สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1364 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1264

เย่เชินหลินขมวดคิ้ว และโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นั่นคือเซี่ยชีหรั่น สีหน้าของเย่เชินหลินอ่อนโยนลงแล้วเล็กน้อย เขารับสายและหันหลังไปพูดอะไรบางอย่างกับเซี่ยชีหรั่นด้วยน้ำเสียงไปทุ้มต่ำแล้วก็คิดจะเดินออกไป คุณหมอจึงร้องเรียกเย่เชินหลินว่า “คุณเย่ ผมแนะนำให้คุณเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาการป่วยมันรุนแรงมากขึ้นนะครับ”
เย่เชินหลินหยุดฝีเท้าไปชั่วขณะ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง หลังจากที่กลับจากเซี่ยงไฮ้มาถึงบ้านตระกูลเย่ ไห่โจ๋ซวนก็กำลังป้อนข้าวให้เย่ชูฉิง เย่ชูฉิงกำลังอมกับข้าวอยู่และไม่ยอมกลืนลงไป ไห่โจ๋ซวนจึงกระซิบเกลี้ยกล่อมอยู่ข้างๆ
“คุณชาย คุณนายไปที่สถานสงเคราะห์แล้วครับ” พ่อบ้านพูดอยู่ข้างๆ เย่เชินหลินพยักหน้า เมื่อเขาหันหลังกลับไปก็มีอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นมาครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็ขุ่นมัวขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณชาย?” พ่อบ้านอยู่ข้างๆใช้สายตาสอบถามเย่เชินหลินที่ยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อนเย่เชินหลินหยุดชะงักไปสักพัก ดวงตาจึงกลับมาสดใสอีกครั้ง
เขาแทบจะรีบไปที่สถานสงเคราะห์โดยไม่ได้หยุดพัก เซี่ยชีหรั่นยืนอยู่ในห้องที่ซือซือถูกไฟคลอกจนเสียชีวิตจริงๆด้วย เย่เชินหลินยืนอยู่ข้างหลังเซี่ยชีหรั่น แล้วกอดเซี่ยชีหรั่นเอาไว้แน่น
เซี่ยชีหรั่นตื่นตกใจ ทันใดนั้นจึงถามขึ้นมาว่า “เชินหลิน เป็นอะไรไป?”
เย่เชินหลินปล่อยเซี่ยชีหรั่น แล้วมองห้องที่ถูกไฟไหม้จนไม่เหลือเค้าโครงเดิมด้วยความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจและพูดว่า “เธอจากไปอย่างกะทันหัน เกี่ยวพันกันมานานขนาดนี้ กลับทำให้คนทำอะไรไม่ถูกเลย”
เซี่ยชีหรั่นจมอยู่ในความคิดของตัวเอง โดยไม่สังเกตเห็นความอ่อนโยนที่มีอยู่ในสายตาของเย่เชินหลิน มือของเธอถูกจูงออกไปข้างนอกเบาๆ แล้วเสียงของเย่เชินหลินก็ดังขึ้นมาว่า “เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ จากวันนี้เป็นต้นไปไม่ต้องไปคิดถึงมันอีก แล้วก็อย่าผูกมัดตัวเองด้วยเรื่องนี้อีกเลยนะ”
หลังจากที่กลับมาจากสถานสงเคราะห์ เซี่ยชีหรั่นไม่ได้เจอเย่เชินหลินติดต่อกันหลายวันแล้ว ในตอนเย็น ไห่โจ๋ซวนพาเย่วูพ่อบ้านและคนใช้เข้านอนแล้ว เซี่ยชีหรั่นเดินเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่าและนอนไม่หลับ เธอจึงโทรหาเย่เชินหลิน ภายหลังจากที่เสียงสายไม่ว่างดังขึ้นนานมาก เย่เชินหลินจึงรับสายโทรศัพท์
“คุณยุ่งอยู่ไหมคะ?” เซี่ยชีหรั่นได้ยินเสียงของเย่เชินหลินจึงรีบพูดขึ้นมา
“ก็ดีครับ ทำไมคุณยังไม่นอน?” เย่เชินหลินถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ดูเหมือนว่าอารมณ์จะสูงมาก
เซี่ยชีหรั่นถามว่า “ยังไม่กลับมาวันนี้เหรอคะ?”
“อืม ที่บริษัทงานยุ่งนิดหน่อยน่ะ รีบเข้านอนนะครับ” พอเย่เชินหลินพูดจบเขาก็วางสายลง เซี่ยชีหรั่นโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์การเผาตัวเองจนเสียชีวิตของซือซือ หลายวันมานี้เย่เชินหลินก็ยุ่งตลอด
อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ที่บริษัทเกิดความล่าช้าในหลายๆเรื่องมากเกินไปสินะ เซี่ยชีหรั่นปลอบใจตัวเอง และอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ จางเฟิงอี้พูดกับเย่เชินหลินว่า “คุณไม่คิดจะบอกคุณนายจริงๆหรือครับ ด้วยนิสัยของเธอ เธออาจจะคิดมากได้นะครับ”
เย่เชินหลินส่ายหน้า เขาไม่อยากให้ เซี่ยชีหรั่นตกใจก่อนที่ผลตรวจจะออกมา และถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าผลแล้วเขาก็ไม่อยากบอกเรื่องนี้กับเซี่ยชีหรั่นเหมือนเดิม
จางเฟิงอี้ที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมาอีกว่า “หาตั้งหลายรอบแล้ว ซือซือไม่สามารถหนีออกมาจากในกองเพลิงได้หรอก แต่ในกองเพลิงก็ไม่มีซากกระดูกศพของเธออยู่จริงๆ อีกอย่างคุณนายเป็นคนเดียวที่ได้พบกับซือซือในวันนั้นด้วยนะครับ”
เย่เชินหลินโบกมือห้ามคำพูดที่จางเฟิงอี้ต้องการจะพูดออกมา แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของจางเฟิงอี้ดี ถ้าซือซือหนีไปแล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นคนปล่อยเธอไปก็ต้องจับตัวกลับมาให้ได้ และไม่อาจเก็บตัวปัญหาคนนี้เอาไว้อย่างแน่นอน
“คุณเย่ ผมขอโทษครับ ณ ที่นี้ยังไม่มีหนทางตรวจสอบออกมาได้เลยว่าทำไมจู่ๆดวงตาของคุณถึงได้สูญเสียการมองเห็นทั้งสองข้าง ในขั้นตอนต่อไปคุณสามารถใช้วิธีการใหม่ล่าสุด เพื่อค้นหาว่านี่เป็นอาการที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่จากการตรวจDNA”
เย่เชินหลินพยักหน้า และยอมรับความจริงอย่างไม่ยอกย้อน พอหันหลังจะเดินออกไป คุณหมอก็เรียกเย่เชินหลินจากข้างหลังว่า “คุณเย่ ขอแนะนำให้คุณพักรักษาตัวอยู่ที่ลอสแองเจลิสจะดีกว่านะครับ ยังไงซะระดับการรักษาของที่นี่ก็ค่อนข้างสูงพอสมควรเลย”
เย่เชินหลินหันหน้าไปมองคุณหมอ ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมเลี้ยงลูกแมวตัวหนึ่งเอาไว้ในบ้าน ถ้าไม่กลับไปเกรงว่าลูกแมวของผมจะกระวนกระวายใจน่ะสิครับ”
เย่เชินหลินเดินออกไปแล้ว คุณหมอจึงพึมพำเบาๆว่า “คนจีนนี่รักสัตว์มากจริงๆ”
เย่เชินหลินรีบนั่งเครื่องบินส่วนตัวจากลอสแองเจลิสกลับไปยังประเทศจีน และทั้งหมดนี้เซี่ยชีหรั่นล้วนไม่รู้อะไรเลย ในความฝัน เย่เชินหลินนั่งอยู่คนเดียวและมองดูตัวเองอยู่ข้างๆ ไม่เข้าไปใกล้ๆ แล้วก็ไม่ห่างไปไกล
“เชินหลินหรอ?” เซี่ยชีหรั่นพึมพำออกมาเบาๆ พอรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่อ่อนโยนอยู่บนริมฝีปากเซี่ยชีหรั่นก็พลิกตัวตื่นขึ้นมา
ตรงหน้าคือใบหน้าอันหล่อเหล่าที่ขยายใหญ่ขึ้นของเย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นกระพริบตาปริบๆ ไม่ว่าเย่เชินหลินจะดูดตัวเองอยู่ก็ตาม จนกระทั่งเซี่ยชีหรั่นพบว่าไหล่ของตัวเองเย็นซู่ขึ้นมา จึงผลักเย่เชินหลินออกไปในทันที แล้วดึงชุดนอนขึ้นมาถึงบนไหล่
“เช้าแล้ว! จะทำอะไร!” ใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นแดงก่ำขึ้นมาเพราะความตื่นเต้น ช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นหลายเรื่อง เธอกับเย่เชินหลินไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้มาหนึ่งอาทิตย์แล้ว พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของ เซี่ยชีหรั่นก็ยิ่งแดงมากขึ้น
“คิดอะไรอยู่หรอ?” เย่เชินหลินเหยียบขอบเตียงขึ้นไปแล้วค่อยๆเข้าไปใกล้เซี่ยชีหรั่นทีละก้าวๆ เซี่ยชีหรั่นถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว เธอเอนหลังพิงเข้ากับเสาเตียงที่เย็นยะเยือกแล้วหลับตาลงด้วยความเขินอาย
ไม่ได้มีพายุฝนที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงในจินตนาการ ผมที่อยู่บนหน้าผากของเธอถูกปัดออก และนำมาซึ่งความรู้สึกที่หนาวเย็นเล็กน้อย พอเซี่ยชีหรั่นลืมตาขึ้นมา ก็เห็นขนตางอนยาวของเย่เชินหลิน
“ยังเจ็บอยู่ไหม?” เย่เชินหลินลูบบาดแผลที่เซี่ยชีหรั่นถูกหลัวหมี่เสว่ทำร้าย แม้จะแกะผ้าพันแผลออกแล้ว แต่ปากแผลก็ยังมีรูอยู่หนึ่งรู
เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดไปมา จึงพูดออกมาหนึ่งประโยคว่า “เจ็บจะตายอยู่แล้ว”
มือของเย่เชินหลินยิ่งเบาและนุ่มนวลขึ้น แต่สายตากลับยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเซี่ยชีหรั่นก็เลยคว้ามือของเย่เชินหลินมาวางไว้ข้างแก้มแล้วถูไปมา และพูดอย่างมีความสุขว่า “ถ้าเอาความเจ็บปวดทั้งหมดมาแลกเปลี่ยนเป็นความสุข ฉันคิดว่าความเจ็บปวดนี่มันก็คุ้มค่ามากเลย! เฮ้ ดีดทำไมฉันเนี่ย!”
เซี่ยชีหรั่นจับจมูกที่ถูกดีดจนแดงอยู่และมองเย่เชินหลินอย่างน่าสงสาร เดิมทีเย่เชินหลินตั้งใจจะทำหน้านิ่ง แต่หลังจากที่เห็นท่าทางที่น่าสงสารของเซี่ยชีหรั่นเขาก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “มีใครที่ไหนเขาสาปแช่งตัวเองแบบนี้ รีบไปหวีผมล้างหน้าเดี๋ยวนี้เลย”
เย่เชินหลินจับเซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นมา แล้วตบบั้นท้ายของเซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นถลึงตาใส่เย่เชินหลิน แล้วเอามือปิดบั้นท้ายเอาไว้และวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ทำให้เย่เชินหลินหัวเราะอย่างมีความสุขอีกครั้ง
พอหวีผมล้างหน้าเสร็จ เซี่ยชีหรั่นก็เดินตามเย่เชินหลินลงมาชั้นล่าง พ่อบ้านก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “คุณชาย ที่บ้านเชฟอาหารจีนเกิดเรื่องขึ้นในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เมื่อสักครู่นี้ครับ ผมก็เลยอนุญาตให้รีบกลับ วันนี้เชฟอาหารตะวันตกก็ลาพักร้อน ว่ากันว่าหนีดูจัตุรัสเทียนอันเหมินที่ปักกิ่งแล้วครับ”
พ่อบ้านพูดเสียงเบาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเพราะเขาสะเพร่าและละเลย เซี่ยชีหรั่นยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันกินอะไรก็ได้ มันเป็นปัญหาของฉัน คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะนอนดึกขนาดนั้น”
“ช่วยผู้ผ้ากันเปื้อนให้ผมหน่อย” เย่เชินหลินที่อยู่ข้างๆยื่นผ้ากันเปื้อนสีเรียบๆผืนหนึ่งให้ เซี่ยชีหรั่น เซี่ยชีหรั่นตกตะลึง แล้วเย่เชินหลินก็ใช้สายตาเร่งรัดให้เธอช่วยเย่เชินหลินผูกผ้ากันเปื้อนให้
เซี่ยชีหรั่นดูเย่เชินหลินวางเบคอนอย่างชำนาญ กลิ่นที่หอมกรุ่นกระจายออกมา เธอจึงอดที่จะน้ำลายไหลไม่ได้และอยากจะเข้าไปดูใกล้ๆอีกหน่อย หลังจากที่เธอเข้าไปใกล้ๆแล้วดูเหมือนว่าเย่เชินหลินจะมัวตะลึงอยู่และไม่เคลื่อนไหว ก้นหม้อจึงมีกลิ่นไหม้โชยขึ้นมาเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น? ใกล้จะเกรียมแล้ว” เซี่ยชีหรั่นชี้ไปที่เบคอนที่อยู่ในกระทะอย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นเย่เชินหลินก็วางตะหลิวลง แล้วหันกลับมาถอดผ้ากันเปื้อนออกและพูดอย่างรีบร้อนว่า “ที่บริษัทยังมีเรื่องอยู่นิดหน่อยผมต้องออกไปก่อนแล้ว”
เซี่ยชีหรั่นมองดู เย่เชินหลินสาวเท้าก้าวออกไปจากห้องรับแขกอย่างรวดเร็วจนถึงขั้นเตะของเล่นที่เย่ชูฉิงทิ้งเอาไว้ข้างๆอย่างไม่ระวัง
ณ โรงรถใต้ดินของเย่ซื่อเย่เชินหลินต่อยพวงมาลัยอย่างรุนแรงไปหนึ่งหมัด เมื่อสักครู่นี้ดวงตาของเขาก็เริ่มขุ่นมัวขึ้นมาอีกครั้ง ช่วงนี้อาการกำเริบถี่มากเกินไปแล้วจริงๆ เย่เชินหลินทำจิตใจให้มั่นคงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
เขากดเข้าไปในสมุดรายชื่อของไห่ลี่หมินโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่กำลังมองดูหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่สามารถโทรหาได้ตลอดไปอยู่นั้น สีหน้าของเย่เชินหลินก็มืดมนลง ความโศกเศร้าของหลินหลิงผุดขึ้นมาในหัวสมอง ถึงอย่างไรเขาก็กำหนดไว้แล้วว่าจะต้องจากไป เช่นนั้นเขาจะต้องช่วยเซี่ยชีหรั่นกวาดล้างอุปสรรคให้หมดไปก่อนอย่างแน่นอน จากนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสียงของ แล้วเย่เชินหลินก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลว่า
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” เซี่ยชีหรั่นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ไม่มีอะไร บริษัทมีเรื่องนิดหน่อย คุณออกไปทานอาหารเช้าอย่างเชื่อฟังเถอะ”
เซี่ยชีหรั่นยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่เย่เชินหลินที่อยู่ทางนั้นก็วางสายไปเสียแล้ว เมื่อมองไปในสมุดรายชื่อที่ยาวเหยียด บันทึกการโทรที่เธอโทรกับเย่เชินหลินนั้นกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ทำให้ภายในหัวใจของเซี่ยชีหรั่นวุ่นวายอย่างไม่สามารถอธิบายได้
“คุณนายครับ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชื่อBakerมาหาคุณอยู่ข้างนอกครับ” ยามเฝ้าประตูเข้ามาบอกกับเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ยังไม่ทันรอให้ยามเฝ้าประตูเดินออกประตูไป Bakerก็สาวเท้าก้าวเข้ามาในห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว พยักหน้าเป็นการทักทายเซี่ยชีหรั่น แล้วพูดอย่างตรงประเด็นขึ้นมาว่า “ชีหรั่น คุณรู้เรื่องของหลัวหมี่เสว่หรือเปล่า”
“หลัวหมี่เสว่ เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือคะ?” เซี่ยชีหรั่นถามด้วยความแปลกใจ
Bakerถอนหายใจ ลักษณะท่าทางเป็นอย่างนี้ตามที่คิดไว้จริงๆ เขาพูดว่า “เดิมทีหลัวหมี่เสว่จะต้องติดคุกเพราะโดนข้อหาเจตนาฆ่า แต่เย่เชินหลินถอนฟ้องไปแล้ว” Bakerพูดข้อมูลมากมายที่ตัวเองกุมไว้อยู่จำนวนหนึ่งให้เซี่ยชีหรั่นฟัง
หลังจากที่Bakerเดินออกไป เซี่ยชีหรั่นก็เลยอดไม่ได้ที่จะต่อสายโทรหาเย่เชินหลินอีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะสายไม่ว่างจริงๆ เซี่ยชีหรั่นจึงถอนหายใจ เย่ชูฉิงที่อยู่ข้างๆไม่รับประทานอาหารให้ดีดี จึงเอาซี่โครงที่เคยกัดไปแล้วหนึ่งชิ้นโยนทิ้งลงในชามของไห่โจ๋ซวน เซี่ยชีหรั่นที่จิตใจสับสนวุ่นวายก็เลยตำหนิเบาๆออกมาว่า “ชูฉิง ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ จะเอาของที่เคยทานแล้วมาให้พี่ชายทานได้ยังไงล่ะ!”
“ไม่เป็นไรครับ ชูฉิงไม่ชอบ ผมทานเองก็ได้ครับ” ไห่โจ๋ซวนมองเย่ชูฉิงอย่างเอ็นดู แล้วรับประทานซี่โครงที่อยู่ในชามลงไปอย่างไม่แสลงใจแม้แต่น้อย เซี่ยชีหรั่นอดที่จะรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ โจ๋ซวนเป็นเด็กที่ดีขนาดนั้น แต่น่าเสียดายที่พ่อของเขากลับไม่อยู่เสียแล้ว
ไม่ใช่เย่เชินหลินจะไม่รู้เลยว่าเซี่ยชีหรั่นโทรศัพท์มาหาตัวเอง แต่เพราะว่าตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญต้องทำ ขณะที่กำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟ จางเฟิงอี้ก็เดินมาอย่างรวดเร็ว แล้วกระซิบว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้คนออกมาแล้ว”
เย่เชินหลินพยักหน้า เริ่มเห็นภาพที่เบลอๆบนแท็บเล็ตคมชัดขึ้น
หลัวหมี่เสว่ไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกจับตามองอยู่ ผู้คนเหล่านั้นที่พาเธอออกมาล้วนไม่พูดอะไรสักคำก็ออกมารีบออกไปกันแล้ว
หลัวหมี่เสว่เปิดโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวที่เธอถืออยู่ขึ้นมาโทรหาซือซือ เสียงปิดเครื่องจากโทรศัพท์ดังขึ้นมาทำให้เธอตกใจ
เธอไม่เหลืออะไรแล้ว หลัวกุ้ยเหยาติดคุก ทรัพย์สินของครอบครัวทั้งหมดก็ถูกอายัด แม้แต่บัตรประชาชนและหนังสือเดินทางของเธอก็ฝากเอาไว้กับซือซือทั้งหมด
เธอพลิกกระเป๋ากางเกงไปมา ในกระเป๋ากางเกงมีกระดาษที่เขียนที่อยู่เอาไว้โดยใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์ออกมาอยู่แผ่นหนึ่ง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset