สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1339 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1239

ห้องไม่ใหญ่นัก มีเนื้อที่เพียงสิบกว่าตารางเมตร ตกแต่งได้แย่เสียกว่าบ้านคนชนชั้นทั่วไปเสียอีก แม้แต่ตู้ยังเป็นตู้ไม้เก่าๆ
เซี่ยชีหรั่นวนไปรอบๆ เธอเดินไปรอบๆ จนจำการจัดวางทุกตารางเมตรในนั้นได้แล้ว การที่เขาจะซ่อนเงินในห้องแบบนี้เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
เซี่ยชีหรั่นนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง เซี่ยชีหรั่นก็โทรออกหาBaker สายไม่ว่าง มีเพียงเสียงสายไม่ว่าง
เซี่ยชีหรั่นเริ่มจะเป็นห่วงBaker หรือว่าBakerมีปัญหาอะไรรึเปล่า? ตั้งใจฟังความเคลื่อนไหว ด้านนอกเงียบเชียบ เหมือนกับในบ้านหลังนี้มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น
เซี่ยชีหรั่นไม่อาจนอนต่อไปได้ จึงลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกไป พื้นที่ชั้นสองจะซับซ้อนกว่าชั้นล่างเล็กน้อย มีประมาณ 4-5 ห้องเรียงรายข้างทางเดิน บนทางเดินประดับด้วยไฟสีขาวอมเหลืองสลัวๆ ที่ทำให้การมองเห็นลำบากยิ่งขึ้น
มีร่างหนึ่งเดินผ่านข้างตัวเซี่ยชีหรั่นไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง “Baker?” เซี่ยชีหรั่นถามขึ้นด้วยความระมัดระวัง
ประตูห้องไม่ได้ล็อก เซี่ยชีหรั่นเห็นว่าในห้องนอกจากคอมพิวเตอร์แล้วก็เพียงหนังสือที่เรียงรายอยู่เต็มไปหมด
เมื่อเข้าไปในห้อง สายตาของเซี่ยชีหรั่นมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์สีฟ้าที่สว่างอยู่ นี่เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของหลัวกุ้ยเหยา เป็นไปได้ไหมที่เก็บใบเสร็จออนไลน์ไว้ในนี้
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงมาก มือค่อยๆ เอื้อมไปกดenter ด้วยความสั่นเทา ที่หน้าจอแสดงช่องให้ใส่รหัสขึ้นมา
ไม่ใส่สุ่มใส่รหัสมั่วๆ เซี่ยชีหรั่นค่อยๆ ดึงเก๊ะออกมา ในนั้นมีเอกสารอยู่ เมื่อเปิดดู ในนั้นคือสัญญาซื้อขายสินค้า
หลัวกุ้ยเหยาที่อาศัยอยู่ในบ้านที่ขนาดไม่ถึง 100 ตารางเมตร ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ในรายการสั่งซื้อเป็นที่ฝังศพพื้นที่หลายร้อยตารางเมตร และราคาช่างน่าตกใจ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เซี่ยชีหรั่นรีบกดรับสายด้วยความลุกลี้ลุกลน “อยู่ที่ไหน?” เย่เชินหลินถามขึ้น
“เหมือนBakerจะหายไปเลย ฉันเจอคอมพิวเตอร์ของหลัวกุ้ยเหยา แต่เปิดไม่ได้ ไม่รู้ว่าบัญชีออนไลน์อยู่ในนั้นรึเปล่า?” เซี่ยชีหรั่นกระซิบ เย่เชินหลินเงียบไปสักครู่ แล้วพูดขึ้น “ออกมาเดี๋ยวนี้ อย่าแตะต้องอะไรทั้งนั้น”
เซี่ยชีหรั่นเดินออกมาข้างนอกอย่างเชื่อฟังเย่เชินหลิน ตอนที่เธอปิดประตูลงรู้สึกเหมือนดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่
เซี่ยชีหรั่นเปิดประตูแล้ววิ่งออกมา ที่ว่างเหลือเพียงคนเดียว ไห่ลี่หมินเข้ามาใกล้ ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เซี่ยชีหรั่นกระซิบ “Bakerหายไป”
ไห่ลี่หมินเห็นว่าเซี่ยชีหรั่นปลอดภัย จึงพยักหน้า แล้วพูดขึ้น “แจ้งตำรวจแล้ว” พูดจบ ก็มีรถตำรวจสองคันมาจอดที่หน้าประตู
“เกิดอะไรขึ้น?” หลัวกุ้ยเหยาเข้ามาถาม หัวหน้าของตำรวจโบกมือ จากนั้นเหล่าตำรวจก็วิ่งเข้าไปในบ้านทันที สถานการณ์วุ่นวายมาก
ภายใต้ความวุ่นวาย มีคนเข้ามาตบที่ไหล่ของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ “Bakerนายไปไหน?”
“มีคนจับฉันล็อกไว้ในบ้าน” Bakerกระซิบ เย่เชินหลินเมื่อเห็นตำรวจมา จึงลากเซี่ยชีหรั่นมาตรงหน้าหลัวกุ้ยเหยาอย่างโผงผาง “ท่านหลัว ดูท่าคุณมีเรื่องต้องจัดการ ผมของพาเธอกลับไปก่อนนะ”
หลัวกุ้ยเหยาพยักหน้าส่งๆ อย่างไร้อารมณ์ เย่เชินหลินลากเซี่ยชีหรั่นออกมา ในรถ Bakerพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ “ฉันเจอแก้วคู่ในบ้าน แล้วก็เสื้อผ้า
“ฐานะที่แท้จริงของนายถูกเปิดเผยแล้ว” เย่เชินหลินขับรถและพูดขึ้นเอง เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยชีหรั่นก็กังวล แต่Bakerพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “เหมือนเขาไม่รู้ว่าฉันอยู่ฝ่ายเดียวกับเซี่ยชีหรั่นนะ อาจจะเป็นเพราะว่าฉันก็จับตาดูเซี่ยชีหรั่นอยู่ ก็เลยยังไม่ลงมือกับเซี่ยชีหรั่น”
“แล้วนายจะอันตรายไหม?” เซี่ยชีหรั่นรีบถามขึ้น Bakerยิ้ม แล้วเรียกให้เย่เชินหลินจอดรถ เขาเปิดประตูแล้วพูดว่า “อย่างน้อยฉันก็เป็นตำรวจของประชาชน วางใจเถอะ”
หลังจากที่Bakerจากไป เซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินก็กลับบ้านทันที ความยุ่งวุ่นวายทั้งวันนี้ทำให้พวกเขาทั้งสองไม่มีอารมณ์ที่จะทำเรื่องอื่นทั้งนั้น
“กริ๊ก” เซี่ยชีหรั่นอึดอัดจนต้องนั่งดื่มเหล้าเองในตอนกลางคืน กลางดึกเย่เชินหลินตื่นขึ้นมา หยิบวิทยุสื่อสารกำลังจะเรียกพ่อบ้าน แต่เซี่ยชีหรั่นจับมือของเขาเย่เชินหลินเอาไว้ก่อน “ตอนนี้ดึกมากแล้ว พ่อบ้านคงนอนหลับไปแล้ว ฉันทำอาหารง่ายๆ ให้คุณทานดีกว่าไหม?”
เซี่ยชีหรั่นลงมือทำอาหารเอง เย่เชินหลินก็ไม่ขัด ต้มน้ำที่เตาแก๊ส ใส่เส้นลงไปตอนน้ำเดือด จากนั้นคีบขึ้นมาใส่ซอสน้ำมัน ฟักเส้น คลุกเคล้ากันจนมีกลิ่นหอม
ทั้งสองคนกินจนหมดด้วยความหิวโหย เซี่ยชีหรั่นถือชามและตะเกียบไปแช่ไว้ในอ่างล้างจาน เย่เชินหลินรับสายโทรศัพท์ พูดเพียงไม่กี่คำก็วางสายไป “Bakerเกิดอุบัติเหตุ!”
ที่โรงพยาบาล เซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินรีบตรงไปที่ห้องฉุกเฉิน Bakerนั่งให้พยาบาลทำแผลที่แขนอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลิน เขาก็แค่พยักหน้า
“รถถูกเฉี่ยว รอยใหญ่มาก หวังว่าประกันจะยอมจ่ายให้” Bakerพูดอย่างสิ้นคิดออกมา เย่เชินหลินพูดขึ้น “ไม่ใช่อุบัติเหตุใช่ไหม?”
“อืม” Bakerตอบรับ หลัวกุ้ยเหยาหลบเลี่ยงเซี่ยชีหรั่น จากนั้นลงมือกับBakerแทน นี่ก็แสดงว่าหลัวกุ้ยเหยายังไม่ได้สงสัยในตัวของเซี่ยชีหรั่น ตรงนี้ทำให้เย่เชินหลินสบายใจขึ้นมา
“แล้วเซี่ยชีหรั่นล่ะ?” Bakerถามขึ้น เซี่ยชีหรั่นเปิดประตูเข้าไปในห้องของเย่ชูฉิง อีสุกอีใสของเย่ชูฉิงออกจนหมดแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว
เธอก้มลงไปหอมเย่ชูฉิง ปรายตาของเซี่ยชีหรั่นเหลือบไปเห็นคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเตียง จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“ใคร?” เซี่ยชีหรั่นส่งเสียง เดินไปทางประตู เธอเปิดประตูชนกับหน้าอกของเย่เชินหลินพอดี
“อะไรเหรอ?” เย่เชินหลินถาม เซี่ยชีหรั่นนวดที่กระบอกตาแล้วจึงตอบ “เหมือนเมื่อกี้ฉันเห็นมีคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าต่าง”
เย่เชินหลินได้ยินเช่นนั้น จึงเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย มองไปรอบๆ จากนั้นกลับเข้ามาในห้อง แล้วพูดกับเซี่ยชีหรั่น “นี่เป็นห้องสุดท้าย ฉันเพิ่งเดินมา ไม่เห็นคนเดินมาจากอีกฝั่ง”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าด้วยความเหนื่อยล้า ช่วงนี้เธอสภาพจิตใจอ่อนไหว วันรุ่งขึ้น Bakerมาทำงานกับเซี่ยชีหรั่นต่ออย่างเป็นปกติ
หลัวกุ้ยเหยาเห็นแผลที่แขนของBakerก็ถามขึ้นด้วยความตกใจ Bakerรู้สึกตลกในใจ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เขารู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ใกล้จะจบลงแล้ว
ไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์ของBakerดังขึ้น เสียงของเสี่ยวเฉินฟังดูตื่นเต้นมาก “คนที่ให้ผมจับตามองวันนั้นถูกรถชนแล้วครับ แต่อาการไม่สาหัสมาก นอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
“ให้ตายเถอะ!” Bakerทุบโต๊ะ เขาถูกแซงหนึ่งก้าวอีกแล้ว กลับมาที่สถานีตำรวจ เพิ่งจะได้นั่งลงผู้กำกับเคาะประตูเปิดเข้ามาในห้องด้วยความไม่เกรงใจ “ตอนนี้เรื่องมันชักช้าไปมากแล้ว ฉันอยากให้แกคดีปิดให้เร็วที่สุด อย่าทำให้เสียชีวิตคนไปอีก”
Bakerมองผู้กำกับด้วยความสงสัย เหมือนกับคนคนนี้กำลังเร่งให้เขาปิดคดีอยู่เรื่อย หรือว่าหนอนในหมู่ตำรวจก็คือเขา!
“ที่ฉันพูดแกได้ยินไหม?” ชายหนุ่มเคาะที่โต๊ะ Bakerกำลังครุ่นคิดว่าจะเล่าสิ่งที่เขาพบเจอให้ผู้กำกับฟังดีไหม
“มีอะไรจะพูดก็พูด อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง” ชายหนุ่มฟาดฝ่ามือลงมาที่ไหล่ของBaker ทำให้เขานึกถึงตอนที่เพิ่งเข้ามาเป็นตำรวจแรกๆ ก็เพราะผู้ชายคนนี้เลือกเข้ามา เขาจึงพูดขึ้นด้วยความตั้งใจ “พวกเราตรวจเจอเบาะแสมากมาย อันดับแรกเป็นหลัวกุ้ยเหยาแน่นอน มีพยานนอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
“ในเมื่อมั่นใจแล้วก็ตั้งใจไปทำซะ อย่ามัวแต่ลังเล สนใจตำแหน่งเขาทำไม มีฉันคอยหนุนหลังอยู่นี่ไง!” ท่าทีและน้ำเสียงที่ทรงอำนาจของชายหนุ่ม ทำให้Bakerตาเป็นประกาย
ประตูถูกเปิดขึ้น เสี่ยวเฉินโผล่หน้าเข้ามาถาม “Baker วันนี้หลัวกุ้ยเหยามีงานแถลงข่าวไม่ใช่เหรอ? นายไม่ต้องตามไปเหรอ?”
Bakerส่ายหน้า จากนั้นก็มองเสี่ยวเฉินด้วยความแปลกใจ เสี่ยวเฉินจึงยิ้มแก้เขิน “ลูกพี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ ดูน่ากลัวแปลกไป”
ที่ห้องสืบสวน เสี่ยวเฉินมองBakerด้วยความสงบนิ่ง “แค่เพราะพูดถึงหลัวกุ้ยเหยาเนี่ยนะ ผมจำได้แค่ว่าได้ยินจากที่ลูกพี่คุยโทรศัพท์มา”
Bakerส่ายหน้า มองผู้ช่วยที่ตัวเองปั้นขึ้นมาเองกับมือ “ฉันไม่เคยพูดว่าช่วงนี้ฉันกำลังทำอะไร โดยเฉพาะเกี่ยวกับหลัวกุ้ยเหยา”
เสี่ยวเฉินพูดขึ้นด้วยความงุนงง “เป็นไปได้มากว่านายจำผิด” Bakerส่ายหน้า มองเสี่ยวเฉินด้วยสายตาดุดัน “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนนายบอกกับฉันว่า อยากเป็นตำรวจที่ดี แล้วให้คนในครอบครัวมีชีวิตที่สุขสบาย”
เสี่ยวเฉินตกตะลึง รู้ว่าปิดไม่อยู่ จึงยิ้มขึ้นเจื่อนๆ “การเป็นตำรวจที่ดีไม่สามารถทำให้คนในครอบครัวมีชีวิตที่สุขสบายได้”
“เรื่องตั้งแต่ตอนไหน?” Bakerถาม
“นานแล้ว ฉันคอยสอดแนมข่าวให้กับหลัวกุ้ยเหยา หลายปีมานี้เขาทำผิดต่อหลายคน แต่ไม่มีใครกล้าแตะต้องเขา พวกนายไม่มีทางสำเร็จ” Bakerทุบโต๊ะ จากนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเน้นชัดทีละคำ “ผู้ชายคนนั้นแกก็เป็นคนลงมือใช่ไหม แล้วค่อยพาเขาไปส่งโรงพยาบาล แค่แกไม่คิดว่าเขาจะโชคดีมีชีวิตรอด”
“ฉันเปล่า อย่ามาใส่ร้าย” เสี่ยวเฉินมีท่าทีรุนแรงขึ้นมา Bakerไม่อยากจะเห็นหน้าคนนี้อีก จึงเดินหันหลังแล้วจากไป สำหรับความเชื่อมั่นในเซี่ยชีหรั่น เขาก็คงต้องทำอะไรสักอย่าง
“แสดงว่าตอนนี้ที่นายมีคนเป็นสอดแนม” เย่เชินหลินพูดตรงไปตรงมา เพราะสอดแนมทำให้เซี่ยชีหรั่นเกือบอันตรายถึงชีวิตหลายต่อหลายครั้ง
“ตอนนี้พวกเราเพียงแค่ต้องหาทางรักษาชีวิตผู้ชายคนนั้น จนกว่าเขาจะมาเป็นพยานชี้ตัวหลัวกุ้ยเหยา” ไห่ลี่หมินพูดสรุปเรื่องราวทั้งหมด
“มีบางครั้ง ข่าวลือก็ดูจะเป็นวิธีที่ดีอยู่” เย่เชินหลินพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง วันรุ่งขึ้น ข่าวหน้าหนังสือพิมพ์พ์ก็แพร่สะพัด ข่าวของข้าราชการชั้นสูงคนหนึ่งจ้างวานฆ่าคน สุดท้ายทำร้ายร่างกายฆาตกรจนทิ้งร่องรอยเอาไว้เป็นหลักฐาน
หลัวกุ้ยเหยาโยนหนังสือพิมพ์พ์ไปบนโต๊ะ พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พวกนี้เขียนข่าวร้อนอย่างไม่สนฟ้าสนดินเลย” ซือซือกลับมานั่งบนตักของหลัวกุ้ยเหยา สายตากวาดไปที่ข้าวบนหนังสือพิมพ์พ์ แล้วจึงพูดขึ้น “ฉันว่าเรารีบลงมือกำจัดความวุ่นวายเสียดีกว่า คุณลงมือจัดการคนเสียเองเลย ไม่มีใครกล้าสงสัยคุณหรอก”
หลัวกุ้ยเหยามองซือซือด้วยความคิดที่ล้ำลึก “ไม่ใช่เธอตอนนี้อยากหนีออกจากเรือล่ะ” ซือซือยิ้มปกปิด “ไม่แน่นอนค่ะ พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ฉันก็รักคุณขนาดนี้ ฉันได้ไปสืบมาให้คุณแล้ว วันนี้ลูกของเซี่ยชีหรั่นออกจากโรงพยาบาลคุณที่เป็นหัวหน้าไปเยี่ยมเสียหน่อย ก็ไม่แปลกอะไร ถึงตอนนั้น…”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset