สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1368 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1268

ณ บ้านตระกูลเย่ จิ่วจิ่วรู้สึกกระสับกระส่ายจนนั่งไม่ติด ขณะที่กำลังหยอกล้อเย่ชูฉิงเธอก็มองออกไปข้างนอกบ่อยๆ หลังจากที่เห็นรถMaseratiคันหนึ่งขับเข้ามาตามทางเดิน จึงรีบออกไปต้อนรับอย่างเป็นกังวล
เซี่ยชีหรั่นเพิ่งจะลงมาจากรถ ก็ได้ยินว่ามีคนเรียกตัวเองอยู่ข้างหลังว่า “ชีหรั่น!”
“จิ่วจิ่ว!” เซี่ยชีหรั่นกอดจิ่วจิ่วเอาไว้ด้วยความตื่นตระหนกและดีใจ ผู้หญิงสองคนหมุนตัวไปมาแล้วกรีดร้องและหัวเราะเหมือนเด็กๆ!
“ไป ไปทานข้าวก่อนเถอะ วันนี้เราจะต้องทานอาหารให้อิ่มอร่อยกันสักมื้อ!” เซี่ยชีหรั่นจูงมือของจิ่วจิ่วแล้วก็เดินออกไป โดยที่มองไม่เห็นความหงิกงอที่อยู่ในดวงตาของจิ่วจิ่ว
ณ โรงแรมตี้เหา เซี่ยชีหรั่นคีบอาหารให้จิ่วจิ่วไม่หยุด แล้วพูดเรื่อยๆไม่ขาดปากว่า “ฉันส่งอีเมลถึงคุณเธอแล้วเธอบอกว่าไม่สามารถมาร่วมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยกันได้ฉันรู้สึกเสียดายมากเลยล่ะ คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ที่เจอเธอ”
จิ่วจิ่วไม่มีความอยากอาหารอะไรเลย จึงหยิบอาหารขึ้นมากินทางซ้ายหนึ่งคำทางขวาหนึ่งคำ แล้ววางตะเกียบลงและถามว่า “ช่วงนี้เย่เชินหลินสบายดีไหม?”
“เชินหลินหรอ? เขาก็สบายดีมากเลย เมื่อวานยังฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยกันอยู่เลย” พอเซี่ยชีหรั่น นึกถึงความหวานชื่นเมื่อคืนวาน บนใบหน้าของเธอก็อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าที่มีความสุขปรากฏที่มา
จิ่วจิ่วพยักหน้า แล้วก้มหน้ารับประทานอาหารต่อ เซี่ยชีหรั่น มองบอกว่าจิตใจของจิ่วจิ่วไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว เคาะโต๊ะถามด้วยความเป็นห่วงว่า “จิ่วจิ่วเธอมีอะไรอยากจะพูดกับฉันหรือเปล่า?”
“ฉัน” จิ่วจิ่วกำลังจะเอ่ยปากพูด เสียงหัวเราะของเย่เชินหลินที่อยู่ข้างๆก็ดังขึ้นมา “ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กัน”
“เชินหลิน” เซี่ยชีหรั่นเรียกด้วยความประหลาดใจ เย่เชินหลิน ส่วนชุดสูทที่ถูกรีดจนเรียบ ด้านข้างก็ตามมาด้วยชาวต่างชาติคนหนึ่ง ล่าม แล้วก็ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆยืนเรียงรายกันเป็นแถว เห็นได้ชัดว่ามาที่โรงแรมตี้เหาเพื่อหารือกันเรื่องธุรกิจ
“มีเรื่องอะไรก็รอให้ผมออกมาก่อนค่อยว่ากันนะ” เย่เชินหลินจูบเซี่ยชีหรั่นหนึ่งครั้งโดยไม่คำนึงถึงสายตาของทุกคนที่อยู่รอบๆ แล้วกวาดสายตาไปหาจิ่วจิ่วและพยักหน้าให้กับจิ่วจิ่วอย่างลวกๆ แล้วจึงเดินจากไป
ขณะที่พวกเย่เชินหลินกำลังกรูเกรียวกันเข้าไปในลิฟต์เซี่ยชีหรั่นก็กลับมานั่งในที่นั่ง แล้วถามจิ่วจิ่วว่า “จิ่วจิ่วเมื่อกี้เธอจะพูดอะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่อยากจะถามเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเธอก็เท่านั้น” จิ่วจิ่วยิ้มให้เซี่ยชีหรั่น
พอรับประทานอาหารเสร็จ เซี่ยชีหรั่นกับจิ่วจิ่วก็เดินเข้าไปโรงรถ จิ่วจิ่วควานหาไปทั่วกระเป๋า แล้วพึมพำว่า “แปลกจัง โทรศัพท์มือถือของฉันไปไหนแล้ว?”
เซี่ยชีหรั่นตบศีรษะหนึ่งทีและกำลังคิดว่าคงไม่ได้ทำตกที่ล็อบบี้โรงแรมหรอกนะ จิ่วจิ่วพยักหน้า แล้วพูดกับเซี่ยชีหรั่น “เธออย่าไปเลย ขึ้นไปอีกก็จะเหนื่อยมาก ให้ฉันไปดูเองก็ได้”
จิ่วจิ่วทักทายเซี่ยชีหรั่นแล้วก็เข้าไปในลิฟต์ที่อยู่ข้างๆห้องใต้ดินและเซี่ยชีหรั่นก็เข้าไปนั่งในรถ จากนั้นเธอก็รู้สึกความน่ารำคาญที่ก้น เธอจึงหยิบออกมาดูแล้วก็ยิ้ม นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของจิ่วจิ่วหรือ ที่แท้ก็วางอยู่ในรถนี่เอง
เซี่ยชีหรั่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นลิฟต์แล้วค่อยเดินไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม พอเดินผ่านกระจกในล็อบบี้โรงแรม เธอก็เห็นเย่เชินหลินกับจิ่วจิ่วอยู่ด้วยกันจากระยะไกล
เซี่ยชีหรั่นแอบถอนหายใจว่าช่างเป็นเรื่องบังเอิญจัง แล้วเดินไปหาเย่เชินหลินและจิ่วจิ่วอย่างรวดเร็ว บริกรที่อยู่ข้างๆเดินผ่านมาแล้วทำช้อนตก เซี่ยชีหรั่นจึงก้มลงไปช่วยเขาหยิบช้อนขึ้นมา แล้วเย่เชินหลิน ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า
“เหยนชิงเหยียนเป็นพวกนักเลงหัวไม้ คุณก็รู้”
เซี่ยชีหรั่นหยุดชะงักไปสักพัก แล้วจับพลัดจับผลูนั่งยองๆต่อไป และได้ยินจิ่วจิ่วพูดว่า “ฉันรู้ว่าเขาทำเรื่องเลวๆเอาไว้มากมาย แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อของหมิงเย้า มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะเดินออกมาและเขาก็ตัดสินใจกลับเนื้อกลับตัวใหม่แล้ว ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงต้องพุ่งเป้าไปที่เขา”
“คุณผู้หญิง ต้องการให้ช่วยอะไรไหมครับ?” บริกรมองดูเซี่ยชีหรั่นนั่งยองๆ อยู่บนพื้นด้วยความสงสัย แล้วจึงถามออกไปด้วยความหวังดี
และแล้วสายตาของเย่เชินหลินกับจิ่วจิ่วก็มองลงไปที่ตัวของเซี่ยชีหรั่นไปโดยธรรมชาติ เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นมาและยื่นช้อนให้บริกร แล้วมองหน้ากันกับเย่เชินหลิน
“ทำไมไม่มาตรงนี้ นั่งยองๆมันจะเหนื่อยเอานะ” เย่เชินหลินตบที่นั่งข้างๆ บอกเป็นนัยว่าให้เซี่ยชีหรั่นมานั่งข้างๆตัวเอง
จิ่วจิ่วบิดตัวไปมาสักครู่ด้วยความกระวนกระวายใจ แล้วจึงหยิบกระเป๋าและลุกขึ้นมาพูดว่า “หมิงเย้ากำลังจะเลิกเรียนแล้ว ฉันจะไปรับเขา ไว้คราวหน้าจะคุยเรื่องเก่าๆกับพวกคุณอีกนะ”
“จิ่วจิ่ว!” เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้น เย่เชินหลินจับมือของเย่เชินหลินเอาไว้ แล้วพูดกับจิ่วจิ่วอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “ดูแลเขาให้ดี จะได้ไม่เกิดเรื่องขึ้น”
จิ่วจิ่วหันหลังมามองเย่เชินหลินด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พยักหน้าและพูดว่า “วางใจเถอะ”
จิ่วจิ่วเดินจากไปอย่างรีบร้อน เย่เชินหลินถือถ้วยกาแฟขึ้นมา แล้วถูกเซี่ยชีหรั่นยึดเอาไป จากนั้นเซี่ยชีหรั่นก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ตกลงว่าคุณกับจิ่วจิ่วกำลังคุยอะไรกันอยู่?”
เย่เชินหลินยิ้มและขอกาแฟอีกหนึ่งแก้วจากบริกร พอกาแฟมาเสิร์ฟ เซี่ยชีหรั่นก็ชิงนำหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว และหยิบกาแฟไป แล้วเบิกตาโพลงโตจ้องมองไปที่เย่เชินหลิน
“เหยนชิงเหยียนออกจากคุกแล้ว” เย่เชินหลินพูดอย่างรวบรัดชัดเจน ในขณะที่ เซี่ยชีหรั่นตกตะลึงอยู่เขาก็หยิบกาแฟมาแล้วพูดอย่างสบายอกสบายใจว่า
“ผมจำเป็นต้องเตือนให้เขาระวังตัวเอาไว้ และทำให้เขารู้ว่าใครสามารถแตะต้องได้ ถ้าใครมาแตะต้องก็จะโชคร้ายไปอีกนาน” เย่เชินหลินพูดอย่างแผ่วเบา และสีหน้าของเขาก็มีความดุร้ายปรากฏขึ้นมาพักหนึ่ง
“เรื่องที่หลัวหมี่เสว่ถูกจับไม่เกี่ยวข้องกับคุณใช่ไหมคะ” เซี่ยชีหรั่นมองไปที่ถ้วยกาแฟที่อยู่ตรงหน้าและพูดออกมา
เย่เชินหลินไม่ตอบคำถาม “วันนี้สวีเห้าเซิงจะให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมนี้ ได้ยินมาว่าพิธีกรเคยเปิดเผยว่าในวงการธุรกิจให้ความชื่นชมเขามากด้วยนะ”
ในตอนแรกเซี่ยชีหรั่นมีความสุขมากที่ได้ยินว่าสวีเห้าเซิงอยู่ในโรงแรมนี้ ต่อมาจึงถามด้วยความจับต้นชนปลายไม่ถูกว่า “ดังนั้นจุดประสงค์ที่คุณพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาคืออะไร?”
เย่เชินหลินไม่ตอบ แล้วดึงเซี่ยชีหรั่นขึ้นมาและเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม เซี่ยชีหรั่นถูกลากตัวไปที่ชั้นสองของโรงแรมตี้เหา
ชั้นสองของโรงแรมตี้เหาถูกจัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับการแถลงข่าวโดยเฉพาะ ในห้องประชุมที่ใหญ่ที่สุด ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกลางกำลังตอบคำถามของนักข่าวอย่างสุขุมเยือกเย็น
เย่เชินหลินลากเซี่ยชีหรั่นมานั่งอยู่แถวหลัง พอสวีเห้าเซิงเห็นเซี่ยชีหรั่น แววตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมา แล้วตอบคำถามนักข่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณสวีคะ ได้ยินมาว่าสถานทูตสหรัฐฯได้เชิญคุณเข้าร่วมการประชุมนานาชาติในครั้งนี้ และงานเต้นรำที่จะจัดขึ้นหลังการประชุมจะต้องมีคู่เต้นรำ ไม่ทราบว่าคุณสวีได้เลือกใครไว้หรือยังคะ?”
สวีเห้าเซิงตะลึงงัน แล้วสายตาของเขาก็ทอดไปมองเซี่ยชีหรั่นโดยไม่รู้ตัว ถ้าจะพูดถึงคนที่จะเลือก แน่นอนว่าจะต้องเป็นผู้หญิงที่ตัวเองเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนที่นั่งอยู่หลังสุดคนนั้น
นักข่าวเห็นสวีเห้าเซิงหยุดชะงักไป จึงคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ สีหน้าเขาตื่นเต้นไปหมด เรื่องอารมณ์และความรู้สึกของนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศนั้นคือสิ่งที่หลายคนอยากจะรู้เป็นอย่างมาก
“คู่เต้นรำของผมเป็นใครผมก็ตั้งตารอเหมือนกันครับ ต้องดูอีกทีครับว่าสถาบันวิจัยจะจัดการอย่างไร” สวีเห้าเซิงพูดอย่างไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่นานมากนัก นักข่าวก็ทยอยกันออกไป สวีเห้าเซิงพูดกับผู้ช่วยของเขาไม่กี่คำ แล้วสาวเท้าเดินไปอยู่ตรงหน้าเย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นอย่างรวดเร็ว
“ไม่เจอกันนานเลยนะ เดิมทีผมคิดว่าจะกลับมาในวันไหว้พระจันทร์ แต่ก็ต้องอยู่ประชุมที่เยอรมนีชั่วคราวน่ะครับ”
สวีเห้าเซิงพยายามที่จะทำตัวให้เป็นธรรมชาติอย่างสุดความสามารถ ไม่อยากจะแสดงความอาลัยอาวรณ์ในความรักของตัวเองที่ได้พบกับเซี่ยชีหรั่นออกมามากเกินไป ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เซี่ยชีหรั่นก็สามารถทำให้เขาใจเต้นขึ้นมาในครั้งแรกเสมอ
“สถานทูตสหรัฐฯเชิญคุณด้วยล่ะ คุณนี่เก่งจริงๆ!” เซี่ยชีหรั่นพูดจากใจจริง
“เก่งอะไรกัน น่าเสียดาย ผมไม่มีคู่เต้นรำเลย ถึงเวลานั้นคงต้องดึงผู้ช่วยให้มาเป็นคู่ให้พอถูไถไปก่อนล่ะครับ! ไม่อย่างนั้นชีหรั่นคุณมาเป็นคู่เต้นรำของผมได้ไหมครับ?”
สวีเห้าเซิงพูดล้อเล่นกับเซี่ยชีหรั่นสามส่วนและพูดอย่างจริงใจเจ็ดส่วน และสายตาก็มองไปที่เย่เชินหลิน บนใบหน้าของเย่เชินหลินไม่มีความรู้สึกใดๆเลย สวีเห้าเซิงกำลังคิดจะหยอกล้อถูๆไถๆไป เย่เชินหลินที่อยู่ข้างๆจึงพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”
สวีเห้าเซิงกับเซี่ยชีหรั่นหันไปมองเย่เชินหลินอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วสวีเห้าเซิงก็มองด้วยสีหน้าแปลกประหลาดและถามว่า “คุณคือเย่เชินหลินจริงๆใช่ไหม?”
“ถ้าไม่เต็มใจก็ช่างมันเถอะ” เย่เชินหลินลากตัวเซี่ยชีหรั่นหันกลับไป
“เดี๋ยวก่อน ชีหรั่นคุณเต็มใจหรือเปล่า?” สวีเห้าเซิงรีบเรียกเซี่ยชีหรั่นเอาไว้ เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินการแสดงออกทางสีหน้าของเย่เชินหลินดูเหมือนจะไม่ล้อเล่นเลย
เซี่ยชีหรั่นสะบัดมือของเย่เชินหลินออกไปด้วยความโกรธเคือง “ฉันเต็มใจค่ะ”
เย่เชินหลินที่อยู่ข้างๆได้ยินเซี่ยชีหรั่นรับปาก คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่ได้ยิน และในท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่สวีเห้าเซิงกลับรู้สึกได้ถึงความหวั่นไหวทางอารมณ์ของเย่เชินหลิน และจ้องมองเย่เชินหลินด้วยความแปลกใจ
เสียงโทรศัพท์ของเย่เชินหลินดังขึ้น เขาจึงพยักหน้าให้ทั้งสองคนแล้วเดินออกไป สวีเห้าเซิงเลยถามเซี่ยชีหรั่นว่า “ระยะนี้ความสัมพันธ์ของพวกคุณยังดีอยู่ไหม?”
เซี่ยชีหรั่นอยากจะพยักหน้า แต่บนใบหน้าก็ปรากฏความลังเลใจออกมาเสียแล้ว ตกลงว่าความสัมพันธ์นี้มันดีหรือไม่ดีในตอนนี้เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
แล้วจู่ๆก็มีนักข่าวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู นักข่าวคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นสวีเห้าเซิงซึ่งปกติจะสำรวมไม่ค่อยยิ้มกำลังยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุขกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่ พอมองดูอีกที ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่นักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงชื่อเซี่ยชีหรั่น ซึ่งเคยถูกจับถ่ายรูปกับสวีเห้าเซิงก่อนหน้านี้หรือ เขาก็เลยรีบวิ่งไปอยู่ต่อหน้าสองคนนั้นเพื่อจะสัมภาษณ์ทันที
สวีเห้าเซิงดึงเซี่ยชีหรั่นมาอยู่ข้างหลังของตัวเอง ทำสีหน้าจริงจังเล็กน้อย แล้วพูดกับนักข่าวว่า “สวัสดีครับ ตอนนี้หมดเวลาสัมภาษณ์แล้วนะครับ”
นักข่าวถือปากกาอัดเสียงไปทางเซี่ยชีหรั่นที่อยู่ข้างหลังสวีเห้าเซิงอย่างไม่สนใจอะไร แล้วถามไม่ขาดปากว่า “ไม่ทราบว่าคุณคือคุณเซี่ยชีหรั่นใช่ไหมครับ? ได้ยินมาว่าคุณมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณสวี คุณยอมรับข้อคิดเห็นนี้ไหมคะ?”
“พอได้แล้วครับ!” สวีเห้าเซิงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ แล้วอ่านป้ายที่อยู่บนหน้าอกของนักข่าวออกมา “นักข่าวของนิตยสารEastern Timesเหรอ? ถ้าหากมีความจำเป็น ฉันคิดว่าผมต้องคุยกับบรรณาธิการใหญ่ของพวกคุณสักหน่อยแล้ว”
นักข่าวปิดปากเงียบ เขาเคยได้ยินมาว่าพ่อของสวีเห้าเซิงดูเหมือนว่าจะเป็นพวกผู้มีอิทธิพล ได้เห็นคนที่อบอุ่นอย่างสวีเห้าเซิงแสดงสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวขนาดนี้ นักข่าวก็ไม่กล้าที่จะรั้งอยู่นาน จึงรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
“ชีหรั่น ขอโทษนะ” สวีเห้าเซิงหันหลังไปพูดกับเธอ แต่ไม่คิดว่าเซี่ยชีหรั่นจะอยู่ใกล้กับหลังของตัวเองพอดี ในขณะนั้นเองทั้งสองคนก็ใกล้ชิดกันมาก ถึงขั้นสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
สวีเห้าเซิงตะลึงงัน แล้วสายตาก็มองเห็นว่าเย่เชินหลินกำลังเดินมาทางนี้ และกวาดสายตาจ้องมองมาที่ตัวเอง
ในขณะที่กำลังคิดถึงสีหน้าท่าทางที่ไม่ชอบใจของเย่เชินหลินเมื่อสักครู่นี้ ทันใดนั้นสวีเห้าเซิงก็เอื้อมมือออกไปและคว้าตัวเซี่ยชีหรั่นมาไว้ในอ้อมแขน เซี่ยชีหรั่นถูกบังคับให้อยู่ในอ้อมแขนของสวีเห้าเซิงโดยไม่ทันตั้งตัว
หางตาของสวีเห้าเซิงคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเย่เชินหลินอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นสีหน้าที่เขียวปัดของเย่เชินหลินจึงคิดอยากจะปล่อยตัวเซี่ยชีหรั่น แต่เย่เชินหลินกลับหยุดเดินอยู่นอกประตู
เย่เชินหลินกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย? เขาไม่สนใจชีหรั่นเลยเหรอ? สีหน้าของเขาก็ดูไม่ดีชัดๆยังจะยืนอยู่นอกประตูอย่างใจเย็นอีก!
สวีเห้าเซิงยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหเซี่ยชีหรั่นที่อยู่ในอ้อมแขนอยากจะออกไปจากอ้อมแขนของสวีเห้าเซิงจึงเอ่ยปากออกมาว่า
“พี่ใหญ่สวี คุณกอดฉันแน่นเกินไปแล้วนะฉันหายใจไม่ออก” พอเซี่ยชีหรั่นหลุดพ้นจากอ้อมกอดของสวีเห้าเซิงแล้วก็มองสวีเห้าเซิงด้วยความแปลกใจ ตกลงว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ คนหนึ่งทำตัวแปลกๆอีกคนยิ่งแปลกมากกว่า!
พอสวีเห้าเซิงเห็นเย่เชินหลินหันหลังกลับมาแล้วเดินจากไป สีหน้าก็เย็นชายิ่งขึ้น แล้วหันกลับมาจงใจจะพูดกับเซี่ยชีหรั่นเสียงดังว่า “ชีหรั่นผมขอเชิญให้คุณมาเป็นคู่เต้นรำอย่างเป็นทางการของผม!”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset