สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1366 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1266

หลินหลิงไม่ได้ตอบกลับ ตั้งแต่ไห่ลี่หมินเสียชีวิต หลินหลิงก็เงียบขรึมไปมาก เซี่ยชีหรั่นกังวลใจ เธอจึงร้องตะโกนไปยังหลินหลิงที่อยู่ข้างบ้านด้วยตัวเอง
ภายในห้องเงียบสงัด เซี่ยชีหรั่นคาดเดาว่าเป็นเพราะว่าในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์พี่เลี้ยงของบ้านตระกูลหลินทุกคนจะต้องหยุดงานกันหมด
เธอหันไปหารอบๆ ก็ไม่พบหลินหลิงเลย เซี่ยชีหรั่นจึงเดินไปที่ห้องทำงานของไห่ลี่หมิน ประตูในห้องทำงานถูกแง้มเอาไว้ครึ่งหนึ่ง หลินหลิงนั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟาขนาดใหญ่ และกำลังมองดูรูปถ่ายของไห่ลี่หมินที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเลื่อนลอย
“พี่หลินหลิง” เซี่ยชีหรั่นเดินเข้าไป ในขณะที่มองดูไห่ลี่หมินกำลังกอดไห่โจ๋ซวนอยู่ในรูปถ่าย สมาชิกในครอบครัวทั้งสามคนยิ้มหัวเราะกันอย่างหวานชื่น ความโศกเศร้าในใจของเธอก็รุนแรงขึ้นจนไม่อาจขจัดออกไปได้
“พี่หลินหลิง”
เซี่ยชีหรั่นค่อยๆเดินเบาเบาอยู่ข้างๆหลินหลิง ราวกับกลัวว่าจะไปรบกวนหลินหลิง หลินหลิงเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยชีหรั่น มีเส้นเลือดฝอยสีแดงอยู่ในดวงตาของเธอทำให้เซี่ยชีหรั่น ตกใจเป็นอย่างมาก
“คุณไม่ได้นอนมานานแค่ไหนแล้ว?” เซี่ยชีหรั่นถาม
หลินหลิงส่ายหน้า พอหลับตาลงเงาก็มีแต่ของไห่ลี่หมินเต็มไปหมดไม่สามารถสลัดทิ้งไปได้ เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะคนหนึ่ง สามารถทำใจยอมรับความจริงได้ว่าไห่ลี่หมินจากไปแล้วได้ แต่หลังจากที่มันเกิดขึ้นจริงๆเธอจึงได้รู้ว่า ไม่ว่าตัวเองจะพยายามอย่างไรก็ไม่มีทางปล่อยวางไปได้
“ไปนอนสักหน่อยเถอะค่ะ ถ้าลี่หมินยังมีชีวิตอยู่เขาต้องไม่อยากเห็นคุณเป็นอย่างนี้อย่างแน่นอน” เซี่ยชีหรั่นปลอบใจด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
หลินหลิงพยักหน้า แล้วเอนตัวนอนหลับตาอยู่บนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า และแล้วโทรศัพท์ที่อยู่ในกางเกงของเซี่ยชีหรั่นก็สั่นขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นจึงรีบล้วงออกมา แล้วก็กดรับสายโดยที่ไม่ได้ดูชื่อ
ในศาลBakerกำลังขมวดคิ้วมองโทรศัพท์ที่ถูกกดรับ ถึงเวลาเปิดศาลพิจารณาคดีแล้ว หลัวหมี่เสว่ก็ถูกนำตัวไปที่ในที่นั่งจำเลยแล้ว
หลัวหมี่เสว่กวาดตามองสถานที่นี้อย่างงุนงงด้วยดวงตาที่ไม่มีแววตา หลังจากที่พบBakerเธอก็สลัดออกจากผู้คุมในทันที แล้ววิ่งไปหาBaker เธอคว้าแขนเสื้อของBaker แล้วรีบพูดว่า “ฉันจำคุณได้ คุณเป็นตำรวจที่ดี ฉันไม่ได้ทำเรื่องนี้นะคะ”
“ปล่อยมือ!” ผู้คุมลากหลัวหมี่เสว่มาข้างหลัง Bakerมองดูผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอ้อนวอนด้วยสีหน้าท่าทางที่สับสน
“ที่ฉันพูดไปทั้งหมดเป็นความจริงนะคะ ฉันได้รับกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง ในกระดาษโน้ตมีที่อยู่ด้วย หลังจากที่ฉันไปถึงที่นั่นก็พบว่ามีคนคนหนึ่งนอนอยู่ในห้อง หลังจากนั้นฉันก็สลบลงไปแล้ว หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในมือก็ถือมีดอยู่เล่มหนึ่ง ต่อมาตำรวจก็มาจับตัวฉันไป ฉันไม่รู้เลยนะคะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
หลัวหมี่เสว่ถูกบังคับให้กลับมาที่นั่งจำเลย และสายตาของเธอก็จับจ้องไปที่Bakerอย่างไม่วางตา Bakerถอนหายใจ เย่เชินหลินกระทำการได้อย่างแยบยลและไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่น้อย เขาไม่มีทางหาหลักฐานได้เลย เขาก็ยอมรับอยู่ในใจของตัวเองว่า เขาก็มีความรู้สึกชั่ววูบที่อยากจะปกปิดเรื่องนี้เพื่อเย่เชินหลินอยู่เล็กน้อย
“โลกนี้ก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ ความอยุติธรรมมีอยู่มากมาย ผู้มีอำนาจย่อมได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าเสมอ” จางเฟิงอี้เดินไปอยู่ข้างๆBakerและมองหลัวหมี่เสว่ที่กำลังร้องไห้จนดวงตาพร่าเลือนอยู่บนที่นั่งจำเลย แล้วพูดว่า
“ทำไมถึงทำแบบนี้?” Bakerกระซิบถาม
“หรือบางทีอาจจะเป็นการปกป้องคนที่สำคัญยิ่งกว่าล่ะมั้ง?” จางเฟิงอี้รู้ว่าBakerฉลาดมาก หลังจากที่ตัวเองพูดเป็นนัยอย่างนี้แล้วเขาน่าจะสามารถคิดเชื่อมโยงได้ว่าเย่เชินหลินทำแบบนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเซี่ยชีหรั่น
เมื่อการพิจารณาคดีสิ้นสุดลง จางเฟิงอี้ก็เดินออกมาจากศาลแล้วโทรศัพท์ไปหาเย่เชินหลิน “ทุกอย่างเป็นไปตามแผนครับ”
เย่เชินหลินตอบคำถามแบบง่ายๆ แล้ววางโทรศัพท์ลงและมองเซี่ยชีหรั่นที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาอย่างอ่อนโยน หลินหลิงที่อยู่ข้างๆก็แสดงรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนจะบ่นว่าแต่กลับพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “บอกให้ผมนอน สุดท้ายตัวเองกลับฟุบหลับไปบนโซฟาซะแล้ว”
“คุณโอเคไหม?” เย่เชินหลินมองไปที่ผู้ช่วยหญิงที่แข็งแกร่งคนนี้ที่ตัวเองไว้วางใจมาตลอด หลินหลิงส่ายหน้า แล้วมองรูปของไห่ลี่หมินที่อยู่บนโต๊ะและพูดว่า “ฉันเคยเกลียดเซี่ยชีหรั่น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนที่ฆ่าลี่หมิน แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยชีหรั่น ไห่ลี่หมินก็คงจะไม่สู้สุดชีวิตขนาดนั้น”
น้ำเสียงของหลินหลิงแผ่วเบามาก เย่เชินหลินขมวดคิ้ว แล้วหลินหลิงก็รีบพูดต่อว่า “ฉันรู้ว่าเธอไม่มีความผิด และฉันเชื่อว่าเมื่อเทียบกับฉันแล้ว ความโศกเศร้าของคุณก็ไม่น้อยไปกว่าฉันเลย และเธอก็เหมือนกัน ฉันจะเลี้ยงโจ๋ซวนให้ดี ส่วนเขา ก็จะอยู่ในใจของฉันเสมอ”
หลินหลิงพูดทั้งน้ำตา และมองดูเย่เชินหลินลุกขึ้นยืนแล้วโอบกอดตัวเองด้วยความประหลาดใจ ไม่นานเย่เชินหลินก็รีบปล่อยมือทันที หลินหลิงมองไปที่เย่เชินหลินอย่างงุนงง เธอเคยคิดถึงอ้อมกอดของเย่เชินหลินมาหลายครั้งแล้ว
เย่เชินหลินยืนอยู่ต่อหน้าหลินหลิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ลุ่มลึกว่า “คุณไม่ใช่คนอ่อนแออะไรขนาดนั้น ผมหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะเห็นน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจของคุณ”
หลินหลิงพยักหน้า หัวเราะออกมาทั้งน้ำตาและพูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งจะถูกเจ้านายปลอบใจแบบนี้”
“ผมอาจจะตาบอดได้” เย่เชินหลินพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นหลินหลิงก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา เธอกำลังมองเย่เชินหลินอย่างสมองทื่อๆ
เย่เชินหลินพูดกับหลินหลิงอย่างกระชับแต่ได้ใจความหนึ่งรอบว่า “ผมอยากจะเก็บกวาดปัญหาทั้งหมดให้เธอ ลี่หมินเป็นเพื่อนของผมที่โตมาด้วยกัน และคุณคือผู้ช่วยที่ภาคภูมิใจที่สุดของผม รับปากผม ว่าจะไม่เกลียดเซี่ยชีหรั่นอีกต่อไป ถ้าหากวันหนึ่งผมตาบอดขึ้นมาจริงๆ ก็คงต้องฝากให้คุณช่วยดูแลเซี่ยชีหรั่นแล้ว”
เย่เชินหลินมองหลินหลิง และต้องการให้หลินหลิงตอบตัวเองอย่างดื้อรั้น หลังจากที่ผ่านไปนาน หลินหลิงพูดคำพยางค์เดียวออกมาอย่างยากลำบากว่า “ค่ะ”
เซี่ยชีหรั่นที่อยู่บนโซฟาตื่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ และมองเย่เชินหลินกับหลินหลิงอย่างงวยงง
เย่เชินหลินเอนตัวลงบีบจมูกของเซี่ยชีหรั่นเอาไว้และส่ายไปมาทั้งสองข้าง แล้วพูดด้วยความรักและเอ็นดูว่า “เจ้าหมูน้อยขี้เซา พ่อบ้านเตรียมของสำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ในตอนกลางเย็นได้พร้อมแล้ว และกำลังตามหาคุณไปทั่วเลยล่ะ”
เซี่ยชีหรั่นบิดขี้เกียจด้วยความเกียจคร้าน เย่เชินหลินจับมือของเธอเอาไว้แล้วเดินออกไปข้างนอกโดยเอานิ้วทั้งสิบนิ้วมาประสานกัน
“ใช่แล้วหลินหลิง” เซี่ยชีหรั่น หันไปพูดกับหลินหลิงว่า “อย่าลืมมาเทศกาลไหว้พระจันทร์ในคืนนี้ด้วยกันกับโจ๋ซวนนะ ถ้าไม่มาฉันจะไปเรียกคุณด้วยตัวเองเลย!”
หลินหลิงพยักหน้า ในขณะที่มองดูเซี่ยชีหรั่นที่กำลังเดินตามหลังเย่เชินหลินไป น้ำตาก็ได้ไหลลงมาอีกครั้ง เพื่อไห่ลี่หมินและเย่เชินหลิน
ค่ำคืนเยื้องกรายมาถึงอย่างรวดเร็ว แสงไฟที่บ้านตระกูลเย่สว่างไสว เซี่ยชีหรั่นยืนกรานว่าจะขึ้นไปแขวนโคมสีแดงด้วยตัวเอง พ่อบ้านกังวลว่าเซี่ยชีหรั่นจะตกลงมา จึงเดินวนไปวนมาอยู่รอบบันได
“ติ๊งต่อง” เสียงกริ่งประตูดังขึ้น
“ผมไปเปิดเองครับ” เย่เนี่ยนโม่วิ่งไปเปิดประตู หลังจากที่เห็นผู้มาเยือนเขาก็เลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดว่า “เธอเองเหรอ?”
อ้าวเสว่เริ่มมีลักษณะใบหน้าผู้หญิงเล็กน้อยแล้ว จึงสามารถมองเห็นได้ว่าเธอเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่ง พอเห็นเย่เนี่ยนโม่ ดวงตาของอ้าวเสว่ก็เปล่งประกาย เธอยิ้มและพูดว่า “ทำไมจะเป็นฉันไม่ได้?”
“อ้าวเสว่มาแล้ว!” เซี่ยชีหรั่นลงมาจากบันไดและเช็ดมือแล้วพาอ้าวเสว่เข้ามา อ้าวเสว่ตีตัวออกจากเซี่ยชีหรั่นอย่างสุขุมเยือกเย็น เธอมาที่นี่เพียงเพื่อเย่เนี่ยนโม่เท่านั้น สำหรับเซี่ยชีหรั่นเธอยังคงมีความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์อยู่ตลอดเวลา
ยังไม่ทันได้นั่งลง กริ่งประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้พ่อบ้านเป็นคนไปเปิดประตู “คุณลุง!” เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้เจอหลี่เหอไท้มานานมากแล้ว เขาทักขึ้นมาด้วยความดีอกดีใจ
“ชีหรั่น!” หลี่เหอไท้อุ้มเย่เนี่ยนโม่ขึ้นมา ยิ้มและมองไปทางเซี่ยชีหรั่น จงหยุนซางก็ดึงหลี่ยี่ซวนมาอยู่ข้างๆแล้วมองเย่เนี่ยนโม่กับหลี่เหอไท้มีปฏิสัมพันธ์กัน
สายตาของหลี่ยี่ซวนมองไปที่เย่ชูฉิงที่ถูกพี่เลี้ยงอุ้มอยู่และกำลังงีบหลับอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
เซี่ยชีหรั่นผลักหลี่ยี่ซวนเบาๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “นั่นคือน้องชูฉิงของเธอไงจ๊ะ ยี่ซวนไปดูน้องเถอะ”
หลี่ยี่ซวนเขย่งเท้าเดินไปอยู่ข้างๆเย่ชูฉิง เย่ชูฉิงสวมชุดกระโปรงสีขาวฟูฟ่อง มือซ้ายกำลังถืออมยิ้มสีสันสดใสและกำลังนอนตะแคงข้างแล้วก็หลับสนิทอยู่
เมื่อเห็นว่าอมยิ้มกำลังจะโดนใบหน้าเล็กๆที่อ่อนนุ่มของเย่ชูฉิง หลี่ยี่ซวนก็เลยยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัวและคิดอยากจะช่วยเย่ชูฉิงหยิบอมยิ้มออกมา
เย่ชูฉิงขมวดคิ้ว แล้วยื่นมือออกมาจับนิ้วของหลี่ยี่ซวนเอาไว้ ในปากไม่รู้ว่าบ่นอะไรแล้วก็ผล็อยหลับต่อ ในหัวใจของหลี่ยี่ซวนก็เต้นผิดไปหนึ่งจังหวะ
นิ้วมือที่ถูกจับเอาไว้มีสัมผัสที่อ่อนนุ่มผ่านเข้ามา แล้วเด็กผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงหน้าก็เงียบสงบและอ่อนโยน ราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย และหลี่ยี่ซวนก็แทบจะไม่กล้าขยับเขยื้อนเลยเช่นกัน
“หลินหลิงคุณมาแล้ว โจ๋ซวนก็มาด้วย!” เสียงของเซี่ยชีหรั่นทำให้เย่ชูฉิงตื่นตะลึงขึ้นมาด้วยความดีใจ เย่ชูฉิงลืมตาขึ้นมาดวงตาของเธอสวยเหมือนกับเซี่ยชีหรั่นเป็นอย่างมาก แล้วจึงจ้องมองหลี่ยี่ซวนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองอย่างงุนงง เมื่อสายตาได้เหลือบเห็นไปเห็นร่างเงาที่อยู่หน้าประตูก็ร้องเรียกอย่างมีความสุขขึ้นมาว่า
“พี่โจ๋ซวน!”
หลี่ยี่ซวนมองดูมือของตัวเองที่ถูกปล่อยไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง และมองเย่ชูฉิงกำลังวิ่งโซซัดโซเซไปหาไห่โจ๋ซวน ไห่โจ๋ซวนยิ้มให้เย่ชูฉิงอย่างอ่อนโยน เย่ชูฉิงก็จับมือของไห่โจ๋ซวนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายก็ยิ้มหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นเขาก็มีความรู้สึกอิจฉาไห่โจ๋ซวนขึ้นมาเล็กน้อย
“จริงสิชีหรั่น แล้วเชินหลินล่ะ? ทำไมไม่เจอเขาเลย?” หลี่เหอไท้มองไปรอบๆ ก็พบว่าไม่เห็นเย่เชินหลินเลย จึงถามออกไป
“จู่ๆก็มีโทรศัพท์โทรมาเรียกเขาให้ไปที่บริษัทในตอนบ่าย เดี๋ยวฉันจะโทรหาเขาให้ทีหลังนะ” ไม่ได้เจอหน้าหลี่เหอไท้กับจงหยุนชางมานานมากแล้ว บนใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
“วันหยุดแบบนี้ยังจะไปที่บริษัทอีก! แล้วปล่อยคุณอยู่บ้านคนเดียวเนี่ยนะ” มีเสียงแห่งความไม่พอใจดังขึ้นมา พอเซี่ยชีหรั่นได้ฟังก็รู้เลยว่าโม่เสี่ยวจุนมาแล้ว
โม่เสี่ยวจุนจูงมือเย่ชูหยุนอยู่ แล้วเย่ชูหยุนก็ตะโกนเรียกเซี่ยชีหรั่นด้วยจิตใจที่สงบนิ่งว่า “คุณอา”
“ไม่พูดให้มากมายหรอก นิสัยไม่ชอบพูดนี้มันแก้ไม่หายจริงๆ” โม่เสี่ยวจุนพูดอย่างจนใจ แต่กลับกำลังมองเย่ชูหยุนด้วยสีหน้าที่เอ็นดูเป็นอย่างมาก
นี่ก็เหมือนนิสัยคุณ ปกตืไม่ค่อยยิ้มเลย ไห่ฉิงฉิงทุบโม่เสี่ยวจุนเบาๆและพูด
ไห่โจ๋ซวนมองดูสถานที่แห่งนี้ล้วนมีแต่คู่พ่อแม่ที่พาลูกมาด้วย เขาก็รู้สึกเศร้าอยู่ในใจ และอดไม่ได้ที่จะบีบรัดมือของเย่ชูฉิงไว้แน่น
“พี่โจ๋ซวน” แม้ว่าเย่ชูฉิงจะถูกดึงจนรู้สึกเจ็บมาก แต่เธอก็ไม่ร้องไห้ฟูมฟาย เธอเพียงแต่แกว่งมือเล็กๆของตัวเองเพื่อเตือนไห่โจ๋ซวนเท่านั้น
“นายจับแรงกินไปแล้วนะ มือของเธอเจ็บมากเลย” หลี่ยี่ซวนไม่รู้ว่าทำไมตัวเองจะต้องรู้สึกโกรธและพูดกับไห่โจ๋ซวนด้วยน้ำเสียงที่แข็งขันเล็กน้อยด้วย
หลังจากที่รู้สึกตัวแล้วไห่โจ๋ซวนจึงปล่อยมือของเย่ชูฉิง เมื่อเห็นว่าหลังฝ่ามือของเย่ชูฉิงถูกตัวเองจับจนปรากฏแถบสีแดงๆ เขาก็รู้สึกผิดในใจเล็กน้อย
“พี่จะพาเธอไปเล่นนะ” หลี่ยี่ซวนเอื้อมมือออกไปและต้องการจะจับมือเย่ชูฉิง เย่ชูฉิงก็เอามือหลบไปไว้ข้างหลัง แล้วมองไปที่ไห่โจ๋ซวน
ในขณะที่ไห่โจ๋ซวนกำลังมองใบหน้าที่คล้ายคลึงกันของเย่ชูฉิงกับเซี่ยชีหรั่นอยู่นั้น หลี่เหอไท้กับจงหยุนซางก็มาพูดกระซิบกระซาบกันอยู่ข้างๆหู จากนั้นเขาก็เห็นแม่ของตัวเองนั่งอยู่คนเดียวบนโซฟา ความเจ็บปวดภายในใจอันน้อยนิดที่มีต่อเย่ชูฉิงทั้งหมดก็กลายเป็นความเกลียดชัง
“ไปกันเถอะ เราเข้าไปในลานบ้านกัน” ไห่โจ๋ซวนเก็บซ่อนความโกรธเอาไว้ แล้วยื่นมือออกไปตรงหน้าเย่ชูฉิง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset