สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1341 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1241

เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าการเสียชีวิตของตูตูนั้น ทำร้ายซือซือเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เธอไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริงๆ “เซี่ยชีหรั่น ช่วยฉันปิดบังเรื่องนี้เถอะ เรื่องนี้เธอก็ติดค้างฉัน อย่าให้เย่เชินหลินรู้เรื่องนี้เลย”
อยู่ๆซือซือก็พูดขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นหันไปมองซือซือ ซือซือจับมือของเซี่ยชีหรั่นมาพูดด้วยความรีบร้อน “ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว แล้วยังเป็นมะเร็ง ฉันไม่อยากจะใช้ชีวิตที่เหลือในคุก แล้วส่วนเย่เชินหลิน ถึงจะเป็นสาีมีภรรยากันได้ไม่นาน แต่มีบุญคุณเสียมากกว่า ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้ ฉันรู้ว่าตอนแรกเธอไม่ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฉันออกไป ฉันขอร้องให้เธอช่วยเก็บเป็นความลับอีกครั้งเถอะนะ”
ซือซือนั่งมองเซี่ยชีหรั่นอย่างหมดอาลัยตายอยาก ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นพรวด แล้วคุกเข่าลงกับพื้น คำนับจนหัวกระแทกพื้นจนได้ยินเสียงดัง จนเลือดแทบจะไหลออกมา
“เธอทำอะไร รีบลุกขึ้นมา!” เซี่ยชีหรั่นดึงซือซือ เห็นซือซือร้องไห้โฮขนาดนี้ เธอก็ไม่อาจอดใจไหว
ซือซือดึงขากางเกงของเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดว่า “ฉันทำได้ดีมาก เธอรู้หรือไม่ว่าเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ของหลัวกุ้ยเหยาอยู่ที่ไหน ตอนนั้นฉันใส่มันไว้ในกระเป๋าของเย่ชูฉิง เธอสามารถไปอ่านได้”
Xia Yihan จำร่างนั้นได้นอกหน้าต่างโรงพยาบาล ปรากฎว่า Sisi จริงๆ โดยไม่มีดอกไม้ไฟ Sisi มองไปที่ Xia Yihan อย่างกระตือรือร้นรอคำตอบของ Xia Yihan
“ฉันให้เธอไปจากที่นี่ ไม่ต้องกลับมาอีก เธอทำได้ไหม?” เซี่ยชีหรั่นก้มลงมองซือซือที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น
ซือซืออ้ำอึ้งสักพัก เซี่ยชีหรั่นจึงพูดขึ้นด้วยความเศร้า “เธอไม่เคยล้มเลิกในการแก้แค้นพวกเราใช่ไหม?”
ซือซือส่ายหน้าแล้วตอบกลับ “ไม่ ไม่ ฉันตกลง ถ้าเธอตกลงว่าจะช่วยฉันเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ฉันก็จะไปให้ไกลจากที่นี่ อย่างไรซะชีวิตนี้ของฉันก็เหลือไม่มากแล้ว”
เซี่ยชีหรั่นเดินออกมาจากบ้านของหลัวกุ้ยเหยา หันกลับไปมองบ้านหลัวที่ค่อยๆมีไฟลุกท่วม เผาหลักฐานที่ซือซือเป็นภรรยาลับของหลัวกุ้ยเหยาจนหมดสิ้น
“จำสิ่งที่เธอพูดไว้นะ ซือซือ” เซี่ยชีหรั่นจ้องลึกเข้าไปในตาของซือซือ ขับรถจากไป ประกายไฟนั้นส่องสะท้อนเข้ามาในตาของซือซือ มองเห็นประกายสว่างและมืดลางๆไม่ชัดเจน
“เรื่องจบแล้วรึยัง? แน่นอนว่ายัง” ในประกายไฟ สะท้อนใบหน้าของซือซือที่ยิ้มด้วยความสะใจ เซี่ยชีหรั่นยิ่งเธอทำเรื่องด้วยความรู้สึกผิดมากมายเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเกลียดเธอเท่านั้น
ขับรถกลับมาถึงบ้านเย่ เซี่ยชีหรั่นนั่งสงบอารมณ์อยู่ในรถสักพัก เรื่องของวันนี้เหนือความคาดหมายมากกว่าที่คิดมาก เธอตกลงกับซือซือว่าจะช่วยหล่อนในการปิดบังตัวตน ซึ่งก็หมายความว่าเธอเลือกที่จะหลอกลวงเย่เชินหลิน หลอกไห่ลี่หมิน หลอกBaker หลอกทุกคนที่กำลังตามหาซือซือ
เปิดโทรศัพท์ขึ้นมา ในโทรศัพท์มีข้อความมากมายที่เย่เชินหลินส่งมา จนโทรศัพท์แทบจะระเบิด เซี่ยชีหรั่นดูนาฬิกา เป็นเวลาเช้ามืดแล้ว
โทรออก ปลายสายกดรับทันที เสียงรีบร้อนของเย่เชินหลินดังขึ้น “คุณอยู่ไหน? ผมจะไปรับคุณตอนนี้”
“อยู่ดีดีก็คิดถึงคุณ” เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นมา
เสียงหายใจของปลายสายแรงขึ้น เหมือนกับกำลังวิ่ง ผ่านไปสักพักเย่เชินหลินจึงค่อยตอบกลับ “หันมามองข้างหลังคุณสิ”
เซี่ยชีหรั่นมองด้านหลังรถผ่านกระจก ด้านหลังรถมีเพียงเย่เชินหลินที่ยืนอยู่นิ่งๆ แสงสว่างจากมือถือที่ส่องอยู่นั้น ทำให้เย่เชินหลินดูแปลกๆ
เปิดประตูออก เมื่อเซี่ยชีหรั่นมองเห็นเย่เชินหลิน น้ำตาก็ร่วงเผาะออกมา เย่เชินหลินดึงเซี่ยชีหรั่นเข้ามากอด แล้วกระซิบถาม “เป็นอะไร?”
เซี่ยชีหรั่นที่อยู่ในอ้อมกอดของเย่เชินหลินกระอักกระอ่วน เธอส่ายหน้าแล้วตอบกลับ “ไม่ได้เป็นอะไร ไปตะลอนข้างนอกมา แล้วอยู่ๆก็คิดถึงคุณขึ้นมา”
เย่เชินหลินลูบที่ติ่งหูของเซี่ยชีหรั่นเบาๆ ยิ้มขึ้นอย่างฝืนๆ เซี่ยชีหรั่นโผล่หน้าออกมาจากอ้อมกอดของเย่เชินหลิน จูบที่คางของเขา ทำเอาเย่เชินหลินถึงกับตกตะลึง เซี่ยชีหรั่นเขย่งปลายเข้า แล้วจูบเข้าที่ริมฝีปากเขาอีกครั้ง
“เธอจูบผิดที่หรือเปล่านะเนี่ย?” เย่เชินหลินยิ้มแล้วค่อยๆจับเซี่ยชีหรั่นยืนพิงกับกระจกรถ ตอนแรกเขาต้องแค่จะลิ้มรสแบบหอมปากหอมคอเท่านั้น แต่พอเมื่อได้ลิ้มรสความหอมหวานของอีกฝ่ายแล้ว ก็หยุดความต้องการนั้นไม่ได้
ทั้งสองต่างโหยหากันและกันด้วยความรีบร้อน เซี่ยชีหรั่นผลักเย่เชินหลินออก เธอพูดด้วยความเขินอาย “อย่าทำตรงนี้สิ” ซึ่งสำหรับเย่เชินหลินแล้ว นี่เป็นคำเชิญชวนที่หวานมากที่สุด
เขาพาเซี่ยชีหรั่นมาที่ห้องหนังสือ เมื่อเปิดประตูเข้ามาเท่านั้น ภายใต้ความมืดมิดในห้อง ที่มีเพียงแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ม่านบานเกล็ดที่รูดปิดไว้เพียงแค่ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งเผยให้แสงจันทร์จากด้านนอกส้องผ่านกระจกเข้ามา
เย่เชินหลินค่อยๆปลุกเร้าเซี่ยชีหรั่นเหมือนกับกำลังชิมของหวานอย่างนั้น ท่วงท่าเชื่องช้าและสง่างาม จนทำให้ไม่ได้สังเกตสิ่งที่เปลี่ยนไปในร่างกาย
เซี่ยชีหรั่นร่างกายบิดเร้าด้วยความรู้สึกสบาย ดื่มด่ำไปกับความสุขสมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงขีดสุดตามช่วงจังหวะของเย่เชินหลิน กลางดึก เซี่ยชีหรั่นเดินเท้าเปล่าออกมาจากห้อง มาดูเย่ชูฉิงที่กำลังหลับอย่างสบายอยู่
เซี่ยชีหรั่นหอมเย่ชูฉิงเบาๆ หยิบกระเป๋านักเรียนของเย่ชูฉิง ที่ไม่ได้แตะเลยหลังจากออกมาจากโรงพยาบาล ในกระเป๋ามีแฟลชไดร์ฟอยู่จริงๆด้วย
วันรุ่งขึ้น สถานีตำรวจc ได้รับจดหมายที่ส่งมาโดยบุคคลนิรนาม ในนั้นมีแฟลชไดร์ฟหนึ่งอัน ซึ่งในนั้นได้บันทึกหลักฐานที่หลัวกุ้ยเหยาได้ทำเรื่องสกปรกต่างๆไว้อย่างละเอียด
คดีข้ามชาตินั้นก็ได้สิ้นสุดลงเสียที Bakerนั่งมองเซี่ยชีหรั่นอยู่ในร้านกาแฟ เขาหัวเราะแล้วพูดขึ้นมา “ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครเหมือนกัน แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องขอบคุณความร่วมมือจากพวกคุณด้วย”
เซี่ยชีหรั่นหันมามองBaker ยิ้มบางๆแล้วตอบกลับ “ครั้งที่แล้ว ไห่ลี่หมินโทรมาบอกกับผมว่าหลัวกุ้ยเหยามีภรรยาลับอยู่หนึ่งคน?”
เซี่ยชีหรั่นใจกระตุกวูบ จนเผลอทำก้อนน้ำตาลที่หยิบอยู่หลุดมือ ตกลงบนพื้น “ขอโทษค่ะ” เซี่ยชีหรั่นยิ้มด้วยความรู้สึกผิด เริ่มระวังตัวเวลาพูดคุยกับเย่เชินหลินและBaker
“มีโอกาสเป็นไปได้มาก” เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดขึ้น Bakerโบกมือแล้วพูดต่อ “ตอนนี้หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปทางหลัวกุ้ยเหยาเหมือนกันหมด หรือจะบอกว่าไม่มีทางที่จะก่อคดีอีก นอกเสียจากคุณจะหาหลักฐานมาชี้ตัวได้ว่าภรรยาลับคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี หรือทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย”
เย่เชินหลินครุ่นคิดแล้วจึงตอบกลับ “เธออาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเราคิดก็ได้”
“ภรรยาลับ?” เซี่ยชีหรั่นทำเป็นไม่รู้เรื่อง แล้วถามขึ้นหลังจากที่Bakerจากไปแล้ว เย่เชินหลินพยักหน้าพลางกล่าวขึ้น “ผมสงสัยว่าคนที่แจ้งเบาะแสแก่ตำรวจตอนที่พวกเราไปที่สุสานกัน คือภรรยาลับของหลัวกุ้ยเหยาคนนั้น ทั้งๆที่เธอสามารถแอบเอาเงินไปได้ ก่อนที่เราจะหาเจอ แต่ก็ไม่ได้ทำ และที่น่าสงสัยคือเธอไม่ได้สนใจเงินที่มากมายขนาดนั้น”
“ไม่เพียงแค่นั้น ฉันยังสงสัยว่าภรรยาลับของหลัวกุ้ยเหยาคนนั้น ยังเป็นคนเบื้องหลังที่บงการให้หลัวกุ้ยเหยาคอยตะครุบบริษัทเย่ซื่อ” เก้าอี้ด้านข้างถูกลากออก เป็นไห่ลี่หมินที่มานั่งลงนั่นเอง
ไห่ลี่หมินและเย่เชินหลินมั่นใจแล้วว่าเบื้องหลังของหลัวกุ้ยเหยายังมีภรรยาลับคนนั้น และเริ่มสงสัยในเรื่องนี้แล้ว ต้องทำอย่างไรให้พวกเขาเลิกสงสัยเรื่องนี้ดีนะ?
เซี่ยชีหรั่นเอาแต่ครุ่นคิด ไห่ลี่หมินเรียกเซี่ยชีหรั่นอยู่หลายครั้ง แต่เธอไม่ได้ยิน ไห่ลี่หมินมองเย่เชินหลินด้วยความงุนงง เย่เชินหลินส่ายหน้า เขาไม่รู้ว่าเย่เชินหลินเป็นอะไรกันแน่ เธอมีท่าทีที่มีเหมือนกับคนคิดอะไรอยู่ในใจตลอด
“ชีหรั่น เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ไห่ลี่หมินอดไม่ได้ ถึงโบกมือไปตรงหน้าเธอ เซี่ยชีหรั่นได้สติขึ้นมาจึงรีบยิ้มกลบเกลื่อน “ไม่เป็นไรๆ เมื่อกี้พวกเราคุยกันถึงตรงไหนแล้ว? ใช่แล้ว พวกคุณตรวจสอบเจออะไรมาบ้างแล้วรึยัง?”
ไห่ลี่หมินกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ แล้วพูดขึ้น “หลัวกุ้ยเหยามีนิสัยส่วนตัวอย่างหนึ่งคือ ชอบซาวน่า เพราะเขาปวดหลัง ซึ่งภรรยาลับคนนั้น มีความเป็นไปได้มากที่จะรู้จักกันจากที่ซาวน่า”
เซี่ยชีหรั่นอยากจะถามต่อ แต่มีเค้กยื่นมาจ่อที่ปากเสียก่อน “กิน” เย่เชินหลินพูดอย่างสั้นกระชับได้ใจความ
ตกเย็น เซี่ยชีหรั่นตามเย่เชินหลินไปที่ซาวน่าด้วยความดื้อรั้น ผู้จัดการของสถานบริการออกมาต้อนรับทั้งสอง
“ที่สถานบริการซาวน่าของพวกเรามีมาตรการเก็บความลับของลูกค้าครับ ดังนั้นจึงไม่สามารถเปิดเผยได้” ผู้จัดการตอบกลับทั้งสองด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
เย่เชินหลินครุ่นคิด แล้วจึงหยิบบัตรเครดิตออกมา “ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะทำบัตรสมาชิกที่พรีเมียมที่สุดก็ทำไม่ได้สินะ?”
ผู้จัดการมองบัตรสีทองของเย่เชินหลิน เขารู้สึกเสียดายที่ต้องเสียลูกค้ารายใหญ่คนนี้ไป ลูกค้ารายใหญ่อย่างเย่เชินหลินนี้ ถ้าหากเขาได้มาดูแลคงจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปมาก แต่อย่างไรเสีย เขาก็เป็นผู้จัดการคนหนึ่ง จึงต้องฝืนใจพูดออกไป “ขอโทษด้วยครับ ไม่ได้จริงๆครับ แต่ถ้าหากคุณลูกค้าสนใจบริการอย่างอื่น ทางเราจะให้ส่วนลดเป็นพิเศษครับ”
เย่เชินหลินเก็บบัตรกลับมาหลังจากถูกปฏิเสธอย่างสุภาพจากผู้จัดการ แล้วตอบกลับเสียงเรียบ “ในเมื่อแบบนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องทำอีก”
เมื่อเดินออกมาจากซาวน่า เซี่ยชีหรั่นจึงถามขึ้น “พวกเราจะกลับกันเหรอ?” เย่เชินหลินยิ้ม แล้วมองที่ประตูใหญ่ ทางเข้าสถานบริการซาวน่านี้ พร้อมกับตอบกลับ “ไม่ พวกเราจะเปลี่ยนวิธีเข้าไป”
หลังจากนั้นสองชั่วโมง ผู้จัดการได้รับประกาศจากทางการ เพื่อเป็นการให้ความร่วมมือต่อภาพลักษณ์แห่งอารยธรรมของเมือง จึงขออนุญาตเข้าตรวจค้นในสถานบริการ
ผู้จัดการเหงื่อตก สถานบริการที่นี้การให้บริการไม่ได้แตกต่างไปจากที่อื่นเลย แต่ทำไมจะต้องเลือกเป็นที่นี่อยู่เรื่อยเลย ก่อนหน้านี้ได้มีความล้มเหลวของหลัวกุ้ยเหยาในช่วงที่สร้างเมืองอารยะขึ้นมาไปแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอีก ครั้งนี้เขาน่าจะเอาตัวรอดได้ยาก
จนกระทั่งเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินได้เข้ามาถึงห้องโถงของโรงแรม ผู้จัดการจึงเข้าใจทันที ว่าทำเขาถึงโดนเล่นงาน ทั้งๆที่มีสถานบริการตั้งมากมาย
“พวกเราแค่มาตรวจสอบความสะอาดและเรื่องอื่นๆ” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ายิ้ม ผู้จัดการมองไห่ลี่หมิน และชายหนุ่มที่เอาแต่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆด้วยความรู้สึกกล้าๆกลัวๆ จนเหงื่อไหลออกมาเม็ดโต ผู้ชายคนนี้คือนายตำรวจcคนที่เพิ่งจับกุมหลัวกุ้ยเหยาไม่กี่วันก่อนเองไม่ใช่เหรอ ชื่อBakerอะไรนั่นใช่ไหม! แล้วก็ไห่ลี่หมิน เป็นคนที่เคยเห็นในทีวีทั้งนั้น
“อุปกรณ์ทุกอย่างของพวกเราในซาวน่าถูกตามมาตรฐานทั้งหมด ยินดีให้เข้ามาตรวจสอบได้เลยครับ หรือจะให้พาพวกคุณไปตรวจสอบที่ห้องเอกสารก่อนไหมครับ?”
ผู้จัดการนึกถึงกลุ่มคนที่อยู่ในซาวน่าโดยที่ไม่มีเอกสารระบุบุคคลด้วยความรู้สึกตื่นกลัว ถึงตอนนั้นออกมาทักทายเล็กน้อย ไม่น่าจะมีอะไร หลังจากนั้นลูกค้าพวกนั้นก็ไม่ต้องมาแล้ว เขาก็คงไม่ได้เป็นผู้จัดการแล้ว เขาอายุปาเข้าไปสี่สิบแล้ว วางแผนจะทำที่นี่จนเกษียณอายุ จึงยอมพาพวกเขาไปห้องเอกสารเสียดีกว่า อยากค้นอะไรก็ค้นไป!
ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ามองไห่ลี่หมินด้วยสายตาตั้งคำถาม ครั้งนี้เป็นไห่ลี่หมินที่ขอความช่วยเหลือจากเขา นึกถึงชีวิตที่จะได้นอนทับกองเงินแล้วช็อปปิ้งอยู่ที่บ้าน ไห่ลี่หมินบอกว่าแค่มาทำให้ผู้จัดการของสถานบริการซาวน่าตื่นกลัวเท่านั้น ถ้าจะตรวจจริงๆเขาไม่ได้มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น
ไห่ลี่หมินมองไปทางเย่เชินหลิน เย่เชินหลินพยักหน้าหลังจากนั้นหันมาถามขึ้นอย่างยิ้มๆ “แล้วแต่คุณเลขาหวางเลยครับ”
Bakerก็มองไปทางเย่เชินหลินเช่นกัน ผู้จัดการพยายามฝ่าฟันมาหลายปี ดูท่าทางก็มองออกว่า คนที่นี่จะต้องพิจารณาความต้องการของเย่เชินหลิน จึงเรียกวานคนจำนวนหนึ่งพาไปที่ห้องเอกสาร

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset