สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1354 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1254

หลัวหมี่เสว่หวาดกลัวไม่อยากเดินเข้าไป เย่เชินหลินยิ้ม และพูดช้าๆ ว่า : “คุณว่าคุณไม่อยากเดินเข้าไปแล้วฉันจะทำตามใจคุณหรือไง?”
ไห่ลี่หมินเห็นปลายเท้าของหลัวหมี่เสว่ยืนเท้าเปล่าบนก้อนหินที่แหลมคมด้วยสีหน้าเจ็บปวดจึงหันหน้าหนีอย่างทนดูไม่ค่อยไหว คิดอยากจะหยุดไว้แต่หลังจากคิดถึงเซี่ยชีหรั่นจึงทำใจแข็งอดทนต่อไป
“เริ่มเดิน” เย่เชินหลินสั่ง หลัวหมี่เสว่ ร้อนใจ “ฉันไม่เดิน”
เย่เชินหลินขมวดคิ้ว โบกมือให้บอดี้การ์ดดคนหนึ่งกดและดันหลัวหมี่เสว่ลง ก้อนหินที่หลัวหมี่เสว่เดินผ่านมีคราบเลือดอยู่ หลัวหมี่เสว่ร้องไห้คร่ำครวญแต่กลับโดนคนกดไว้ไม่ให้ขยับตัว ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง
“ฉันไม่ผิด ฉันแค่สั่งสอนผู้หญิงคนนั้นที่ทำลายครอบครัวฉันเท่านั้นเอง!” หลัวหมี่เสว่เจ็บจนแทบจะเป็นลมแล้ว คนที่ถูกเลี้ยงอย่างดีมาตั้งแต่เด็กจะเคยมีประสบการณ์อย่างได้ยังไงกัน
เย่เชินหลินโบกมือให้คนหยุด และถามอย่างเฉียบขาดว่า : “ทำลายครอบครัวคุณ? เธอเป็นผู้หญิงของฉัน!” หลัวหมี่เสว่มองเย่เชินหลินอย่างประหลาดใจ สำหรับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าโดดเด่นกว่าพ่อของเธอ คิดว่าตัวเองอาจจะติดกับแล้ว หลัวหมี่เสว่พูดด้วยความร้อนรนว่า :
“มีผู้หญิงคนหนึ่งบอกฉันว่าเซี่ยชีหรั่นเป็นเมียน้อยของพ่อฉัน จากนั้นจงใจทำให้พ่อฉันติดคุก ก็แค่คิดว่าตัวเองจะทำได้ดีแต่กลับแย่จนตัวเองก็เข้ามาด้วย ฉันทนดูไม่ได้ เธอให้โอกาสฉันได้แก้แค้น ฉันแค่อยากจะทำให้เธอกลัวแค่นั้น”
ไห่ลี่หมินและเย่เชินหลินสบตากัน ในสมองมีคนคนเดียวกันปรากฏขึ้นมา เย่เชินหลินระงับความโกรธไว้ สั่งอย่างเย็นชาว่า : “เดินต่อไป”
จางเฟิงอี้เดินเข้ามาจากด้านนอก สายหยุดมองที่หลัวหมี่เสว่ชั่วครู่ และเดินต่อไปที่ด้านข้างเย่เชินหลินและกระซิบว่า : “นายหญิงตกอยู่ในอันตราย”
เมื่อเย่เชินหลินรีบมาถึงโรงพยาบาล เซี่ยชีหรั่นก็โดนเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วและกลับเข้าไปห้องสังเกตอาการผู้ป่วยหนักอีกครั้ง
“ฉันอยากเข้าไปดูเธอ” เย่เชินหลินพูดออกมาอย่างโง่ๆ
“ตอนนี้เธอยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง ไม่แนะนำให้เข้าไปเยี่ยมตอนนี้” คุณหมอพูดกับเย่เชินหลิน เย่เชินหลินรู้ว่าที่คุณหมอทำแบบนี้ไม่ผิด แต่ในใจเขาอดเป็นห่วงเซี่ยชีหรั่นไม่ได้
“ขอแค่สิบนาทีก็พอ” เย่เชินหลินพูดเสียงเบา คุณหมอถอนหายใจและพูดว่า : “สิบนาที มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
สวมชุดฆ่าเชื้อ เย่เชินหลินเหยียบเข้ามาในห้องเฝ้าสังเกตอาการผู้ป่วยหนัก เซี่ยชีหรั่นยังคงหลับสนิท เครื่องวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้าด้านข้างส่งเสียงดังเป็นบางครั้งบางคราว บ่งบอกการคงอยู่ของชีวิตนี้
เย่เชินหลินจับมือเซี่ยชีหรั่นไว้ มือของเซี่ยชีหรั่นอุ่นและหลับลึกอย่างไร้เรี่ยวแรง เย่เชินหลินยิ้ม หยิบแหวนจากกระเป๋าเสื้อออกมาและสวมไว้ที่นิ้วมือของเซี่ยชีหรั่น
“อย่าทำหล่นอีกนะ ถ้าทำหล่นอีกคงไม่โชคดีเก็บได้อย่างนี้แล้ว” เย่เชินหลินพูดเองคนเดียว เซี่ยชีหรั่นยังคงหลับสนิทและขมวดคิ้วเหมือนเดิม
เย่เชินหลินเดินขึ้นมาด้านหน้าและจูบลงตรงคิ้วที่ขมวดอยู่ของเซี่ยชีหรั่น และพูดเบาๆ ว่า : “ไม่ต้องกลัว นอนหลับสักตื่นก็โอเคแล้ว”
“ประธานเย่ วันนี้จะไปหาพี่หลี่ไหม?” หลังจากเย่เชินหลินออกมา จางเฟิงอี้ถามขึ้นมา
เย่เชินหลินพยักหน้า สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกอะไร พูดนิ่งๆ ว่า : “ไป” เย่เชินหลินและจางเฟิงอี้ออกมาอย่างรวดเร็ว ซือซือปรากฏตัวขึ้นจากมุมหนึ่ง
แอบเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ซือซือก้มหน้ามองเซี่ยชีหรั่นที่หลับสนิท และเอื้อมมือออกไปค่อยๆ ดึงหน้ากากออกซิเจนของเซี่ยชีหรั่นออก
“เซี่ยชีหรั่น คุณดูคุณสิ ใบหน้าบอบบางขนาดนั้น ริ้วรอยบนใบหน้าไม่แม้แต่น้อย แต่คุณดูฉันสิ? ทำศัลยกรรมเพื่อแก้แค้น และยังป่วยเป็นมะเร็งอีก ฉันอิจฉาคุณมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแค้นคุณมากเท่านั้น!”
ซือซือยิ่งพูดน้ำเสียงก็ยิ่งแย่ลง ค่อยดึงหน้ากากออกซิเจนออกเบาๆ มองเซี่ยชีหรั่นขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด ซือซือรู้สึกได้ถึงความสำเร็จที่มาได้ครึ่งทางแล้ว “ใกล้จะจบลงแล้วล่ะ เซี่ยชีหรั่น”
เสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดิน ซือซือครอบหน้ากากออกซิเจนกลับไปอย่างไม่เต็มใจ กำลังมีคนคุยกันด้านนอกห้องสังเกตอาการผู้ป่วยหนัก เห็น ซือซือรีบเดินออกมา คุณหมอถามอย่างประหลาดใจว่า : “คุณเป็นใคร? ไม่รู้หรือไงว่าที่นี่ห้ามเข้าถ้าไม่ได้รับอนุญาต?”
“ฉันเป็นเพื่อนของเธอ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ซือซือก้มหน้าเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นใบหน้าตัวเองได้ชัดเจน และรีบเดินออกมาด้านนอก
เย่เชินหลินไม่รู้ถึงเหตุการณ์น่ากลัวที่เดินขึ้นในห้องสังเกตอาการผู้ป่วยหนักเลยแม้แต่นิด เร่งรีบมาถึงโรงพยาบาล ลุงหวางที่นอนอยู่บนเตียงในห้องพักผู้ป่วยและพี่หลี่ที่กำลังดูโทรทัศน์ เห็นเย่เชินหลิน ทั้งสองคนรู้สึกเกรงใจ
พี่หวางพูดกับพี่หลี่ว่า : “คุณไปจ่ายค่าใช้จ่ายเถอะ” พี่หลี่พยักหน้าให้เย่เชินหลิน พี่หวางเห็นว่าพี่หลี่เดินออกไปแล้ว จึงถอนหายใจออกมาและพูดว่า : “ฉันรู้ว่าคุณจะทำอะไร ฉันก็อยากกลับไปแข็งแรง แต่อำนาจของหลัวกุ้ยเหยาไม่เหมือนที่คุณคิดไว้ ฉันมีลูกสาวคนหนึ่งเรียนอยู่มัธยมปลาย ฉันเกรงว่าพวกเขาจะทำไม่ดีกับเธอ ไม่ใช่ฉันไม่อยากช่วยคุณ”
เย่เชินหลินยืนข้างพี่หวางเงียบๆ และพูดว่า : “ถ้าไม่จัดการล้มเขา จากลักษณะนิสัยขี้สงสัยของเขา คุณคิดว่าเขาจะปล่อยพวกคุณไหม?”
พี่หวางไม่พูดอะไร บรรยากาศเข้าสู่ความเยือกเย็นอีกครั้ง อีกด้าน พี่หลี่ที่เดินไปที่แผนกการเงินชำระค่าใช้จ่ายที่เหลืออีกเดือนให้เรียบร้อย พยาบาลที่อยู่อีกด้านยิ้มและถามว่า : “รู้หรือยังว่าทำไมค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนถึงน้อยขนาดนั้น? แค่ค่ารักษาพยาบาลวันหนี่งก็เท่ากับค่าใช้จ่ายที่คุณอยู่ในโรงพยาบาลครึ่งเดือนแล้ว”
พี่หลี่ตกใจมาก และรู้ทันทีว่าเย่เชินหลินช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาล รีบเดินกลับไปที่ห้อง เมื่อเจอเย่เชินหลินก็อยากจะคุกเข่าให้
“นี่คุณทำอะไร” เย่เชินหลินรีบดึงพี่หลี่ขึ้น พี่หลี่ส่ายหน้าและพูดกับพี่หวางว่า : “พวกเราช่วยเขาเถอะ คุณรู้ไหม ค่ารักษาพยาบาลในระยะนี้เขาจ่ายให้เราทั้งหมด แต่กลับไม่บอกเลยสักคำ”
พี่หวางมองเย่เชินหลินอย่างประหลาดใจ จากนั้นไม่นานจึงถอนหายใจออกมาและพูดว่า : “ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ ฉันเป็นพยานให้คุณได้ทุกเมื่อ หลักฐานบางอย่างยังอยู่ในมือพวกเรา”
“ขอบคุณ หวังว่าพวกคุณจะยอมรับการรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากในลอส แองเจลิส ชีวิตที่ประสบความสำเร็จจะต้องไม่มีข้อบกพร่อง” พี่หลี่และพี่หวางพยักหน้าอย่างเกรงใจ รู้สึกขอบคุณเย่เชินหลินจากใจจริง
หลังจากจัดการพี่หลี่ได้เรียบร้อย ในใจเย่เชินหลินถือว่าวางความกดลงได้ก้อนหนึ่ง เพิ่งจะออกจากประตูโรงพยาบาล ไห่ลี่หมินก็โทรเข้ามา : “ชีหรั่นฟื้นแล้ว”
เย่เชินหลินไม่รู้ว่าตัวเองขับรถแซงมากี่ครั้งแล้ว รู้แค่ว่าจากเส้นที่ปกติใช้เวลาขับรถสามสิบนาทีกลับมาถึงที่หมายได้ภายในสิบนาที ไห่ลี่หมินอยู่ที่โถงรับรองพอดี ทั้งสองคนรีบไปที่ห้องพักผู้ป่วย
ในห้อง เย่ชูฉิงนอนอยู่บนเตียงข้างๆ เซี่ยชีหรั่นอย่างว่าง่าย ไห่โจ๋ซวนปกป้องเย่ชูฉิงอย่างระมัดระวังอยู่ด้านข้าง กลัวว่าเย่ชูฉิงจะหล่นลงจากเตียง
หลินหลิงมองดูใบหน้าซีดขาวของเซี่ยชีหรั่นอย่างกังวล ประตูเปิดออก เย่เชินหลินเห็นว่ามือของเย่ชูฉิงกำลังจะแตะที่หน้าผากของเซี่ยชีหรั่นจึงตะคอกเสียงดังออกมาว่า : “ใครเอาเธอไปวางไว้บนเตียง!”
เย่ชูฉิงตกใจ มองเย่เชินหลินอย่างตะลึง ปุ้ยปากและร้องไห้ออกมา ยื่นมือทั้งสองข้างไปที่ไห่โจ๋ซวน : “อุ้มหน่อย”
ไห่โจ๋ซวนรีบเข้าไปรับเย่ชูฉิง เย่ชูฉิงซุกหน้าหลบหน้าไว้ที่หน้าอกของไห่โจ๋ซวนไม่ยอมออกมา เย่เชินหลินรู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองตะคอกใส่เย่ชูฉิงเสียงดังไปหน่อย เพราะหลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับเซี่ยชีหรั่น เขาไม่สามารถปล่อยให้โอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะทำให้เซี่ยชีหรั่นได้รับบาดเจ็บเกิดขึ้นกับเธอได้อีก
“คุณหมอบอกว่าชีหรั่นผ่านขั้นวิกฤติมาแล้ว ตอนนี้สถานการณ์การฟื้นตัวถือว่าดี” ไห่ลี่หมินรีบเข้าไปอธิบาย เย่เชินหลินพยักหน้า เดินเข้าด้านข้างเซี่ยชีหรั่น เห็นหน้าอกที่ค่อยขยับของเซี่ยชีหรั่นแล้วจึงเรียกได้ว่าโล่งใจขึ้นมาหน่อย
เย่ชูฉิงยังคงร้องอยู่ ไห่โจ๋ซวนที่อุ้มเย่ชูฉิงมองเย่เชินหลินด้วยความโกรธเล็กน้อย เขาโตมากับเย่ชูฉิงไม่เคยกล้าทำให้เย่ชูฉิงร้องเลยสักครั้ง
หลินหลิงรู้สึกได้ถึงแววตาของไห่โจ๋ซวน จึงตบไหล่ของไห่โจ๋ซวน กลุ่มคนเดินออกมาปล่อยช่องว่างให้เย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่น
ถึงแม้เซี่ยชีหรั่นจะออกจากห้องสังเกตอาการผู้ป่วยหยักแล้วแต่ก็ยังคงให้ออกซิเจนอยู่ ประตูเปิดออก ผู้ดูแลคนหนึ่งเดินเข้ามา
“สวัสดี ฉันเข้ามาช่วยเช็ดตัวให้คนไข้” เย่เชินหลินถอยไปอีกด้าน เห็นผู้ดูแลดึงแขนเซี่ยชีหรั่นก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากว่า : “เบามือหน่อย ไม่เห็นหรือไงว่าเธอมีแผลที่มือ?”
ผู้ดูแลมองเย่เชินหลินอย่างแปลกใจ พยักหน้า และออกแรงเพื่ออยากจะพลิกตัวเซี่ยชีหรั่น
“เธอมีแผลที่ศีรษะ!” เย่เชินหลินยิ่งดูยิ่งโกรธ เดินขึ้นไปจับมือของผู้ดูแลและพูดอย่างเย็นชา ตกใจกับการแสดงออกของเย่เชินหลิน ตกใจนิ่งจนไม่รู้จะทำตัวยังไง
เย่เชินหลินปล่อยมือ รับผ้าเช็ดตัวมาจากผู้ดูแล สงบสติลงและพูดว่า : “ขออภัย ฉันทำเองแล้วกัน ค่าแรงวันนี้ให้เป็นสองเท่า”
ไม่ต้องทำงานได้ค่าแรงสองเท่า ผู้ดูแลดีใจมาก พยักหน้าและเดินออกไปด้านนอก ในที่สุดก็ไม่มีคนรบกวน เย่เชินหลินล็อกประตู และกลับมาข้างๆ เซี่ยชีหรั่น เพราะการพลิกตัว คอเสื้อผู้ป่วยของเซี่ยชีหรั่นเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นเนินออก
เย่เชินหลินปลดกระดุมเสื้อเย่เชินหลินออกเบาและถอดเสื้อเธอ เอาผ้าชุบน้ำอุ่นและเริ่มเช็ดแขนให้เซี่ยชีหรั่น
ผิวของเซี่ยชีหรั่นขาวสว่างด้วยตัวเองตามธรรมชาติ เช็ดมาถึงหลังมือ เห็นรอยแผลบนมือ สายของเย่เชินหลินขรึมลง
หลัวหมี่เสว่โดนสั่งสอนไปแล้วเพราะจงใจทำร้ายคนและกลับไปแล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้น ในอนาคตวันใดวันหนึ่งเขาต้องเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกให้สาสม
เย่เชินหลินให้ความสนใจกับแผลที่อยู่บนมือของเซี่ยชีหรั่น จนไม่รู้ว่าเซี่ยชีหรั่นที่นอนอยู่บนเตียงขมวดคิ้ว จากนั้นค่อยๆ ตื่นขึ้นมาช้าๆ
เซี่ยชีหรั่นไม่คุ้นกับแสงที่ส่องเข้ามาในตาจึงหรี่ตาลง เห็นเงาร่างใหญ่นั่งอยู่ข้างเตียงในห้องสลัวๆ หลังมือรู้สึกแสบๆ ชาๆ เซี่ยชีหรั่นขยับมือ และเห็นเงาคนรีบหันมาทันที
เซี่ยชีหรั่นพยายามมองเย่เชินหลิน แสงแดดที่ทิ่มตาทำให้เธอน้ำตาไหลไม่หยุด ร้องเสียงอยู่บนเตียง และได้ยินเสียงดึงปิดผ้าม่านอย่างรวดเร็ว ทั้งห้องอยู่ในความมืด
เซี่ยชีหรั่นค่อยๆ ลืมตามองเย่เชินหลิน อยากจะส่งเสียงเรียกแต่ไม่มีแรง น้ำตาที่คลอไหลออกมา “เจ็บมาก?”
เย่เชินหลินขมวดคิ้วถาม ขณะที่จะลุกขึ้นเรียกคุณหมอ เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้าน้อยๆ สายตามองไปที่ผ้าเช็ดตัวเปียกๆ บนตัวเย่เชินหลิน
“ต้องการให้ฉันช่วยเช็ดตัวเธอต่อไหม?” เย่เชินหลินรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นอาย จึงถามอย่างยิ้มๆ เซี่ยชีหรั่นหลบสายตาอย่างเขินอายและพยักหน้าเบาๆ ตั้งแต่สลบไปจนถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้อาบน้ำเลย เหนียวไปทั้งตัวตั้งนานแล้ว

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset