สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1363 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1263

ไห่โจ๋ซวนขมวดคิ้ว แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้งว่า “คุณเป็นคนยิงหรือเปล่า!”
ชายที่พูดสำเนียงกวางตุ้งขยิบตาให้เพื่อน แล้วพูดว่า “จริงๆแล้วเรื่องนี้มันมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่จริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้น เอ็งก็แกะมือข้างหนึ่งของข้าออก แล้วข้าค่อยบอกเอ็ง มือของข้ามีบาดแผล พอคลายเชือกออกแล้วข้าก็หนีไปไม่ไหวหรอก”
ไห่โจ๋ซวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อคลายเชือกที่มือข้างหนึ่งให้ชายคนนั้น ดวงตาของชายคนนั้นเป็นประกายขึ้นมา และมือของเขาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าที่เอวด้านหลังของเขาอย่างเงียบๆ ภายในซ่อนมีดเล่มเล็กๆเอาไว้หนึ่งเล่ม ขอเพียงแค่ใช้เด็กคนนี้เป็นตัวประกัน ก็ไม่ต้องกลัวว่าคนพวกนี้จะไม่ปล่อยพวกเขาไปได้แล้ว
หลังจากที่ไห่โจ๋ซวนถูกลักพาตัวไปไกลถึงแอฟริกา ไห่ลี่หมินก็ได้เชิญครูสอนเทควันโดมาสอนเทควันโดให้ไห่โจ๋ซวนเป็นกรณีพิเศษ เมื่อเขาเห็นว่าชายคนนั้นคิดจะต่อต้าน ไห่โจ๋ซวนก็เลยต่อยไปที่ข้อมือของชายคนนั้นหนึ่งหมัด แม้ว่าเขาจะไม่มีเรี่ยวแรงเพียงพอเพราะว่าเขาอายุยังน้อย แต่ก็ทำให้ชายคนนั้นตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกและมีดก็ร่วงหล่นลงกับพื้นได้เช่นเดียวกัน
ชายคนนั้นต้องการจับมีด ไห่โจ๋ซวนจึงหยิบมีดขึ้นมาแล้วกดลงไปที่คอของชายคนนั้น เลือดที่ค่อยๆไหลซึมออกมาทีละน้อยทำให้ไห่โจ๋ซวนมีความรู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้น แล้วมีดก็ได้เข้าใกล้เนื้อมากขึ้นอีกนิด ความคิดที่จะแก้แค้นให้กับไห่ลี่หมินยังคงอยู่ในสมองของไห่โจ๋ซวนไม่สามารถลืมเลือนได้
“โจ๋ซวน!” เซี่ยชีหรั่นที่อยู่ข้างๆรีบวิ่งมาขว้างมีดทิ้งไป แล้วกอดไห่โจ๋ซวนไว้ในอ้อมแขน ตามด้วยเย่เชินหลินที่รีบวิ่งมาเตะชายสองคนนั้นออกไป แล้วกำชับกับจางเฟิงอี้ว่า “สั่งสอนไปทีหนึ่งแล้วพาไปสถานีตำรวจซะ”
พอเกิดเรื่องเหล่านั้นในงานศพ เซี่ยชีหรั่นก็เลยไม่กล้าปล่อยให้ไห่โจ๋ซวนอยู่ในบ้านคนเดียว เธอจึงไปพูดกับหลินหลิง แล้วพาไห่โจ๋ซวนมาอยู่ที่บ้านตระกูลเย่
ในห้องรับแขก ไห่โจ๋ซวนกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ เย่ชูฉิงที่อยู่ข้างๆก็ถูกพี่เลี้ยงอุ้มอยู่ พอเย่ชูฉิงเห็นไห่โจ๋ซวน ก็บิดมือเล็กๆ อ้วนๆแล้วชูมือโบกไปทางไห่โจ๋ซวน และพูดว่า “อุ้มอุ้ม!”
พี่เลี้ยงยิ้มแล้ววางเย่ชูฉิงลง เย่ชูฉิงเดินโซเซและโบกมือทั้งสองข้างไปทางไห่โจ๋ซวน เมื่อเขากำลังจะไปถึงไห่โจ๋ซวน ไห่โจ๋ซวนก็ลุกขึ้นยืนและหลบหลีกมือของเย่ชูฉิงที่ต้องการคว้าเสื้อผ้าของตัวเองทันที
เย่ชูฉิงเสียการทรงตัวและล้มตัวลงกับพื้น เงยหน้าขึ้นมองไห่โจ๋ซวนอย่างน่าสงสาร แล้วเบ้ปากและร้องไห้ออกมา
ไห่โจ๋ซวนมองดูเย่ชูฉิงร้องไห้ฟูมฟายอย่างเฉยเมย ภายในใจก็มีความปิติยินดีที่ไม่สามารถอธิบายได้อยู่เล็กน้อย แด๊ดดี้ของเขาไม่อยู่แล้ว แถมตัวเองยังต้องมาอาศัยอยู่ในบ้านของคนที่ทำร้ายแด๊ดดี้อีก เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ในหัวใจของไห่โจ๋ซวนก็ยิ่งรู้สึกเกลียดชังมากขึ้นไปอีก
“ชูฉิง?” เสียงของเซี่ยชีหรั่นดังมาจากบันได เซี่ยชีหรั่นรีบรับเย่ชูฉิงจากมือของพี่เลี้ยงมากอดเอาไว้ในอ้อมแขนและโอ๋เขา เย่ชูฉิงนอนพิงอยู่บนไหล่ของเซี่ยชีหรั่น แล้วมองไห่โจ๋ซวนที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย
พอไห่โจ๋ซวนเห็นเซี่ยชีหรั่นรักเย่ชูฉิงอย่างสุดจิตสุดใจเช่นนี้ ก็กำลังคิดในใจว่าเย่ชูฉิงไว้วางใจตัวเองถึงขนาดนี้ ถ้าตัวเองรังแกเย่ชูฉิงขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นจะยิ่งเจ็บปวดใจมากขึ้นหรือไม่?
พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าท่าทางที่เย็นชาของไห่โจ๋ซวนก็เปลี่ยนเป็นท่าทางที่สนิทสนมขึ้นมา แล้วเดินไปตรงหน้าเซี่ยชีหรั่นและพูดอย่างน่าเอ็นดูว่า “น้องชูฉิง เมื่อกี้พี่ชายไม่ระวัง พี่ขอโทษนะ”
เย่ชูฉิงสะอึกสะอื้นและมองไห่โจ๋ซวน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทางที่ดูดุร้ายและใจดำเหมือนในตอนแรกอีกต่อไป สักพักใหญ่จึงยื่นมือทั้งสองข้างออกไปหาไห่โจ๋ซวนใหม่ “อุ้มอุ้ม!”
ในขณะที่ไห่โจ๋ซวนกำลังอุ้มเย่ชูฉิงอยู่เซี่ยชีหรั่นก็ยิ้มแย้ม เซี่ยชีหรั่นเห็นไห่โจ๋ซวนอารมณ์มั่นคงแล้วจึงวางใจขึ้นมา เย่เชินหลินเดินเข้ามาทางประตูใหญ่ จึงรีบเดินไปข้างหน้าเซี่ยชีหรั่นแล้วถามว่า “สองคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“ฆ่าคนโดยเจตนา ผมพลิกแพลงลูกไม้เข้าไปด้วยนิดหน่อย ก็เพียงพอที่จะเอาพวกมันเข้าไปนั่งอยู่ในคุกได้แล้ว” เมื่อเย่เชินหลินพูดถึงสองคนนั้นสีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมา
“งั้นซือซือล่ะ?” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เย่เชินหลินไม่เคยพูดถึงซือซือเลย เย่เชินหลินกวาดสายตามองไปที่ไห่โจ๋ซวน เขาไม่อยากพูดเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าเด็กคนนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเศร้าโศกเสียใจของเด็กคนนี้
ไห่โจ๋ซวนที่กำลังอุ้มเย่ชูฉิงอยู่ข้างๆก็พูดอย่างน่าเอ็นดูขึ้นมาว่า “น้าเซี่ยผมพาชูฉิงออกไปอาบแดดข้างนอกนะครับ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ไห่โจ๋ซวนอุ้มเย่ชูฉิงออกประตูไปกลับไม่ได้จากไปไหน แต่วางเย่ชูฉิงเอาไว้ แล้ววิ่งไปแอบฟังที่หน้าต่าง
ภายในห้องเย่เชินหลินพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ผู้หญิงคนนี้ผมจะจัดการเอง เธอทำเรื่องเลวๆมากเกินไปแล้วจริงๆ ผมจะพาเธอไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ แล้วให้คนเฝ้าดูเธอ”
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจ เรื่องราวดำเนินมาถึงวันนี้ เธอไม่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงอะไรให้ซือซือได้แล้ว เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เรื่องนี้ควรจะจบลงได้แล้ว”
ในขณะที่ไห่โจ๋ซวนที่อยู่นอกหน้าต่างกำลังฟังการสนทนาระหว่างเย่เชินหลินและ เซี่ยชีหรั่นอยู่นั้น คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น ฆาตกรที่ฆ่าแด๊ดดี้ของตนเองคนนั้นกับแด๊ดดี้ตระกูลเย่น่าจะรู้จักกันดี และแล้วเขาก็มีความรู้สึกว่าชายเสื้อถูกถึงขึ้นมา พอไห่โจ๋ซวนก้มลงไป ก็เห็นเย่ชูฉิงยื่นมือเล็กๆออกมาและพยายามจะเอื้อมไปให้ถึงนิ้วก้อยของไห่โจ๋ซวน
นี่คือวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ไห่โจ๋ซวนมักใช้กับเย่ชูฉิงเมื่อตอนที่เย่ชูฉิงยังเล็กๆ ในขณะที่กำลังมองดูการกระทำที่เย่ชูฉิงพยายามที่จะดึงมือของตัวเองอยู่นั้น ก็ชักนำให้ความทรงจำที่อ่อนโยนในหัวใจของไห่โจ๋ซวนหวนกลับมาอีกครั้ง ไห่โจ๋ซวนโน้มตัวลง แล้วยื่นนิ้วของตัวเองให้เย่ชูฉิง และแอบจดจำสถานที่ที่ใช้คุมตัวซือซือเอาไว้ในใจเงียบๆ
วันรุ่งขึ้น คนขับรถไปส่งเย่เนี่ยนโม่กับไห่โจ๋ซวนที่โรงเรียน พอเข้าไปในประตูโรงเรียนแล้ว ไห่โจ๋ซวนก็หยุดเดิน แล้วเย่เนี่ยนโม่จึงถามด้วยความแปลกใจว่า “เป็นอะไรไปเหรอ?”
“ฉันนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เอาสมุดการบ้านมา นายเข้าไปก่อนเลย ช่วยพูดกับคุณครูให้ฉันด้วยนะ” ไม่ทันได้รอให้เย่เนี่ยนโม่ตอบอะไรไห่โจ๋ซวนก็วิ่งออกไปจากประตูโรงเรียนแล้ว
สถานสงเคราะห์อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของทั้งสองคน พอไห่โจ๋ซวนวิ่งไปถึงสถานสงเคราะห์ ก็บังเอิญเห็น เซี่ยชีหรั่นเดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่งพอดี เธอปิดประตู แล้วเขย่งเดินเข้าไป และไห่โจ๋ซวนก็แอบฟังอยู่ที่หน้าประตู
เซี่ยชีหรั่นไม่เคยคิดเลยว่าไห่โจ๋ซวนจะอยู่นอกประตู พอเดินไปอยู่ตรงหน้าซือซือที่ถูกมัดอยู่ เซี่ยชีหรั่นก็เอาแถบผ้าที่อยู่ในปากของซือซือออกมา แล้วยกมือขึ้นไปตบซือซือหนึ่งฉาด และพูดอย่างเย็นชาว่า “ตบนี้สำหรับลี่หมิน”
ซือซือกรีดร้องขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นจึงใช้หลังมือตบไปอีกหนึ่งฉาด “ตบนี้สำหรับหลินหลิงกับโจ๋ซวน”
“เซี่ยชีหรั่น แกบ้าไปแล้วหรือเปล่า!” ใบหน้าของซือซือถูกตบจนแดงก่ำ แล้วไปหดตัวอยู่ในมุมห้อง เซี่ยชีหรั่นเดินเข้าไปใกล้ แล้วยกใบหน้าของซือซือขึ้นมาตบอีกฉาดหนึ่ง “ตบนี้สำหรับตูตู”
“หยุดนะ!” ผมชองซือซือกระจายสยายลง ใบหน้าก็ถูกตบตีจนบวมขึ้นเป็นอย่างมาก เธอหลีบหลีกเซี่ยชีหรั่นอย่างกระเซอะกระเซิง เซี่ยชีหรั่นหยุดมองซือซืออย่างสงบนิ่ง ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้น ซือซือนึกว่าเซี่ยชีหรั่นกำลังจะตบตีตัวเองอีกครั้ง เธอจึงหลบไปข้างๆ
“เพี๊ยะ!” เซี่ยชีหรั่นตบตัวเองอย่างรุนแรงไปหนึ่งฉาด แล้วพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “นี่สำหรับตัวฉันเอง ถ้าฉันบอกทุกคนเรื่องที่เธอคือซ่งหวั่นถิง ลี่หมินก็คงไม่ตายอย่างนั้นในวันนี้”
ทันใดนั้นซือซือก็หัวเราะขึ้นมา เธอหัวเราะจนนอนคว่ำหน้าลงกับพื้นอย่างไม่อาจควบคุมได้ แล้วเงยหน้าที่ถูกเซี่ยชีหรั่นตบขึ้นมาและพูดว่า “ใช่แล้ว ฉันต้องขอบคุณจิตใจที่มีเมตตากรุณาของเธอด้วยนะ ที่ช่วยฉันรักษาความลับได้นานขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นฉันก็คงทำไม่สำเร็จ ดังนั้น การตายของไห่ลี่หมินล้วนแล้วแต่เกิดจากฝีมือของเธอทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเธอช่วยฉันปิดบัง ฉันก็คงไม่มีโอกาสทำเรื่องมากมายขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอต้องการไปช่วยเด็ก ไห่ลี่หมินก็คงไม่ตาย เธอนั่นแหล่ะคือคนที่สมควรโดนตบมากที่สุด!”
เซี่ยชีหรั่นรับฟังอย่างเงียบๆ ไม่ว่าซือซือจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอย่างไรก็ตาม ผ่านไปสักครู่จึงพูดว่า “ฉันจะชดเชยด้วยชีวิตทั้งชีวิตของฉัน แต่เธอก็ต้องได้รับโทษอย่างสาสมเหมือนกัน!”
หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นได้ทิ้งคำพูดเอาไว้ก็เดินจากไป โดยที่มองไม่เห็นว่ามีร่างเงาเล็กๆร่างหนึ่งคลานเข้ามาในห้องหลังจากที่ตัวเองเดินจากไปแล้ว ไห่โจ๋ซวนมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่สับสน ในใจของเขาเหมือนมีคลื่นลูกใหญ่กำลังโหมซัดสาดมานานแล้ว ที่แท้ล้วนเป็นเพราะเซี่ยชีหรั่นให้ท้ายคนเลวคนนี้ จึงทำให้แด๊ดดี้ของเขาต้องตาย ความเกลียดชังของไห่โจ๋ซวนที่มีต่อเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินยิ่งทวีพูลมากขึ้น แม้กระทั่งกับเย่เนี่ยนโม่กับเย่ชูฉิงเขาก็รู้สึกแค้นใจขึ้นมาเหมือนกัน
ซือซือจำไห่โจ๋ซวนขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว จึงถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยว่า “ได้ยินคำพูดเมื่อกี้หมดแล้วใช่ไหม?”
ไห่โจ๋ซวนไม่พูดอะไร ในขณะที่ซือซือกำลังมองดูสีหน้าท่าทางอาฆาตแค้นของเด็กที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ในสมองก็คิดวนไปวนมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วน้ำตาก็หลั่งไหลลงมาทั้งสองข้าง และพูดกับไห่โจ๋ซวนว่า “ในตอนแรกฉันก็มีลูกอยู่หนึ่งคนเหมือนกัน ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่น่าจะสูงกว่าเธอแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเซี่ยชีหรั่นที่เป็นคนฆ่าเขา ดังนั้นฉันจึงได้แก้แค้นพวกเขา คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำร้ายพ่อของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ”
เมื่อเห็นไห่โจ๋ซวนไม่พูดอะไร ซือซือจึงพูดต่อไปว่า “สำหรับเรื่องของพ่อเธอฉันต้องขอโทษจริงๆนะ และฉันก็ยินดีที่จะชดใช้ความผิดด้วย แต่ก่อนที่จะชดใช้ความผิด ฉันต้องทำให้เซี่ยชีหรั่นได้รับโทษอย่างเด็ดขาดซะก่อน เธอกับฉันต่างก็ตกเป็นเหยื่อกันทั้งนั้น เธอยินดีที่จะมาอยู่ข้างฉันไหมล่ะ?”
ไห่โจ๋ซวนเงยหน้าขึ้นมามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยจิตใจที่หวั่นไหวเล็กน้อย ซือซือยิ้มแย้มอย่างรู้ทัน และพูดว่า “ฉันแค่ต้องการให้เธอทำอะไรบางอย่างเท่านั้นเอง…”
ในคืนวันนั้น จางเฟิงอี้รีบเดินเข้าไปในบ้านตระกูลเย่ แล้วบอกกับเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินว่า “เกิดไฟไหม้ที่สถานสงเคราะห์ ห้องที่ถูกไฟไหม้คือห้องของซือซือครับ”
ตอนที่เซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินมาถึง ห้องก็ไหม้จนไม่เหลือเค้าโครงเดิมแล้ว เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าซือซือยังคงอยู่ข้างใน และคิดจะรีบไปช่วยซือซือในทันที มือของเธอถูกเย่เชินหลินจับเอาไว้ แล้วเย่เชินหลินก็ส่ายหน้า ด้วยไฟที่แรงขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ข้างในล้วนไม่สามารถมีชีวิตรอดออกมาได้แล้ว
“มีการวางมุ้งกันยุงและเด็กบางคนก็เปลี่ยนและซักเสื้อผ้าอยู่ในห้องตามปรกติ แล้วกลางดึกไฟฟ้าก็ดับ เป็นไปได้ว่าเทียนอาจจะพลิกคว่ำในตอนนั้น คนก็เลยไม่ได้หนีออกมาครับ” จางเฟิงอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
ในขณะที่เซี่ยชีหรั่นกำลังมองดูรถดับเพลิงที่วิ่งไปวิ่งมาและเร่งมือทำงานกันอยู่ข้างหน้า เปลวเพลิงก็ลุกโชนขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับว่าได้เผาไหม้อดีตที่ผ่านมาไปหมดแล้ว ทันใดนั้นเย่เชินหลินที่อยู่ข้างๆก็จับมือของตัวเองเอาไว้แน่นสุดชีวิต
เซี่ยชีหรั่นหันหน้าไป ก็เห็นเย่เชินหลินมองไปที่เปลวไฟด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก นอกจากฝ่ามือที่บีบรัดจนแน่นขนัดไม่หยุดแล้ว ก็ไม่เห็นร่องรอยของความรู้สึกใดๆอีก
ไฟไหม้จนถึงตอนเช้า เย่เชินหลินบอกว่าจะไปที่บริษัทและให้เซี่ยชีหรั่นกลับบ้านไปก่อน ในขณะที่เซี่ยชีหรั่นกำลังหอบหิ้วร่างที่เหนื่อยล้ากลับบ้านอยู่นั้น ราวกันของห้องด้านข้างก็มีเสียงกระซิบดังขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นเห็นไห่โจ๋ซวนปิดประตูให้เรียบร้อยแล้วส่งยิ้มให้ตัวเอง แถมยังกล่าวคำทักทายขึ้นมาว่า “น้าเซี่ยครับ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าด้วยความชื่นใจ และดีใจที่ไห่โจ๋ซวนสามารถกลับมาเป็นคนเดิมได้รวดเร็วขนาดนั้น โดยที่เธอไม่เห็นเลยว่าไห่โจ๋ซวนหันหลังกลับเข้าไปในรถด้วยรอยยิ้มที่ยกขึ้นมาจากมุมปากของเขา
เย่เชินหลินโกหกเซี่ยชีหรั่น เขาไม่ได้ไปที่บริษัทเลย แต่นั่งเครื่องบินไปที่เซี่ยงไฮ้แทน ในสำนักงานของโรงพยาบาลเอกชนในฮ่องกง คุณหมอที่เป็นคนผิวขาวกำลังดูรายงานที่อยู่ในมือของเย่เชินหลิน และตรวจดูดวงตาของเย่เชินหลินสองสามครั้ง แล้วถามว่า “มันเริ่มเบลอตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
“นานมากแล้วครับ แต่ความถี่ไม่สูงมาก ล่าสุดก็คือเมื่อคืนวาน ตอนที่มองเห็นแสงไฟตาก็พร่ามัวไปพักหนึ่งครับ”
คุณหมอพยักหน้า แล้วพยาบาลที่เดินเข้าประตูมาก็ถือรายงานที่อยู่ในมือไป เขาเหลือบมองสองสามครั้ง แล้วถอนหายใจและพูดว่า “จากการตรวจเมื่อสักครู่ กลไกทางกายภาพในตอนนี้เป็นปกติดีทุกอย่าง ดังนั้นในกรณีที่เรายังหาสาเหตุไม่พบผมขอให้คุณเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset