สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1356 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1256

“การพิจารณาคดีในศาลในวันนี้มีข่าวเล็ดลอดออกไป ตอนนี้มีนักข่าวจำนวนหนึ่งมาออกันอยู่ที่หน้าประตูโรงพยาบาล ให้ช่องทางเดินVIPเถอะ”
เย่เชินหลินพยักหน้า ขับรถพาเซี่ยชีหรั่นเดินเข้าไปทางช่องทางเดินVIP เซี่ยชีหรั่นเพิ่งจะเข้าไปในห้องก็ร้องตะโกนออกมาอย่างแปลกใจและดีใจ “หยุนโชว์”
หยุนโชว์ยิ้มและกอดกันกับเซี่ยชีหรั่น เมื่อหันหลังให้เซี่ยชีหรั่นเธอยกหนังสือพิมพ์ในมือขึ้นมา เย่เชินหลินมองหยุนโชว์ด้วยแววตาขอบคุณแวบหนึ่ง ถ้าเป็นไปได้เขาไม่อยากให้เซี่ยชีหรั่นต้องมาข้องเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
หยุนโชว์คุยกับเซี่ยชีหรั่นสักครู่ และหาข้ออ้างออกไปซื้อของ เย่เชินหลินรู้ว่าครั้งนี้ที่หยุนโชว์มาน่าจะมีอยากจะเรื่องจะพูด หลังจากกล่อมเซี่ยชีหรั่นนอนแล้วจึงออกไปหาหยุนโชว์
ทางเดินนอกโรงพยาบาล หยุนโชว์มองเย่เชินหลินและถามว่า : “ชีหรั่นหลับไปแล้ว?” เย่เชินหลินพยักหน้า
หยุนโชว์เปิดหนังสือพิมพ์ มองรูปถ่ายใกล้ชิดของตัวเองกับเย่เชินหลินบนหนังสือพิมพ์และพูดอย่างหมดความอดทนว่า : “ถ้าเป็นที่ต่างประเทศ จะฟ้องจนหนังสือพิมพ์นี้ต้องล้มละลายให้ได้”
เย่เชินหลินขมวดคิ้วและพูดว่า : “ถึงเวลาเปลี่ยนฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุกเริ่มขึ้นแล้ว”
หนึ่งวันหลังจากนั้น ทุกๆ หนังสือพิมพ์สื่อรายใหญ่ทั้งหมดได้รับหนังสือเชิญจากประธานเย่ในนามของตัวเขาเอง เช้าวันที่สองนักข่าวที่ได้รับหนังสือเชิญเดินเข้าแถวยาวเหยียดมาจนถึงห้องโถงใหญ่ของโรงแรม หยุนโชว์และเย่เชินหลินปรากฏตัวพร้อมกัน
ในงานแถลงข่าว เห็นหยุนโชว์ฝ่ายหญิงที่เป็นคนสำคัญของข่าวลือครั้งนี้ กล้องต่างส่องแสงไฟระยิบระยับไปที่หยุนโชว์
เดิมทีหยุนโชว์เกฺดจากครอบครัวใหญ่ และก็ไม่ได้ปฏิเสธสถานการณ์แบบนี้ และเธอนั่งอยู่ที่นั่นให้นักข่าวถ่ายอย่างใจกว้าง
“ขอสอบถามคุณเย่ เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำไมปล่อยให้ยืดเยื้อจนถึงตอนนี้เพิ่งจะออกมาไขข้อสงสัยกัน?” นักข่าวถาม
“ฉันรู้ว่าตอนนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ไหนคือเรื่องจริงล่ะ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ไหนคือเรื่องเป็นเรื่องโกหกล่ะ ต่างก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทุกคน” เย่เชินหลินพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง นัยหนึ่งวางแผนให้มองว่าข่าวลือกับหยุนโชว์ครั้งนี้เป็นเรื่องโกหก อีกนัยแอบบอกเป็นนัยว่ากับนักข่าวเหล่านี้ว่าความจริงเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข่าวลือของบริษัทเย่ซื่อในตอนนี้
“หรือว่าข่าวลือของบริษัทเย่ซื่อเป็นเรื่องจริง ตอนนี้ไม่ใช่แค่มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้จักชื่อเสียงเข้ามาดูแลและยังเซ็นสัญญาโครงการเหล็กขนาดใหญ่?” นักข่าวอีกคนจับใจความในสิ่งที่เย่เชินหลินต้องการสื่อออกมาได้
เย่เชินหลินยิ้มและมองนักข่าวคนนั้นโดยม่พูดอะไร นักข่าวรีบจดลงบนสมุดบันทึกทันทีตามความเคยชิน “ประธานาธิบดีคนก่อนของบริษัทเย่ซื่อยอมรับบริษัทเย่ซื่อเปลี่ยนผู้นำ อนาคตของบริษัทเย่ซื่อจะเป็นยังไง รอติดตาม”
“แต่ว่าคุณเย่ วันนี้มีแค่คุณกับคุณหยุนโชว์ออกมาร่วมงานนี้ เป็นการจงใจไปหน่อยหรือไม่?” นักข่าวของหนังสือพิมพ์บันเทิงเล่มหนึ่งถามอย่างเข้าประเด็น
ไม่รอให้เย่เชินหลินตอบคำถาม ประตูห้องประชุมก็โดนเปิดออกอย่างแรง ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ผู้ชายสวมสูทลำลองสีน้ำเงิน ผมของเขายาวเล็กน้อย ผมหน้าม้าปิดตาเล็กน้อย แต่ก็ยังปกปิดความอ่อนโยนและละเอียดอ่อนไว้ไม่ได้ ต่างหูที่ห้อยอยู่บนหูส่องประกายภายใต้แสงไฟ
ผู้ชายคนนั้นก็คือหยูหลัน สายตาของหยูหลันกวาดมองไปรอบๆ สุดท้ายมาหยุดที่นักข่าวบันเทิงที่เพิ่งจะถามคำถามไปเมื่อกี้ ขมวดคิ้วมองและชี้นิ้วไปที่เย่เชินหลินและหยุนโชว์พลางพูดว่า : “คุณคิดว่าผู้หญิงคนนั้นกับผู้ชายคนนั้นเหมาะสมกันไหม?”
นักข่าวบันเทิงที่โดนถามกลืนน้ำลาย ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะถามอย่างตามใจ แต่สายตากลับบ่งบอกอย่างชัดเจนราวกับว่าจะกลืนกินเธอลงไปอย่างไงอย่างงั้น
นักข่าวรอบด้านฮือฮาขึ้นมาและรีบเก็บภาพ หยูหลันที่เข้ามาในระหว่างนั้นอย่างไม่คาดคิด กลายเป็นประเด็นพาดหัวข่าวที่ทำปฏิกิริยาได้ดีที่สุด นักข่าวหลายคนถึงขนาดเริ่มร่าง “รักครั้งเก่าและรักครั้งใหม่รวมตัวในงานเดียวกัน หญิงสาวลึกลับเป็นที่ชื่นชอบ”
นักข่าวบันเทิงที่โดนตั้งคำถามเห็นว่าหยูหลันจ้องตัวเองอยู่ตลอดเวลา กลืนน้ำลายและพูดว่า : “งั้นคุณมีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาไม่เหมาะสมกัน”
หยูหลันได้ฟังที่นักข่าวตอบจบ ก็หัวเราะเสียงดังออกมาทันที ดวงตาคมโตเรียวยาวหรี่ลงเล็กน้อย ทำให้นักข่าวสาวๆ หลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์หลงใหล และหยุนโชว์ที่นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้ส่งเสียงกระแอมเย็นชาออกมา
หยูหลันหัวเราะเสร็จแล้ว พยักหน้าเบาๆ และพูดว่า : “คำถามที่คุณถามมีคุณค่ามาก ฉันชอบ ให้ฉันพิสูจน์หน่อยไหม?”
พูดจบ หยูหลันหมุนตัว และเดินก้าวขายาวไปทางหยุนโชว์และเดินไปตรงหน้าหยุนโชว์ หยูหลันเอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือของหยุนโชว์ หยุนโชว์ถูกดึงขึ้นมาและเซเข้าไปซบในอ้อมอกหยูหลันทันที
หยูหลันเอื้อมมือกอดเอวบางของหยุนโชว์ด้วยรอยยิ้ม แววตาส่องประกาย มองจนก็หยุนโชว์ตะลึง หยูหลันกระซิบข้างหูหยุนโชว์เบาว่า : “หยุนโชว์ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะมองผู้หญิงคนอื่นอีก”
ไม่รอให้หยุนโชว์พูดอะไร หยูหลันยิ้มและเอียงหน้าจูบริมฝีปากหยุนโชว์ เริ่มแรกหยุนโชว์ยังผลักออกเบาๆ จากนั้นเปลี่ยนเป็นกอด มีเสียงกระซิบกระซาบเบาๆ ในที่เกิดเหตุ แสงไฟส่องประกายอยู่ตลอด มีนักข่าวบางคนตั้งใจสังเกตปฏิกิริยาของเย่เชินหลิน
เย่เชินหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้มองคู่รักที่ยากจะแยกออกจากกันด้วยใบหน้านิ่งเฉย ทำให้นักข่าวพวกนั้นเชื่อจริงๆ ว่า เย่เชินหลินไม่มีปัญหาอะไรกับผู้หญิงที่ชื่อหยุนโชว์จริง
“ฮึ ฮึม” เย่เชินหลินสังเกตเห็นว่ามือของหยูหลันมีแนวโน้มกำลังจะล่วงเข้าไปที่หน้าอกของหยุนโชว์จึงส่งเสียงเตือน หยุนโชว์ผลักหยูหลันออกจ้องตาอีกฝ่ายอย่างโหดๆ
หยูหลันยิ้มอย่างเสแสร้งและเอามือโอบรอบเอวบางของหยุนโชว์ จากนั้นหันไปพูดกับเย่เชินหลินว่า : “ตอนนี้คงไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราแล้วใช่ไหม? งั้นฉันก็ขอตัวก่อนแล้วกัน”
เย่เชินหลินพยักหน้า หยูหลันรีบพาหยุนโชว์ออกมาทันที เขาแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะมีความสุขกับคนรักที่พลัดพรากกันอย่างหยุนโชว์คนนี้
รอจนหยุนโชว์และหยูหลันจากไป เย่เชินหลินจึงพูดขึ้นอีกครั้งว่า : “อย่างที่ทุกท่านเห็นคือทักษะอย่างหนึ่งผู้บรรลุนิติภาวะคือไม่ใช่เพียงแค่ตามองเรื่องราว ยังต้องใช้หัวใจอีกด้วย”
หลังจากนักข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนได้ฟัง ถึงแม้จะรู้ว่าเย่เชินหลินกำลังตำหนินักข่าวที่ทำเป็นแค่ทำตามกระแสไม่รู้จักคิดวิเคราะห์ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง โดยเฉพาะนักข่าวบันเทิงคนนั้นที่เมื่อกี้โดนหยูหลันตั้งคำถาม ตอนนี้แทบอยากจะหาที่มุดเข้าไปซ่อนตัว
ในโรงพยาบาล จางเฟิงอี้เฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วยของเซี่ยชีหรั่น นี่เป็นคำสั่งของเย่เชินหลินก่อนจะออกไป ใช้แท็บเล็ตดูวิดีโอถ่ายทอดสดงานแถลงข่าว จางเฟิงอี้รู้สึกค่อนข้างหมดทางเลือกสำหรับจูบอย่างกะทันหันของหยูหลัน ตามแผนการที่เย่เชินหลินวางไว้ก่อนหน้านี้ หยูหลันแค่มาปรากฏตัวและพาหยุนโชว์ออกไปก็พอแล้ว คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะแสดงละครฝากจูบออกมาตรงๆ
ขณะที่กำลังดู อยู่ๆ จางเฟิงอี้ก็ปวดท้องขึ้นมากะทันหัน จางเฟิงอี้บ่นอุบว่า : “เมื่อตอนเที่ยงก็ไม่ได้กินอะไรผิดนิ?” ความปวดมากขึ้นมากเรื่อยๆ จางเฟิงอี้เปิดประตูห้องออก เห็นว่าเซี่ยชีหรั่นยังคงหลับอยู่ คิดว่าตัวเองหายไปสักครึ่งชั่วโมงคงไม่มีปัญหาอะไร
วางแท็บเล็ตไว้บนเก้าอี้อย่างลวกๆ ที่นี่เป็นห้องพักผู้ป่วยแบบVIP มีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วไม่มีใครกล้ามาขโมยของหรอก จางเฟิงอี้รีบวิ่งไปทางห้องน้ำอย่างไม่ลังเล
เซี่ยชีหรั่นที่อยู่ในห้องเดิมทีกลับไม่ได้หลับสนิท เมื่อได้ยินเสียงวิ่งตรงทางเดิน จึงขมวดคิ้วและตื่นขึ้นมา ผ้าม่านในห้องโดนปิดไว้ แสงแดดที่ส่องเข้ามาในบางครั้งบ่งบอกว่าตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวัน
มองห้องที่มีแสงสลัวๆ ทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกโดดเดี่ยวเล็กน้อย และปวดท้องขึ้นมานิดหน่อย หลังจากเซี่ยชีหรั่นจัดการธุระในห้องน้ำเสร็จ เมื่อกลับไปที่เตียงแต่ก็ไม่รู้ว่าอยากจะนอนต่อเลยสักนิด จึงลุกขึ้นมาอีกครั้งอยากจะออกไปเดินเล่นด้านนอกประตูสักหน่อย
เปิดประตูห้อง เซี่ยชีหรั่นโดนดึงดูดความสนใจโดยแท็บเล็ตที่วางอยู่บนเก้าอี้ จึงหยิบแท็บเล็ตขึ้นมา มองเย่เชินหลินที่กำลังพูดอยู่บนหน้าจอแท็บเล็ตด้วยความประหลาดใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยชีหรั่นเปิดฟังก์ชันบันทึกอัตโนมัติของแท็บเล็ตขึ้นมาและเล่นถอยหลังไปเล็กน้อย เมื่อเห็นนักข่าวคนหนึ่งพูดว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาดูแลบริษัทเย่ซื่อ ประหลาดใจจนแทบจะทำแท็บเล็ตหล่น
“ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาดูแล? บริษัทเย่ซื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ” เซี่ยชีหรั่นคิดไม่ถึงเลยว่าระหว่างที่ตัวเองอยู่ในสถานที่คุมตัวผู้ต้องสงสัยและอยู่ที่โรงพยาบาลจะเกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้
ในใจคิดถึงซือซือขึ้นมาทันที หรือว่าผู้หญิงคนนั้นก็คือซือซือ? ยิ่งคิดเซี่ยชีหรั่นก็ยิ่งคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ รีบกลับเข้าไปในห้องและเปลี่ยนชุดผู้ป่วยออกฉวยโอกาสตอนที่หมอและพยาบาลไม่ทันระวังออกมาจากโรงพยาบาล
เมื่อเซี่ยชีหรั่นออกมาจากโรงพยาบาล ที่ประตูก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งจอดขวางไว้ เพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่เงินติดตัวตอนที่กำลังจะขึ้นรถ
“คุณคะ คุณจะขึ้นหรือไม่ขึ้น คุณทำอย่างนี้ฉันไม่รู้จะทำยังไงนะ” คนขับรถเห็นท่าทางลังเลของเซี่ยชีหรั่นจึงเอ่ยปากกระตุ้น
เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างเกรงใจว่า : “ฉันอยากไปถนนเฟิ่งเชียง แต่ฉันไม่มีเงินติดตัว”
คนขับรถตาโตและพูดว่า : “ไม่มีเงิน! งั้นมาบอกฉันทำไม? คิดจะให้ฉันไปส่งฟรีหรือไง!”
เซี่ยชีหรั่นรีบโบกมือ และได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองจากด้านหลังขึ้นมากะทันหัน เมื่อหันกลับไปดูเป็นไห่ลี่หมิน ไห่ลี่หมินเองก็มองเซี่ยชีหรั่นด้วยความประหลาดใจและพูดขึ้นว่า : “ฉันคิดว่าฉันจำคนผิดเสียอีก ชีหรั่นทำไมถึงหนีออกมาเองคนเดียวละ?”
เซี่ยชีหรั่นปิดประตูรถและรีบเดินไปตรงหน้าไห่ลี่หมิน ระยะนี้ไห่ลี่หมินอยู่ตลอด หรือว่าไห่ลี่หมินจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นของบริษัทเย่ซื่อ
เซี่ยชีหรั่นพูดกำกวมว่า : “ฉันอยากไปบริษัทเย่ซื่อ”
“ไปบริษัทเย่ซื่อ? หรือว่าคุณรู้เรื่องแล้ว?” ไห่ลี่หมินเข้าใจว่าเย่เชินหลินสารภาพกับเซี่ยชีหรั่นแล้ว จึงเกลี้ยกล่อมเซี่ยชีหรั่นว่า : “ตอนนี้ที่นั่นไม่มีอะไรที่จะต้องไปแล้ว พวกเรากลับห้องพักผู้ป่วยกันดีไหม เนี่ยนโม่และโจ๋ซวนชนะการประกวดสุนทรพจน์ของโรงเรียน คุณไม่รู้สินะ ฉันตั้งใจอัดวิดีโอมาให้เลยนะ พวกเรากลับไปดูกัน”
การยอมรับของไห่ลี่หมินทำให้เซี่ยชีหรั่นมั่นใจว่าครั้งนี้บริษัทเย่ซื่อจ้องเจอกับวิกฤตที่ยิ่งใหญ่แน่นอน เธอยิ้มและพูดกับไห่ลี่หมินว่า : “เชินหลินอนุญาตให้ฉันออกมา ไม่งั้นคุณคิดว่าตามนิสัยของแล้วจะไม่ส่งคนมาดูฉันหรือไง?”
เมื่อไห่ลี่หมินคิดดู ไม่ใช่วิธีการของเย่เชินหลินที่จะปล่อยให้เซี่ยชีหรั่นออกมาคนเดียวแน่นอน เขาเปิดประตูรถและพูดกับเซี่ยชีหรั่นว่า : “โอเค งั้นฉันไปส่งคุณเอง”
รถขับมาถึงบริษัทเย่ซื่อ เซี่ยชีหรั่นลงจากรถ ไห่ลี่หมินเอ่ยปากสั่งว่า : “ฉันจะจอดรถตรงลานจอดรถ คุณรอฉันอยู่ตรงนี้อย่าไปไหน ไม่มีฉันอยู่ด้วยห้ามเดินไปทั่วเข้าใจไหม”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ไห่ลี่หมินจึงสบายใจและขับรถไปจอดที่ลาดจอดรถชั้นใต้ดิน เห็นผู้คนผ่านไปมาที่บริษัทเย่ซื่อ เซี่ยชีหรั่นก้าวขาเดินเข้าในห้องโถงของบริษัทเย่ซื่อ พนักงานเก่าหลายคนเมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นปรากฏตัวจึงมองหน้ากัน เซี่ยชีหรั่นเดินไปที่หน้าล็อบบี้ พูดกับพนักงานที่หน้าเคาร์เตอร์ที่ไม่คุ้นเคยว่า : “ฉันต้องการพบผู้จัดการทั่วไปของที่นี่”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset