สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1315 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1215

ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากเซี่ยชีหรั่นที่ยังคงยืนหยัดกดปั๊มบริเวณทรวงอกของเด็ก “แค่กๆๆ” จู่ๆเด็กก็ไออย่างรุนแรง ลูกอมทรงกลมเม็ดหนึ่งถูกคายออกมาจากปาก
ชายหนุ่มมองเซี่ยชีหรั่นอย่างซาบซึ้งใจ เซี่ยชีหรั่นยิ้ม เตรียมตัวจะเดินจากไป ชายหนุ่มตามมา ชี้รูปที่อยู่ในมือเซี่ยชีหรั่น เอ่ยว่า “สถานที่แห่งนี้ถูกพวกเราเรียกว่าดินแดนแห่งความชั่วร้าย ว่ากันว่าคนที่นี่ล้วนพบกับโชคร้าย ดังนั้นจึงไม่มีใครยินยอมที่จะไปที่นั่น อีกทั้งสิ่งก่อสร้างนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย อยู่ที่ทางใต้”
เซี่ยชีหรั่นตามหาสถานที่ในรูปใบนี้ตามคำบอกเล่าของชายหนุ่ม ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้ากังหันลมเงียบๆด้านหนึ่ง “เป็นเขา!” เซี่ยชีหรั่นจำชายหนุ่มที่ถูกถ่ายร่วมเฟรมในรูปภาพได้
“ขอถามหน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักผู้ชายที่อยู่ในภาพนี้ใช่ไหมคะ” เซี่ยชีหรั่นมองชายหนุ่ม พลางเอ่ย
ชายหนุ่มมองเย่เชินหลินที่อยู่ในรูปแล้วเอ่ยว่า “ผู้ชายคนนี้จากไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว”
“เขาอยู่ที่นี่จริงๆหรือ ทำไมถึงไม่ยอมมาหาฉันกันนะ” เซี่ยชีหรั่นพึมพำกับตัวเอง เงยหน้ามองชายหนุ่มที่ไม่อยู่แล้ว เซี่ยชีหรั่นเดินเข้าไปยังบ้านหลังหนึ่งข้างกังหันลม ดันประตูให้เปิดออก
ประตูส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด รอบด้านสะอาดสะอ้านจนสามารถมองออกว่าเคยมีคนนั่งอยู่ตรงนั้นจริงๆ เงาร่างของคนคนหนึ่งเดินผ่านห้องที่อยู่ข้างๆไป “ใครน่ะ!” เซี่ยชีหรั่นตามไป
ภายในห้องไม่มีใครสักคน เซี่ยชีหรั่นหมุนตัวไปสบตาเข้ากับนัยน์ตาเย็นเยียบคู่หนึ่ง ผู้มาเยือนสวมเสื้อกันลมสีดำ ทั้งศีรษะถูกหมวกคลุมเอาไว้ มีเพียงแค่นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาที่เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันคู่หนึ่งออกมา
“คุณเป็นใครคะ” เซี่ยชีหรั่นร้องออกมาอย่างตกใจ
มือซ้ายของชายหนุ่มถือมีดแหลมยาวเอาไว้ด้ามหนึ่ง วาดแทงมาทางศีรษะเซี่ยชีหรั่น คนที่อยู่ด้านหลังคว้าปกคอเสื้อเซี่ยชีหรั่นเหวี่ยงไปด้านหลัง
เซี่ยชีหรั่นจำได้ว่านี่คือชายคนที่ตัวเองเห็นแวบๆเมื่อครู่นี้ และเป็นตำรวจที่โอบล้อมตัวเองที่บ้านของเย่เชินหลิน
ชายชุดดำมองเซี่ยชีหรั่นแล้วหมุนตัววิ่งหนีไป คุณไม่เป็นอะไรนะ Bakerเอ่ยถาม เดินไปข้างกายเซี่ยชีหรั่น
“แค่กๆ ขอบคุณค่ะ” เซี่ยชีหรั่นดิ้นรนลุกขึ้นยืน Bakerแสดงหลักฐานของตัวเอง พลางเอ่ยว่า “ผมคือนายตำรวจBaker ตอนนี้ผมมีเหตุผลที่จะสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ประธานบริษัทเย่ซื่อหายตัวไป ขอให้คุณช่วยกลับไปเข้ารับการสอบสวนกับผมด้วยครับ”
ชายหนุ่มไม่หล่อ ทรงผมสั้นเกรียนและหน้าตาที่ไม่ได้โดดเด่น เมื่อรวมกันแล้วก็ดูเข้มงวดเป็นอย่างมาก เซี่ยชีหรั่นมองไปรอบๆ มีเสียงแผ่วเบาลอยมา “คุณหนีผมไม่ได้หรอก ตัดใจเสียเถอะ”
เซี่ยชีหรั่นเอ่ย พลางก้มหน้าอย่างท้อแท้ “ฉันยังมีเพื่อนอีกคนหนึ่ง รอฉันอยู่ที่บาร์ ฉันไปหาเขาได้ไหมคะ”
“ขอโทษด้วยครับ ตอนนี้ผมจำเป็นต้องควบคุมตัวคุณกลับประเทศ” Bakerใส่กุญแจมือให้เซี่ยชีหรั่น และอีกด้านหนึ่งก็ล็อคไว้กับมือตัวเอง
เซี่ยชีหรั่นถูกพาไปถึงสนามบิน เพิ่งจะลงจากรถ Bakerก็อุ้มเซี่ยชีหรั่นเอาไว้แล้วเข้าไปหลบในรถ ลูกกระสุนลูกหนึ่งเฉี่ยวผ่านถังน้ำมันไป กลิ่นฉุนของน้ำมันเริ่มตลบอบอวลไปทั่ว
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ” เซี่ยชีหรั่นถามด้วยความหวาดกลัว
Bakerเม้มปากหยิบกุญแจมาปลดล็อคกุญแจมือให้เซี่ยชีหรั่น เอ่ยกับเซี่ยชีหรั่นว่า “อีกครู่หนึ่งผมจะคุ้มกันคุณ คุณก็รีบวิ่งหนีไปให้ไกลเลยนะ”
เซี่ยชีหรั่นจับชายหนุ่มเอาไว้ เอ่ยถามว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณจะทำอย่างไรล่ะคะ”
“ปกป้องประชาชนเป็นความรับผิดชอบของพวกเรา” Bakerโยนกุญแจมือทิ้งไปอีกด้าน หยิบปืนออกมาจากข้างหลัง ตะโกนว่า “วิ่ง!”
เซี่ยชีหรั่นมองอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เดินก้มตัวไปอีกด้าน เสียงแหลมสูงของปืนดังขึ้นที่ข้างหูเซี่ยชีหรั่นตลอดเวลา หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เซี่ยชีหรั่นก็หันหน้าไป Bakerกุมแขนหลบอยู่อีกด้าน ปืนถูกโยนออกไปไกลหลายเมตรแล้ว
เซี่ยชีหรั่นกัดฟัน หมุนตัววิ่งกลับไป หยิบปืนของตัวเองโยนไปด้านหน้าชายหนุ่ม Bakerเก็บปืนที่เซี่ยชีหรั่นโยนมาให้จัดการทิ้งไปคนหนึ่ง คนมากมายมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ
จู่ๆก็มีรถสามคันขับเข้ามาจากที่ไม่ไกลนัก คนสิบกว่าคนหยิบปืนลงจากรถแล้วยิงกราดครู่หนึ่ง ในไม่ช้าคนพวกนี้ก็จัดการคนที่ตามฆ่าเซี่ยชีหรั่นได้ เซี่ยชีหรั่นเงยหน้า มองชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้ากระจก
แม้ชายหนุ่มจะเปิดเผยเพียงแค่ใบหน้าด้านข้าง แต่ก็ราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เซี่ยชีหรั่นเดินไปทางรถอย่างอดไม่อยู่ แต่ก็ถูกดึงข้อมือกลับมา Bakerตะโกนเสียงดังอย่างมีโทสะว่า “ไม่เห็นหรือว่าตรงนั้นล้วนมีแต่ปืน! ไปที่นั่นก็เหมือนกับไปหาเรื่องตาย!”
Bakerจับเซี่ยชีหรั่นเอาไว้แน่น เซี่ยชีหรั่นคิดจะดิ้นให้หลุดจากมือของBaker ท้ายทอยก็มีความเจ็บแปลบส่งผ่านมา Bakerอุ้มเซี่ยชีหรั่นยัดเข้าไปในรถที่อยู่ด้านข้าง และขับรถจากไปอย่างรวดเร็ว
ชายที่อยู่ในรถขยับนิ้ว สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ทำอะไร เซี่ยชีหรั่นค่อยๆได้สติขึ้นมา จ้องมองชายหนุ่มที่กำลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างมีโทสะ
“คุณตีฉันให้สลบทำไมคะ!”
Bakerดันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้เซี่ยชีหรั่น ก้มหน้ากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเงียบๆ เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า “ไม่กิน!”
Bakerดึงชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคืนมา ฉีกซองแล้วเตรียมตัวจะกินต่อ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกเซี่ยชีหรั่นแย่งกลับไป เซี่ยชีหรั่นหยิบส้อมขึ้นมาแล้วกินเข้าไปคำโต แต่ยังคงไม่ลืมที่จะมองBakerอย่างดุร้าย
Bakerมองหญิงสาวไฮโซด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย คล้ายกับว่าไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆเลย ไม่กลัวตาย ทั้งยังมีนิสัยแบบเด็กๆ มีชีวิตรอดอยู่ท่ามกลางการหลอกลวงกันไปมาของพวกไฮโซได้อย่างไรกันนะ
เซี่ยชีหรั่นเรอออกมาครั้งหนึ่ง มองไปทางBakerอย่างระแวดระวัง “อย่างนั้นคุณยังจะจับฉันไหมคะ”
Bakerพยักหน้า “แน่นอนว่าต้องจับ คุณเป็นเพียงคนเดียวที่มีความสัมพันธ์กับเย่เชินหลิน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ผมถึงได้ติดต่อเพื่อนร่วมงานในประเทศไม่ได้” เซี่ยชีหรั่นมองBakerที่ขมวดคิ้ว ก็ปลุกความกล้าเอ่ยว่า “ฉันต้องการไปหาคนที่ชื่อข่าหนู เขาจะแสดงให้เห็นว่าบริษัทเย่ซื่อล้วนบริสุทธิ์”
“คุณรู้จักผู้ค้ายาที่ชื่อว่าข่าหนูหรือ” Bakerมองเซี่ยชีหรั่นอย่างแปลกใจ เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าเอ่ยว่า “ฉันต้องการไปพบเขาค่ะ”
Bakerลังเลขึ้นมา เขาอยากจะหาตัวผู้ชายคนนี้ให้พบจริงๆ แต่ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าคนนี้ Bakerมองเซี่ยชีหรั่นแล้วจู่ๆก็รู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้อาจจะไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่ตัวเองคิดขนาดนั้น
เซี่ยชีหรั่นวิ่งมายังจุดที่แยกกับหลุ่ยลี่ ไม่มีใครรู้ว่าหลุ่ยลี่อยู่ที่ไหน บางทีหลุ่ยลี่อาจจะนึกว่าตัวเองทิ้งเขา ดังนั้นจึงจากไปแล้ว เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดอย่างโศกเศร้า
Bakerเอ่ยเร่งนิ่งๆ “ควรไปได้แล้ว”
อ้างอิงจากคำแนะนำของชายที่อยู่ในธนาคาร เซี่ยชีหรั่นพาBakerขับรถไปไกลมาก จนกระทั่งถูกคนที่มีปืนสองคนขวางเอาไว้
“ที่นี่ไม่อนุญาตให้เข้าไป พวกคุณรู้หรือไม่” ชายสองคนมองมาทางเซี่ยชีหรั่นและBakerอย่างระแวง
“พวกเราจะไปหาคนด้านใน” เซี่ยชีหรั่นลองเอ่ยโน้มน้าวสองคนนี้ ชายเหล่านี้หัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ไปหาคนข้างในหรือ คุณไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม พวกเราก็อยากจะหาคนเช่นกันข่าหนู”
Bakerสบตากับเซี่ยชีหรั่นแวบหนึ่ง เอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “พวกคุณก็รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนเช่นกันหรือ”
ชายหนุ่มยักไหล่ เอ่ยว่า “รู้แล้วอย่างไร ตอนนี้ที่นี่เข้าไปไม่ได้ คนคนนั้นก็หลบเข้าไปในนั้นแล้ว”
Bakerคิ้วขมวดเอ่ยว่า “หรือว่าข้างในจะมีโรคระบาดกัน?” ก่อนที่เขาจะมาก็ได้รับเอกสารฉบับหนึ่ง ประเทศเล็กๆในแอฟริกาแห่งนี้ ดูท่าว่าจะไม่ได้ปลอดภัยเหมือนในข่าวลือที่เล่ากันมาขนาดนั้น
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ไม่ได้ปฏิเสธ “เพื่อเป็นการคำนึงถึงชีวิตของพวกคุณ ขอแนะนำพวกคุณว่าอย่าเข้าไปจะดีกว่า”
Bakerมองเซี่ยชีหรั่น เขาอยากจะรู้ความคิดของผู้หญิงคนนี้จริงๆ “คุณว่าอย่างไร”
เซี่ยชีหรั่นมองสถานที่ที่ห่างจากตัวเองเพียงแค่กำแพงกั้นแล้ว ก็หันหน้าไปเอ่ยกับBaker “คุณเชื่อว่าเย่เชินหลินเป็นผู้บริสุทธิ์ไหมคะ”
Bakerยักไหล่ เอ่ยด้วยท่าทางจริงจังว่า “ผมเชื่อแค่หลักฐาน”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า เอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเลว่า “อย่างนั้นฉันจะเข้าไปค่ะ”
Bakerลากเซี่ยชีหรั่นเดินออกไปข้างนอก กัดฟันเอ่ยอย่างมีโทสะ “ตอนนี้เข้าไปมีแต่ตายเท่านั้น อย่างน้อยเข้าไปซื้อยาสักเล็กน้อยที่ร้านยาก่อน”
เซี่ยชีหรั่นเดินตามBakerไปเงียบๆ หางตามองเห็นเงาคนคนหนึ่งจากไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยชีหรั่นเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก เมื่อถึงร้านยา เจ้าของร้านยาก็หยิบยาออกมาหนึ่งกล่อง ด้านในมีทุกสิ่งที่เซี่ยชีหรั่นต้องการ
“แม่หนู ผมขอเตือนคุณว่าอย่าเข้าไปข้างในนั้น คุณยังมีครอบครัว คุณควรจะเชื่อในพลังของคนในครอบครัว” เจ้าของร้านเอ่ยพูดกับเซี่ยชีหรั่น
ความสนใจของเซี่ยชีหรั่นนั้นอยู่ที่ยาทั้งหมด ในกลุ่มยานั้นมียาบางตัวที่เธอกินบ่อยๆ แต่มีแค่ประเทศเท่านั้นที่มี
เย่เชินหลินอยู่ข้างกายปกป้องตัวเองมาตลอดใช่หรือไม่ ความคิดบ้าบิ่นความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองของเซี่ยชีหรั่น
อาศัยช่วงที่Bakerอาบน้ำ เซี่ยชีหรั่นก็เดินออกไปจากโรงแรมอย่างสบายๆ ขับรถมุ่งไปตามภูเขาที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล
ระหว่างลงทางลาดชันสามารถมองเห็นแม่น้ำที่ไหลอยู่ใต้หุบเขาได้ เซี่ยชีหรั่นปล่อยให้ลมพัด ตะโกนเสียงดังว่า “ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ ถ้าคุณไม่ยอมออกมาล่ะก็ ฉันจะกระโดดลงไปจากที่นี่ ฉันจะกระโดดจริงๆนะคะ!”
เสียงตะโกนของเซี่ยชีหรั่นถูกลมพัดจนขาดๆหายๆ เย่เชินหลินยืนนิ่งๆ มองเซี่ยชีหรั่นที่อยู่บนหน้าผา ลมแรงเกินไป เซี่ยชีหรั่นเซเล็กน้อย เย่เชินหลินยื่นมือออกไป
มือข้างหนึ่งที่เร็วกว่าดึงเซี่ยชีหรั่นกลับมา “ผู้หญิงอย่างคุณหงุดหงิดกับการมีชีวิตแล้วใช่ไหม” Bakerดึงเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ ก่นด่าอย่างไม่เกรงใจ
เซี่ยชีหรั่นสะบัดมือของBakerออก นั่งยองๆบนพื้นด้วยท่าทีเศร้าโศกเล็กน้อย พึมพำว่า “เป็นแบบนี้แล้วคุณก็ยังไม่ยอมออกมาพบฉันอีกหรือคะ”
เย่เชินหลินที่มองเซี่ยชีหรั่นอยู่ไกลๆ ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เสียงเรียกเข้าไพเราะดังขึ้น เซี่ยชีหรั่นเปิดออกดู หน้าจอโทรศัพท์มือถือมีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ แต่กลับมีความรู้สึกว่าคุ้นเคย และมีเพียงแค่สองคำ
“เด็กโง่”
“คุณหัวเราะอะไรกันแน่” Bakerมองเซี่ยชีหรั่นที่เมื่อครู่มีท่าทีโศกเศร้า และจู่ๆก็ยิ้มเบิกบานออกมา เซี่ยชีหรั่นมองไปที่Baker พร้อมกับเอ่ยว่า “ไปกันเถอะค่ะ ไปหาข่าหนู”
เสียงประตูบานใหญ่ค่อยๆเปิดออก คนด้านในทั้งหมดนั้นล้วนไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริง เซี่ยชีหรั่นสวมชุดป้องกันเดินเข้าไปในนรกบนโลกมนุษย์แห่งนี้เงียบๆ
ที่แห่งนี้ เงินทองไม่มีประโยชน์ ทุกที่ล้วนมีกระดาษถูกทิ้งไปทั่ว เพราะว่าที่นี่ไม่มีร้านค้ายินยอมที่จะเปิดร้าน ไม่จำเป็นต้องซื้อของอะไร ทุกวันจะมีคนที่อาวุธครบมือนำอาหารมาส่งในเวลาที่กำหนด
คนสวมเสื้อผ้าเก่าๆขาดๆที่อยู่สองข้างทางมองมาทางเซี่ยชีหรั่น มองกล่องในมือที่เซี่ยชีหรั่นถืออยู่ด้วยความโลภ Bakerระวังตัวอย่างรอบคอบ มือถือปืนอย่างเตรียมพร้อมที่จะยิง หากมีการเคลื่อนไหว
เสียงทะเลาะโวยวายในที่ไกลๆดึงดูดความสนใจของเซี่ยชีหรั่นและBaker
“พวกคุณพาลูกสาวของฉันไปด้วยได้ไหมคะ เธอไม่ได้ป่วย อยู่ที่นี่ก็จะติดเชื้อ” หญิงสาวคุกเข่าข้อร้องคนที่มีอาวุธครบมือสวมหน้ากากอยู่บนพื้น ชายหลายคนยังคงมุ่งหน้าฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไปรอบๆอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร เด็กหญิงที่ยืนอยู่อีกด้าน ดึงชายเสื้อของมารดาตัวเองด้วยท่าทางขลาดกลัว ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset