สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1361 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1261

เซี่ยชีหรั่นร้องไห้และพยักหน้า แล้วพูดว่า “คุณไม่ต้องพูดแล้ว พักผ่อนให้ดีดี ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น คุณจะต้องไม่เป็นไร!” ได้ยินการรับประกันของเซี่ยชีหรั่นไห่ลี่หมินก็ยิ้มพร้อมกับปล่อยมือ และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ช่วยเรียกหลินหลิงกับโจ๋ซวนให้หน่อยได้ไหม?”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า แล้วปล่อยมือของไห่ลี่หมิน เพื่อเปิดประตู ตอนที่หันไปก็ไม่ทันได้เห็นมือที่ตกลงของไห่ลี่หมิน จนกระทั่งเสียงร้องไห้ที่รุนแรงของไห่โจ๋ซวนกับหลินหลิงได้ดังก้องขึ้นมาอย่างฉับพลันหลังจากที่เดินเข้าประตูมา เซี่ยชีหรั่นจึงหันกลับมามองในทันใด
ไห่ลี่หมินนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ขณะที่มือห้อยลง ใบหน้าเหมือนจะโรยรา ก็มีหมอเข้ามาในห้องอย่างไม่ขาดสาย ทันใดนั้นเซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าถูกใครผลักเข้า จึงทำให้เขาโซซัดโซเซไปด้านข้าง แล้วตกลงไปในอ้อมแขนของเย่เชินหลิน
“เชินหลิน ลี่หมินเขา?” สายตาของเซี่ยชีหรั่นจ้องมองไปที่ใบหน้าของเย่เชินหลินอย่างตกตะลึง จากนั้นก็หันไปมองที่ไห่ลี่หมิน ที่กำลังถูกช่วยฟื้นคืนชีพด้วยวิธีปั๊มหัวใจอยู่อีกครั้ง
“อย่ามองชีหรั่น อย่ามอง” เสียงของเย่เชินหลินแหบแห้งจนเกินบรรยาย เขาเอื้อมมือไปปิดตาของเซี่ยชีหรั่น ภายในหัวใจเจ็บปวดจนไม่อาจควบคุมได้ ด้านหนึ่งคือคนที่ตัวเองรักกำลังปวดร้าวใจเป็นอย่างยิ่ง อีกด้านหนึ่งคือเพื่อนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้เป็นตายยังไม่รู้
หลังจากตรวจดูรูม่านตาของไห่ลี่หมิน เสร็จคุณหมอที่เดิมทีกำลังเร่งมือทำงานอยู่ข้างเตียงคนไข้ก็ส่ายศีรษะและถอดเครื่องมือที่อยู่ข้างๆไห่ลี่หมินออก ทันใดนั้นหลินหลิงที่น้ำตาไหลตลอดเวลาก็พุ่งเข้าไปคว้าปกคอเสื้อของหมอไว้แน่น แล้วตะโกนอย่างกับคนเสียสติว่า “ทำไมคุณต้องถอดท่อออกด้วย? เขายังต้องใช้นะ!”
พอหมอเห็นคนไข้สูญเสียการควบคุมมากเกินไปแล้ว เขาจะพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เสียใจด้วยครับ” หลิน หลิงส่ายหัวอย่างหมดหวัง พยาบาลที่อยู่ข้างๆ รีบไปข้างหน้าแล้วดึงมือของหลินหลิงออก
ในห้องนี้วุ่นวายเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นไห่โจ๋ซวนก็ดึงชายเสื้อของหลินหลิงเอาไว้ แล้วพูดเบาๆว่า “หม่ามี๊ แด๊ดดี้ไปแล้ว”
คำพูดของไห่โจ๋ซวนทำให้หลินหลิงทรุดลงกับพื้นอย่างกับสูญเสียเรี่ยวแรงไป
เซี่ยชีหรั่นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอดึงมือของเย่เชินหลินออกแล้วพุ่งกระโจนไปที่ร่างของไห่ลี่หมินแล้วร้องไห้ขึ้นมาอย่างหนัก
“ให้ฉันอยู่กับเขาตามลำพังสักพักจะได้ไหม?” หลินหลิงที่ทรุดตัวลงกับพื้นพูดด้วยเสียงแผ่วเบา เย่เชินหลินพยักหน้า และเซี่ยชีหรั่นที่ร้องไห้จนใกล้จะขาดใจก็ประคองตัวขึ้นมา แล้วเอนตัวไปพูดกับไห่โจ๋ซวนว่า “อยากจะออกไปสูดอากาศสักหน่อยไหม?”
ไห่โจ๋ซวนหันไปมองไห่ลี่หมิน คนคุ้นเคยไม่ได้ยิ้มให้ตนเองเหมือนอย่างเคย เขาจึงหันหน้ากลับไปพยักหน้าให้เย่เชินหลินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แ
าออกไปจากห้อง
เย่เชินหลินขมวดคิ้วมองไปที่ร่างเงาอันสงบนิ่งเกินไปของไห่โจ๋ซวน และนำเซี่ยชีหรั่นออกจากห้อง จนกระทั่งคนที่อยู่ในห้องต่างก็เดินหายกันไปหมดแล้วหลินหลิงจึงลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินไปเข้าไปในห้องน้ำและเอาอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงคนไข้ เธอเอาผ้าขนหนูมาชุบน้ำให้เปียกแล้วเช็ดหน้าให้ไห่ลี่หมิน และพูดเบาๆว่า
“ฉันรู้ว่าคุณปล่อยวางจากชีหรั่นไปไม่ได้ ก็เลยอยากจะปกป้องเธอมาโดยตลอด แต่ก็นะ ไม่ว่าผู้หญิงจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็หวังว่าจะมีคนมาดูแลอยู่ดี ขอบคุณนะที่คุณรู้ว่าฉันเป็นคนอารมณ์ร้ายและอดทนกับฉันเสมอ
ขอบคุณที่ทำให้ฉันมีความสุขด้วยการเล่าเรื่องตลกให้ฟังในยามที่ยากลำบาก ขอบคุณที่เสิร์ฟนมให้ฉันหนึ่งแก้วตอนที่ฉันอดตาหลับขับตานอนทั้งคืน และขอบคุณที่คุณยอมอยู่ด้วยกันกับฉัน”
หลินหลิงค่อยๆเช็ดใบหน้าและแขนของไห่ลี่หมินอย่างช้าๆ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไม่มีเสียงเย่เชินหลินที่อยู่นอกห้องขมวดคิ้วไปมา แต่ไม่ได้เปิดประตูเข้าไปรบกวน เขารู้ว่าหลินหลิงดื้อรั้นมาก และกังวลว่าหลินหลิงจะไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงได้ ดังนั้นเขาเลยไม่จากไปไหนเลย และคอยดูสถานการณ์ของหลินหลิงอยู่ตลอดเวลา
เซี่ยชีหรั่นที่นั่งอยู่ด้านข้างจิตใจสงบลงมากแล้ว จึงถามเบาๆด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำว่า “หลินหลิงเป็นยังไงบ้าง” เย่เชินหลินถอนหายใจ แล้วมองไปที่ไห่โจ๋ซวนที่ซึ่งนั่งอยู่คนเดียวนอกลานและพูดว่า “ผมเป็นห่วงเขามากกว่านะ”
“ฉันจะไปดูเขาหน่อย” เซี่ยชีหรั่นสาวเท้าเดินไปที่ลานที่ไห่โจ๋ซวนกำลังนั่งอยู่ ในขณะที่มองดูเด็กน้อยนั่งอยู่คนเดียวบนม้านั่งยาวพร้อมก้มศีรษะลงต่ำ น้ำตาของเซี่ยชีหรั่นที่ยากจะหยุดไหลก็ปรารถนาที่จะหลั่งไหลออกมาอีกครั้ง
เซี่ยชีหรั่นนั่งยองๆอยู่ตรงหน้าไห่โจ๋ซวนและพูดเบาๆว่า “โจ๋ซวน อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ”
ในขณะที่ไห่โจ๋ซวนเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยชีหรั่นอยู่นั้น ฉากในตอนนั้นก็วนเวียนกลับเข้ามาในหัวสมองไม่หยุด ในเวลานั้น เขากำลังมองดูป้าที่ยืนอยู่ด้านหลัง เซี่ยชีหรั่นชี้ปืนไปที่ เซี่ยชีหรั่น หลังจากนั้นแด๊ดดี้ของเขาก็กระโจนเข้ามาหาเซี่ยชีหรั่นแล้วค่อยมีเสียงปืนดังขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ได้สูญเสียพ่อไปแล้ว
“โจ๋ซวน?” เซี่ยชีหรั่นกลั้นน้ำตาและกอดไห่โจ๋ซวนเอาไว้ ไห่โจ๋ซวนผลักเซี่ยชีหรั่นออก แล้ววิ่งไปทางระเบียง เย่เชินหลินจึงสกัดไห่โจ๋ซวนเอาไว้แล้วพูดกับเซี่ยชีหรั่นอย่างสงบเยือกเย็นว่า “ผมจะส่งเขากลับก่อน คุณเฝ้าอยู่ที่นี่แหล่ะ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ในขณะที่เย่เชินหลินกำลังพาไห่โจ๋ซวนเดินออกไป เซี่ยชีหรั่นก็ทรุดตัวลงข้างฝาผนังอย่างไร้เรี่ยวแรง และสายตาของเธอได้มองผ่านประตูที่เปิดแง้มเอาไว้ก็เห็นหลินหลิงยังคงกำลังกระซิบพูดกับไห่ลี่หมินอยู่
เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าตัวเองยืนมานานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งประตูห้องถูกเปิดออก แล้วหลินหลิงก็เดินออกมาด้วยดวงตาที่แดงและบวมเป่ง “หลินหลิง” เซี่ยชีหรั่นพูดด้วยเสียงที่แหบแห้งต่อไปว่า “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษจริงๆ”
หลินหลิงส่านหน้าไปมา ไม่มีท่าทางที่เสียสติก่อนหน้านี้อีกแล้ว เธอพูดด้วยเสียงที่แหบแห้งเช่นเดียวกันว่า “คุณหมอบอกแล้วว่า ที่ลี่หมินตาย เหตุผลแท้จริงก็คือถูกปืนกระบอกนั้นยิงในร้านอาหาร เธออย่าโทษตัวเองให้มันมากนักเลย”
คำพูดของหลินหลิงทำให้ เซี่ยชีหรั่นยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้น เธอจะไม่โทษตัวเองได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าซือซือต้องการจะลักพาตัวเย่เนี่ยนโม่เพื่อมาบังคับข่มขู่ สุดท้ายไม่เพียงแต่จะพลาดไปจับตัวไห่โจ๋ซวน ยังทำให้ไห่ลี่หมินถึงแก่ความตาย ด้วยเหตุนี้จะให้เธอปล่อยวางปัญหาที่ยากจะแก้ไขในหัวใจของตัวเองไปได้อย่างไร
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลินหลิงไม่อยากพูดอะไรมาก เธอจึงหันไปทางที่เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าอยู่และเดินออกไปข้างนอกทีละก้าวๆ พอเซี่ยชีหรั่นคิดจะตามเธอออกไป เธอก็เลยพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาออกมาว่า “อย่าตามมา ขอร้องล่ะ ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว”
เซี่ยชีหรั่นมองดูหลินหลิงเดินออกไปไกล จนกระทั่งภาพเงาด้านหลังหายไป แล้วก็มีคนมาตบไหล่ของเธอ พอเซี่ยชีหรั่นหันศีรษะไป ก็เห็นใบหน้าที่ร้อนใจของจางเฟิงอี้
“คุณนายครับ นายน้อยขอให้คุณกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วเขาก็จะกลับไปหลังจากที่จัดการเรื่องที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้าไปมา จางเฟิงอี้มองดูร่างเงาที่นูนขึ้นรำไรๆอยู่ในห้อง แล้วจึงขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณนายกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ อย่าทำให้นายน้อยต้องเป็นห่วงอีกเลย”
เซี่ยชีหรั่นยิ้มแย้มด้วยความเศร้าซึม พยักหน้าเล็กน้อย แล้วปล่อยให้จางเฟิงอี้ไปส่งตัวเองกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่โดยไม่พูดจาไร้สาระอะไรอีก พอเพิ่งกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ เย่เนี่ยนโม่ก็วิ่งลงมาจากชั้นบน แขนของเขายังพันด้วยผ้าพันแผลอย่างหนาแน่น
“หม่ามี๊ ไห่โจ๋ซวนเขาเป็นยังไงบ้างครับ?!” เย่เนี่ยนโม่ถามด้วยความร้อนใจ
เซี่ยชีหรั่นลูบแขนที่ได้รับบาดเจ็บของเย่เนี่ยนโม่เบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “โจ๋ซวนไม่เป็นไรแล้ว แขนของเนี่ยนโม่ยังเจ็บอยู่ไหม?”
เย่เนี่ยนโม่ส่ายหน้า เมื่อเห็นดวงตาที่บวมแดงของ เซี่ยชีหรั่นเธอจึงถามอย่างระมัดระวังว่า “หม่ามี๊เป็นอะไรไป?” เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า และยิ้มอ่อนๆ แล้วจึงลากเย่เนี่ยนโม่เข้ามาและพูดอย่างจริงจังว่า “เนี่ยนโม่ หม่ามี๊มีเรื่องหนึ่งอยากจะบอกกับลูก หลังจากที่ลูกโตขึ้น จะต้องจำไว้ว่าเราติดหนี้บุญคุณโจ๋ซวนตลอดไป เข้าใจไหม?”
เย่เนี่ยนโม่มองดูเซี่ยชีหรั่นที่มีสภาพที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัดด้วยความแปลกใจ เซี่ยชีหรั่นจับไปบนไหล่ของเย่เนี่ยนโม่ด้วยความกระวนกระวายใจเล็กน้อยแล้วพูดอย่างเร่งรีบว่า “เนี่ยนโม่ รับปากหม่ามี๊ ว่าจะต้องจำไว้ว่าเราติดหนี้บุญคุณโจ๋ซวนถ้าหากวันหนึ่งเขาเอ่ยปาก ลูกจะต้องไม่ปฏิเสธเขา รับปากหม่ามี๊สิ!”
เย่เนี่ยนโม่รีบปลอบขวัญเซี่ยชีหรั่นที่อารมณ์ไม่มั่นคงด้วยการพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วพูดว่า “ผมเข้าใจแล้วครับ หม่ามี๊”
เซี่ยชีหรั่นปล่อยเย่เนี่ยนโม่ด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว เย่เนี่ยนโม่จูงเซี่ยชีหรั่นด้วยมือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วพูดว่า “หม่ามี๊ไปนอนพักสักครู่เถอะ”
เซี่ยชีหรั่นเดินตามเย่เนี่ยนโม่เข้าไปในห้องอย่างเลอะเลือน แล้วนอนลงบนเตียง เย่เนี่ยนโม่ห่มผ้าห่มให้เซี่ยชีหรั่น แล้วตบผ้าห่มเบาๆเพื่อกล่อมให้เซี่ยชีหรั่นนอนหลับซึ่งเธอเรียนรู้มาจากท่าทางที่ทำในเวลาปกติของเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นหลับไปอย่างเลอะเลือน ในฝันไห่ลี่หมินกำลังยิ้มและมองมาที่ตัวเอง บนพื้นเต็มไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม หลินหลิงและไห่โจ๋ซวนยืนอยู่อีกด้านหนึ่งและใช้สายตาที่ตำหนิต่อว่ามองมาที่ตัวเอง
“ลี่หมิน!” เซี่ยชีหรั่นตกใจตื่นจากความฝันอย่างกะทันหัน และหายใจหอบด้วยกลัวจนอกสั่นขวัญแขวน
เซี่ยชีหรั่นมองไปรอบๆอย่างทำอะไรไม่ถูก ไฟถูกเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เย่เชินหลินเดินเข้ามาโอบกอดเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ และจัดการดูแลหน้าผากที่เปียกโชกของเซี่ยชีหรั่นให้เรียบร้อย
“ฝันร้ายอีกแล้วหรอ?” เย่เชินหลินถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ความงงงวยของเซี่ยชีหรั่นเมื่อสักครู่นี้ล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขา แต่เขากลับไม่มีปัญญาพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้ อุบัติเหตุในครั้งนี้ไม่ว่าเซี่ยชีหรั่นหรือหลินหลิง พวกเขาทั้งหมดต้องเดินออกมาด้วยตัวเอง
“ฉันฝันว่าของลี่หมินกำลังมองฉันด้วยสภาพที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด และฝันว่าโจ๋ซวนกับหลินหลิงใช้สายตาตำหนิต่อว่ามองมอที่ฉันด้วย” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างช้าๆ
เย่เชินหลินพูดด้วยความเจ็บปวดใจว่า “หมอก็บอกแล้วว่าเขาถูกมือปืนคนนั้นยิงจนทำให้เสียชีวิต แต่ไม่ใช่คุณ”
“สองคนนั้น แล้วก็ซือซือ ไม่สิ หวั่นถิงพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน!” เซี่ยชีหรั่นคว้าแขนของเย่เชินหลินเอาไว้อย่างกระสับกระส่ายในทันที
สายตาของเย่เชินหลินเย็นลงแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดว่า “สองคนนั้นหนีไปแล้ว เราจะต้องจับพวกเขาได้อย่างแน่นอน ส่วนซ่งหวั่นถิงผมก็จะไม่ปล่อยเธอไปเหมือนกัน!”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าอย่างโง่เขลา ตอนนี้เธอรู้สึกเศร้าเสียใจจนไม่สามารถครุ่นคิดเรื่องอะไรได้  เย่เชินหลินลดหมอนให้เซี่ยชีหรั่นเอนตัวนอนลง แล้วพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “นอนเถอะ พิธีฌาปนกิจศพมีกำหนดขึ้นพรุ่งนี้ตอนบ่าย นอนเต็มอิ่มแล้วก็ไปส่งเขาให้เรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายนะ”
ในขณะที่มองดูเซี่ยชีหรั่นนอนหลับใหลไป เย่เชินหลินก็ถอนหายใจและขยี้ตาเหนื่อยล้าไปมา พอเขาเดินไปเปิดประตู ก็เห็นเย่เนี่ยนโม่ที่ยืนอยู่หน้าประตู
“ได้ยินหมดแล้วหรอ?” เย่เชินหลินถาม
เย่เนี่ยนโม่พยักหน้า เขาไม่ค่อยเข้าใจคำพูดที่แด๊ดดี้กับหม่ามี๊พูดกันสักเท่าไหร่ ทั้งที่เขาก็พอจะรู้อยู่ว่า ไห่โจ๋ซวนเพื่อนที่สนิทที่สุดของตัวเองไม่มีพ่อแล้ว
“ไปเถอะ ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว” เย่เชินหลินไปส่งเย่เนี่ยนโม่ที่โรงเรียนด้วยตัวเอง ก่อนที่เย่เนี่ยนโม่ลงรถก็หันหน้าไปมองเย่เชินหลิน ทันใดนั้นเขาก็ถามขึ้นมาว่า “วันหนึ่งพวกคุณก็จะทิ้งผมเหมือนพ่อของไห่โจ๋ซวนหรือเปล่าครับ?”
เย่เชินหลินตกตะลึง แล้วลูบผมของเย่เนี่ยนโม่ไปมาและอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เขาพูดเบาๆว่า “พ่อแม่ต่างก็ต้องแก่เฒ่ากันทุกคน ไม่มีใครสามารถอยู่เคียงข้างลูกได้ตลอดชีวิตหรอกนะ”
หลังจากที่เย่เนี่ยนโม่พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจเขาก็ลงจากรถไป  อ้าวเอ๋อร์วิ่งมาจากด้านข้าง แบมือทั้งสองข้างมาทางเย่เนี่ยนโม่แล้วพูดว่า “เอาสมุดบันทึกมา”
เย่เนี่ยนโม่มองไปที่อ้าวเอ๋อร์ด้วยความแปลกใจ แล้วจึงถามว่า “ทำอะไร?”
อ้าวเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ตอนนี้มือของนายขยับได้ไหม? สามารถจดบันทึกไหม? ฉันจะช่วยนายจดเอง ผลการเรียนของฉันดีมากเลยนะ!”
เย่เนี่ยนโม่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง ฉันจะเองได้”
การไม่รับน้ำใจของเย่เนี่ยนโม่ทำให้อ้าวเอ๋อร์ต้องกระทืบเท้าไปมาอย่างไม่พอใจ แล้วตะโกนใส่แผ่นหลังของ เย่เนี่ยนโม่ว่า “นายอย่าหวังไปเลยว่าไห่โจ๋ซวนจะช่วยนายจดบันทึก วันนี้เขาไม่มาโรงเรียน!”
เย่เนี่ยนโม่จึงหันไปถามอ้าวเอ๋อร์ว่า “ไม่มาโรงเรียนหรอ?” อ้าวเอ๋อร์เบ้ปากแล้วพูดว่า “ไม่มา” จากนั้นเย่เนี่ยนโม่ก็หยุดเดินไปที่โรงเรียน แล้วเดินไปอีกทางหนึ่ง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset