สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1365 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1265

ยังไงซะก็ไม่มีที่ไปอยู่แล้ว งั้นแวะไปดูที่นี่กันก่อนก็แล้วกัน หลัวหมี่เสว่ตัดสินใจที่จะไปยังสถานที่ที่อยู่ในกระดาษโน้ต
รถMaseratiคันหนึ่งแล่นมาจากระยะไกลอย่างรีบด่วน หลัวหมี่เสว่มองดูอยู่ด้วยความอิจฉา เมื่อก่อนเธอก็ได้ขับรถแบบนี้ ตอนนี้อย่าว่าแต่รถคันเล็กๆเลย รถจักรยานสักคันก็ซื้อมาขับไม่ได้
Maseratiไม่ได้แล่นจากไป แต่หยุดอยู่ข้างๆหลัวหมี่เสว่ หลังจากที่เห็นคนที่มาสีหน้าของหลัวหมี่เสว่ก็เขียวปัดขึ้นมา “เซี่ยชีหรั่น”
“หลัวหมี่เสว่เธอไม่เป็นอะไรนะ?” เดิมทีเซี่ยชีหรั่นเพียงแค่อยากจะมาลองเสี่ยงโชคดูสักตั้ง คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับหลัวหมี่เสว่
“เธอเป็นอะไรไปเนี่ย! ฉันจะเป็นหรือไม่เป็นอะไรเธอก็ไม่ต้องมายุ่ง เธอบ้าไปแล้วหรือเปล่า!” หลัวหมี่เสว่คิดว่าเซี่ยชีหรั่นกำลังแช่งเธออยู่ สีหน้าจึงไม่สู้ดีมาก
ทัศนคติของหลัวหมี่เสว่เลวร้ายมาก เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจและสกัดหลัวหมี่เสว่เอาไว้ แล้วพูดเรื่องจริงแบบไม่ปิดบังอะไรอีกต่อไปว่า “ฉันไม่ใช่ชู้ของพ่อเธอ ผู้หญิงที่เป็นชู้จริงๆชื่อว่าซือซือ”
หลัวหมี่เสว่ตื่นตระหนกตกใจ แล้วถามโดยที่ไม่แสดงอารมณ์ใดใดอยู่บนสีหน้าว่า “เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเธอหรอ?”
เซี่ยชีหรั่นหลบไปยืนอยู่ข้างๆและไม่ขวางกั้นอีก แล้วพูดแต่เพียงว่า “ระยะนี้เธอต้องระวังความปลอดภัยด้วยนะ”
หลัวหมี่เสว่ไม่ได้ฟังคำพูดของเซี่ยชีหรั่นอย่างละเอียด แต่สายตากลับจับจ้องไปที่เสื้อผ้าที่เซี่ยชีหรั่นกำลังสวมอยู่
ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์เนมทั้งนั้นเลย พอลองมองดูที่ตัวเองอีกครั้ง สวมใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์จากแผงข้างถนน ช่างน่าขันจริงๆ
เมื่อไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระกับเซี่ยชีหรั่นอีก หลัวหมี่เสว่ก็เลยรีบออกไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยชีหรั่นมองดูแผ่นหลังของหลัวหมี่เสว่อย่างเป็นกังวล และกำลังคิดในใจว่าหวังว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเพราะว่าเธอคิดมากไปเอง
หลัวหมี่เสว่นั่งรถประจำทางสองสามรอบจึงมาถึงที่อยู่ที่เขียนไว้ในกระดาษโน้ต คิดไม่ถึงว่าจะเป็นร้านขายของชำร้านหนึ่งที่อยู่ในซอย
พอเห็นอาหารว่างที่อยู่ในร้านขายของชำ หลัวหมี่เสว่ก็กลืนน้ำลายไปมา ณ ช่วงเวลานี้ เธอหิวจนทนไม่ไหวมาตั้งนานแล้ว
“มีคนอยู่ไหม?” หลัวหมี่เสว่ตะโกนเข้าไปในห้อง ภายในห้องไม่มีใครตอบกลับมา หลัวหมี่เสว่ก็เลยตะโกนขึ้นมาอีกสองสามครั้ง แล้วยังผลักแผงประตูที่อยู่ทางเข้าร้านขายของชำด้วย แผงประตูไม่ได้ล็อกอยู่ ก็เลยถูกเปิดออกมาได้อย่างง่ายดาย
หลัวหมี่เสว่เดินเข้าไปข้างใน รอบๆไม่มีคนอยู่เลย มีเพียงเสียงของพัดลมที่กำลังหมุนอยู่ในห้องดังขึ้นมา
“ไม่ทราบว่ามีใครอยู่ไหมคะ?” หลัวหมี่เสว่เดินเข้าไปในห้อง ก็เห็นคนคนหนึ่งกำลังนอนหันหลังให้ตัวเองอยู่บนพื้น
ด้วยความตกใจ หลัวหมี่เสว่จึงคิดอยากจะหนีออกไป แต่กลับถูกตีที่ท้ายทอยอย่างแรง ชั่วพริบตาเดียวเธอก็ทรุดตัวลงกับพื้นแล้วก็สลบไปทันที
มีคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาเป็นขบวน ในขณะที่เย่เชินหลินที่เป็นหัวหน้ากำลังมองหลัวหมี่เสว่ที่ทรุดตัวลงกับพื้น ก็สั่งจางเฟิงอี้ว่า “เริ่มทำได้เลย”
จางเฟิงอี้พูดด้วยความลังเลว่า “อันที่จริงเธอก็ไม่เคยทำมาก่อน พวกเราทำแบบนี้มันจะไม่มากเกินไปเหรอครับ? นี่คือชีวิตคนทั้งคนเลยนะครับ?”
เย่เชินหลินขมวดคิ้ว และอดที่จะทอดสายตาไปมองดูแผ่นหลังของหลัวหมี่เสว่ แล้วกัดฟันพูดว่า “ทำตามแผนได้เลย”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เย่เชินหลินกำลังมองดูจางเฟิงอี้เอามีดเล่มหนึ่งแทงเข้าไปในร่างกายของหลัวหมี่เสว่ หลังจากนั้นก็แล้วค่อยๆลบลายนิ้วมือออกอย่างระมัดระวัง
“ฮัลโหล คุณเย่ สมองของคุณเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนหรือเปล่าครับ?” คุณหมอที่อยู่ในสายถาม
เย่เชินหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวตัวเองได้ตกลงไปในรอยร้าวขนาดใหญ่ แล้วศีรษะของฉันก็ถูกกระแทกตอนที่ตกลงไป เพียงแต่ในตอนแรกเขาไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น
“ใช่ครับ” เย่เชินหลินจึงได้เล่าถึงต้นสายปลายเหตุสั้นๆให้เขาฟังหนึ่งรอบ
“งั้นก็ถูกต้องแล้ว มีก้อนเลือดที่เล็กมากอยู่บนเส้นประสาทตา ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นเลย แต่ก้อนเลือดก้อนนี้มันไปกดทับเส้นประสาทตาของคุณ หากไม่ระวังจะทำให้ตาบอดได้ ตอนนี้เป็นการยากเกินไปที่จะเอาก้อนเลือดนี้ออกไป เรายังพยายามคิดหาวิธีอยู่ครับ” คุณหมอที่อยู่ในสายพูด
เมื่อเย่เชินหลินรู้สาเหตุที่ทำให้ตัวเองสูญเสียการมองเห็นแล้วในใจของเขากลับสงบนิ่งลง เขาพูดประโยคสั้นๆกับคุณหมอสองสามประโยคแล้วก็วางสายไป พอจะเข้าไปในห้องเท้าของเขาก็เตะเข้ากับกล่องหนึ่งแถว
ของที่อยู่ในกล่องทั้งหมดล้วนเป็นขนมไหว้พระจันทร์ กล่องที่อยู่รอบๆก็เช่นกัน “อีกหนึ่งอาทิตย์ก็เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วครับ” จางเฟิงอี้ปาดเหงื่อที่อยู่บนใบหน้าแล้วเดินมา
เทศกาลไหว้พระจันทร์? เย่เชินหลินคิดถึงเซี่ยชีหรั่น ในใจของเขาก็อ่อนโยนขึ้นมา ในช่วงสองปีที่ เซี่ยชีหรั่นจากไป เขาทำงานล่วงเวลาตลอดช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ เพื่อที่จะไม่ให้คิดถึงผู้หญิงคนนี้
ณ คฤหาสน์ตระกูลเย่
พ่อบ้านแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเย่เชินหลิน ว่า “ส่งบัตรเชิญให้คนบางคน ว่าขอเชิญให้มารวมตัวกันในเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยนะ”
“รับทราบครับ คุณชาย ผมจะไปทำทั้งหมดนี้ให้นะครับ” พ่อบ้านรับปาก
“ชีหรั่นอยู่ไหม?” เย่เชินหลินถาม
“คุณนายเหรอครับ? คุณนายไม่อยู่ครับ เจ้าหน้าที่Bakerมาที่นี่ หลังจากที่เขาไปแล้วคุณนายก็ตามออกไปครับ” พ่อบ้านรายงานเย่เชินหลินตามความเป็นจริง เย่เชินหลินไม่ได้พูดอะไรมาก แล้ววางสายไปอย่างคล่องแคล่ว
พอพ่อบ้านวางสายลง ก็เห็นเซี่ยชีหรั่นเดินเข้ามา จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณนายครับ นายน้อยโทรมาเมื่อนาทีที่แล้ว แต่น่าเสียดายที่คุณไม่อยู่”
เซี่ยชีหรั่นมองโทรศัพท์ของเธอโดยไม่รู้ตัว แล้วหน้าจอก็ปรากฏขึ้น ไม่มีใครโทรมาตัวเองเลย พอพ่อบ้านเห็นท่าทางนี้ของเซี่ยชีหรั่นเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ จึงรีบพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “ใช่แล้ว คุณชายโทรมาเพื่อที่จะบอกเรื่องเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีนี้ครับ บอกว่าในเทศกาลไหว้พระจันทร์จะต้องเชิญเพื่อนบางคนมารวมตัวกันสักหน่อย คุณนายมีคนที่อยากจะมาเชิญก็บอกผมได้นะครับ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าอย่างขอไปที การที่เธอไม่ได้รับสายของเย่เชินหลินทำให้เธอจิตใจสับสนวุ่นวายเล็กน้อยและไม่อยากอยู่ในบ้าน จึงหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วตรงไปที่บริษัทเครื่องประดับแฟชั่น
ในบริษัทเครื่องประดับแฟชั่น Kittyกับเซี่ยชีหรั่นทักทายกันว่า “ประธานเซี่ยคะ บังเอิญว่าเมื่อกี้ฉันเห็นรถของประธานเย่ขับผ่านไปมาด้วยละค่ะ”
“เห็นชัดหรือเปล่าว่าไปทางไหนแล้ว?” เซี่ยชีหรั่นถาม
Kittyครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ไปที่บริษัทแล้วมั้งคะ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า เธอตรงไปยังบริษัทของ เย่เชินหลินเลยโดยไม่เข้าประตูสำนักงาน เลขาฯยืนอยู่ที่หน้าประตู พอเห็นเซี่ยชีหรั่นเดินมาจึงอยากจะเข้าไปรายงานเขา เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้าบอกใบ้ว่าไม่ต้องเข้าไป แล้วเดินตรงเข้าไปข้างใน
“เชิญหลินเจี๋ยกับสวีเห้าเซิงมาด้วย ช่วงนี้จิตใจของเธอแย่มากเพราะเรื่องของลี่หมิน เพื่อเธอจะได้มีความสุขสักหน่อย” เสียงของเย่เชินหลินดังขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นยืนอยู่หน้าประตู ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลลงมาราวกับสายฝน
เย่เชินหลินเห็นเซี่ยชีหรั่น ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน แถมยังร้องไห้กระซิกกระซิก เขาจึงตื่นตกใจ แล้วรีบลุกขึ้นมาดึงตัวเซี่ยชีหรั่นมากอดไว้ในอ้อมแขน และใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นเบาๆ
“เป็นอะไรไป? ร้องไห้เหมือนลูกแมวเลย”
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกเขินอาย เธอจึงรีบเช็ดน้ำตาออกด้วยหลังมือและก็ต้องการลุกขึ้นมาจากอ้อมแขนของเย่เชินหลิน ทันทีที่ลุกขึ้นมา เธอถูกเย่เชินหลินดึงกลับเข้าไปในอ้อมแขนของเขาใหม่อีกครั้ง
“ยังไม่บอกเลยว่าร้องไห้ทำไม? หือ?” เย่เชินหลินก้มหน้ามองเซี่ยชีหรั่น และไม่ยอมปล่อยให้เซี่ยชีหรั่นแสดงความรู้สึกใดๆบนใบหน้า
“ทำไมหลายวันมานี้คุณไม่สนใจฉันเลย เกิดปัญหาอะไรขึ้นระหว่างเราหรือเปล่าคะ?” เซี่ยชีหรั่นก้มหน้าลงแล้วถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอยู่ในอ้อมแขนของเย่เชินหลิน
เย่เชินหลินตะลึงงัน เซี่ยชีหรั่นล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วชี้ไปที่บันทึกการโทรและพูดว่า “คุณลองดูบันทึกการโทรข้างบนสิ สองสามวันมานี้เวลาในการโทรที่ยาวที่สุดคือห้านาทีนะ”
เย่เชินหลินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดช้าๆว่า “ดังนั้นตอนนี้ชีหรั่นก็เลยงอนใช่ไหม?”
เซี่ยชีหรั่นหน้าแดง แล้วปฏิเสธทันทีว่า “ฉันเปล่าซะหน่อย”
พอเห็นเซี่ยชีหรั่นหน้าแดง เย่เชินหลินก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ แล้วกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย และจูบตรงขวัญบนศีรษะที่มีกลิ่นหอมจรุงใจของเซี่ยชีหรั่น จากนั้นเย่เชินหลินก็รับปากด้วยเสียงที่ต่ำมากว่า “ขอโทษนะ ชีหรั่น ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
ความลังเลและความกลัวทั้งหมดก่อนหน้านี้ของของเซี่ยชีหรั่นได้ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านอยู่ในคำมั่นสัญญาของเย่เชินหลิน เธอกอดเย่เชินหลินอยู่อย่างมีความสุขโดยไม่เห็นความโศกเศร้าที่อยู่ในแววตาของเย่เชินหลิน
ถ้าตัวเองมองไม่เห็นแล้วจริงๆ เช่นนั้นยังจะมีใครอีกที่จะสามารถปกป้องเซี่ยชีหรั่นแทนตัวเองได้?
“ผมจะเข้าไปพบเย่เชินหลิน” มีเสียงฉุดดึงดังขึ้นมาจากนอกประตู ประตูถูกเปิดออก Bakerเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เขียวปัด พอเห็นเซี่ยชีหรั่นขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่เชินหลินเขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย
เลขาฯมองไปที่เย่เชินหลินราวกับกำลังขอคำแนะนำ เย่เชินหลินจึงโบกมือให้เลขาฯออกไป แล้วหันหน้าไปพูดกับเซี่ยชีหรั่นว่า “แล้วผมจะกลับมาเร็วๆนะ ลองคิดดูนะว่าอยากจะชวนใครบ้าง”
เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าBakerมาหาเย่เชินหลินอาจจะเพราะเรื่องของหลัวหมี่เสว่ เธอจึงไม่พูดอะไรมาก แล้วลุกขึ้นและพยักหน้า
ในห้องประชุม Bakerกำลังมองเย่เชินหลินสูบบุหรี่มวนแรกเสร็จก็ตามด้วยมวนที่สองอย่างประหลาดใจ แล้วถามว่า “ทำไมช่วงนี้คุณติดบุหรี่มากขนาดนั้นเนี่ย”
เย่เชินหลินดีดขี้บุหรี่ลง มองBakerและพูดว่า “อย่าไปหาเซี่ยชีหรั่นอีก แล้วก็อย่าบอกเรื่องอะไรกับเซี่ยชีหรั่น อย่าทำให้เธอกังวลใจ”
Bakerจ้องมองเย่เชินหลินอยู่ แล้วจึงพูดคำต่อคำว่า “ถ้าไม่รู้จักคุณมาก่อนก็คงนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้ชายคนหนึ่งจะดีกับผู้หญิงคนหนึ่งได้ถึงขั้นนี้ และก็ไม่อาจใจดำอำมหิตต่อผู้อื่นได้ถึงขั้นนี้ด้วย หลัวหมี่เสว่ถูกพบอยู่ในร้านขายของชำ และกำลังถือมีดเอาไว้ในมือ เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าหลัวหมี่เสว่ต้องการที่จะปล้นจึงถือมีดมาทำร้ายคน คุณรู้เรื่องทั้งหมดนี้หรือเปล่าครับ”
Bakerพูดไปพลางพร้อมกับมองปฏิกิริยาของเย่เชินหลินไปพลาง เย่เชินหลินขยี้ก้นบุหรี่ แล้วพูดว่า “ผมไม่รู้ เรื่องพวกนี้เลย อีกฝ่ายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผม เจ้าหน้าที่Baker”
Bakerได้ยินเย่เชินหลินไม่ยอมรับ ก็เลยโมโหเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา “คนที่มีความแค้นกับหลัวหมี่เสว่ นอกจากคุณแล้วยังจะมีใครอีก!”
เย่เชินหลินหันหลังและเดินออกไปนอกประตู Bakerจึงตะโกนอยู่ข้างหลังว่า “ถ้าคุณทำเรื่องทั้งหมดนี้ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเซี่ยชีหรั่นจะทำยังไง?”
เย่เชินหลินหันขวับกลับไป แล้วเพ่งสายมองไปทางBakerอย่างดุเดือดรุนแรง และพูดว่า “ระวังปากของคุณให้ดีดีนะ”
“ผมนับคุณเป็นเพื่อน แต่ในขณะเดียวกันผมก็เป็นตำรวจของประชาชนด้วย ถ้าหากคุณใส่ร้ายหลัวหมี่เสว่จริงๆ ผมก็จะตรวจสอบให้กระจ่าง”
Bakerพูดเสียงดังอยู่ข้างหลังเย่เชินหลิน เย่เชินหลินเดินออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาเดินจากห้องประชุมไปจนถึงนอกสำนักงาน เซี่ยชีหรั่นก้มลงเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ แล้วเย่เชินหลินก็ผลักประตูเข้าไป
เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าขึ้นไปมองเย่เชินหลินอย่างหวานซึ้ง เย่เชินหลินเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ในรายชื่อล้วนเป็นคนที่คุ้นเคย มีคู่สามีภรรยาหลี่เหอไท้กับจงหยุนซาง โม่เสี่ยวจุนกับไห่ฉิงฉิง ท้ายสุดของรายชื่อ เธอเขียนชื่อไห่ลี่หมินไว้ข้างๆหลินหลิง บนชื่อของไห่ลี่หมินถูกปากกาขีดฆ่าออก เห็นได้ชัดว่ามันถูกเขียนและขีดฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เชินหลิน ฉันคิดถึงลี่หมินจัง” เซี่ยชีหรั่นกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วพูดออกมา เย่เชินหลินโอบล้อมเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ และกอดไหล่ของเซี่ยชีหรั่นไว้แน่น “ผมก็คิดถึงเขาเหมือนกัน!”
เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นวันที่ทุกคนจะมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในหนึ่งปี เซี่ยชีหรั่นตื่นแต่เช้าเพื่อมาตรวจรับอีเมลที่ส่งมา โม่เสี่ยวจุนกับหลี่เหอไท้ต่างก็บอกว่าพวกเขาจะมาหลังจากรับประทานอาหารที่บ้านกับพ่อแม่เสร็จ เซี่ยชีหรั่นปิดอีเมลลงอย่างมีความสุข

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset