สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1336 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1236

“คุณผู้หญิงครับ คุณผู้ชายอยู่ที่ดาดฟ้าครับ” พ่อบ้านรับกระเป๋ามาจากเซี่ยชีหรั่น ชีหรั่นรับผ้าขนหนูอุ่นมาเช็ดมือ
เซี่ยชีหรั่นที่เพิ่งเดินขึ้นมาถึงดาดฟ้า ถูกเสียงเปียโนดึงดูดเอาไว้ บรรเลงเป็นเพลงโชแปงเก่าแก่ แฝงด้วยดนตรีที่มีความสนุกสนาน เย่เชินหลินนั่งบรรเลงเปียโนอยู่ท่ามกลางหมู่ดอกไม้
เซี่ยชีหรั่นยืนพิงกับประตู ฟังเสียงเปียโนบรรเลง เหมือนกับขจัดความเหนื่อยล้าจากทั้งวันของเธอออกไป เสียงดนตรีหยุดลง เย่เชินหลินเดินมาหยุดตรงหน้าเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นยังไม่ได้สติขึ้นมา
“เหนื่อยมากไหม?” เย่เชินหลินสัมผัสใบหน้าของงดงามของเซี่ยชีหรั่น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เหมือนจะไม่ทิ้งริ้วรอยใดๆ ไว้บนหน้าของเธอเลย
เซี่ยชีหรั่นยิ้ม เขยิบเข้าใกล้มือของเย่เชินหลินอีก แล้วพูดขึ้น “อือ! เหนื่อยมากเลย!”
เย่เชินหลินอุ้มเซี่ยชีหรั่นมานั่งบนโซฟาที่อยู่ใจกลางของดาดฟ้า บนดาดฟ้าเต็มไปด้วยดอกไม้ เซี่ยชีหรั่นนอนหนุนตักของเย่เชินหลินบนโซฟา
ลมพัดผ่าน ทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกสบายมาก เย่เชินหลินนวดที่ไหล่ของเซี่ยชีหรั่นด้วยน้ำหนักที่พอดี จนเธอร้องออกมาเบาๆ
เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น เป็นเชิงเตือนว่ามีคนใกล้เข้ามา มีร่างเล็กวิ่งเข้ามา “เนี่ยนโม่” เซี่ยชีหรั่นโบกมือไปทางเย่เนี่ยนโม่
“หม่ามี๊ ในบ้านมีมดครับ” เย่โม่เนี่ยนพูดด้วยความรีบร้อน หน้าตานั้นเหมือนเย่เชินหลินมาก
“มีมดเหรอ?” เซี่ยชีหรั่นยิ้มแล้วถามขึ้น เย่เชินหลินพยักหน้า ยื่นแขนออกไป แล้วพูดขึ้น “บนแขนของน้องสาวมีตุ่มใสๆ ตั้ง 3-4 จุด”
ตุ่มใส? เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นมา จับมือของเย่โม่เนี่ยนแล้วพูดด้วยความอ่อนโยน “หม่ามี๊ไปดูกับโม่เนี่ยนะครับ” เย่เชินหลินหมดหนทาง เมื่อลูกเข้ามาทำลายบรรยากาศ จึงได้แต่ยิ้ม
เย่เชินหลินมาถึงห้องเจ้าหญิงของเย่ชูฉิง ทั้งห้องตกแต่งด้วยสีชมพูทั้งหมด เด็กทารกผู้หญิงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ยื่นมือน้อยๆ นั้นขึ้นมาเป็นครั้งคราวเหมือนกับจับไปบนแขน
เซี่ยชีหรั่นค่อยๆ เปิดผ้าห่มออกด้วยความระมัดระวัง ยกแขนของเย่ชูฉิงขึ้นมาเล็กน้อย พบว่าบนแขนมีตุ่มใสจริงๆ ด้วย ตุ่มอยู่ที่บริเวณข้อมือ ถ้าไม่สังเกตก็คงมองไม่เห็น
เซี่ยชีหรั่นรีบถอดเสื้อของเย่ชูฉิงออก ที่รักแร้ก็มีอีกสองจุด มันคืออีสุกอีใส! เซี่ยชีหรั่นรีบอุ้มเย่ชูฉิงขึ้นมา เธอเกือบจะเดินชนกับเย่เชินหลินที่เข้ามาหาเธอ
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่เชินหลินถามเซี่ยชีหรั่นด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ชูฉิงเป็นอีสุกอีใส” เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อบ้านรีบไปเตรียมรถ ไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล
เย่ชูฉิงถูกส่งเข้าตรวจที่ห้องสุญญากาศ เซี่ยชีหรั่นรออยู่ด้านนอกด้วยความร้อนรน จนกระทั่งพยาบาลออกมาบอกว่าลูกของเธอไม่เป็นอะไร แค่นอนที่โรงพยาบาลจนกว่าอีสุกอีใสจะออกมาจนหมด ก็จะหายเอง
เซี่ยชีหรั่นถูกเย่เชินหลินไล่กลับบ้านไปพักผ่อน วันรุ่งขึ้น เธอก็รีบมาโรงพยาบาลแต่เช้า ที่ห้องพัก เย่เชินหลินนั่งหลับอยู่บนโซฟา มือของเขาจับมือของเย่ชูฉิงเอาไว้ เย่ชูฉิงขยับตัวเล็กน้อย เย่เชินหลินรีบตื่นขึ้นมาปัดมือของเย่ชูฉิง กลัวว่าเธอจะเกาแขนตัวเองจนเป็นแผล
“สามีของคุณดูแลลูกมาทั้งคืนแล้ว ที่จริงเรามีพยาบาลเฉพาะทางดูแล แต่เขายืนหยัดที่จะดูแลเอง” พนักงานทำความสะอาดรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินมาด้วยกัน จึงได้พูดสิ่งเหล่านี้กับเซี่ยชีหรั่น
เมื่อเดินเข้ามาที่ห้องผู้ป่วยVIP ขนาด 100 ตารางเมตร ในห้องมีดอกไม้ที่เพิ่งซื้อมาไม่นาน ตกแต่งอย่างอบอุ่น และที่ยิ่งทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกอบอุ่นนั้นคือ มือใหญ่ที่กุมมือเล็กอยู่นั้นเอง
การมาถึงของเซี่ยชีหรั่น ทำให้เย่เชินหลินตื่นขึ้นมา ตอนแรกมาดูอาการเย่ชูฉิงก่อน แล้วจึงยิ้มให้กับเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นเห็นสภาพเหนื่อยล้าของเย่เชินหลินแล้วก็รู้สึกสงสาร จึงพูดขึ้น “วันนี้เปลี่ยนเป็นฉันเอง”
เย่เชินหลินรีบตอบกลับ “อย่าให้ตัวเองเหนื่อยมากจนเกินไป เดี๋ยวฉันหาคนมาดูแลเอง” เซี่ยชีหรั่นส่ายหัวแล้วตอบ “ทำไมล่ะ นายมีสิทธิ์ดูแลแค่คนเดียว ฉันไม่มีสิทธิ์เหรอ? หรือกลัวว่าฉันจะดูแลได้ไม่ดี?”
เซี่ยชีหรั่นพูดหยอกทำให้บรรยากาศในห้องดีขึ้น เย่เชินหลินยิ้ม แล้วหันกลับมามองเย่ชูฉิงที่กำลังหลับอย่างสบาย จึงค่อยยอมจากไป
หลังจากที่เย่เชินหลินจากไป เซี่ยชีหรั่นก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ข้างๆ เธอก็ดูเวลาแล้ว จึงอยากจะออกไปทำกล้วยบดให้เย่ชูฉิง เมื่อออกมาจากห้องผู้ป่วยก็มีเสียงร้องดังขึ้น ทำให้เธอหยุดลง เสียงนั้นคือเสียงของพี่หลี่
“คุณต้องการอะไรกันแน่ ไม่กินไม่ดื่มมาหลายวัน ต้องการอะไรกันแน่!” พี่หลี่ตะคอก แล้วร้องไห้ออกมาเบาๆ
ในห้องมีเสียงแจกันดอกไม้แตกดังออกมา ตามด้วยเสียงตะคอกของผู้ชาย “ฉันต้องการขาที่เดินได้!”
พี่หลี่เสียงเบาลงเพราะประโยคที่เขาตอบกลับมา อารมณ์ก็ดูอ่อนโยนขึ้น เข้าไปปลอบชายหนุ่มเหมือนกับปลอบเด็ก เสียงอ่อนเสียงหวาน แต่ชายหนุ่มดูเหมือนจะไม่ฟัง ได้ยินเพียงเสียงของพี่หลี่ดังมาจากในห้อง
“ฉันจะไปซื้อดอกไม้มาให้คุณช่อหนึ่ง คุณชอบกลิ่นหอมของดอกลิลลี่ไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยชีหรั่นได้ยินเสียงของพี่หลี่ว่าจะออกมา เธอเปิดประตู พี่หลี่เจอกับเซี่ยชีหรั่นจึงชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นรีบปิดประตูลงไม่ให้เซี่ยชีหรั่นเห็นบรรยากาศด้านใน
“คนนั้นคือสามีของฉันเอง” บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล พี่หลี่ฝืนยิ้มออกมา เซี่ยชีหรั่นมองไปที่รอยช้ำบนแขนของพี่หลี่ พี่หลี่มองตามสายตาของเซี่ยชีหรั่น พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ปกติมาก ฉันไม่ยอมใช้รักษาอาการทางจิตใจกับเขา คงจะทำร้ายจิตใจเขามาก จนต้องระบายออกมา”
เซี่ยชีหรั่นตกใจกับภาพจำที่น่ากลัวนั้น อาศัยเพียงหลัวกุ้ยเหยาที่ไม่แม้แต่สนใจผู้หญิงคนไหน เมื่อพี่หลี่เห็นท่าทีของเซี่ยชีหรั่นแล้ว จึงถามขึ้น “เธอตกใจมากเลยเหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าตอบอย่างตรงไปตรงมา พี่หลี่มองรอยช้ำบนแขนของตัวเองแล้วพูดขึ้น “เมื่อก่อนสามีของฉันเป็นทำธุระต่างๆ ให้กับหลัวกุ้ยเหยา มีปัญหาเล็กน้อย ช่วยหลัวกุ้ยเหยาจนถูกเก็บ จนตกเป็นคนพิการแบบนี้ ฉันผิดเอง!”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมคุณยังทำงานให้หลัวกุ้ยเหยาอยู่ล่ะ!” เซี่ยชีหรั่นดูออกว่าพี่หลี่ไม่ได้มีความรู้สึกต่อหลัวกุ้ยเหยาลึกซึ้งขนาดนั้น หรืออาจจะเกลียดหลัวกุ้ยเหยาเลยด้วยซ้ำ
“ทำยังไงได้ เธอคิดว่าพวกเราสองคนจะมีปัญญาจ่ายค่าห้องพักที่แพงขนาดนี้ได้เหรอ ถ้าหากไม่มีหลัวกุ้ยเหยา ป่านนี้พวกเราคงไปเก็บขยะแล้ว” พี่หลี่ยิ้มเย้ย ต่อหน้าหลัวกุ้ยเหยาต่อให้เธอแสดงออกว่าไม่สนใจขนาดไหน แต่เธอได้ทำร้ายครอบครัวของตัวเอง นี่คือความจริงที่ไม่อาจหนีได้
พี่หลี่ดูนาฬิกาเตรียมจะไป เธอหันมาพูดกับเซี่ยชีหรั่นด้วยความมุ่งมั่น “ฉันอยู่ที่บ้านของหลัวกุ้ยเหยา เคยได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ น้ำเสียงของเขารุนแรงมาก ยังมีพูดถึงบัญชีออนไลน์อะไรอีก แล้วก็มีพูดถึงเธอ ดังนั้นฉันคิดว่าเธอรีบออกไปเสียดีกว่า”
สิ่งที่พี่หลี่พูด ทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา อย่างน้อยบัญชีออนไลน์ก็มีอยู่จริง แล้วจะทำยังไงถึงจะไปที่บ้านของหลัวกุ้ยเหยาได้?
กำลังครุ่นคิด Bakerก็โทรเข้ามาพอดี เซี่ยชีหรั่นจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมรายงานตัวกับเขา จึงรีบอธิบาย
เธอรีบมุ่งกลับมา Bakerรอเธออยู่ที่หน้าตึกพอดี เขาพูดกระซิบขึ้น “หลัวกุ้ยเหยาก็อยู่ที่งานด้วย”
เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่น หลัวกุ้ยเหยาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ชีหรั่น ที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า? ถึงมาสายขนาดนี้?”
พี่หลี่เงยหน้ามองเซี่ยชีหรั่น รู้สึกประหม่าเล็กน้อย วันนี้เธอพลั้งปากเล่าเรื่องให้เซี่ยชีหรั่นฟังไปมากมาย ถ้าหากเซี่ยชีหรั่นใช้เรื่องพวกนี้ไปเลียแข้งเลียขาเอาหน้ากับหลัวกุ้ยเหยา เธอก็คงต้องก้มหน้ารับกรรม
เซี่ยชีหรั่นและพี่หลี่คิดได้ต่างกันมาก เธอคิดว่าจะบอกความจริงกับหลัวกุ้ยเหยาไปดีไหม เธอและเย่เชินหลินดูแลเย่ชูฉิงดีมาก จนคนอื่นแทบจะไม่รู้เรื่องของเย่ชูฉิงด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากหลัวกุ้ยเหยารู้ เขาก็ควรจะรู้สึกได้และเดาออกว่าเธอกำลังจับตามองเขา
Bakerก็คิดถึงตรงนี้เหมือนกัน เขาตื่นเต้นแทนเซี่ยชีหรั่น “ลูกสาวของฉันป่วยเข้าโรงพยาบาล ฉันก็เลยไปดูแลค่ะ” เซี่ยชีหรั่นพูดตามความจริง
Bakerจับแววตาที่แสดงออกถึงความพึงพอใจของหลัวกุ้ยเหยาได้ แบบนี้ค่อยสบายใจ ว่าจิ้งจอกเฒ่านี้ได้รู้เรื่องของเย่ชูฉิงแล้ว ถ้าหากเซี่ยชีหรั่นโกหก เรื่องนี้คงจะพัง
“ไม่เป็นไร ดูแลเด็กเป็นเรื่องสำคัญ” หลัวกุ้ยเหยายิ้มด้วยความใจกว้าง เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้น หลัวกุ้ยเหยารับสายพูดเพียงไม่กี่คำ ก็จากไป
ที่คฤหาสน์ตระกูลหลัว ซือซือวางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานของหลัวกุ้ยเหยาชุดหนึ่ง แล้วพูดขึ้น “ตอนแรกบอกแค่ว่าทำลายชื่อเสียงบริษัทของเย่เชินหลิน ไม่ได้ให้คุณใช้บริษัทของเขาเป็นเครื่องฟอกเงิน”
หลัวกุ้ยเหยายิ้มแล้วโอบไหล่ของซือซือเอาไว้ แล้วพูดในเชิงสั่งสอน “ที่รัก บริษัทนั้นรากฐานมั่นคงมาก ความก้าวหน้าของบริษัทก็ดี ภาพลักษณ์ดี เป็นบริษัทที่ใช้เป็นเครื่องล้างเงินเหมาะสมที่สุด ตอนนี้ทั้งบริษัทเย่ซื่อสั่นคลอนมาก พวกเราหลอกใช้ผู้หญิงของเขา ให้เขายอมถอยออกจากบริษัทให้หมด”
ซือซือไม่พอใจ เธอรักเย่เชินหลิน อยากจะช่วยอะไรเย่เชินหลินบ้าง หลัวกุ้ยเหยาพูดแฝงความนัยขึ้นมา “และบริษัทนี้ผมจะให้คุณเป็นประธาน”
ซือซือใจสั่น พลางคิดภาพที่ตัวเองได้นั่งเก้าอี้ประธานบริษัท เดินอย่างสูงส่งไปตรงหน้าชายหนุ่มที่ทอดทิ้งเธอในตอนแรก มองเย่เชินหลินลงมาจากที่สูง ใช้การกระทำบอกผู้ชายคนนี้ว่า ตัวเองก็มีวันที่จะเดินนำหน้าเขา
“รีบลงมือกันเถอะ!” ซือซือรู้สึกเจ็บที่หน้าอก เหมือนเป็นสัญญาณบอกว่ามันไม่ได้ใช้งานมาหลายวันแล้ว ความคิดของหลัวกุ้ยเหยาพลันทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
บนโต๊ะทำงาน เซี่ยชีหรั่นกำลังยุ่งกับงาน Bakerตีที่ไหล่ของเซี่ยชีหรั่นเบาๆ เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าขึ้นมา เห็นว่าพี่หลี่กำลังเดินมาทางตัวเองพอดี
“คืนนี้ฉันพาเธอไปพบคนคนหนึ่ง เป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงมาก” พี่หลี่ยิ้มแล้วพูดขึ้น เซี่ยชีหรั่นเจอกับนักออกแบบมาไม่น้อย แต่เมื่อได้ยินพี่หลี่พูดเช่นนั้น ก็ไม่อยากหักหน้าเธอ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเวลาโทรมาเช็กสถานการณ์ของเย่เชินหลิน “คืนนี้เธอมีนัดทานอาหาร พบกับนักออกแบบคนหนึ่ง”
เย่เชินหลินสงสัย จึงถามขึ้น “พบกับนักออกแบบ? ใคร ชื่ออะไร?” เมื่อได้ฟังคำถามของเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินค่อนข้างใจน้อย Bakerต้องไล่ตอบทุกคำถาม เขาถึงยอมปล่อยไป มองไปยังเซี่ยชีหรั่นที่ก้มหน้าก้มตาวาดรูปอยู่ Bakerจึงฝืนยิ้มแล้วพูดขึ้น “รับมือกับเย่เชินหลินยังยากกว่ารับมือกับคนในคุกเลย”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset