สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1342 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1242

“ฉันอยู่ที่สถานีดีดีก็ถูกลากออกมาค้นเอกสารกับพวกนาย” Bakerนวดกระบอกตามที่เอาแต่จ้องหน้าจอคอมจนล้า
เซี่ยชีหรั่นก็กำลังตรวจค้นเอกสารในคอมพิวเตอร์เช่นกัน เมื่อได้ยินที่เขาพูด เธอจึงหันมาตอบBakerด้วยความจริงใจ “ขอบใจคุณมากนะ” การตรวจสอบเอกสารพวกนี้ต้องมีหมายอนุญาตตรวจค้น เย่เชินหลินติดตรงที่ผลกระทบจากการที่เขาและคนที่เกี่ยวข้องกับไห่ลี่หมิน รวมถึงBakerต่างเผยโฉมให้เห็นในทีวีในช่วงนี้แล้ว เมื่อเห็นBaker คนทั่วไปคงไม่คิดว่านี่คือการมาตรวจค้นเฉยๆอย่างแน่นอน
เซี่ยชีหรั่นภาวนาให้ตัวเองหาชื่อของซือซือเจอ แล้วทำลายหลักฐานทิ้งทันที เธอไม่อยากจะทำเช่นนี้ แต่ในเมื่อเธอรับปากซือซือแล้ว และเธอรู้ว่าซือซือรักเย่เชินหลินมาโดยตลอด รักมาด้วยความเจ็บปวด
ถ้าหากไม่มีเธอ เย่เชินหลินอาจจะไม่ได้รักหล่อน แต่หล่อนก็คงไม่เจ็บปวดขนาดนี้ ถือเสียว่าช่วยเหลือผู้หญิงคนนี้สักครั้งหนึ่ง ความเจ็บปวดทั้งหมดจึงต้องแบกรับไว้เพียงผู้เดียว
“หาเจอแล้ว” เย่เชินหลินพูดออกมา คลิกเข้าไปด้วยความรวดเร็ว เซี่ยชีหรั่นสมองสั่งการให้เธอเดินพุ่งไปหาเย่เชินหลินทันที ดูท่าเธอจะช่วยซือซือเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว
“ไม่ใช่” เย่เชินหลินผิดหวังเล็กน้อยและค้นหาต่อ ในคอมพิวเตอร์มีหลายคนที่ชื่อและนามสกุลเดียวกัน แต่ในภาพกลับไม่ใช่หลัวกุ้ยเหยา
“ไปกินข้าวก่อนเถอะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราผู้ชายไม่เป็นอะไร แต่ชีหรั่นคงจะหิวแล้ว” ไห่ลี่หมินมองที่นาฬิกาข้อมือตัวเอง
Bakerลุกขึ้นมายืนรอตั้งแต่แรกแล้ว ให้เขามานั่งหาเอกสารสู้ให้เขาไปนั่งจับคนร้ายข้ามชาติเสียยังจะดีกว่า พวกเขามาถึงร้านอาหารที่อยู่ใกล้กับสถานบริการซาวน่า
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกร้อนใจ เมื่อสักครู่ตอนที่เย่เชินหลินฟังที่ไห่ลี่หมินพูดอยู่นั้น เธอเห็นรายชื่อหลัวกุ้ยเหยาอยู่ในรายการที่มุมด้านล่างของคอมพิวเตอร์เย่เชินหลินด้วย
“ขอโทษที ฉันอยากจะกลับไปเข้าไ้อน้ำเสียหน่อย” เซี่ยชีหรั่นส่งยิ้มให้ทุกคน จากนั้นลุกไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นเดินออกจากลิฟต์ของห้องน้ำด้านนอกตรงไปยังห้องเอกสาร
ในห้องเอกสาร เซี่ยชีหรั่นเปิดไปยังรายชื่อของหลัวกุ้ยเหยาในคอมพิวเตอร์เครื่องของเย่เชินหลิน เป็นเขาจริงๆด้วย ในนั้นยังมีการใช้บริการมากมาย และเป็นการรับบริการแบบสองคน รวมถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรหัสของสมาชิก
เซี่ยชีหรั่นกรอกรหัสเข้าไป ชื่อและภาพของซือซือปรากฎขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ เธอนั่งเหม่อมองรูปของซือซือที่อยู่บนคอมพิวเตอร์
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ปลายสายรับอย่างรวดเร็ว “ชีหรั่น?” ซือซือเรียกด้วยความสนิทสนม ราวกับเป็นพี่น้องกันกับเซี่ยชีหรั่นอย่างนั้น
เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้น “ที่สถานบริการซาวน่ามีข้อมูลที่เกี่ยวกับเธออยู่”
น้ำเสียงของซือซือในสายดูรีบร้อนขึ้นมา “ช่วยฉันด้วยชีหรั่น ฉันเป็นมะเร็งอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ฉันไม่อยากจะจากไปทั้งที่เย่เชินหลินยังมองฉันในแง่ร้าย ก่อนหน้านี้ฉันรู้ตัวดีว่าฉันผิด”
ซือซือกล่าวขอโทษขอโพยออกมาเป็นชุด เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจแล้วพูดออกมา “อย่าลืมสิ่งที่เธอพูดเสียล่ะ หลังจากจบเรื่องทุกอย่างนี้เธอก็ไปหาที่รักษาตัวซะ”
วางสายลง ซือซือจิกจนเล็บเข้าเนื้อ เซี่ยชีหรั่นคงจะจงใจโทรมาให้เธอขอร้องหล่อนสินะ การที่เธอได้ก้มหัวขอร้องหล่อน คงจะทำให้หล่อนสะใจมากสินะ!
ดื่มเหล้าลงไปแก้วแล้วแก้วเล่า ทันใดนั้นมีมือจากข้างๆยื่นมาแย่งแก้วเหล้าไปจากมือของซือซือ สวีเห้าเซิงขมวดคิ้วมองอาหารบนโต๊ะที่ไม่ขยับแม้แต่น้อย กับเหล้าที่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้มข้น
“เอาเหล้าคืนฉันมานะ ดูสิ นี่ใครไม่ใช่ one night stand ของฉันเหรอ! ทำไมล่ะ อยากมายุ่งอะไรกับฉัน?” ซือซือมองสวีเห้าเซิงด้วยสายตาที่เมาเยิ้ม
ผู้ช่วยของสวีเห้าเซิงได้หาที่นั่งเรียบร้อยแล้ว กวักมือเรียกสวีเห้าเซิง สวีเห้าเซิงหยิบเหล้าวางกลับคืนบนโต๊ะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ในเมื่อเธออยากจะทำร้ายตัวเองก็แล้วแต่เลย”
ซือซือนั่งท้าวคางแล้วหันไปยิ้มให้สวีเห้าเซิงอย่างไม่ใส่ใจ สวีเห้าเซิงกลับไปนั่งที่โต๊ะ ดูโทรทัศน์ ในโทรทัศน์เป็นโฆษณาเครื่องประดับเพชรพลอยพอดี ภาพสุดท้ายในโฆษณา เป็นเซี่ยชีหรั่นที่แต่งหน้าอ่อนๆที่กำลังตอบคำถามพิธีกรอยู่
ภาพลักษณ์ที่สะกดผู้คนและการตอบคำถามอย่างฉะฉาน สวีเห้าเซิงมองเซี่ยชีหรั่นในโทรทัศน์ด้วยสายตาอ่อนโยน หลังจากที่เขาได้รับการรักษาการนอนหลับแล้ว ก็ทำให้ออกมาจากเซี่ยชีหรั่นได้ ไม่ไปคิดถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเซี่ยชีหรั่น แต่ไม่ว่าจะห่างจากเธอออกมาไกลแค่ไหน ความรักที่เขามีต่อเธอนั้นไม่ได้ลดน้อยลงเลย
“หึหึ!” ทันใดนั้นมีเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับโทรทัศน์ที่อยู่บนกำแพงดังขึ้น สวีเห้าเซิงหันไปมอง เป็นซือซือที่กำลังเอียงคอมองจอโทรทัศน์อยู่นั่นเอง
“การรักษาความสงบที่นี่แย่มาก พวกเราไปกันเถอะ” ผู้ช่วยหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้น สวีเห้าเซิงและผู้ช่วยเดินไปที่ทางออก คนในนั้นต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงซือซือ ผู้จัดการกำลังนั่งเจรจาอยู่กับซือซือ
สวีเห้าเซิงหันไปมอง ซือซือที่นั่งอยู่ในห้องโถงเพียงลำพัง ในห้องโถงมีเพียงที่ที่เธอนั่งเท่านั้นที่เป็นที่นั่งสำหรับคนเดียว ท่าทางของเธอดูสติหลุดลอย “เซี่ยชีหรั่น ฉันเกลียดแก ฉันเกลียดแก!” ซือซือตะโกนใส่โทรทัศน์ ซึ่งภาพของเซี่ยชีหรั่นในโทรทัศน์ได้หายไปนานแล้ว ได้ฉายเป็นนิทานความรักแห่งชาวบ้านของจ้าวเปิ่นซานอยู่
ถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง สวีเห้าเซิงยืนเสื้อคลุมให้กับผู้ช่วย ผู้จัดการกระชากแขนของซือซือแล้วพูดขึ้น “คนที่หยิบกระเป๋าและเสื้อคลุมตรงนั้นคือผู้ช่วยของฉัน ลองเจรจากับเขา แล้วก็เปิดห้องหนึ่งด้วยแล้วกัน”
เมื่อลากซือซือกลับมาที่โรงแรม สวีเห้าเซิงก็จากไป ซือซือที่อยู่ข้างหลังยังพูดว่าร้ายเซี่ยชีหรั่นอีกมากมาย
“พอได้แล้ว!” สวีเห้าเซิงตะคอกใส่หน้าของซือซือ โมโหจนเลืดขึ้นหน้า “ฉันไม่ยอมให้เธอด่าหล่อนอีก”
“หึหึ อย่างไรซะเธอก็เป็นถึงเจ้าหญิงที่ถูกรักใคร่ ไม่พูดก็ได้” ซือซือเอียงคอและปิดปาก สวีเห้าเซิงขมวดคิ้ว หยุดก้าวเดิน อยากจะเข้าไปลากซือซือ “อยากอ้วกเหรอฉันพาไปห้องน้ำนะ”
“เพี๊ยะ” มือถูกปัดออก ซือซือมองสวีเห้าเซิงด้วยสีหน้าเดือดดาล สวีเห้าเซิงหยุดโมโห เขาไม่ควรจะเข้าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่แรก
สวีเห้าเซิงเดินจากไป เพราะไม่อยากจะเห็นเธออีกแม้แต่ครั้งเดียว
ที่ล็อบบี้ของสถานบริการซาวน่า ผู้จัดการพูดกับพนักงานเทคนิคที่เดินเข้ามาด้วยความลุกลี้ลุกลน “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น คอมพิวเตอร์ในห้องเอกสารพังหมดเลย ข้อมูลของลูกค้าหายไปกว่าครึ่ง พวกนายต้องช่วยทำให้ฉันหน่อยนะ”
เซี่ยชีหรั่นมองตามสายตาทุกคนไปยังต้นเสียงที่ดังขึ้น Bakerที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้น “ไม่ใช่เพราะเมื่อกี้ตอนที่พวกเราตรวจสอบกันกดไปโดนปุ่มอะไรที่ไม่ควรกดนะ”
เมื่อพูดจบ ผู้จัดการก็วิ่งเข้ามา ยิ้มด้วยสีหน้าเบื่อเซ็ง”ทุกท่านครับ ระบบของพวกเราวันนี้ขัดข้องเล็กน้อย เดี๋ยวรอให้พวกเราจัดการเรียบร้อย แล้วค่อยมาอีกดีไหมครับ”
ถึงแม้ว่าใบหน้าของผู้จัดการจะยิ้มอยู่ แต่แววตาจ้องไปทางเย่เชินหลิน ขอแค่เพียงเย่เชินหลินตอบตกลง เรื่องนี้ก็จะคดีพลิกทันที “ไปเถอะ” เซี่ยชีหรั่นกระซิบ
เย่เชินหลินพยักหน้าเช็คบิล เขามองผู้จัดการแล้วกล่าว “ตรวจสอบนะว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากเป็นความผิดพลาดจากทางเราคนใดคนหนึ่ง ก็ส่งบิลค่าใช้จ่ายมาที่บริษัทเย่ซื่อได้เลย”
เมื่อออกมาจากสถานบริการซาวน่า Bakerและไห่ลี่หมินนั่งรถคันเดียวกันกลับไปก่อน เย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นนั่งรถอีกคันด้านหลัง รถขับผ่านใต้เงาของร่มไม้ข้างทาง เย่เชินหลินค่อยๆขับช้าลง
“ทำไมเหรอ?” เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินที่จอดรถข้างทางแล้วถามขึ้น เย่เชินหลินลงไปเช็ครถสักพัก จากนั้นขึ้นมาบนรถแล้วตอบกลับ “ไม่มีน้ำมันแล้ว”
เซี่ยชีหรั่นมองไปด้านหน้า มีแต่ความมืด ไม่รู้ว่าBakerและไห่ลี่หมินขับรถไปถึงไหนแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก็พบว่าไม่มีสัญญาณอีก
“ไปเถอะ ที่นี่ตอนกลางคืนจะยิ่งหนาว” เย่เชินหลินลงจากรถ
รอบๆมีแต่ป่าทึบ ที่ซาวน่าได้สร้างในเขตชานเมืองเพื่อที่จะต้อนรับแขกกระเป๋าหนักที่ต้องการความสงบเป็นพิเศษ รอบๆจึงเห็นเพียงแต่ป่าเต็มไปหมด
ไม่มีแม้แต่แสงไฟ เซี่ยชีหรั่นเดินก้าว “อ๊บๆ” เสียงกบร้องดังขึ้นทำให้เซี่ยชีหรั่นตกใจ
เย่เชินหลินเปิดโทรศัพท์ดู แล้วยื่นไปตรงหน้าเซี่ยชีหรั่น แสงสลัวที่สะท้อนกระทบกับดวงตาของเย่เชินหลิน ทำให้รู้สึกอุ่นใจ “จับมือฉันเอาไว้”
เย่เชินหลินจูงมือของเซี่ยชีหรั่น ทั้งสองเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ รอให้ไห่ลี่หมินรู้สึกตัวว่าพวกเขาหลุดขบวน ไม่มีใครเริ่มพูดขึ้นก่อน มีเพียงสัมผัสไออุ่นจากมือทั้งสองที่เดินตามกันอยู่แผ่ถึงกัน
เย่เชินหลินเดินอยู่ด้านหน้า จับมือของเซี่ยชีหรั่นไว้แน่น เซี่ยชีหรั่นแกว่งมือของเย่เชินหลิน เย่เชินหลินรีบหันกลับมาดูด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรเหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นชี้ไปยังไฟสีส้มสลัวที่ถูกป่ากล้วยบังอยู่ “เหมือนที่นั่นจะมีแสงไฟ ตรงนั้นมีคนแน่ๆเลย”
เย่เชินหลินพยักหน้า จูงมือเซี่ยชีหรั่นเดินกลับไป “คุณไปอยู่ในรถก่อน แล้วล็อคประตูให้เรียบร้อย ผมจะไปสำรวจก่อน ถ้าผมไม่กลับมาภายในครึ่งชั่วโมง คุณไม่ต้องเข้าไปตามหาผมเข้าใจไหม?”
สัมผัสถึงมือที่กระชับแน่นขึ้น เย่เชินหลินหันกลับมามองเซี่ยชีหรั่นที่หยุดเดิน พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่างอแง”
เย่เชินหลินไม่อยากให้เซี่ยชีหรั่นต้องเข้าไปเสี่ยง เซี่ยชีหรั่นยิ่งไม่ต้องการให้เย่เชินหลินเข้าไปเสี่ยง ออกแรงดึงมือของเย่เชินหลินมาเบาๆ “ถ้าหากคุณไม่พาฉันไปด้วย อย่างนั้นพวกเราก็ขึ้นไปที่รถด้วยกัน”
เซี่ยชีหรั่นออกแรงจับมือของเย่เชินหลิน เย่เชินหลินหันมามองเซี่ยชีหรั่นด้วยสีหน้าดุดัน เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “บางครั้งผมก็อยากจะให้คุณเห็นแก่ตัวเสียบ้าง”
ในป่ากล้วย เย่เชินหลินดึงเซี่ยชีหรั่นมากอดไว้ในอ้อมอกของตัวเอง แล้วเดินไปตรงจุดที่มีแสงไฟด้วยความระมัดระวัง
มีเสียงดังออกมาจากโพรงหญ้า ตอนแรกเย่เชินหลินคิดว่าเป็นเสียงฝีเท้าของพวกเขาทั้งสอง จึงไม่ได้ใส่ใจ จนกระทั่งทั้งสองได้หยุดเดิน แต่เสียงนั้นยิ่งดังมากขึ้น
“ป่ากล้วยใหญ่ขนาดนี้ทำไมถึงไม่มีคนเฝ้านะ?” เซี่ยชีหรั่นปาดเหงื่อบนหน้าผาก ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ทั้งสองเหงื่ออาบเต็มตัว
“โฮ่งๆๆๆ” เหมือนเสียงนั้นดังขึ้นยืนยันสิ่งที่เซี่ยชีหรั่นกล่าว ในโพรงหญ้ามีเสียงสุนัขเห่ากรรโชก
เย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นมองหน้ากัน หมาป่าตัวสูงขนาดเท่าคนยืนจ้องพวกเขาทั้งสองอยู่ในโพรงหญ้า
หมาป่าแบบนี้สามารถกัดคนตายได้เลย เย่เชินหลินไม่พูดอะไร เขาจับเซี่ยชีหรั่นมายืนด้านหลังตัวเองเพื่อที่จะได้ปกป้องเธอ
หมาป่ายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้าหมา! นั่งลงนะ!”
เย่เชินหลินมองหมาป่าที่จ้องเขม็งตัวนั้นอย่าจนปัญญา กลัวว่ามันจะกระโจนเข้ามาหาพวกเขาทั้งสองจนล้มลง แววตาสีเขียวสดของมันมองไปมา แล้ววิ่งมาทางพวกเขาทั้งสอง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset