สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1348 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1248

“ชีหรั่น คุณเป็นอะไรไป สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย” สวีเห้าเซิงที่นั่งลงตรงข้ามกับเซี่ยชีหรั่น และถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
เซี่ยชีหรั่นฝืนยิ้มขึ้น ไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีก เซี่ยชีหรั่นจึงรีบพูดขึ้น:“พี่สวี ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่ต้องทำ ฉันขอตัวก่อนนะ”
เซี่ยชีหรั่นหยิบกระเป๋าสะพายไหล่แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว สวีเห้าเซิงเห็นเซี่ยชีหรั่นลืมกระเป๋าเงินอยู่ที่โต๊ะ จึงได้รีบตามไป
“พวกนายดูสิ นี่ใช่เย่เชินหลินประธานบริษัทเย่ซื่อไหม” ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาแล้วเปิดรูปที่ถ่ายไว้
“นี่ใช่เย่เชินหลินที่ไหน ต่างกันอย่างลิบลับ นายน่าจะไปดูนิตยสารวัยรุ่นดูว่าเขามีรูปร่างหน้าตาอย่างไร!”
ตอนที่สวีเห้าเซิงตามไปถึงนั้น เซี่ยชีหรั่นได้ขึ้นรถแท็กซี่จากไปแล้ว สวีเห้าเซิงรีบโทรหาเซี่ยชีหรั่นทันที แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายนั้นสายไม่ว่าง
เมื่อย้อนกลับมา เห็นเงาร่างหนึ่งที่คุ้นเคยเดินเข้าไปโรงพยาบาลคนเดียว “ซือซือนี่ เธอมาที่โรงพยาบาลทำไม” สวีเห้าเซิงครุ่นคิดด้วยความสงสัย อดไม่ได้จึงสาวเท้าตามไป
“คุณซือซือครับ ถ้าคุณยังไม่ทำการผ่าตัดเต้านมทางเราก็ไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้แล้ว” แพทย์ถือใบรายงานอย่างเพลียใจ คนไข้หญิงคนนี้ยอมตายก็ไม่ยอมทำการผ่าตัดเต้านม พูดอย่างไรก็ไม่ฟัง
ซือซือกัดฟันแล้วลุกยืนขึ้น พยักหน้าให้กับแพทย์แล้วผลักประตูออก ถูกคนที่ยืนอยู่นอกประตูทำให้ตกใจขึ้น:“สวีเห้าเซิงคุณมาทำอะไรที่นี่”
“มีโรคก็ต้องรักษา มีชีวิตอยู่ต่อสำคัญกว่าหรือ •••นั่นสำคัญกว่า” สวีเห้าเซิงนิ่งไปชั่วครู่ เขินที่จะพูดคำนั้นออกมา
“หลบไป” ซือซือเบ้ปากปรายตามองสวีเห้าเซิงแวบหนึ่ง แล้วอ้อมตัวจากไป สวีเห้าเซิงก็ได้ตามซือซือไปติดๆ ซือซือที่ถือแก้วน้ำได้หันกลับมา และพูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ :“ตอนนี้ฉันจะเปลื้องผ้าตรวจร่างกาย คุณยังอยากจะตามเข้ามาด้วยเหรอ!”
เมื่อซือซือทำการตรวจเสร็จแล้วเปิดประตูออก พบว่าด้านนอกนั้นว่างเปล่าไม่มีใครสักคนจริงๆ ซือซือยิ้มขึ้น เธอคุ้นชินกับการอยู่คนเดียวตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรในสายตาคนอื่น ตัวเองนั้นก็เป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนหนึ่งเท่านั้น
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่ทำไมสีหน้าดูแย่ขนาดนั้น” ซือซือเงยหน้าขึ้นมองสวีเห้าเซิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองด้วยความประหลาดใจ
สวีเห้าเซิงยื่นนมร้อนๆที่อยู่ในมือให้กับซือซือแล้วพูดด้วยความขวยเขิน:“ได้ยินว่าการดื่มนมจะดีต่อภูมิคุ้มกัน สถานการณ์ของคุณในตอนนี้ควรดื่มให้มากๆจะมีประโยชน์”
ซือซือวางนมในมือลงแล้วพูดอย่างเย็นชา :“ท่าทีของคุณดูเกินเลยวันไนท์สแตนด์แล้วนะ”
สวีเห้าเซิงทอดถอนใจ:“อย่าเอาทุกเรื่องไปยึดติดกับวันไนท์สแตนด์ ผมยอมรับว่าไม่ชอบนิสัยของคุณจริงๆ แต่ว่าผมก็ไม่ได้เย็นชาขนาดนั้น
“หลบไป! ไม่ได้ต้องการให้คุณมาเห็นใจฉัน!” ซือซือโยนนมลงบนพื้น และตะโกนใส่สวีเห้าเซิงอย่างสูญเสียมารยาท สวีเห้าเซิงขมวดคิ้วมองแขนซือซือที่ถูกลวกจนแดงก่ำ จึงได้ดึงซือซือไปหาพยาบาลอย่างไม่ลังเล
“รบกวนช่วยจัดการแผลของเธอหน่อยนะครับ ผมขอตัวก่อน” สวีเห้าเซิงสังเกตว่าแต่ละครั้งที่ตัวเองอยู่กับซือซือนั้น อารมณ์ของตัวเองนั้นจะเสียการควบคุมได้ง่าย ไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัว สวีเห้าเซิงจึงได้หันหลังจากไป
เซี่ยชีหรั่นจ้องโทรศัพท์อย่างใจลอย ตั้งแต่ที่ส่งข้อความแรกส่งออกไป เย่เชินหลินก็ไม่ได้ตอบกลับมาตัวเอง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมแค่เพียงคืนเดียวเธอกับเย่เชินหลินเหมือนมีแม่น้ำมาขวางกั้นๆไว้
เย่เชินหลินออกมาจากห้องประชุม จางเฟิงอี้ยื่นโทรศัพท์ให้กับเย่เชินหลิน:“ข้อความครับ” เย่เชินหลินเปิดออก เป็นข้อความจากเซี่ยชีหรั่น เป็นเพียงคำถามธรรมดาว่าเมื่อวานตัวเองอยู่ไหน
เย่เชินหลินปวดหัวจึงวางโทรศัพท์วางกลับไปที่เดิม เมื่อวานเขาโทรศัพท์หาเซี่ยชีหรั่นนับครั้งไม่ถ้วน รอเธอทั้งคืนโดยไม่ได้หลับได้นอน วันนี้เธอกลับมาถามว่าเมื่อวานตัวเองอยู่ที่ไหน
“ไม่ต้องการตอบกลับเหรอครับ” จางเฟิงอี้ที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ
เย่เชินหลินนวดขมับ :“เรื่องพวกนี้ผมจะจัดการได้”
จางเฟิงอี้รับสายโทรศัพท์อีกครั้ง จากนั้นวางโทรศัพท์ลงแล้วพูดกับเย่เชินหลิน:“อีกหนึ่งการประชุมได้เปลี่ยนไปจัดที่โรงแรม และตอนนี้กำลังจะเริ่มขึ้นครับ”
เย่เชินหลินเดินออกมาจากบริษัทเย่ซื่อ เซี่ยชีหรั่นพิงอยู่ที่กระจกรถมองดูเย่เชินหลิน เขาอยู่จริงๆด้วย ดังนั้นเมื่อสักครู่คือตั้งใจไม่ตอบข้อความกลับให้ตัวเองใช่ไหม”
“ทำไมมาอยู่ตรงนี้ไม่เข้าไป” เย่เชินหลินมองดูเสื้อผ้าของเซี่ยชีหรั่นที่ไม่ได้เป็นชุดเมื่อวานแล้ว
“เปล่า” เซี่ยชีหรั่นตอบเบาๆ เย่เชินหลินมองดูนาฬิกาแล้วพูดกับจางเฟิงอี้:“ส่งเธอกลับบ้าน ทางนั้นเดี๋ยวผมไปคนเดียวได้”
เซี่ยชีหรั่นไม่ได้รั้งเย่เชินหลินไว้ เย่เชินหลินขับรถแล้วมองเซี่ยชีหรั่นที่ยืนอยู่ข้างรถคนเดียวจากกระจกมองหลัง กัดฟันแล้วก็ถอยรถกลับมา
“บอกกับพวกเขาว่าให้เลื่อนการประชุมออกไปหนึ่งชั่วโมง” เย่เชินหลินโยนกุญแจรถให้จางเฟิงอี้ แล้วมองเซี่ยชีหรั่นด้วยสายตาที่สงสัยจากนั้นถามขึ้น :“ทานข้าวเที่ยงหรือยัง”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า เย่เชินหลินดึงเซี่ยชีหรั่นแล้วเดินไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม บนโต๊ะอาหาร โทรศัพท์ของเย่เชินหลินดังขึ้น เย่เชินหลินที่เดินไปเข้าห้องน้ำ เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดว่าจะรับหรือไม่รับโทรศัพท์ดี
โทรศัพท์ที่กดวางสายลงได้ดังขึ้นอีกครั้ง เซี่ยชีหรั่นชะเง้อหน้าไปมอง เป็นโทรศัพท์จากBaker Bakerยังติดต่อกับเย่เชินหลินเหรอ เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดด้วยความสงสัย บริกรที่อยู่ข้างๆต้องการจะเสิร์ฟอาหาร เซี่ยชีหรั่นจึงรีบได้หลีกทางให้ และไปชนเข้ากับโทรศัพท์ของเย่เชินหลิน
เซี่ยชีหรั่นจึงรีบใช้มือรับไว้ ไม่ทันระวังไปกดโดนปุ่มรับสายเข้า เสียงBakerในโทรศัพท์จึงดังขึ้น:“เย่เชินหลิน คุณบอกว่าจะถอนฟ้องคดีเมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยา ทำไมยังไม่มาปิดคดีสักที ต้องการลายเซ็นของคุณนะ! อีกอย่างเซี่ยชีหรั่นนั้นจะบอกเรื่องนี้กับเธอไหม”
“จะบอกอะไรกับฉันเหรอ” เซี่ยชีหรั่นเปล่งเสียงพูดขึ้น เสียงBakerที่อยู่ปลายสายอยู่ๆก็ชะงักขึ้นทันที สักพักจึงได้พูดขึ้น:“เรื่องระหว่างพวกคุณผมไม่อยากจะยุ่งเกี่ยว”
จากนั้นBakerก็รีบวางสายโทรศัพท์ลงทันที เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นยืนตรงมองเย่เชินหลินที่ยืนตรงหน้า เย่เชินหลินยิ้มแหยขึ้น:“คุณมีอะไรจะพูดไหม”
เซี่ยชีหรั่นนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เย่เชินหลินก็ถามตัวเองแบบนี้ แต่ตัวเองกลับสะบัดมืออีกฝ่ายอย่างแรงแล้ววิ่งจากไป
“คุณอยากจะฟังอะไร”
“ทั้งหมด” เย่เชินหลินกดสายโทรศัพท์ของจางเฟิงอี้ทิ้ง แล้วนั่งลงอีกครั้ง
เรื่องราวเหมือนกับที่เย่เชินหลินคิดไว้ เซี่ยชีหรั่นแกล้งล้มและได้รับบาดเจ็บที่หน้าประตูสถานกำพร้า จนต้องมาที่โรงพยาบาล เป้าหมายก็เพื่อต้องการให้เย่เชินหลินรู้ว่าเมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยาได้ปรากฏตัวแล้ว
ในโรงพยาบาลจู่ๆปรากฏตัวนักข่าวขึ้น เซี่ยชีหรั่นก็ได้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากหยุนโชว์ แบบนี้ทำให้เย่เชินหลินเป็นห่วงซี่ยชีหรั่น และจะบังคับให้เซี่ยชีหรั่นพักอยู่ที่โรงพยาบาล
และเมื่อเซี่ยชีหรั่นพักอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เย่เชินหลินก็จะส่งคนมาปกป้องดูแลเซี่ยชีหรั่น แบบนี้แล้วไม่ว่าเซี่ยชีหรั่นจะทำอะไรก็มีหลักฐานว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ
และเมื่อเย่เชินหลินไม่ยอมเลิกล้มการสืบค้นเมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยานั้น เซี่ยชีหรั่นจึงให้หยุนโชว์จ้างคนทำป้ายหลุมฝังศพของเมียน้อยหลัวกุ้ยเหยาในสุสาน ให้เย่เชินหลินเข้าใจผิดคิดว่าเมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยานั้นไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับตัวเอง เพียงแต่ว่าน้องสาวของเธอที่ต้องการแก้แค้นเย่เชินหลิน จึงทำทุกอย่างขึ้น
“คุณยังไม่บอกในสิ่งที่ฉันอยากรู้มากที่สุดเลย” เย่เชินหลินผลักนมให้กับเซี่ยชีหรั่น แล้วใช้สายตาบอกเซี่ยชีหรั่นให้ดื่มนมซะ
“อะไรเนี่ย” เซี่ยชีหรั่นชะงัก
“เมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยาคือใคร” นี่คือสิ่งที่เย่เชินหลินอยากรู้ที่สุด เขามีเชื่อมั่นว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นชอบตัวเอง แต่ว่าเมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยาทำให้เซี่ยชีหรั่นกลับทำทุกวิถีทางเช่นนี้ ยอมที่จะหลอกตัวเองก็จะช่วยปิดบัง นี่คือสิ่งที่ทำให้เย่เชินหลินไม่สามารถยอมรับได้
เซี่ยชีหรั่นเม้มปากไม่พูดอะไร ถ้าหากพูดซือซือออกมา อย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำนั้นก็จะสูญเปล่า แต่ว่าด้วยความเฉลียวฉลาดของเย่เชินหลิน ตัวเองทำอย่างไรถึงจะปิดบังซือซือได้ ช่วยซือซือปิดบังเรื่องที่ว่าเธอก็คือเมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยา
ในขณะที่ทั้งคู่ชะงักงันอยู่นั้น ด้านนอกมีคนสาวก้าวยาวเดินเข้ามา เซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินเห็นแล้วต่างก็ต้องตกใจ
Bakerแบกหน้าขรึมเดินเข้ามาหาเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดขึ้น:“ตอนนั้นที่หลัวกุ้ยเหยาซื้อสุสานพวกคุณมีการแตะต้องเงินทั้งหมดหรือไม่”
“เกิดอะไรขึ้น” เย่เชินหลินคิ้วขมวดขึ้น คำพูดของBakerไม่มีทางที่จะพูดลอยๆแบบไม่มีที่มาที่ไป Bakerถอนหายใจแล้วพูดว่า:“บิลอิเล็กทรอนิกส์ไม่ตรงกับตัวเลขในสุสาน ดังนั้นจึงได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด จนกระทั่งตรวจสอบพบว่ามีเงินจำนวนมากได้เข้าไปที่บัญชีของเซี่ยชีหรั่นหลายครั้ง พวกคุณคงไม่อยากรู้หรอกนะว่าเป็นเงินเท่าไหร่”
เซี่ยชีหรั่นพูด้วยความตกใจ:“ทำไมต้องทำแบบนั้น”
เย่เชินหลินครุ่นคิด แล้วกล่าว :“เซี่ยชีหรั่นเคยเป็นลูกน้องของหลัวกุ้ยเหยา” ใบหน้าของBakerประกายความรู้สึกผิด พยักหน้าแล้วกล่าว:“เป็นผมเองที่มองข้ามไป ผมสงสัยมาโดยตลอดว่าการที่หลัวกุ้ยเหยาหาเซี่ยชีหรั่นต้องมีจุดประสงค์ แต่คิดไม่ถึงว่าเพื่อต้องการเซี่ยชีหรั่นเป็นแพะรับบาปเรื่องทุจริต แต่ว่าสิ่งที่น่าแปลกก็คือ ทำไมจะต้องเป็นเซี่ยชีหรั่น”
คำพูดของBakerเหมือนกับระเบิดก็ไม่ปานที่ทิ้งลงไปในใจของเย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่น หลัวกุ้ยเหยาทำไมต้องนำเงินไปเข้าบัญชีของเซี่ยชีหรั่น พวกเขาอยากจะทำอะไรผ่านเซี่ยชีหรั่นเหรอ”
“ชีหรั่นรถของผมอยู่ด้านนอก คุณคงต้องไปให้การสักหน่อย” Bakerที่ดูพูดกับเซี่ยชีหรั่นอย่างจำใจ
เย่เชินหลินรู้ว่าตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ลุกขึ้นดึงมือของเซี่ยชีหรั่นไว้ แล้วมองเซี่ยชีหรั่นด้วยสายตาที่แน่วแน่ “ไปเถอะ”
ข้างๆรถตำรวจ เพราะว่ามีBakerอยู่ เซี่ยชีหรั่นจึงไม่ค่อยกังวล เย่เชินหลินช่วยเซี่ยชีหรั่นจัดผมที่พันยุ่งเหยิงแล้วพูดเบาๆ :“ผมจะต้องช่วยคุณ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้ายิ้ม เธอรู้ดีไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เย่เชินหลินก็จะต้องยืนอยู่ข้างตัวเองเสมอ แต่ย้อนมองดูตัวเองกลับโกหกเขาด้วยเรื่องของคนอื่น
“เชินหลิน เมียน้อยของหลัวกุ้ยเหยาคือ••คือ••” ปากของซี่ยชีหรั่นได้ขยับขึ้นลงครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถพูดชื่อซือซือออกมาได้ เพราะถึงอย่างไรซือซือก็คือซ่งหวั่นถิง
“ไม่ต้องคิดมาก” เย่เชินหลินลูบที่ศีรษะของเซี่ยชีหรั่น แล้วพยักหน้าให้กับBakerจากนั้นพูดเบาๆ:“ดูแลเธอให้ดีด้วย”
“วางใจเถอะ” Bakerดึงประตูแล้วนั่งลงไปในรถ เย่เชินหลินมองดูรถตำรวจที่เคลื่อนตัวออกไปไกล แล้วก็ไม่รีรอตามมาจนถึงเรือนจำ
ในเรือนจำ หลัวกุ้ยเหยาได้โกนผมจนเรียบ ยังคงมองเย่เชินหลินด้วยความพึงพอใจ “ผมรู้ว่าคุณต้องมาหาผม แต่แค่เวลานั้นนานกว่าที่ผมคิด”
“ทำไมต้องทำแบบนั้น”เย่เชินหลินมองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเย็นชา หลัวกุ้ยเหยายักไหล่แล้วพูดขึ้น:“ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่คุณมานั้นได้ถามผมว่าทำไมถึงไม่สารภาพบอกเรื่องเมียน้อยออกมา วันนี้ผมสามารถตอบคุณได้แล้ว เพราะว่าเธอต้องช่วยผมทำเรื่องให้เป็นแบบนี้ ถ้าสารภาพออกมาแล้วจะดำเนินแผนการได้อย่างไร”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset