สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1313 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1213

รถหยุดจอดที่สนามบิน เซี่ยชีหรั่นหยิบเงินส่งให้คนขับ รูปภาพอยู่บนเบาะที่นั่ง สายตาของคนขับมองไปที่รูปภาพ ชายที่อยู่ในรูปกำลังหลับสนิท ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกคนแอบถ่าย
เซี่ยชีหรั่นเก็บรูปขึ้นมาพิจารณาดู และเก็บอย่างระมัดระวัง ส่งเงินให้กับคนขับยิ้มๆ มือของคนขับสัมผัสโดนเซี่ยชีหรั่น ความเย็นเยียบจากสัมผัสทำให้เซี่ยชีหรั่นตกตะลึง เหลือบตาขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ
คนขับลงจากรถไปเปิดประตูให้เซี่ยชีหรั่นแล้ว เซี่ยชีหรั่นยิ้มให้กับประสาทสัมผัสที่ว่องไวของตัวเอง หลังจากพยักหน้าให้กับคนขับแล้วก็จากไป
ใกล้จะเดินไปถึงสนามบินแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็หันกลับมา บริเวณห้องรอรถโดยสารของสนามบินมีรถแท็กซี่สีขาวคันหนึ่งจอดตรงนั้น คนขับรถยืนอยู่ตรงนั้นแค่ครู่เดียว
เซี่ยชีหรั่นปัดความสงสัยและความอาลัยอาวรณ์ทั้งหมดทิ้งไป และเดินเข้าไปในสนามบิน
“ประธานเย่” จางเฟิงอี้เดินมาถึงข้างกายชายหนุ่ม เย่เชินหลินถอดเสื้อคลุมที่อยู่บนตัวและหมวกออก กลับสู่ท่าทางเย็นชาก่อนหน้านี้อีกครั้ง
ขณะเดินไปทางรถที่รออยู่อีกด้านมาตลอด ก็ถูกจางเฟิงอี้เรียกเอาไว้ “แม้ว่าคุณผู้หญิงจะออกนอกประเทศไปแล้ว คนพวกนั้นก็จับตามองคุณผู้หญิงไม่ได้แล้ว แต่ว่า…”
เย่เชินหลินหันไปทางสนามบิน จู่ๆก็ยิ้มออกมา “สู้ๆนะ เซี่ยชีหรั่น”
เซี่ยชีหรั่นถือตั๋วเครื่องบินต่อแถวนั่งรออยู่ที่ห้องรอรถโดยสาร เด็กหนุ่มที่มีผมสีทอง ทั้งยังสวมต่างหูเขยิบเข้ามาใกล้
เด็กหนุ่มถอดหูฟังตัวเองออก เขยิบเข้ามาข้างๆเซี่ยชีหรั่น พลางเอ่ยว่า “คุณล่วงเกินใครหรือเปล่า”
เซี่ยชีหรั่นมองเด็กหนุ่มด้วยความระแวดระวัง เอ่ยเสียงเบาๆว่า “คุณกำลังพูดถึงอะไรกันแน่”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า เอ่ยว่า “ผมไม่ใช่คนไม่ดี แต่ผมเห็นว่าคนบางกลุ่มวนอยู่รอบตัวคุณมาตลอด อย่างน้อยก็สามคน”
สามคน เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าอาจจะเป็นคนของไห่ลี่หมิน หรือว่าจะเป็นคนของทางฝ่ายตำรวจนะ เซี่ยชีหรั่นขนลุกไปทั้งตัว มองไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง
เด็กหนุ่มกดศีรษะเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ เอ่ยอย่างร้อนรน “ท่าทางแบบนี้ของคุณ ไม่ได้เป็นการบอกกับคนอื่นว่าคุณพบพวกเขาแล้วหรือ!”
“ตามผมมา คล้องแขนผมเอาไว้!” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน ใช้สายตาเร่งเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นคล้องแขนเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มมองไปข้างหน้า เอ่ยนิ่งๆว่า รอผมนับถึงสาม
“คุณพูดว่าอะไรนะ” เซี่ยชีหรั่นถาม
“วิ่ง!” เด็กหนุ่มดึงมือเซี่ยชีหรั่นวิ่งไปชั้นสองของห้องรอรถโดยสาร! เซี่ยชีหรั่นที่ถูกลากให้วิ่ง ก็หาจังหวะหันกลับไปมองด้านหลัง มีผู้ชายและผู้หญิงตามตัวเองมาจริงๆ
เด็กหนุ่มลากเซี่ยชีหรั่นวิ่งเลี้ยวไปเลี้ยวมาจนถึงห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด “โอเค ถอด!” เด็กหนุ่มรีบถอดเสื้อคลุมสีส้มที่อยู่บนร่างออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอ่ยเร่งเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นมองเด็กหนุ่มหยิบไม้กวาดขึ้นมาแปลกๆ และเอ่ยถามอย่างประหลาดใจว่า “จะทำอะไรกันแน่”
นิ้วหนึ่งทาบลงบนริมฝีปากเซี่ยชีหรั่น เด็กหนุ่มมองเซี่ยชีหรั่นยิ้มๆ คริสตัลที่อยู่บนหูทอประกายวิบวับ “เด็กน้อย ถอดเร็วเข้า”
เซี่ยชีหรั่นงึมงำ ถอดเสื้อคลุมออก พูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่ใช่เด็กน้อย ฉันเป็นคุณแม่ที่มีลูกสองคนแล้ว เรียกฉันว่าคุณป้า”
“ฮ่าๆๆ คุณป้า คุณตลกมากจริงๆ!” เด็กหนุ่มหัวเราะงอหงาย เซี่ยชีหรั่นใช้เสื้อผ้าอุดปากเด็กหนุ่มเอาไว้ทันที ภายในห้องมีเสียงฝีเท้าสับสนวุ่นวายลอยมา
ชายหนุ่มร่างกำยำเดินเข้ามา พูดกับวิทยุสื่อสารว่า “การโอบล้อมที่บ้านของเย่เชินหลินล้มเหลว การลอบติดตามที่สนามบินก็ถูกทำลาย ตอนนี้กำลังตามหาอยู่”
วางสายโทรศัพท์แล้ว คิ้วกระบี่ได้รูปก็ขมวด บนใบหน้าแกร่งนั้นปรากฏโทสะขึ้นอย่างหาได้ยาก “Baker! หาทั้งสนามบินแล้วก็ไม่พบ ต้องเชคอินแล้ว” หญิงสาวเอ่ย
Bakerจ้องมองไปรอบด้าน เห็นห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดที่อยู่ไม่ไกลนัก ก็เอ่ยขึ้นว่า “ไปเปิดสิ”
ห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดถูกคนล้อมเอาไว้ ชายรูปร่างสูงใหญ่หลายคนที่ล้อมอยู่ทั้งกลุ่มล้วนเปิดไม่ออก Bakerเดินไปถึงด้านหน้า ก็ยื่นเท้าออกไปเตะประตูให้เปิดออกอย่างสบายๆ
ภายในห้องมีไม้กวาดสองอันตั้งอยู่ ไม้กวาดแต่ละอันล้วนถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมตัวหนึ่ง เสื้อคลุมพัดปลิวไปตามแรงลม “สมควรตาย!” Bakerเตะไม่กวาดคว่ำในทีเดียวแล้วเดินหน้าตึงจากไป
“ขอบคุณคุณมากจริงๆ ทำไมคุณถึงได้มี…เอ่อ ความสามารถในการเป็นรับมือกับตำรวจเยอะมากขนาดนี้กัน” เซี่ยชีหรั่นที่นั่งอยู่บนเครื่องบินเอ่ยขอบคุณเด็กหนุ่มยิ้มๆ
“คุณพูดอะไรน่ะ ผมเป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยโอเคไหม ก็ได้ ผมยอมรับ ผมเป็นนักศึกษาที่ชื่นชอบดูหนังตำรวจจับโจร” เด็กหนุ่มยิ้ม ยื่นมือออกมา “สวัสดีครับ ผมชื่อหลุ่ยลี่”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มตอบแล้วยื่นมือออกมา “ฉันชื่อเชี่ยยีโม่… โม่! ฉันชื่อเชี่ยยีโม่” เซี่ยชีหรั่นเปลี่ยนคำพูดที่พูดออกมา
“เชี่ยยีโม่หรือ ชื่อเพราะมากเลย” หลุ่ยลี่ยิ้ม โบกหูฟังในมือใส่เซี่ยชีหรั่น และสวมหูฟังฟังเพลงเพียงลำพัง ทั้งยังเริ่มโยกศีรษะไปมา
เซี่ยชีหรั่นมองเด็กหนุ่มไร้ซึ่งความกังวลที่อยู่ข้างกายแล้ว ก็รู้สึกผิดต่อฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อย ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เพิ่งจะช่วยเหลือตัวเอง
เมื่อลงจากเครื่องบิน หลุ่ยลี่ก็เขยิบเข้ามาใกล้ “เป็นอย่างไร! ต้องการติดรถไปด้วยกันกับผมไหม เรียกรถที่นี่แพงหูฉี่จริงๆเลย!” หลุ่ยลี่บ่น
เซี่ยชีหรั่นเป็นกังวลว่าจะมีคนตามตัวเอง ไม่อาจแข็งใจทำให้หลุ่ยลี่เดือดร้อน จึงเอ่ยยิ้มๆว่า “ขอโทษด้วยนะ ฉันอาจจะต้องไปเองแล้วล่ะ”
หลุ่ยลี่เบะปากเอ่ยว่า “อย่างนั้นก็ได้” เซี่ยชีหรั่นยัดเงินเข้าไปในกระเป๋าหลุ่ยลี่ มองเด็กหนุ่มหายลับไปในมุมถนนหนึ่งราวกับสายลม
เงยหน้ามองด้วยความมึนงง คนผิวดำที่อยู่รอบๆก็มองมาที่เซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นสูดลมหายใจลึก วางแผนจะไปหาที่พัก
เดินไปบนถนนหลายเส้นแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็หยุดเท้าลง หันไปมองคนผิวดำที่ตามตัวเองมาตลอดตั้งแต่สนามบิน เหล่าคนผิวดำยิ้มระรื่น ยืนอยู่ด้านหลังเซี่ยชีหรั่น พิจารณามองเซี่ยชีหรั่นตามอำเภอใจอย่างไม่เกรงกลัว
เซี่ยชีหรั่นหมุนตัวเดินเข้าไปในบาร์แห่งหนึ่ง “คุณที่แต่งตัวแบบนี้จะตกเป็นเป้าหมายได้ง่ายๆ ในที่นี้คนเอเชียเป็นสัญลักษณ์ของเงินทอง” เจ้าของบาร์ยื่นน้ำให้เซี่ยชีหรั่นแก้วหนึ่ง มองเหล่าคนผิวดำที่อ้อยอิ่งอยู่นอกบาร์
เซี่ยชีหรั่นขมวดคิ้วดื่มน้ำ ครุ่นคิดว่าจะสลัดคนเหล่านี้ให้หลุดได้อย่างไร นอกประตูมีเสียงก่นด่าดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เซี่ยชีหรั่นหันหน้าไป
หลุ่ยลี่ที่สะพายกระเป๋าปาก้อนหินใส่คนผิวดำหลายคนนั้น ตะโกนเสียงดังแล้วยังปาหินอีก
“FUCK!” คนผิวดำร้องเอ็ดตะโรแล้วตามหลุ่ยลี่ไป เซี่ยชีหรั่นมองอึ้งๆ เจ้าของร้านเอ่ยชมด้วยความประหลาดใจ “เด็กหนุ่มเอเชียคนนี้หนังหนาแค่ไหนนะ ถึงได้กล้าล่วงเกินอันธพาลพวกนี้”
เซี่ยชีหรั่นคว้ากระเป๋า รีบวิ่งตามออกไป ในตรอกเล็กๆ คนผิวดำมองไปที่หลุ่ยลี่ยิ้มๆ ปากก็เอ่ยพูดจาเสียงดังไม่หยุด
หลุ่ยลี่ชูนิ้วกลางให้คนผิวดำ เอ่ยอย่างมีโทสะว่า “แม้ว่าวันนี้กูจะตายที่นี่ก็ยังเป็นคนจีน มึงมันปากบวมโต!”
เซี่ยชีหรั่นที่หลบอยู่อีกด้านหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก มองไปทางเด็กหนุ่มที่ไม่กลัวตายคนนี้ คนผิวดำเดินวางมาดเข้าไปใกล้หลุ่ยลี่
“ระวัง! ตรงนี้มีขยะกองใหญ่!” เซี่ยชีหรั่นตะโกนเสียงดัง เข็นรถเข็นขยะวิ่งไปทางคนผิวดำ
คนผิวดำพากันหลบขยะที่เหม็นหึ่ง หลุ่ยลี่ดวงตาสว่างวาบ ดึงเซี่ยชีหรั่นปีนข้ามกำแพงที่ล้อมรอบอยู่ไป
“คุณบอกพวกเขาว่ามีขยะทำไมกัน พุ่งเข้ามาเงียบๆก็จบแล้ว ให้พวกเขาเหม็นตายไปเลย” หลุ่ยลี่ปีนกำแพงด้วยความโมโหเอ่ยกับเซี่ยชีหรั่น
“รีบปีนเร็วเข้า อย่ามัวแต่พูดไร้สาระ ฉันไม่มีแรงแล้ว” เซี่ยชีหรั่นหลบมือของคนผิวดำที่คิดจะคว้าตัวเอง ทั้งสองคนปีนไปถึงสันกำแพงแล้วก็มองลงไปด้านล่างที่มีคนผิวดำยืนเรียงกันเป็นแถว
เซี่ยชีหรั่นสบตากับหลุ่ยลี่ และชูนิ้วกลางให้กับคนผิวดำที่กำลังขยี้เท้าอยู่ด้านล่างกำแพงเงียบๆ
“ฮ่าๆๆ! ตื่นเต้นจริงๆเลย” หลุ่ยลี่เอนตัวลงบนผืนหญ้า ตะโกนออกมาเสียงดัง
เซี่ยชีหรั่นที่นั่งอยู่ข้างๆหลุ่ยลี่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจว่า “ทำไมจู่ๆคุณถึงได้มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่”
หลุ่ยลี่หยิบเงินที่เซี่ยชีหรั่นให้ออกมาจากกระเป๋าตัวเอง “ผมเป็นพลเมืองดีนะ ไม่ต้องการการให้ทานที่แฝงไปด้วยการลบหลู่ดูหมิ่น คุณเอาเงินไปเถอะ”
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจค้นกระเป๋าเงินของเด็กหนุ่ม ด้านในมีเพียงแค่ธนบัตรไม่กี่ใบและเศษเงินเล็กน้อย เซี่ยชีหรั่นมองเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าแดงก่ำขึ้นมากะทันหัน พลางเอ่ยว่า “ฉันว่าการมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีนี้มันไม่ถูกเวลา”
“ใครใช้ให้คุณมายุ่งล่ะ คุณป้า!” หลุ่ยลี่แย่งกระเป๋าเงินตัวเองกลับมา
เซี่ยชีหรั่นวางเงินหมื่นหนึ่งไว้บนพื้นแล้วลุกขึ้นยืน พร้อมกับเอ่ยว่า “เอาล่ะ ฉันต้องไปจริงๆแล้ว”
“เฮ้ คุณอยากจะทำอะไร ผมจะช่วยคุณแล้วกัน ในสถานที่ที่คุณไม่คุ้นเคยกับอะไรเลยมักจะถูกจับจ้องเอาได้ง่ายๆ” หลุ่ยลี่ยืนตะโกนอยู่ด้านหลังเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นเดินไปสองสามก้าวอย่างเลี่ยงไม่ได้ และหันหน้ากลับมามองเด็กหนุ่มที่เดินตามเธอมา “คุณแน่ใจนะ”
หลุ่ยลี่พยักหน้าแล้ว พยักหน้าอีก น้ำตาคลอเบ้าอย่างหน้าสงสาร มองไปทางเซี่ยชีหรั่นเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง เซี่ยชีหรั่นกระดิกนิ้ว หลุ่ยลี่ก็ตามมาแต่โดยดี “พวกเราจะไปที่ไหนกันหรือ”
“เปลี่ยนเสื้อผ้า!”
ในร้านเสื้อผ้า เซี่ยชีหรั่นสวมชุดทำงานของกรรมกรอย่างสบายๆแล้วหวีผม หลุ่ยลี่มองเซี่ยชีหรั่นด้วยความเสียดาย พลางเอ่ยถามว่า “คุณจะตัดผมสั้นจริงๆหรือ”
เซี่ยชีหรั่นยิ้ม หยิบกรรไกรออกมาตัดผมยาวประบ่าของตัวเองทิ้งโดยไม่เสียดาย และรวบขึ้นอย่างสบายๆ หลังจากนั้นก็สวมหมวกทับ
“พริบตาเดียว คุณป้าผู้อ่อนโยนก็กลายเป็นหญิงสาวที่มาดแมนเกินชายแล้ว” หลุ่ยลี่พึมพำ เซี่ยชีหรั่นตบศีรษะหลุ่ยลี่ แล้วเอ่ยว่า “ไปเถอะ”
นอกธนาคาร หลุ่ยลี่คนกาแฟด้วยความเบื่อหน่าย ถามเซี่ยชีหรั่นว่า “คุณจะรอคนอยู่ที่นี่ แต่ว่าผู้อื่นสามารถใช้อินเทอร์เน็ตในการโอนเงินได้นะ”
เซี่ยชีหรั่นที่มองธนาคารอยู่เอ่ยเรียบๆว่า “จำนวนเงินที่ค่อนข้างมากนั้นจำเป็นต้องไปดำเนินการที่เคาน์เตอร์ด้วยตัวเอง พวกเรารออยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”
“แต่ว่าพวกเรารอมาสองวันแล้วนะ” หลุ่ยลี่พึมพำ
บนถนนมีชายคนหนึ่งเดินข้ามมาด้วยความเร่งรีบ ชายคนนั้นสวมเสื้อกันลม ในมือถือตู้เซฟเอาไว้ เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นทันที กดปีกหมวกลงแล้วพูดว่า “ตามไป”
ชายคนนั้นมองไปรอบๆ หลังจากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง เซี่ยชีหรั่นตามอยู่ด้านหลังชายคนนั้น พนักงานเห็นชายคนนั้นแล้วก็นำชายคนนั้นไปที่ห้อง VIP ห้องหนึ่ง
ชายคนนั้นนั่งไขว่ห้าง ลูบไปที่สะโพกของหญิงสาวรอบหนึ่ง ยิ้มระรื่นและเริ่มพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับหญิงสาว หญิงสาวหอมแก้มชายคนนั้นครั้งหนึ่ง ยกตู้เซฟขึ้นมาแล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกไปฝากเงิน
“อย่าขยับ ไม่อย่างนั้นสมองคงต้องเปลี่ยนที่อยู่จากคอของคุณแล้ว” เซี่ยชีหรั่นกดปืนไปที่ท้ายทอยของชายคนนั้น พร้อมกับเอ่ยขึ้น
ชายคนนั้นหันหน้ามา มองเซี่ยชีหรั่นแล้วเอ่ยยิ้มๆ “คุณผู้หญิง แต่ว่ามือของคุณกำลังสั่น” ชายคนนั้นเลิกคิ้วมองเซี่ยชีหรั่น พลางเอ่ยว่า “มีความสามารถที่จะยิงปืนหรือ”
จู่ๆก็มีชายคนหนึ่งวิ่งผ่านประตูเข้ามา คุกเข่าทั้งที่ใบหน้าบวมช้ำลงแทบเท้าเซี่ยชีหรั่น “พี่สาวใหญ่สุด ผมผิดไปแล้ว ขอร้องพี่ล่ะ อย่าให้คนพวกนั้นชกผมอีกเลยนะ ขอร้องล่ะ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset