สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1346 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1246

Bakerชี้ไปที่รูปภาพบนเอกสารพลางพูดขึ้น “พนักงานทำความสะอาดบอกว่าเห็นเซี่ยชีหรั่นบนดาดฟ้าในคืนวันนั้นช่วงสี่ทุ่ม พวกเราเจอเธอตอนสี่ทุ่มครึ่ง แค่บนดาดฟ้าโดปิดตาย หรือจะบอกได้ว่าคนร้ายได้หนีไปทางประตูใหญ่ของดาดฟ้าเท่านั้น แต่ถ้าออกมาในตอนนั้น ก็ต้องเจอกับพวกเรา ที่ฉันพูดนายเข้าใจไหม?”
เย่เชินหลินเคร่งเครียด จากการสื่อของBaker เขาต้องการบอกว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นโกหก แล้วทำไมเซี่ยชีหรั่นจะต้องโกหกเรื่องภรรยาลับของหลัวกุ้ยเหยาด้วยล่ะ แล้วป้ายหน้าสุสานที่สุสานนั้นเป็นของจริงหรือไม่?
มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดในสุสาน เย่เชินหลินลงจากรถ เขามายังสุสานที่เขาเมื่อไม่กี่วันก่อนกับเซี่ยชีหรั่น และดอกเก๊กฮวยที่อยู่หน้าป้ายหลุมศพนั้นได้แห้งไปแล้ว
มองดูภาพของหญิงสาวแปลกหน้าที่อยู่บนป้าย เย่เชินหลินเดินเข้าไปอีกก้าว ลูบที่มุมของรูปภาพนั้น ที่มุมของภาพนั้นหลวมมาก เย่เชินหลินดึงออกมาเบาๆ พบว่าด้านหลังภาพมีกาวติดอยู่
หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นมา ข้อความที่เซี่ยชีหรั่นส่งถึงเขาเด้งขึ้นมา “ฉันกลับบ้านแล้ว ฉันรอคุณที่บ้านนะ” เย่เชินหลินอ่านข้อความของเซี่ยชีหรั่นอย่างเงียบๆ นิ้วมือของเขาวางอยู่บนแป้นพิมพ์เนิ่นนาน จนผ่านไปสักพักจึงจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
“ครับ”
ออกมาจากสุสาน เย่เชินหลินขับรถไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจัดหมายปลายทาง รู้สึกเจ็บแปลบในใจ จะมีอะไรรู้สึกแย่ไปเสียถูกผู้หญิงที่ตัวเองรักมากที่สุดหลอกเสียจนหัวหมุน
ขับมาถึงที่โรงพยาบาลอย่างไม่รู้สึกตัว เย่เชินหลินลงจากรถแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องผู้ป่วยของเซี่ยชีหรั่น ในห้องมืดสนิท ไม่มีใครอยู่สักคน
เมื่อเปิดประตูเข้าไป เย่เชินหลินมองดูเตียงที่ปูผ้าเอาไว้เรียบร้อย เขาถอนหายใจแล้วนั่งลงไป แสงจันทร์ส่องเข้ามาภายในห้อง เผยให้เห็นมุมหนึ่งของหมอน
เย่เชินหลินหยิบหนังสือออกมา นี่เป็นนิยายสืบสวนที่เซี่ยชีหรั่นชอบอ่านตอนอยู่ที่โรงพยาบาล เปิดไฟขึ้นมา เย่เชินหลินค่อยๆเปิดหนังสือทีละหน้า
‘เสี่ยวเคเดินไปบนดาดฟ้าคนเดียว ส่งข้อความให้คนรักของเธอ เมื่อคนรักของเธอมาถึงที่โรงพยาบาลเสี่ยวเคจึงทำท่านอนลงบนดาดฟ้า เหมือนว่าเธอถูกลักพาตัวมา คนรักที่แสนจิตใจดีเชื่อในตัวเสี่ยวเค คิดว่าเสี่ยวเคถูกลักพาตัว แผนการแรกของเสี่ยวเคได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี’
‘เพื่อให้เขามั่นใจว่าตัวเองเสียชีวิตไปแล้ว เสี่ยวเคได้สร้างแผ่นป้ายหลังศพปลอมขึ้นมา แล้วให้คนนำทางไปยังสุสานปลอมนั้น มองดูแววตาที่เจ็บปวดของชายหนุ่มด้านข้างที่กำลังจับจ้องไปที่ป้ายหลุมศพอยู่นั้น บนหลุมศพเป็นภาพขาวดำของตัวเอง เสี่ยวเคน้ำตาไหล เธอรักเขา แต่เธอจำเป็นต้องทำเช่นนั้น’
เย่เชินหลินค่อยเปิดอ่านทีละหน้าด้วยความเงียบขรึม จนเปิดมาถึงหน้าสุดท้าย บนหน้านั้นเห็นรายมือของเซี่ยชีหรั่นเขียนชื่อบัญชีและรหัสอยู่
เย่เชินหลินนั่งอยู่เงียบๆ โทรศัพท์สว่างขึ้นมา ข้อความที่เซี่ยชีหรั่นส่งเด้งขึ้นมา “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เวลาใกล้จะเช้ามืดแล้ว เย่เชินหลินคิดภาพเซี่ยชีหรั่นที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์คงจะกำลังรีบร้อนและกังวล เขาถอนหายใจแล้วยัดหนังสือเข้าไปในหมอนอีกครั้ง เดินออกจากห้อง แล้วเก็บความจริงและความสงสัยทั้งหมดไว้ในใจ
กลับมาถึงบ้านตระกูลเย่ ที่ห้องรับแขกเปิดไฟสีส้มสลัวเอาไว้ เซี่ยชีหรั่นนอนขดอยู่บนโซฟา แสงไฟที่อบอุ่นส่องลงบนชุดนอนสีขาวของเซี่ยชีหรั่น เผยให้เห็นผิวสีขาวซีด
เย่เชินหลินเดินเข้าไป ในมือของเซี่ยชีหรั่นกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น เย่เชินหลินหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างง่ายดาย ทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นมา ขยี้ตา พลางพูดขึ้น “คุณกลับมาแล้วเหรอ”
บนหน้าของเซี่ยชีหรั่นที่เพิ่งตื่นนั้น เผยอารมณ์หลงใหลที่เย่เชินหลินเห็นเป็นประจำ แต่ภายใต้อารมณ์นั้น เย่เชินหลินพบว่าตัวเองรู้จักเซี่ยชีหรั่นน้อยกว่าที่คิดมาก
“คุณเป็นอะไร? ไม่สบายรึเปล่า?” เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินที่เอาจ้องหน้าตัวเอง จึงถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
มือของเย่เชินหลินค่อยๆลูบไปที่เอวของเซี่ยชีหรั่น ค่อยยกเอวของเธอขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นอยากจะหนี ชุดนอนตัวโคล่งของเธอเผยให้เห็นภาพสวยงามด้านใน
มือของเย่เชินหลินปัดป่ายไปเรื่อยๆไม่รีบและไม่ช้าจนเกินไป ดวงตาจ้องที่เซี่ยชีหรั่นเขม็ง ภายใต้สถานการณ์บังคับและแสงไฟที่สาดส่องลงมา ทำให้เซี่ยชีหรั่นต้องปล่อยเลยตามเลย
“อย่าทำแบบนี้” เซี่ยชีหรั่นกัดริมฝีปากแน่นไม่กล้าส่งเสียงของตัวเองออกมา
เย่เชินหลินช้อนเซี่ยชีหรั่นขึ้นมาอุ้ม กลับเข้าไปที่ห้องนอนแล้ววางเธอลงบนเตียงด้วยความอ่อนโยน นิ้วเรียวค่อยๆไร้ไปตามใบหน้าของเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นลืมตาขึ้นมาเป็นครั้งคราว มองนัยตาของอีกฝ่ายว่ากำลังคิดหรือแอบซ่อนอะไรอยู่ ความเจ็บปวด? ความโกรธ?
อารมณ์ของเย่เชินหลินหายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากประคองเธออย่างอบอุ่นแล้ว ก็เริ่มรุกล้ำอย่างรุนแรง เย่เชินหลินมองดูเซี่ยชีหรั่นที่เลือนลางนั้น เขาจึงระบายความโกรธด้วยวิธีนี้เท่านั้น
วันรุ่งขึ้น ตอนที่เซี่ยชีหรั่นตื่นขึ้นมาเป็นเวลาเกือบจะเก้าโมงแล้ว ที่ห้องอาหาร แม่บ้านกำลังป้อนอาหารเช้าให้เย่ชูฉิงอยู่ ส่วนเย่เชินหลินนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ด้านหน้าโต๊ะ
“ทำไมไม่ปลุกฉัน?” เซี่ยชีหรั่นกำลังจะเอื้อมมือข้ามเย่เชินหลินไปหยิบน้ำส้ม เย่เชินหลินหลบไปด้านข้างอย่างรุนแรง
เซี่ยชีหรั่นแปลกใจในปฏิกิริยาที่รุนแรงของเย่เชินหลิน เธอจึงพูดขึ้น “ขอโทษ รบกวนคุณสินะ?” เย่เชินหลินลุกขึ้น วางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ แล้วลูบหัวของเซี่ยชีหรั่นเบาๆ ยิ้มขึ้น “เปล่า เมื่อกี้คงตั้งใจอ่านมากไปหน่อย รีบทานอาหารเช้าเร็ว”
ยังไม่ทันรอให้เซี่ยชีหรั่นได้พูดอะไร เสียงโทรศัพท์ของเซี่ยชีหรั่นก็ดังขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นดูเบอร์ที่โทรเข้ามา อยากจะกดตัดสาย เย่เชินหลินที่ตอนแรกจะออกไปก็หันกลับมามอง “ไม่เป็นไร รับเถอะ อาจจะมีเรื่องด่วนอะไรก็ได้? ผมไปเข้าห้องน้ำก่อน”
เดินเข้ามาในห้องน้ำ เย่เชินหลินมองตัวเองในกระจก กำหมัดต่อยเข้ากับกระจกอย่างแรง กระจกแตกส่งเสียงดัง เศษกระจกทิ่มเข้าที่หลังมือ เลือดไหลออกมามากมาย
“ทำไม? เกิดอะไรขึ้น?” เสียงของเซี่ยชีหรั่นดังเข้ามาจากด้านนอก เย่เชินหลินสะบัดมือ เสียงของเซี่ยชีหรั่นทำให้ทำตัวไม่ถูกเขาไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเธออย่างไรดี
ประตูถูกเปิดขึ้น เซี่ยชีหรั่นรีบพุ่งตัวเข้ามา มองไปที่แผลบนมือของเย่เชินหลิน แล้วลากเขาออกมาด้านนอก “ทำไมไม่ระวังแบบนี้!”
เย่เชินหลินยอมให้เซี่ยชีหรั่นลากมาที่ห้องรับแขก ในห้องรับแขกมีรองเท้าอีกคู่หนึ่ง เซี่ยชีหรั่นไม่ได้ใส่แม้แต่รองเท้า เธอได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมาหาเขาทันที
“อาจจะปวดหน่อย คุณต้องทนเอาไว้นะ” เซี่ยชีหรั่นเช็ดแอลกอฮอล์ลงบนมือของเย่เชินหลิน เป่าไปบนแผล
แผลที่ร้อนผ่าวนั้นมีลมเย็นพัดผ่าน
“ขอโทษนะชีหรั่น ที่ทำให้คุณเป็นห่วง” เย่เชินหลินกระซิบที่ข้างหูของเซี่ยชีหรั่น วินาทีนั้น เซี่ยชีหรั่นรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจอย่างไม่เสแสร้ง ในเมื่อเธอพยายามปกปิดขนาดนี้ เขาจะยอมไปเปิดโปงเธอได้อย่างไร
ที่ร้านกาแฟ เซี่ยชีหรั่นมองหยุนโชว์แล้วพูดขึ้น “หยูหลันไม่ได้มากับเธอเหรอ?”
หยุนโชว์ชี้ไปยังรถโฟล์คที่จอดอยู่มุมถนน แล้วพูดขึ้น “บอกแล้วว่ามีเรื่องอยากคุยกับเธอ รู้ว่าเขาต้องตามมา แต่ไม่ได้ห้ามเขา”
เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างสบายใจ “ได้เห็นพวกเธอเป็นแบบนี้ ฉันก็สบายใจ” หยุนโชว์ลากมือของเซี่ยชีหรั่น มองด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใย
“ที่ฉันสามารถปล่อยเรื่องนั้นไปได้ แล้วมีความสุขแบบนี้ ก็เพราะเธอทั้งนั้น ฉันก็หวังว่าเธอจะมีความสุขเหมือนกัน ช่วงนี้เรื่องที่เธอมอบหมายมา ฉันก็ทำให้หมดแล้ว แต่ชีหรั่น ฉันไม่ทำเข้าใจทำไมเธอต้องทำแบบนั้น ฉันดูออกว่าเธอไม่มีความสุข”
เซี่ยชีหรั่นเงียบไป ช่วงนี้เธอทุกข์ทรมานมาก ยิ่งเย่เชินหลินดีต่อเธอเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกแย่ รู้สึกผิดต่อเย่เชินหลิน อยากจะระบายออกมาให้หมด ต่อให้ทุกอย่างจะผ่านไปแล้ว เธอก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างรู้สึกผิดอยู่ดี
“ที่ฉันทำแบบนี้อาจจะไม่ถูกต้อง” เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจ ในร้านเหล้า ไห่ลี่หมินมองเย่เชินหลินที่เอาแต่ดื่มเหล้าแก้วต่อแก้วไม่หยุด
“ฉันเพิ่งกลับมา นายก็ลากฉันมากินเหล้าเลย พอมาถึงทำไมถึงมีนายกินอยู่คนเดียวล่ะ นายคงไม่ใช่แค่ลากฉันออกมาเฝ้านายกินเหล้า แล้วรอส่งกลับบ้านหรอกใช่ไหม”
เย่เชินหลินโบกมือเรียกบาเทนเดอร์ หยิบแก้วใหม่มาอีกใบ หญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับเซี่ยชีหรั่นเดินผ่านเย่เชินหลินไป
เย่เชินหลินจ้องตามหลังของผู้หญิงคนนั้นเขม็ง ราวกับจะมองทะลุอีกฝ่ายอย่างนั้น ไห่ลี่หมินที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเย่เชินหลิน ก็พูดด้วยเสียงดุดัน “นี่! มาดื่มเหล้ายังพอได้ ถ้าหากนายไปชอบผู้หญิงคนอื่นแล้วทำให้เซี่ยชีหรั่นเสียใจ ฉันไม่เอานายไว้แน่”
สายตาของเย่เชินหลินมองตามผู้หญิงคนที่หน้าตาคล้ายเซี่ยชีหรั่นคนนั้น หญิงสาวเดินไปตรงข้างชายหนุ่มคนหนึ่ง แล้วนั่งลงบนตักของชายหนุ่ม มือเรียวนั้นล้วงเข้าไหในเสื้อเชิ้ตของผู้ชายคนนั้น ส่วนที่เธอเหมือนกับเซี่ยชีหรั่นคงจะเป็บใบหน้าและรอยยิ้ม
เย่เชินหลินลุกขึ้นแล้วผลักไห่ลี่หมินออก ไห่ลี่หมินไม่เข้าไปห้าม เย่เชินหลินพั่วเข้าไปต่อยที่คางของผู้ชายคนนั้น ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างตกใจ
เย่เชินหลินคว้ามือของผู้หญิงแล้วเดินออกไปด้านนอก ชายหนุ่มได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หยิบขวดแก้วฟาดไปที่เย่เชินหลิน แต่แขนของเขาถูกจับเอาไว้ก่อน ไห่ลี่หมินพูดด้วยอารมณ์เย็นชา “เรื่องเมื่อกี้เดี๋ยวพวกเราจะชดใช้ให้ แต่ว่าขอเตือนให้นายวางขวดในมือลง”
หลังจากไห่ลี่หมินตามเก็บกวาดให้เรียบร้อย ก็ไม่รู้ว่าเย่เชินหลินได้วิ่งไปไหนแล้ว แม้แต่รถเขาก็ไม่ได้ขับไปด้วย
เย่เชินหลินลากมือของผู้หญิงคนนั้นเดินออกมา ลมที่พัดมาทำให้เย่เชินหลินเริ่มได้สติ ปล่อยมือของผู้หญิงคนนั้น เย่เชินหลินโบกมือให้เธอแล้วพูด “ไปเถอะ”
หญิงสาวมองดูเสื้อผ้าของเย่เชินหลินก็รู้ว่าราคาไม่ถูกเลย จึงเข้าไปเกาะแขนของเย่เชินหลินแล้วพูดขึ้น “คุณลากฉันออกมาจากผับ แล้วยังมีเรื่องกับเจ้าของถนนเส้นนี้ เพื่อที่จะไล่ฉันไปเนี่ยนะ?”
เย่เชินหลินไม่มีอารมณ์พูดคุยกับผู้หญิงคนนี้ เขาสะบัดกำลังจะจากไป แววตาของเขาพลันเลือนลาง บวกกับอารมณ์พลุ่งพล่านที่มาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เย่เชินหลินจึงต้องยืนอยู่นิ่งๆเพื่อที่จะไล่ความรู้สึกไม่สบายนี้ออกไปก่อน
หญิงสาววิ่งบนส้นสูงมาประคองเขาเอาไว้ มือของเธอได้ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเย่เชินหลิน ในเมื่อผู้ชายคนนี้ไม่สนใจในหน้าตาของเธอ เธอก็ต้องหยิบอะไรติดไม้ติดมือไปหน่อย
“หยุดมือ” ผู้หญิงคนหนึ่งลงมาจากรถ ตบหญิงสาวอย่างไม่เกรงใจ
“ทำไมแกต้องตบฉัน!” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยความตกใจและกลัว ซือซือยิ้มเย้ย “เธอทำทั้งหมดเพียงเพราะจะขโมยเงินอย่างนั้นเหรอ?”
“ใครบอกว่าฉันขโมยเงิน? เขาคือแฟนของฉัน!” ผู้หญิงพูดออกมาอย่างรู้สึกไร้ยางอาย
“หึหึ แฟนเหรอ? แกก็ไม่ดูสารรูปตัวเองก่อนเลย แต่งตัวต้อยต่ำขนาดนั้น อย่ามาไร้สาระ เอาเงินนี้แล้วรีบไปซะ” ซือซือโยนเงินไม่กี่ร้อยลงบนพื้น

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset