร้องอย่างน่าเวทนา
พนักงานมองเซี่ยชีหรั่นอย่างเฉยชา ละครแบบนี้มักถูกแสดงขึ้นที่สนามบินบ่อยๆ นอกจากละครเกี่ยวกับชู้และการตรวจดีเอ็นเอ แต่ว่าเมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นเสียใจจนร้องไห้ จึงเตือนเธอด้วยความหวังดี:“นี่เป็นเที่ยวบินที่จะไปนครลอสแอนเจลิส คุณรอเที่ยวบินต่อไปเถอะค่ะ?”
“ไม่ ฉันรอไม่ได้”เซี่ยชีหรั่นมองนาฬิกา ยังเหลือเวลาอีก 40 นาที เธอพุ่งเข้าไปในฝูงชนที่กำลังต่อแถวอยู่ พวกฝูงชนอย่างมีความหวัง กระทั่งเห็นเงาของคนๆหนึ่ง
“สวัสดีค่ะ!ขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหมคะ!”เซี่ยชีหรั่นพยายามที่จะรักษาภาพพจน์ของตนเองให้ดูดีที่สุด หญิงสาวมองมายังเซี่ยชีหรั่น เมื่อเห็นว่าเซี่ยชีหรั่นสวมใส่แบรนด์เนมทั้งตัวก็พยักหน้า
“ลูกสาวของฉันถูกคนจับตัวไป ฉันจะต้องไปตามหาเธอ คุณสามารถนำตั๋วเครื่องบินกับพาสปอร์ต ให้ฉันดูหน่อยได้ไหมคะ แล้วฉันจะคืนให้กับคุณค่ะ”
หญิงสาวมองออกว่าเซี่ยชีหรั่นมีฐานะ แต่ว่าก็ยังคงตัดสินใจที่จะตรวจสอบให้แน่ชัด:“แล้วคุณจะใช้อะไรมาเป็นเครื่องรับประกันล่ะ?”เซี่ยชีหรั่นรีบนำพาสปอร์ต วางลงบนมือของหญิงสาว แล้วพูดขึ้นอย่างรีบร้อนว่า:
“เซี่ยชีหรั่น นักออกแบบอัญมณี”เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นอย่างร้อนใจ
“พระเจ้า ฉันนึกออกแล้ว คุณเป็นนักออกแบบไม่ผิดแน่ แต่ว่าคุณจะผ่านการตรวจเข้าไปได้ยังไงคะ”หญิงสาวมองไปยังใบหน้าที่ประณีตของเซี่ยชีหรั่นพลางยิ้มอย่างขมขื่นว่า ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ช่วยนะ แต่เป็นเพราะเซี่ยชีหรั่นหน้าตาสะสวยเกินไป ช่วยไม่ได้จริงๆ!
บริเวณจุดตรวจเช็ก พนักงานมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความสงสัย:“คุณผู้หญิงครับ คุณผู้หญิงกับรูปในพาสปอร์ต ดูจะไม่เหมือนกันนะครับ?”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า:“เคยไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี”ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองไปยังเซี่ยชีหรั่น พนักงานตรวจเช็กพยักหน้า แล้วนำพาสปอร์ต คืนให้กับเซี่ยชีหรั่น
“ประธานเย่ คุณผู้หญิงนั่งเครื่องบินไปลอสแอนเจลิส”บอดี้การ์ดก้มหน้าพลางพูดขึ้น
เย่เชินหลินเม้มริมฝีปาก หยิบโทรศัพท์ออกมา ไม่นานคนสองสามคนก็รีบวิ่งเข้ามา “ประธานเย่อยู่ตรงนั้น”
เย่เชินหลินพยักหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนจึงเดินไปยังช่องทางวีไอพีที่อยู่ข้างหน้า กระทั่งมาถึงเครื่องบินส่วนตัวของตนเอง “ดูแลเย่เนี่ยนโม่ให้ดี”เย่เชินหลินกำชับจางเฟิงอี้ จากนั้นก็ขึ้นเครื่องเพียงลำพัง ในมือเริ่มมีเหงื่อออก เซี่ยชีหรั่นคุณจะต้องไม่เป็นอะไร
เวลาของลอสแอนเจลิสช้ากว่าเวลาในประเทศสิบห้าชั่วโมง เซี่ยชีหรั่นมาถึงก็ค่ำเสียแล้ว เมื่อออกมาจากเครื่องบิน บริเวณรอบๆทั้งสี่ด้านก็มืดสนิทมองไม่เห็นอ้าวเสว่และผู้หญิงคนนั้นเลย
ดวงตาอดไม่ได้ที่จะมองไปด้านนอกสนามบิน ผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มเด็กน้อยอย่างระวังขึ้นบนรถ จากนั้นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ขึ้นตามไป
“อ้าวเสว่!”เซี่ยชีหรั่นตะโกนเรียก แล้วรีบขึ้นไปนั่งรถอีกคัน “ตามรถคันนั้นไปค่ะ”เซี่ยชีหรั่นใช้ภาษาอังกฤษพูดกับคนขับรถอย่างคล่องแคล่ว

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset