สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1362 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1262

“นายจะไปไหน!” อ้าวเอ๋อร์ร้องตะโกนอยู่ข้างหลังเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่ขวางรถแท็กซี่เอาไว้อย่างไม่สนใจอะไร แล้วเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อคนขับแท็กซี่เห็นหลังเย่เนี่ยนโม่ เขาก็หัวเราะ แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไรว่า “เด็กน้อย นั่งรถแบบนี้จะต้องจ่ายเงินนะ หนูมีเงินไหม?”
เย่เนี่ยนโม่หยิบธนบัตรใบละหนึ่งร้อยหยวนไม่กี่ใบออกมาจากกระเป๋าเงินของเขาและมองคนขับรถด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย คนขับพ่นควันที่อยู่ในปากออกมาแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ตอนนี้เด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบมีเงินขนาดนั้นกันแล้วรึ จุ๊ๆ นั่งดีดีนะ!”
เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้ไปโรงเรียนก็เลยถูกครูที่โรงเรียนรู้เข้าอย่างรวดเร็ว พอโทรศัพท์ไปที่บ้านตระกูลเย่ แม่บ้านก็ตัดสินใจไม่ได้ จึงปลุกเซี่ยชีหรั่นที่กำลังนอนหลับอยู่
“ไม่เจอเนี่ยนโม่แล้ว!” เซี่ยชีหรั่นตกใจตื่นขึ้นมาจากเตียงทันที เธอรับโทรศัพท์และพูดคุยกับครูไม่กี่คำก่อนจะวางสายไป
“ไปหาโจ๋ซวนที่นั่นหรือเปล่าคะ?” แม่บ้านเตือนเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นคิดว่าเป็นไปได้เป็นอย่างมาก จึงรีบรีบวิ่งไปที่ลานบ้านด้านข้าง ซึ่งไห่ลี่หมินกับหลินหลิงก็อาศัยอยู่ข้างบ้านของเซี่ยชีหรั่น
ในลานของบ้านข้างๆ เย่เนี่ยนโม่ยืนอยู่ในลานบ้านและกำลังมองไปรอบๆอยู่จริงๆด้วย “เนี่ยนโม่!” เซี่ยชีหรั่นทั้งวิ่งทั้งตะโกน
เย่เนี่ยนโม่ชี้ไปที่หน้าต่างแล้วพูดว่า “ผมเพิ่งเห็นว่าไห่โจ๋ซวนปรากฏตัวอยู่ตรงนั้นชัดๆ แต่เขาไม่ยอมออกมา”
เซี่ยชีหรั่นเคาะประตูบ้านตระกูลไห่ และพี่เลี้ยงก็เดินออกมากล่าวคำขอโทษว่า “คุณชายไห่บอกว่าไม่อยากพบใครทั้งนั้น นี่ก็ไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลยทั้งวัน คุณนายมัวแต่ยุ่งเรื่องของนายท่านตลอดก็เลยไม่ได้กลับมาที่บ้านเลยค่ะ”
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง!” เซี่ยชีหรั่นรีบขอให้พี่เลี้ยงไปเตรียมนมและเค้ก แล้วพาเย่เนี่ยนโม่ขึ้นไปที่ชั้นสอง ประตูชั้นสองถูกล็อคอยู่ เซี่ยชีหรั่นจึงตบประตูและพูดว่า “โจ๋ซวน ออกมากินอาหารสักหน่อยดีไหมจ๊ะ?”
ภายในห้องเงียบสงัด เซี่ยชีหรั่นหันไปรอบๆอย่างเป็นกังวล ทันใดนั้นเย่เนี่ยนโม่ก็วิ่งไปที่ห้องอ่านหนังสือที่อยู่ข้างๆ เซี่ยชีหรั่นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรีบตามไป มีสวนดอกไม้สวนหนึ่งที่เชื่อมระหว่างห้องหนังสือกับห้องของไห่โจ๋ซวน ซึ่งในสวนดอกไม้นั้นกำลังปลูกกล้วยไม้อยู่
เย่เนี่ยนโม่นำเก้าอี้มา แล้วปีนป่ายจากสวนดอกไม้ขึ้นไปในห้องที่อยู่ด้านข้าง “เนี่ยนโม่!” เซี่ยชีหรั่นตะโกนเรียกอย่างเร่งรีบ ด้วยความกังวลว่าจะทำให้เย่เนี่ยนโม่ฟุ้งซ่านก็เลยรีบเอามือปิดปากไว้
เซี่ยชีหรั่นเห็นร่างเล็กๆของเย่เนี่ยนโม่ปีนขึ้นไปจากในสวนดอกไม้อย่างเสี่ยงอันตราย เมื่อตกลงมาถึงพื้นเขาก็ยังคงส่งยิ้มมาให้ตัวเอง และในที่สุดก็หายเข้าไปในหน้าต่างแล้ว
ภายในหน้าต่างบานใหญ่ที่ขอบตกถึงพื้น ไห่โจ๋ซวนนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงและจ้องมองไปที่เย่เนี่ยนโม่อย่างเหม่อลอย แล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า “นายเข้ามาได้ยังไง?”
เย่เนี่ยนโม่วางมือที่ได้รับบาดเจ็บลงไปบนไหล่ของไห่โจ๋ซวนอย่างไม่เกรงใจ เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “มือของฉันได้รับบาดเจ็บแล้ว ไม่รู้ว่าจะจดบันทึกยังไง ดังนั้นฉันจึงต้องการความช่วยเหลือจากนาย”
ไห่โจ๋ซวนก้มหน้ามองลงไปที่รูปของไห่ลี่หมิน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่ ตอนนี้นายไม่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากฉันหรอก ฉันช่วยใครไม่ได้แล้ว”
เย่เนี่ยนโม่เลิกคิ้วขึ้น แล้วใช้มือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บไปหยิบรูปที่อยู่ในมือของไห๋โจ๋ซวนมาทันที ไห่โจ๋ซวนโกรธมาก จึงผลักเย่เนี่ยนโม่ออกไป แล้วเอื้อมมือจะไปหยิบรูปถ่าย “เอาคืนมา อย่าบังคับให้ฉันต้องต่อยนายนะ!”
เย่เนี่ยนโม่แกว่งรูปถ่ายที่อยู่ในมือไปมา บนใบหน้าที่สุขุมนุ่มลึกนั้นไม่แสดงสีหน้าที่เจ้าเลห์ออกมาเลยสักนิด ไห๋โจ๋ซวน เขามองไห่โจ๋ซวนแล้วพูดว่า “นายก็ลองต่อยดูสิ”
พอสิ้นเสียงพูด ไห่โจ๋ซวนก็ต่อยเข้าไปที่แก้มของเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่ล้มลงกับพื้นอย่างทรงตัวไม่อยู่ แล้วลุกขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เขายื่นแขนที่บาดเจ็บออกไปเพื่อที่จะต่อยไห่โจ๋ซวน ไห่โจ๋ซวนหยุดมองมือที่กำลังพันด้วยผ้าพันแผลของเย่เนี่ยนโม่สักครู่หนึ่ง และในวินาทีต่อมาเขาก็ถูกเย่เนี่ยนโม่เตะด้วยขาไปหนึ่งที
“เซี่ยเนี่ยนโม่! แก!” ไห่โจ๋ซวนถูกต่อยจนหน้าตาบิดเบี้ยว แล้วลุกขึ้นมาพุ่งกระโจนเข้าไปชกต่อยกับเย่เนี่ยนโม่ เสียงปึงปังๆดังขึ้นมาจากในห้องอย่างไม่ขาดสาย พี่เลี้ยงที่อยู่ตรงระเบียงจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ฉันต้องไปเอากุญแจมาเปิดประตูไหมคะ นี่ถ้าได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า น้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะไหลออกมาอีกครั้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “เนี่ยนโม่เพียงแค่ต้องการหาช่องทางให้โจ๋ซวนได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมาเท่านั้น”
พี่เลี้ยงเอียงหูเข้าไปฟังใกล้ๆ แล้วพูดด้วยความสงสัยว่า “ดูเหมือนจะไม่มีเสียงแล้วนะคะ คุณนายเซี่ยคุณจะทำอะไรคะ! ตกลงไปจะทำยังไง!”
พี่เลี้ยงต้องการที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อห้ามเซี่ยชีหรั่นอย่างรีบร้อน เซี่ยชีหรั่นวางจานอาหารไว้ที่ระเบียงข้างบ้าน เธอปีนระเบียงและกระโดดข้ามมา แล้วโบกมือมาทางพี่เลี้ยงเพื่อส่งสัญญาณให้พี่เลี้ยงห้ามส่งเสียงดัง
ภายในห้องนั้นเงียบสงัด เซี่ยชีหรั่นยืดศีรษะออกไปมองดูสถานการณ์ภายในห้องผ่านกระจกห้อง ภายในห้อง เย่เนี่ยนโม่กับไห่โจ๋ซวนนอนหายใจหอบเคียงข้างกันอยู่บนพื้น บนใบหน้าและร่างกายของทั้งสองคนล้วนได้รับบาดเจ็บไปหมดแล้ว
เย่เนี่ยนโม่เอารูปถ่ายวางไว้ข้างๆไห่โจ๋ซวน ขณะที่เขามองเพดานอยู่นั้นก็พูดเบาๆขึ้นมาว่า “หม่ามี๊เคยพูดว่า มีบางคน
ไห่โจ๋ซวนมองรูปถ่ายอย่างงงงันและไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็มีเสียง “ก๊อกๆๆ” ดังมาจากหน้าต่าง เซี่ยชีหรั่นเคาะที่หน้าต่าง แล้วก้มตัวโก้งโค้งเหมือนแมวเดินเข้ามา เอานมกับเค้กมาวางไว้ข้างหน้าไห่โจ๋ซวน
“ตีกันเหนื่อยแล้วล่ะสิ? ดื่มนมเพิ่มพลังสักหน่อยนะ” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างอ่อนโยน
ไห่โจ๋ซวนหยิบเค้กขึ้นมาด้วยความงุนงง น้ำตาก็ไหลลงมาโดยไม่คาดคิด และหยดลงไปในน้ำนม ไห่โจ๋ซวนยัดเค้กเข้าไปในปากอย่างสะอึกสะอื้น แล้วร้องไห้เสียงดังออกมาพร้อมกับพูดว่า
“พ่อครับ! ผมคิดถึงพ่อมากเลย!”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งเย่เชินหลินได้หยิบกุญแจมาเปิดประตูและหิ้วทั้งสามคนที่เหมือนกระต่ายขึ้นมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ พี่เลี้ยงรีบพาเย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหาร เย่เชินหลินเดินไปถึงตรงหน้าเซี่ยชีหรั่น แล้วก้มลงไปมองเซี่ยชีหรั่นที่ดวงตาบวมเบ่งกลายเป็นเส้นหนึ่งเส้น
“ร้องไห้พอหรือยัง?” เย่เชินหลินถาม
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า เย่เชินหลินยื่นมือออกมา คว้าตัวเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ ในขณะที่ลุกขึ้นมาก็ทรุดตัวลงไปอีก แล้วเซี่ยชีหรั่นก็น้ำตาไหลพรากออกมาอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด “ดูเหมือนว่าเท้าจะชาซะแล้ว”
เย่เชินหลินถอนหายใจ แล้วนั่งลงและช่วยนวดเท้าของเซี่ยชีหรั่นเบาๆด้วยมือทั้งสองข้าง ทั้งสองคนไม่ทันสังเกตเห็นว่า ไห่โจ๋ซวนกำลังยืนมองเซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินอยู่ที่หน้าประตู ในขณะที่กำลังมองดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนนี้ ไห่โจ๋ซวนก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ของเขาก็เป็นเช่นเดียวกันกับพวกเขา แต่ทว่าต่อจากนี้ไปเขาจะไม่มีวันได้เห็นพ่อกับแม่ของเขาอยู่ด้วยกันอีกแล้ว
ไห่โจ๋ซวนกำลังครุ่นคิดอย่างเศร้าสลด จนกระทั่งเย่เนี่ยนโม่ตะโกนเรียกตัวเองอยู่ชั้นล่างเขาจึงวิ่งลงไปชั้นล่างอย่างรีบร้อน ผ่านไปสักพักเย่เชินหลินก็กำลังประคองแขนของเซี่ยชีหรั่นเดินลงมาแล้ว ไห่โจ๋ซวนมองดูท่าทางที่ประคับประคองกันของทั้งสองคนด้วยสายตาที่เจ็บปวด ไห่โจ๋ซวนหันหน้าไป แล้วก้มศีรษะลงรับประทานอาหารโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาอีกเลย
เย่เชินหลินพา เซี่ยชีหรั่นเดินไปจนถึงตรงหน้าของเด็กทั้งสองคน แล้วลูบศีรษะของเย่เนี่ยนโม่และไห่โจ๋ซวนไปมา ไห่โจ๋ซวนถูกสัมผัสอันอบอุ่นอย่างกะทันหันนี้ทำให้รู้สึกตกใจขึ้นมา เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามองเย่เชินหลินด้วยความตกตะลึง
สีหน้าท่าทางที่ดูเคร่งขรึมมาโดยตลอดของเย่เชินหลินก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้น เขามองไปที่ไห่โจ๋ซวนแล้วพูดว่า “ต่อไปนี้โจ๋ซวนก็จะเป็นผู้ใหญ่ในบ้านแล้ว จะสามารถดูแลคุณแม่ให้ดีได้ไหม?”
ไห่โจ๋ซวนพยักหน้าไปมาอย่างแรง แล้วก้มหน้าลงไปในชามอีกครั้ง หยดน้ำตาที่ใหญ่เท่าเมล็ดถั่วก็หยดลงไปในอาหารอย่างไม่ขาดสาย  เย่เชินหลินถอนหายใจแล้วพาเซี่ยชีหรั่นเดินจากไป
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านตระกูลเย่  เซี่ยชีหรั่นก็ถูกเย่เชินหลินบังคับให้รีบไปอาบน้ำ และบังคับให้พาไปเข้านอน ในกลางดึก เซี่ยชีหรั่นที่นอนหลับไม่สนิทก็ถูกเสียงฟ้าร้องนอกหน้าต่างทำให้ตกใจตื่นขึ้นมา ข้างๆกายว่างเปล่า เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นมาแล้วเดินตามประตูที่เปิดแง้มเอาไว้ไปจนถึงห้องหนังสือ
ห้องหนังสือ ไม่ได้ปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา ในโคมไฟตั้งพื้นที่สลัวๆ เย่เชินหลินนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานคนเดียว โดยกำลังหันหลังให้เซี่ยชีหรั่นอยู่ กลิ่นควันที่ชุนปะทะเข้าไปในจมูกทำให้เซี่ยชีหรั่นต้องขมวดคิ้ว เธอจึงยืดศีรษะออกไปดู ก็พบว่าที่เขี่ยบุหรี่ที่อยู่บนโต๊ะเต็มไปด้วยก้นบุหรี่
เย่เชินหลินที่นั่งอยู่ตั้งแต่แรกก็นำก้นบุหรี่ที่อยู่ในมือไปขยี้ให้ดับในที่เขี่ยบุหรี่ ถอนหายใจ แล้ววางมือไว้บนดวงตาของตัวเองโดยไม่ได้ขยับเป็นเวลานาน
เซี่ยชีหรั่นมองดูเย่เชินหลินที่กำลังร้องไห้อยู่เพียงลำพังในความมืดอย่างเงียบๆ เธอรู้ว่าเย่เชินหลินไม่อยากให้ใครไปรบกวนในตอนนี้ สำหรับผู้ชายคนนี้แล้ว การคำนึงถึงเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างเงียบๆในค่ำคืนที่มืดมิดเป็นการรำลึกถึงที่ดีที่สุดแล้ว และตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ผู้ชายคนนี้ก็จะกลายเป็นเย่เชินหลินอีกครั้ง
วันต่อมา ท้องฟ้ามืดครึ้ม เซี่ยชีหรั่นสวมชุดกระโปรงสีดำมองทะลุผ่านหน้าต่างใหญ่ของห้องรับแขกออกไปข้างนอก ข้างบ้านขับรถลินคอล์นสีดำหนึ่งคันมา เซี่ยชีหรั่นเห็นใบหน้าด้านข้างของหลินหลิงแวบผ่านมา จึงอยากจะลุกขึ้นมาและวิ่งออกไป แต่ก็มาทันเพียงเห็นไฟท้ายของรถเท่านั้น
“ไปเถอะ” เย่เชินหลินจูงมือของเซี่ยชีหรั่นเดินออกไปจากบ้านตระกูลเย่ พ่อบ้านช่วยถือร่มให้เซี่ยชีหรั่นอยู่ข้างๆ เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า แล้วก็วิ่งผ่าสายฝนเข้าไปในรถ
เย่เชินหลินรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นรู้สึกเสียใจอยู่ภายในใจ จึงส่ายหน้าไปทางพ่อบ้านที่คิดจะตามออกไป แล้วขึ้นไปบนรถ รถแล่นไปตลอดทางจนถึงสุสาน ท้องฟ้ายังคงหอบเอาเมฆดำลอยขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย น้ำฝนที่เย็นยะเยือกตกกระทบลงบนร่างกายของกลุ่มคนที่กำลังสวมชุดสีดำกระจัดกระจายอยู่ในสุสาน
มีคนที่มาร่วมงานศพของไห่ลี่หมินไม่มากนัก ภายใต้เจตนารมณ์ของหลินหลิง จึงมีเพียงเพื่อนบางคนที่คุ้นเคยเป็นพิเศษเท่านั้นที่อยู่ในงาน ในขณะที่ไห่โจ๋ซวนจับมือหลินหลิงอยู่นั้น ก็ได้เห็นว่าหลังจากที่เย่เนี่ยนโม่ลงมาจากรถ เพราะว่าเขาไม่ได้ผูกเชือกรองเท้าให้เรียบร้อย เย่เชินหลินก็เลยนั่งลงช่วยเย่เนี่ยนโม่ผูกรองเท้าด้วยตัวเอง และเซี่ยชีหรั่นที่อยู่ข้างๆก็ช่วยกางร่มให้พวกเขาสองคน
ในขณะที่ไห่โจ๋ซวนกำลังมองดูฉากที่กลมเกลียวกันของครอบครัวเย่เนี่ยนโม่อยู่ เขาก็จับมือของหลินหลิงอย่างแน่นขนัดในทันที หลินหลิงสังเกตเห็น จึงหันหน้าไปมองครอบครัวของเย่เชินหลิน และภายในดวงตานั้นมีความเจ็บปวดที่เข้มข้นมากจนไม่อาจขจัดออกไปได้
เสียงเอะอะโวยวายที่อยู่ด้านข้างดึงดูดทุกคนเสียแล้ว “อย่ามัดสิ ข้าเดินเองได้!” ผู้ชายที่พูดด้วยสำเนียงกวางตุ้งกับผู้ชายร่างผอมอีกคนหนึ่งถูกจางเฟิงอี้ลากไปจนถึงข้างหลุมฝังศพของไห่ลี่หมินอย่างรุนแรง
สีหน้าของหลินหลิงเย็นชาในทันที เธอปล่อยมือจากไห่โจ๋ซวนแล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าชายทั้งสองคน จากนั้นก็ยื่นมือออกมาตบพวกเขาคนละหนึ่งฉาด ชายทั้งสองคนตกตะลึงไปชั่วครู่และก็กำลังจะตอบโต้กลับ ก็ถูกจางเฟิงอี้ถีบไปหนึ่งทีจนลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว
เย่เชินหลินก้าวไปข้างหน้าและมองทั้งสองคนอย่างเย็นชาและพูดว่า “ปิดปากพวกมันซะ อย่าปล่อยให้ส่งเสียงรบกวนภายในงานได้” ทันทีที่เย่เชินหลินพูดจบปากของชายสองคนนั้นก็ถูกจางเฟิงอี้เอาแถบผ้ามาอุดเอาไว้
ชายทั้งสองคนนอนคว่ำหน้าร้องครวญครางอยู่ข้างๆหลุมฝังศพของไห่ลี่หมิน อากาศเย็นเยือกลงเรื่อยๆ หลินหลิงจับมือ ไห่โจ๋ซวนไว้แน่นอย่างสุดชีวิต ค่อยๆมองโลงศพของไห่ลี่หมินที่ถูกปกคลุมไปด้วยดินเหนียวทีละนิดๆ เซี่ยชีหรั่นก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นแอบอิงอยู่บนตัวของเย่เชินหลิน หลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงพิธีฌาปนกิจศพก็เสร็จสิ้นลง หลินหลิงก็ไปทักทายถามสารทุกข์สุกดิบผู้คนที่อยู่อย่างหร็อมแหร็มโดยรอบ
ไห่โจ๋ซวนเดินไปหาชายสองคนและมองดูพวกเขาอยู่อย่างเย็นชา แล้วเอื้อมมือไปดึงแถบผ้าออกจากปากของชายคนหนึ่ง และถามว่า “คุณก็ยิงด้วยใช่ไหม?”
ผู้ชายที่พูดสำเนียงกวางตุ้งก็พูดอย่างดูถูกเหยียดหยามขึ้นมาว่า “เจ้าเด็กน้อยคนนี้หลบไปไกลๆเลยนะ ไม่งั้นเอ็งก็ปล่อยข้าไปก่อนสิ แล้วข้าก็จะบอกเอ็ง?”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset