สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1347 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1247

“คุณเป็นบ้าหรือไง!” หญิงสาวกระทืบเงินที่อยู่บนพื้นสองสามที กระฟัดกระเฟียดแล้วจากไป ซือซือหันกลับมามองเย่เชินหลินด้วยหัวใจที่เต้นตึกๆ ทำให้ซือซือตระหนักได้ว่า ไม่ว่าตัวเองนั้นจะโกรธเกลียดเขามากเพียงใด แต่เวลาที่เจอเย่เชินหลินนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวใจสั่น
“ไปซะ” เย่เชินหลินพบว่าภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าครั้งนี้ค่อนข้างพร่ามัวนานกว่าครั้งก่อนๆ ได้ยินเสียงสนทนาของหญิงสาวสองคน แต่แวบนั้นกลับจำไม่ได้ว่าเป็นซือซือ
ซือซือได้กลิ่นเหล้าหืนบนตัวของเย่เชินหลิน คิดว่าเย่เชินหลินนั้นเมามากแล้ว จึงแอบดีใจ ต่อให้ดื่มมึนเมา ถ้าได้อยู่ด้วยกันกับเย่เชินหลินก็เป็นการดี
ซือซือก้าวมาด้านหน้าประคองเย่เชินหลินไว้ จากนั้นพูดขึ้น:“ฉันจะส่งคุณไปพักผ่อนที่โรงแรมที่อยู่ตรงข้างหน้า”
“ผมบอกแล้วว่าไม่ต้อง ให้รีบไปก่อนที่ผมจะโมโห” เย่เชินหลินพูดด้วยความเย็นชา ซือซือมองเย่เชินหลินด้วยความประหลาดใจ ฟังจากน้ำเสียงของเย่เชินหลินแล้ว เหมือนจะไม่รู้ว่าตัวเองคือซือซือ ต่อให้ตัวเองจะอยู่กับหลินเจี๋ยก็ไม่สามารถทำให้ชายหนุ่มคนนี้จำได้สักนิดเดียวเลยหรือ
สายตาของเย่เชินหลินชัดเจนขึ้นมานิดหน่อย สามารถมองเห็นร่างของคนที่อยู่ตรงหน้าได้รางๆ ซือซือสูดลมหายใจเข้า ข่มความไม่พอใจทั้งหมดไว้ข้างในไว้ จากนั้นปล่อยเย่เชินหลินออกแล้วพูดขึ้น:“ข้างหน้าก็คือโรงแรม ฉันพยุงคุณไปถึงโรงแรมแล้วฉันก็จะจากไป คุณดื่มจนเมามากแล้ว”
เย่เชินหลินไม่ได้คัดค้าน ซือซือจึงพยุงเย่เชินหลินมุ่งเดินไปโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆอย่างระมัดระวัง ภายใต้ความรู้สึกตัวของเย่เชินหลินทำให้ทั้งคู่ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก
ซือซือมองใบหน้าด้านข้างของเย่เชินหลินอย่างตะกละตะกลาม ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็ไม่เคยลืมผู้ชายคนนี้ได้ พยุงเย่เชินหลินมุ่งหน้าเดินไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม เมื่อทั้งคู่หันหลังไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีรถคันหนึ่งได้มาจอดอยู่หน้าล็อบบี้ของโรงแรม
รถได้จอดอยู่ที่หน้าโรงแรม เซี่ยชีหรั่นลงจากรถแล้วมองหยุนโชว์ด้วยความเป็นห่วง จึงพูดขึ้น:“จะไม่บอกกับหยูหลันจริงๆเหรอ เขาจะเป็นห่วงเอานะ”
หยุนโชว์กระแอมทีหนึ่ง แล้วได้พูดความจริงออกมา :“งานประมูลในวันนั้นสายตาของเขาจ้องมองผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเวลาสิบนาทีเต็ม”
เซี่ยชีหรั่นที่จะยิ้มจะร้องไห้ก็ไม่ได้ เพิ่งจะชมสองคนนี้ไปหมาดๆก็มีเรื่องผิดใจกันขึ้นแล้ว หยุนโชว์ดึงแขนของเซี่ยชีหรั่น จากนั้นขมวดคิ้วชี้ไปร่างสองคนที่อยู่หน้าล็อบบี้ของโรงแรม แล้วพูดขึ้น:“ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า ตรงนั้นที่ยืนอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งใช่เย่เชินหลินไหม”
เซี่ยชีหรั่นมองตามสายตาของหยุนโชว์ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่หันหลังพอดีและกำลังเดินจะเข้าไปในลิฟต์ โดยที่ผู้หญิงข้างๆคอยพยุงไว้
“ไม่น่าจะใช่มั้ง” เซี่ยชีหรั่นค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเย่เชินหลิน “แต่ฉันรู้สึกว่าเหมือนมากเลยนะ ภาพเมื่อสักครู่” หยุนโชว์กล่าวยืนยัน
เซี่ยชีหรั่นยิ้มแล้วโบกมือลา:“พอเหอะ พูดอะไรไม่รู้ ฉันไปก่อนนะ” เซี่ยชีหรั่นหันหลังจะจากไป หยุนโชว์จู่ๆได้ร้องอ้วกขึ้น เซี่ยชีหรั่นจึงหันกลับมา เห็นหยุนโชว์เอามืออุบปากนั่งลงยองๆอย่างทรมาน
“เป็นอะไร” เซี่ยชีหรั่นรีบพาหยุนโชว์ไปห้องน้ำหน้าล็อบบี้ของโรงแรม เห็นท่าทางของหยุนโชว์ เซี่ยชีหรั่นจึงลองหยั่งเชิงถามดู :“หยุนโชว์เธอกำลังมีลูกน้อยเหรอ”
ใบหน้าของหยุนโชว์ที่ยังไม่หายซีด ยิ้มมีความสุขให้กับเซี่ยชีหรั่น “ดีใจแทนเธอด้วยจริงๆ ชูฉิงจะได้เป็นพี่สาวแล้ว มาฉันพยุงเธอขึ้นไปพักผ่อน”
เซี่ยชีหรั่นพาหยุนโชว์ไปพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว ก็ได้โทรศัพท์หาหยูหลันอีกครั้ง เมื่อหยูหลันได้ยินว่าหยุนโชว์อ้วก จึงได้ถามที่อยู่อย่างละเอียดแล้วรีบมาที่โรงแรมทันที
เมื่อเซี่ยชีหรั่นวางโทรศัพท์ลงแล้วถึงได้คิดจากไป ประตูห้องพักข้างๆของหยุนโชว์ได้เปิดไว้พอดี บริกรได้เข็นรถอาหารเข้าไป ขณะที่เซี่ยชีหรั่นเดินผ่านไปนั้น เหลือบเห็นภาพในห้องอย่างไม่ตั้งใจ
เย่เชินหลินนอนอยู่บนเตียง โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งทับอยู่บนตัวของเย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นตกใจค้างยู่ตรงนั้น ในห้องนั้น เย่เชินหลินจำได้แล้วว่าคนนี้คือซือซือ แต่ลืมตอบโต้ขัดขืนในช่วงเวลานั้น
จนกระทั่งซือซือได้มาถอดเสื้อของตัวเอง เย่เชินหลินถึงได้ผลักซือซือออกฉับพลัน แล้วพลิกตัวลุกขึ้น ยืนตรงข้ามประสานตากับเซี่ยชีหรั่นที่ยืนอยู่หน้าประตู
“นี่พวกคุณ” เซี่ยชีหรั่นตกใจชะงัก สิ่งที่ทำให้เธอตกใจช็อคที่สุดคือซือซือก็อยู่ในนั้น
“ฉันคิดว่าเธอคงเห็นทุกอย่างหมดแล้ว” ซือซือยิ้ม คิดว่าวันนี้โชคดีที่สุดที่เจอกับเย่เชินหลิน แต่นึกไม่ถึงสิ่งที่โชคดีกว่าจะรออยู่ด้านหลัง ได้ชำระความโกรธที่ตัวเองเป็นที่รองรับอารมณ์ของเซี่ยชีหรั่นในการขอร้องในครั้งนั้น
ซือซือหยิบกระเป๋าสะพายไหล่แล้วเดินออกจากโรงแรม ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าก้าวตามดังลอยขึ้น เซี่ยชีหรั่นได้เรียกให้ซือซือหยุด พูดด้วยน้ำเสียงที่หอบและโมโห:“เธอเคยบอกว่าเธอจะจากไปไง”
“ฉันบังเอิญเจอเขา” ซือซือยังไม่อยากจะฉีกหน้าเซี่ยชีหรั่นเร็วขนาดนั้น จึงคิดอยากจะจากไป แต่ว่าส่วนที่เพิ่งทำเคมีบำบัดไปนั้นทำให้ซือซือเจ็บปวดจนต้องโน้มตัวลง
“เธอเป็นอะไรไป โรคกำเริบเหรอ” เซี่ยชีหรั่นจะเข้าไปพยุงซือซือ แต่ซือซือใช้แรงสะบัดมือเซี่ยชีหรั่นที่ต้องการจะเข้าไปพยุงตัวเอง ด้วยแรงสะบัดที่มากเกินไปบวกกับอาการเจ็บป่วยจึงได้เซล้มไปด้านหลัง
เซี่ยชีหรั่นต้องการจะก้าวไปข้างหน้า แต่ข้อมือกลับถูกกระชากไปข้างหลังอย่างแรง เย่เชินหลินโอบเซี่ยชีหรั่นไว้ แล้วดึงไปพูดคุยอีกฝั่งหนึ่ง:“พวกเราไม่ได้ทำอะไรกัน เธอเป็นคนของหลินเจี๋ย”
ซือซือคลานลุกจากพื้นอย่างกระเซอะกระเซิง เย่เชินหลินหันหน้าไปพูดกับซือซืออย่างเย็นชา:“สิ่งที่คุณทำไว้ในเมื่อก่อนไม่มีใครสามารถลืมได้ คุณควรจะหาที่ดีๆเพื่อหลบซ่อนตัวจะดีกว่า”
ซือซือรู้สึกข้อเท้าของตัวเองจะแพลงเนื่องจากล้มเมื่อสักครู่ เห็นเย่เชินหลินจับมือเซี่ยชีหรั่นไว้แน่น จึงพูดด้วยเสียงเบาๆ:“บางทีสิ่งที่ฉันทำอาจจะมากกว่าในสิ่งที่คุณคิด”
ซือซือได้จากไป เย่เชินหลินที่ไม่สามารถปกปิดความผิดหวังได้พูดกับเซี่ยชีหรั่นว่า:“ผมไม่คิดว่าคุณจะเปลี่ยนไปแบบนี้ที่ไม่รู้จักแยกแยะ”
“ดังนั้นเมื่อสักครู่ที่คุณเห็นเธอล้มลงต่อหน้าฉัน ก็เลยคิดว่าฉันเป็นคนผลักเธอล้มอย่างนั้นเหรอ”
เซี่ยชีหรั่นถามกลับ
เย่เชินหลินเม้มปากไม่พูด ฤทธิ์แอลกอฮอล์ราวกับค้อนที่ทุบอยู่ที่ขมับ ทั้งๆที่ไม่อยากจะพูดกับเซี่ยชีหรั่นแบบนี้ แต่เมื่อถึงริมฝีปากกลับเป็นคำพูดอีกอย่างหนึ่ง
“ให้พวกเราอารมณ์เย็นลงก่อนแล้วค่อยมาคุยกันใหม่” เซี่ยชีหรั่นพูดด้วยความผิดหวัง จากนั้นหันหลังต้องการจากไป
ข้อมือได้ถูกจับขึ้นแรงๆอีกครั้ง เย่เชินหลินคว้าข้อมือของเซี่ยชีหรั่นแล้วถามขึ้นด้วยความโกรธ:“คุณจะไปไหน”
“ฉันอยากอยู่เงียบๆคนเดียวสักพัก” เซี่ยชีหรั่นต้องการสะบัดมือทิ้ง เซี่ยชีหรั่นจึงได้จับไว้อย่างแน่น แล้วโน้มตัวจับไหล่ของเซี่ยชีหรั่นให้หันเข้ามาหาตัวเอง
“คุณมีอะไรอยากจะพูดกับผมหรือไม่ ขอแค่เพียงคุณพูด ผมจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” น้ำเสียงของเย่เชินหลินแหบพร่าเล็กน้อย มองเซี่ยชีหรั่นด้วยแววตาที่ขุ่นมัว
เซี่ยชีหรั่นที่ยังรู้สึกเสียใจกับเย่เชินหลินที่เมื่อสักครู่ตำหนิติโทษตัวเอง จึงไม่ได้ครุ่นคิดว่าเย่เชินหลินนั้นได้พูดอะไรออกมาบ้าง จากนั้นเบือนหน้าไปทางอื่นและพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า:“ฉันไม่มีอะไรจะพูด”
“อย่างนั้นเหรอ” เย่เชินหลินคลายไหล่ของเซี่ยชีหรั่นออกแล้วบ่นงึมงำ ขยี้ศีรษะด้วยความหงุดหงิด เย่เชินหลินจ้องเซี่ยชีหรั่นพักหนึ่ง และก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินนั้นได้คลายตัวเองออกแล้ว จึงได้วิ่งหนีด้วยความโกรธ หัวใจที่อยู่ที่หน้าอกได้สั่นระรัวไม่หยุด เซี่ยชีหรั่นวิ่งราวกับเครื่องจักร จนเสียงด้านหลังนั้นเงียบสงบลง ความหนาวเย็นจากสารทฤดูยิ่งทำให้อารมณ์หนักหน่วง
เย่เชินหลินยืนอยู่กับที่มองเซี่ยชีหรั่นวิ่งหนีจากไป จนกระทั่งลับหายไปจากมุมถนน “ให้ตายเหอะ!”เย่เชินหลินจึงยกเท้าวิ่งตามไป
เซี่ยชีหรั่นชนกับใครบางคนจนโทรศัพท์ตกลงพื้นแตกกระจาย “ขอโทษค่ะๆ” เซี่ยชีหรั่นรีบขอโทษอย่างไม่หยุดหย่อน
มือข้างหนึ่งช่วยเซี่ยชีหรั่นเก็บโทรศัพท์ที่แตกกระจัดกระจาย สวีเห้าเซิงได้พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ :“ชีหรั่น”
“พี่สวี”เซี่ยชีหรั่นมองสวีเห้าเซิงด้วยความมึนงง เธอกับสวีเห้าเซิงนั้นไม่ได้เจอกันนานมาก สวีเห้าเซิงมองโทรศัพท์ที่แตกละเอียดยับแล้วยิ้มพูดขึ้น:“ดูสิว่าคุณวิ่งเร็วแค่ไหน โทรศัพท์พังยับเยินหมด จะให้ผมเรียกเย่เชินหลินมารับคุณไหม”
“อย่าให้เขามารับ!”เซี่ยชีหรั่นเบ้ปาก ได้เจอกับสวีเห้าเซิงทำให้อารมณ์เซี่ยชีหรั่นนั้นดีขึ้น “ฉันได้เห็นข่าวของพี่ในทีวี ได้ข่าวว่าพี่ยังถูกเชิญให้ไปที่อะแลสกาทำรายงานทางวิชาการด้วย!”
เซี่ยชีหรั่นพูดด้วยความดีใจ สวีเห้าเซิงฟังเซี่ยชีหรั่นพูดอย่างเงียบๆ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่ว่าจะไม่เจอกันนานเพียงใด เซี่ยชีหรั่นก็มักทำให้ความเหินห่างของทั้งคู่ใกล้ชิดกันได้อย่างง่ายดายเสมอ
ทันใดนั้นท้องฟ้าเกิดการฟ้าแลบสองสามที เม็ดฝนได้หล่นโปรยปรายลงมาปรกหน้าโดยไม่มีสัญญาณเตือน สวีเห้าเซิงถอดเสื้อคลุมออกมาคลุมศีรษะให้เซี่ยชีหรั่น จากนั้นพูดขึ้น:“แถวๆนี้ไม่มีที่หลบฝนด้วย ผมพักอยู่โรงแรมใกล้ๆ ไปหลบฝนกันก่อนนะ”
เย่เชินหลินโทรศัพท์หาเซี่ยชีหรั่นครั้งแล้วครั้งเล่า “ขอโทษค่ะไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางที่ท่านเรียกได้ในขณะนี้” เสียงตอบรับซ้ำๆนี้ทำให้เย่เชินหลินยิ่งรู้สึกลนลาน ดึกป่านนี้แล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยชีหรั่นเขาจะไม่มีทางให้อภัยตัวเองอย่างแน่นอน
ฝนที่ตกกระหน่ำโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า เย่เชินหลินเงยหน้าขึ้นทันใด เห็นเซี่ยชีหรั่นกำลังก้าวขึ้นรถ สวีเห้าเซิงที่นั่งเข้าไปอีกฝั่ง จากนั้นทั้งคู่นั่งรถจากไป
เย่เชินหลินมองดูไฟรถกะพริบเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ และหายลับไปในที่สุด เซี่ยชีหรั่นนัดกับสวีเห้าเซิงไว้เหรอ ที่ไม่รับสายของตัวเองเพียงเพราะอยู่กับสวีเห้าเซิงเหรอ หรือว่าเพราะโกรธตัวเอง
ฝนที่ตกอย่างหนัก เย่เชินหลินได้ยินหัวใจตัวเองที่ว่างเปล่า จากนั้นก็ยืนตากฝนอยู่แบบนั้น ห้องพักในโรงแรม เซี่ยชีหรั่นมองดูโทรศัพท์ที่เพิ่งประกอบเสร็จ ไม่มีสายที่ไม่รับสักสายเดียว แม้แต่สักข้อความก็ไม่มี
เย่เชินหลินกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยหรือยังนะ หรือว่าเขายังโกรธจนขึ้นสมองอยู่ เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดไปต่างๆนานา ““ชีหรั่น เสื้อผ้าของคุณเปียกหมดแล้ว ฝนตกหนักขนาดนี้เกรงใจที่จะขอให้พนักงานต้อนรับของโรงแรมไปซื้อเสื้อผ้าให้ หรือไม่คุณใส่เสื้อของผมก่อนไหม ยังไม่ได้ใส่เลยเนะ”
สวีเห้าเซิงหยิบเสื้อผ้าของตัวเองที่ใส่เป็นประจำยื่นให้กับเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นกล่าวขอบคุณแล้วรับมาจากนั้นจะไปห้องน้ำ
“ทำไมคุณไปห้องน้ำก็ยังจะพกโทรศัพท์ไปด้วย” สวีเห้าเซิงถามอย่างสงสัย เซี่ยชีหรั่นยิ้มและไม่พูดอะไร แต่ข้างในนั้นหวังว่าเย่เชินหลินจะโทรศัพท์มาหาตัวเอง
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น โทรศัพท์แจ้งเตือนขึ้นว่าแบตใกล้หมดและกำลังปิดเครื่อง เซี่ยชีหรั่นรอสายที่ไม่ได้มีการโทรเข้าของเย่เชินหลิน จึงนั่งทานอาหารเช้าอยู่ในล็อบบี้โรงแรมอย่างหมดอาลัยใจหาย เสียงสนทนาของกลุ่มคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดังลอยกระทบใบหูของเซี่ยชีหรั่น
“พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าเมื่อวานฉันเห็นใครที่พิพิธภัณฑ์เกอิชาของญี่ปุ่น” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างลับๆล่อๆ
“เห็นใครเหรอ ดูท่าทางนายซิ ทำอย่างกับเห็นดารา” คนเหล่านั้นโห่หัวเราะขึ้น
“ยิ่งกว่าเห็นดาราเสียอีก ผมเห็นประธานของบริษัทเย่ซื่อ คนแบบเขาไม่น่าเชื่อว่าจะไปสถานที่แบบนั้นด้วย ต่อให้เกอิชาของญี่ปุ่นค่อนข้างน่าสนใจก็เหอะ ไม่เชื่อใช่ไหมผมจะให้พวกเธอดูรูปถ่ายกัน”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset