สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1340 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1240

สิ่งที่ซือซือพูด ทำให้หลัวกุ้ยเหยาใจเต้นแรง เขาใช้ชีวิตมามากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว จะมาตกที่นั่งลำบากตอนนี้ เป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้
ที่โรงพยาบาล เย่เชินหลินกำลังอุ้มเย่ชูฉิงอยู่ เซี่ยชีหรั่นกำลังตั้งใส่เสื้อผ้าให้เย่ชูฉิง แม่บ้านที่อยู่ข้างๆ รับต่อไป
“เสี่ยวเชี่ย ลูกสาวเธอคนนี้ถ้าโตไป อยากทำงานในระบบก็บอกกับฉันได้ ตอนนั้นฉันอาจจะแก่แล้ว แต่เรื่องแค่นี้ฉันน่าจะยังช่วยได้อยู่”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณ อยู่ดีๆ เย่ชูฉิงก็ร้องงอแงขึ้นมา ทำเอาในห้องพากันวุ่นวายไปหมด หลัวกุ้ยเหยาอาศัยจังหวะนี้ออกจากห้องไป
ที่ห้องICU ชายหนุ่มที่มีลมหายใจแผ่วเบา หลัวกุ้ยเหยาพยายามผลักประตูเข้าไป เขาเป็นตำแหน่งถึงขนาดนี้ แล้วยังต้องมาลงมือทำเรื่องแบบนี้ด้วยเอง ช่างน่าโมโหจริงๆ ตอนแรกรู้สึกผิดที่เชื่อคำพูดของซือซือ แต่หลังจากนั้นก็ตามน้ำไป
หลัวกุ้ยเหยารีบดึงสายสายอ็อกซิเจนของชายหนุ่มออก มองชายหนุ่มที่ขมวดคิ้วด้วยความทุกข์ทรมาน “ผู้ว่าราชการหลัว รอคุณมาตั้งนานเลยนะครับ”
Bakerออกมาจากห้องน้ำ เหล่าพยาบาลพยายามเข้าไปช่วยชีวิตของชายหนุ่ม หลัวกุ้ยเหยาหลังจากตกใจ เขาส่งสายตามองBakerด้วยแววตาเรียบนิ่ง “ถือว่านายชนะ”
หลัวกุ้ยเหยาถูกตรวจสอบ เรื่องจบไปได้อีกหนึ่งขั้นตอน เซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินอุ้มเย่ชูฉิงออกจากโรงพยาบาล เจอกับพี่หลี่ที่หัวมุม
เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่น พี่หลี่ยิ้มให้ “พวกเราก็เตรียมจะกลับบ้านแล้วเหมือนกัน”
“ขอโทษด้วย ถ้าหากพวกคุณต้องการเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา พวกเราดูแลให้ได้” เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าหลังจากที่หลัวกุ้ยเหยาถูกตรวจสอบ ค่าดำรงชีวิตของพี่หลี่ก็คงไม่เหลือแล้ว
พี่หลี่ส่ายหน้า แล้วพูดขึ้น “ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันก็ไม่กลับไปมองเขาเหมือนเดิมอีกแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นความผิดของฉัน ที่ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เขา สิ่งเหล่านั้นเขากลับไม่ต้องการ ฉันคิดว่าจะกลับไปเปิดร้านขายของ แล้วใช้ชีวิตแบบนั้น”
“ฉันจำได้ว่าหลัวกุ้ยเหยานับถือศาสนาคริสต์ บอกว่าหลังจากเผาศพแล้วจะได้ไปเจอกับพระเจ้า ดูท่าครั้งนี้น่าจะทำได้แค่กินลูกปืนเท่านั้น” พี่หลี่บ่นพึมพำ
เซี่ยชีหรั่นคิดไปกับคำพูดของพี่หลี่ว่า ในเมื่อหลัวกุ้ยเหยาต้องการให้เผา แล้วทำไมเขาถึงต้องซื้อหลุมศพที่ใหญ่ขนาดนั้น?
มือถูกจับขึ้นมา เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความห่วงใย “ทำไมเหรอ?” เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า แล้วสะกดความสงสัยที่มีอยู่ลงไป
เรื่องของหลัวกุ้ยเหยาแพร่กระจายไปทั่ว อีกวันก็มีคนจากแอฟริกาออกตัวเป็นพยานว่าหลัวกุ้ยเหยาโกงเงินช่วยเหลือ เวลาไม่เท่าไหร่หลัวกุ้ยเหยาเอาเงินก้อนเหล่านั้นไปเก็บไว้ที่ไหนหมด
เย่เชินหลินวางหนังสือพิมพ์พ์ลง งานร่วมร้อยล้านหายไปชั่วพริบตา แต่ไม่ได้อยู่ในหัวของเขาอีกต่อไปแล้ว เซี่ยชีหรั่นเดินมาข้างๆ เย่เชินหลิน เธอต้องการพูดบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดออกไป
เย่เชินหลินดึงเซี่ยชีหรั่นลงมา จูบเซี่ยชีหรั่นเบาๆ ที่หน้าผากแล้วถามขึ้น “อยากจะพูดอะไรเหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นชั่งใจอย่างพักหนึ่ง แล้วจึงพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป “เหมือนฉันรู้แล้วว่าหลัวกุ้ยเหยาเอาเงินไปซ่อนไว้ที่ไหน”
ที่หลุมศพ เย่เชินหลินมองไปรอบๆ หลุมศพที่มีขนาดใหญ่หลายร้อยตารางเมตร “ถ้าหากซ่อนไว้ที่นี่จริงๆ ถือว่าเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมไปเลย”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ทั้งสองยืนสำรวจกันอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพ ที่ข้างล่างป้ายหลุมศพมีตุ๊กตาเด็กสูงราวๆ หนึ่งเมตรตั้งอยู่ เซี่ยชีหรั่นตรวจสอบอย่างตั้งใจ มือของเธอลูบไปถูกที่ดวงตาของตุ๊กตานั้น แล้วมันก็ผลุบเข้าไป
“ติ๋ง” ที่ป้ายหน้าหลุมศพมีเสียงดังขึ้น เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าพื้นด้านล่างเริ่มสั่น เย่เชินหลินรีบลากเซี่ยชีหรั่นออกมา ป้ายหน้าหลุมและหลุมศพแยกออกจากกัน เซี่ยชีหรั่นก้มเข้าไปสังเกต เธอตกใจกับภาพที่เห็นด้านใน
ด้านในนั้นสร้างเป็นร่องที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ในร่องนั้นเต็มไปด้วยทองคำและเงินสด เต็มไปทั้งห้อง มีแมลงเริ่มขึ้นตามธนบัตรบางส่วนแล้วด้วยซ้ำ ราวกุบเป็นคลังสมบัติที่เคลื่อนย้ายได้
“อย่าขยับ!” ตำรวจกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาล้อมทั้งสองเอาไว้ ที่ห้องสอบสวน เย่เชินหลินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันบอกแล้ว ว่าพวกเราไปเจอสัญญาซื้อขายหลุมศพของหลัวกุ้ยเหยา เลยเชื่อมโยงถึงเรื่องเงินสกปรกที่เขาเก็บไว้”
“อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น คนแรกเริ่มถูกจับ คนที่ตามมาก็หาเจอเลยเหรอ? คนรวยอย่างพวกแกชอบอ้อมค้อมอยู่เรื่อย รีบๆ สารภาพมา!” ตำรวจมาใหม่อยากจะสร้างผลงาน พูดไม่ดีกับเย่เชินหลิน
เย่เชินหลินดูนาฬิกา ผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง ทนายยังอยู่ระหว่างทาง และตอนนี้ไม่รู้ว่าเซี่ยชีหรั่นจะเป็นอย่างไรบ้าง ในใจเริ่มรู้สึกร้อนรนขึ้นมา
“เดี๋ยวฉันจัดการตรงนี้เอง” Bakerเปิดประตูเข้ามา ตำรวจวันละอ่อนคนนั้นจึงพยักหน้าและเปิดประตูออกไป “ฉันได้รับรายงานมาว่าเงินของหลัวกุ้ยเหยาทั้งหมด อยู่ที่หลุมศพที่เขาซื้อเอาไว้ไม่คิดว่าจะเจอพวกนายที่นั่น และพวกนายเป็นคนเปิดหลุมศพ”
เย่เชินหลินพูดอย่างชัดเจนทีละคำ “ฉันบอกแล้วไงเป็นเพราะว่าพวกเราเจอสัญญาซื้อของเขา” Bakerถอนหายใจยาว แล้วพูดขึ้น “เซี่ยชีหรั่นก็บอกอย่างนี้ แต่ว่าฉันเชื่อพวกนาย แต่คนอื่นอาจจะไม่เชื่อพวกนาย”
“แล้วมีวิธีแก้ปัญหายังไงบ้าง?” เย่เชินหลินถาม Bakerหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดมวนหนึ่ง “ขอประกันตัวก่อนเถอะ” เดี๋ยวทนายของเย่เชินหลินใกล้จะมาถึงแล้ว บวกกับที่ไห่ลี่หมินใช้เส้นสาย กลางคืนพวกเขาทั้งสองก็ได้ปล่อยตัวกลับบ้าน
“ตอนนี้ก็ขาดแค่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์พวกนั้นแล้ว” ไห่ลี่หมินพูด เซี่ยชีหรั่นเหนื่อยจนหลับไปแล้ว เย่เชินหลินหันมามองเซี่ยชีหรั่นที่นอนพิงอยู่ไหล่ของตัวเอง แล้วพูดขึ้นมาว่า “เรื่องนี้ขอให้จบลงแค่นี้”
“คิดว่าไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น จากที่บอบอพูด หลัวกุ้ยเหยาเหมือนจะมีเมียน้อยอยู่อีกคน แต่คนนั้นไม่เคยเปิดเผยตัว ตอนนี้กำลังสงสัยว่าเมียน้อยคนนั้นก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน” ไห่ลี่หมินเล่าเรื่องราวที่ตรวจสอบได้ เย่เชินหลินจึงเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว
หยูหลันบอกว่าคนที่หลอกขายเย่ชูฉิงเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นเมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยา ยังมีพยานบุคคลที่ให้เบาะแส ยังไงก็ต้องตรวจสอบเมียน้อยคนนี้
“บอกBaker ให้เขาระวังเบาะแสนี้เอาไว้” เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นที่กำลังหลับสนิทอยู่ เธอตื่นขึ้นมาเมื่อมีเสียงดังรบกวน จึงซุกเข้าไปในอ้อมอกของเย่เชินหลินลึกยิ่งขึ้น
ไห่ลี่หมินรู้ว่าเย่เชินหลินไม่อยากจะเข้ามาร่วมวงครั้งนี้ เขาพยักหน้าแล้วจากไป รอจนเรื่องนี้เรียบร้อยเสียก่อน เขาก็จะพยายามหาเวลาอยู่กับหลินหลิงและไห่โจ๋ซวนบ้าง
เซี่ยชีหรั่นตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ เธอรับสายขึ้นมา หยุนโชว์หัวเราะแล้วพูดขึ้น “ถ้าหากฉันจำไม่ผิดล่ะก็ ตอนนี้เป็นตอนนี้ของในประเทศ เธอยังหลับอยู่เหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นตอบรับอย่างรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่ หยุนโชว์เปลี่ยนเรื่องพูด “ฉันตรวจสอบเจอข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกาเรือนนั้น”
เซี่ยชีหรั่นได้สติขึ้นมา ให้หยุนโชว์ส่งมาให้เธอทางอีเมล์ หยุนโชว์เธอส่งเมล์พลางพูดขึ้น “นาฬิกาคอลเลคชั่นนี้มีจำนวนไม่มาก มีทั้งหมด 69 เรือนทั่วโลก ดังนั้นถ้าจะหมก็หาได้ไม่ยาก พอดีที่เจ้าของแบรนด์นี้เป็นคนรู้จักกับหยูหลัน พวกเราก็เลยหาข้อมูลของผู้ที่ครอบครองนาฬิกาคอลเลคชั่นนี้มาได้”
ปลายสายเอาแต่เงียบ หยุนโชว์เลยตะโกน “ชีหรั่น เธอยังฟังอยู่ไหม?”
เซี่ยชีหรั่นรีบตอบรับ “ฉันฟังอยู่ ฟังอยู่ หยุนโชว์ เดี๋ยวฉันเอาเบอร์โทรศัพท์ให้เธอ?” เซี่ยชีหรั่นรีบวางสาย สายตาของเธอมองไปยังรายชื่อบนกระดานจนไม่อาจละสายตา บนนั้นมือชื่อของคนคนหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดมาก
“ซือซือ!”
ทำไมซือซือถึงไปอยู่ที่ริมแม่น้ำได้ นานขนาดนี้แล้วหล่อนไปไหนมา วันนั้นที่บ้านของหลัวกุ้ยเหยา เธอก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองเธออยู่ คนนั้นใช่ซือซือไหม? ในหัวของเซี่ยชีหรั่นตีกันมั่วไปหมด ใแล้วยิ่งนึกถึงที่Bakerเคยบอก ว่าในบ้านของหลัวกุ้ยเหยามีของใช้คู่รักเต็มไปหมด หรือว่าของใช้พวกนั้นไม่ใช่ของที่หลัวกุ้ยเหยาใช้คู่กับภรรยาของเขา แต่เป็นซือซือ?
ขับรถมุ่งไปที่บ้านของหลัวกุ้ยเหยาโดยลำพัง เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เซี่ยชีหรั่นเห็นเป็นสายของเย่เชินหลินโทรเข้ามา ใกล้จะถึงบ้านของเขาแล้ว เซี่ยชีหรั่นจึงตัดสายของเย่เชินหลินทิ้ง
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เซี่ยชีหรั่นรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องข้อความสั้นๆ ให้เย่เชินหลิน จากนั้นก็ปิดโทรศัพท์ทิ้ง เย่เชินหลินอ่านข้อความที่ส่งมาว่า “เดี๋ยวตอบกลับ” เซี่ยชีหรั่นไปทำอะไรกันแน่? เย่เชินหลินสงสัย
บ้านของหลัวกุ้ยเหยาได้ถูกศาลสั่งปิดตายเรียบร้อย เซี่ยชีหรั่นจึงค่อยๆ มุดเข้าไปในบ้าน ข้าวของภายในบ้านจัดเหมือนตอนที่เธอเข้ามาในตอนแรกไม่มีผิด มีเพียงแค่ฝุ่นเกาะเท่านั้น
เซี่ยชีหรั่นเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ในห้องหนังสือที่ชั้นสองมีคอมพิวเตอร์วางไว้อย่างง่ายๆ ที่บนโต๊ะ เซี่ยชีหรั่นเดินเข้าไปดูพบว่าไม่สามารถเปิดเครื่องได้แล้ว แสดงว่ามันได้พังไปเสียแล้ว
เซี่ยชีหรั่นยังคงเดินต่อ เปิดประตูบานเก่าๆ เข้าไปที่ห้องๆ หนึ่ง ในห้องนั้นมีของใช้ที่เป็นคู่กันมากมาย คงเป็นห้องเก็บของที่Bakerเคยพูดถึง
เซี่ยชีหรั่นหยิบแก้วขึ้นมาดูด้วยความตั้งใจ แก้วนั้นธรรมดามาก เซี่ยชีหรั่นสังเกตที่แก้ว ใช้มือลูบที่ลอยบุบทั้งสองบนแก้ว บนแก้วใบหนึ่งสลักไว้ว่าlgy เซี่ยชีหรั่นคิดว่านี่คงเป็นตัวอักษรที่ย่อมาจากชื่อของหลัวกุ้ยเหยา
แล้วก็หยิบแก้วอีกใบหนึ่งที่คู่กันขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นลูบไปเจอตัวอักษรSSด้วยความตื่นเต้น เป็นSSจริงๆ ด้วย เซี่ยชีหรั่นนั่งดูของทุกอย่างนี่บนพื้น ในของมากมายนั้นยังมีรองเท้าที่สลักสัญลักษณ์ว่าSSอีกด้วย
“ที่จริงวันนี้ฉันตั้งใจจะเผาของพวกนี้ทิ้งเสีย ไม่คิดว่าเธอจะมาหาเจอถึงที่นี่” มีเสียงดังขึ้นที่หน้าประตูห้องที่เงียบเชียบ
“หลิงหลิง” เซี่ยชีหรั่นมองแววตาของผู้หญิงคนนั้นที่มองมาทางตัวเองด้วยความเย็นชา ซือซือกวาดสายตามองเซี่ยชีหรั่น แล้วพูดขึ้น “บนโลกนี้ไม่มีคนที่ชื่อหลิงหลิงแล้ว ฉันชื่อซือซือ”
“บริษัทของเชินหลินเป็นเธอใช่ไหมที่ให้เกิดปัญหา แล้วก็ชูฉิงด้วย” เซี่ยชีหรั่นมีแผนการในใจ แต่ยังต้องการหลักฐานในการยืนยัน
ซือซือมองเซี่ยชีหรั่นด้วยสายตาว่างเปล่า แล้วพูดขึ้น “ฉันเป็นเมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยา แต่เธอจะเอาเรื่องทั้งหมดนี้มาโยงถึงตัวฉันไม่ได้”
เซี่ยชีหรั่นนั่งลงบนพื้นด้วยความเหนื่อยล้า ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ตอนแรกที่เธอจากไป ฉันคิดว่าเธอจะคิดได้แล้ว อย่างน้อยตอนที่เธอทำร้ายหลินเจี๋ยแล้ว ฉันคิดว่าเธอจะหยุด”
“เขาไม่เคยรักฉัน อย่างน้อยไม่ได้มากไปกว่าที่รักเธอ ฉันก็อยากจะหยุด แต่โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมกับฉัน” ซือซือเดินมาที่ข้างกายเซี่ยชีหรั่น แล้วนั่งลงข้างๆ
“เธอควรจะรู้ ถ้าหากเป็นเธอที่ทำจริงๆ อะไรก็ไม่สามารถหยุดได้ ชีวิตที่เหลือของเธอก็คงต้องอยู่ในคุก” เซี่ยชีหรั่นรู้สึกเจ็บปวดมาก เพื่อซือซือ เพื่อตัวเองและเย่เชินหลิน ไม่รู้ทำไมทั้งสามยังคงวนเวียนระรานกันไม่จบสิ้น
“ฉันเป็นโรคมะเร็งเต้านม” ซือซือพูดขึ้นเบาๆ เห็นเซี่ยชีหรั่นมีแววตาประหลาดใจ ซือซือจึงยิ้มเย้ยขึ้นมา “เธอก็คงอยากบอกว่าฉันรับกรรมในสิ่งที่ตัวเองทำสินะ แต่ว่าเซี่ยชีหรั่น โลกนี้ไม่ยุติธรรมกับฉันเลย กับตูตูก็เช่นกัน ฉันตั้งท้องลูกของเย่เชินหลินมาทั้งหมดสิบเดือน”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset