สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1369 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1269

เย่เชินหลินยืนกำหมัดอยู่นอกประตู ปลายนิ้วจมลึกเข้าไปในฝ่ามืออย่างแน่นหนา เขาอยากจะลากตัวทั้งสองคนที่อยู่ใกล้ชิดกันออกมาอย่างไม่สามารถหยุดยั้งฝีเท้าได้ แต่สุดท้ายเขาก็หันหลังกลับแล้วก็เดินจากไป
เสียงโทรศัพท์ของเซี่ยชีหรั่นดังขึ้น เธอรับโทรศัพท์ แล้วกล่าวอย่างช่วยไม่ได้กับสวีเห้าเซิงว่า “เชินหลินมีเรื่องฉันไปก่อนนะ”
สวีเห้าเซิงเห็นอย่างนั้นอกก็ใกล้จะระเบิดออกมาหมดแล้ว ในตอนแรกเขายอมแพ้เซี่ยชีหรั่นเพราะว่าเซี่ยชีหรั่นมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อเย่เชินหลิน ถ้าเย่เชินหลินไม่ต้องการเซี่ยชีหรั่น ยิ่งคิดสีหน้าของเขาก็ยิ่งแย่มากขึ้น
“พี่ใหญ่สวี ตกลงคุณเป็นอะไรกันแน่?” เซี่ยชีหรั่นเห็นสีหน้าของสวีเห้าเซิงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา กังวลใจที่ตัวเองปรากฏตัวออกมาให้นักข่าวได้มีโอกาสทำข่าวหรือเปล่า
“ไม่มีอะไร จำไว้ว่าพรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณที่บ้านตระกูลเย่นะ” สวีเห้าเซิงยิ้มให้เซี่ยชีหรั่นอย่างอ่อนโยน เขามีแผนในใจอยู่แล้วแผนหนึ่ง
วันรุ่งขึ้น สวีเห้าเซิงมารับเซี่ยชีหรั่นจริงๆ พ่อบ้านมองดูสวีเห้าเซิงที่สวมชุดสูทและรองเท้าหนังเดินออกมาจากรถ แล้วพูดอย่างสงบเยือกเย็นว่า “คุณชายสวี คุณชายของเรากำลังว่ายน้ำอยู่ คุณนายก็กำลังยุ่ง ผมจะไปเรียนท่านให้นะครับ”
สวีเห้าเซิงขมวดคิ้ว “ถ้าผมจะบอกว่าคุณชายของพวกคุณอนุญาตให้คุณนายของพวกคุณไปงานเต้นรำกับผมล่ะ?”
“เป็นไปไม่ได้”พ่อบ้านปฏิเสธออกมา และส่งสายตาไปหาคนใช้ที่อยู่ทั้งสองข้าง แล้วไปหาเย่เชินหลินอย่างรีบร้อน
เย่เชินหลินกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระว่ายน้ำในห้องชั้นบนสุด พ่อบ้านเดินเข้ายืนอยู่ข้างๆแล้วพูดกับเย่เชินหลินว่า “คุณชาย คุณสวีมารับคุณนายไปร่วมงานเต้นรำอะไรนี่แหล่ะครับ”
เย่เชินหลินขึ้นมาจากน้ำ แล้วสวมเสื้อคลุมเดินไปที่หน้าต่างหน้าต่างยาวที่ขอบตกถึงพื้นและมองรถลินคอล์นคันยาวที่จอดอยู่นอกลานบ้าน
“ผมจะไปปฏิเสธเขานะครับ” พ่อบ้านหันหลังและกำลังจะเดินไป
“ไม่ต้อง ไปบอกให้คุณนายเตรียมตัวหน่อย” เย่เชินหลินจับราวระเบียงเอาไว้แน่นจนสุดชีวิตด้วยมือทั้งสองข้าง ทำให้เส้นเลือดสีเขียวบนมือทั้งสองข้างนูนขึ้นมา พ่อบ้านมองไม่เห็นสีหน้าของเย่เชินหลิน จึงไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับท่าทีของเย่เชินหลินอยู่บ้าง เขาก็เลยถอนหายใจอย่างเงียบๆแล้วเดินไปหาเซี่ยชีหรั่น
เซี่ยชีหรั่นแต่งหน้าเสร็จตั้งนานแล้วและก็นั่งอยู่ในห้อง หลังจากที่ได้ยินคำตอบจากพ่อบ้านเธอก็พยักหน้าไปมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก
พ่อบ้านสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเย่เชินหลิน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้เซี่ยชีหรั่นไป แต่กลับผลักไสให้เซี่ยชีหรั่นออกไปข้างนอก เขาไม่กล้าถามเย่เชินหลิน ก็เลยจำใจต้องมาถามเซี่ยชีหรั่น
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้าแล้วเดินออกไปข้างนอก พอเดินลงบันไดไปเธอก็หยุดชั่วคราว จากนั้นก็หันหลังเดินไปยังห้องว่ายน้ำ
ในห้องว่ายน้ำมีเสียงเบาๆดังออกมาเล็กน้อย มีร่างร่างหนึ่งกำลังโหมกำลังว่ายน้ำอยู่ในน้ำอย่างแข็งแรงและกระฉับกระเฉง เขาว่ายไปว่ายมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเซี่ยชีหรั่นมองดูเย่เชินหลินว่ายมาจนถึงปลายทาง ทันใดนั้นเธอก็ยื่นหมัดออกมาและทุบลงไปในน้ำ แล้วแสดงสีหน้าที่เจ็บปวดรวดร้าว
จนกระทั่งเข้าไปนั่งในรถของสวีเห้าเซิง เซี่ยชีหรั่นก็ยังคิดถึงสายตาของเย่เชินหลินเมื่อสักครู่นี้ และในความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นก็มีความจนใจแฝงอยู่ด้วย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ
รถแล่นไปจนถึงสถานที่ประชุม เซี่ยชีหรั่นก็ตกใจกับผู้คนที่ถือธงและป้ายต่างๆที่อยู่นอกหน้าต่าง สวีเห้าเซิงก็คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมามากมายขนาดนั้น เขาจึงกล่าวขอโทษว่า “ถ้าไม่อย่างนั้นให้ผมไปเองเถอะ ผมไม่คิดว่าวันนี้จะมึนมาที่นี่เยอะขนาดนี้ ผมคิดผิดไป ต้องขอโทษด้วยนะ”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า มองสวีเห้าเซิงอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “มีคนชื่นชอบพี่ใหญ่สวีมากมายขนาดนี้ ฉันรู้สึกมีความสุขมากเลย”
สวีเห้าเซิงตกตะลึง เอามือกุมหน้าผากและยิ้ม แล้วเปิดประตูเดินนำหน้าออกไป นอกประตูล้วนเป็นแฟนคลับของสวีเห้าเซิง หลังจากที่เห็นสวีเห้าเซิงก็วิ่งกรูเกรียวกันเข้ามา
เซี่ยชีหรั่นถือโอกาสลงรถ เจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศจีนก็เร่งรุดเข้ามาต้อนรับ และมีบอดี้การ์ดหลายคนล้อมเซี่ยชีหรั่นกับสวีเห้าเซิงเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนี้ สวีเห้าเซิงกับเซี่ยชีหรั่นก็เดินไปด้วยความอยากลำบากอยู่ดี
ตลอดทั้งวัน เซี่ยชีหรั่นล้วนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย ในงานเลี้ยงตอนกลางคืน สวีเห้าเซิงยกไวน์แดงหนึ่งแก้วเดินไปอยู่ข้างๆเซี่ยชีหรั่น แล้วเซี่ยชีหรั่นก็หยิบไวน์แดงมา ดื่มลงไปในคำเดียว
ภายในไม่กี่นาทีก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นมองดูสวีเห้าเซิงอย่างพร่าเลือน หลังจากนั้นก็หมดสติลงไปบนแขนของสวีเห้าเซิง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เซี่ยชีหรั่นถูกปลุกให้ตื่น ตัวของเธอยังคงอ่อนนุ่มจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย สวีเห้าเซิงเข้ามาใกล้ๆ แล้วกระซิบข้างหูของเซี่ยชีหรั่นว่า “ชีหรั่นอย่าเพิ่งขยับนะ”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอย่างรุนแรงที่หน้าประตู สวีเห้าเซิงเปิดประตูออกมา เย่เชินหลินที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเขียวปัดด้วยความโกรธ เย่เชินหลินดึงปกคอเสื้อของสวีเห้าเซิงขึ้น แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรุนแรงและชี้ไปยังภาพที่สวีเห้าเซิงหันหน้าเข้าหากล้องและต้องการจูบเซี่ยชีหรั่นในโทรศัพท์
“ถ้าคุณแคร์ชีหรั่น ก็อย่าผลักไสเธอไปให้ผู้ชายคนอื่นตามใจชอบ แม้แต่ผมก็ไม่ได้” หางตาของสวีเห้าเซิงเหลือบไปเห็นขนตาที่สั่นระริกเล็กน้อยของเซี่ยชีหรั่น จึงรู้ว่าอีกฝ่ายตื่นแล้ว แล้วหันไปล้วงคำพูดของเย่เชินหลินอย่างตั้งใจ
เย่เชินหลินปล่อยคอเสื้อของของสวีเห้าเซิงแล้วหันไปมองเซี่ยชีหรั่นที่กำลังหลับสนิทอยู่
“เธอถูกวางยา ไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆหรอก ตอนนี้ผมขอพูดหน่อยได้ไหมว่าทำไมคุณถึงแปลกคนขนาดนี้? คราวก่อนที่เจอจิ่วจิ่ว เธอพูดมาผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย” สวีเห้าเซิงจัดแขนเสื้อแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกมา
เย่เชินหลินจับผมไปมาอย่างกระวนกระวายใจ แล้วพูดอย่างหงอยเหงาเศร้าซึมว่า “เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิดหรอกนะ”
สวีเห้าเซิงพูดอย่างสงบเยือกเย็นว่า “งั้นก็พูดมันออกมาสิ หลายคนหลายความคิดนะ”
เย่เชินหลินไม่ได้ตอบอะไร ในขณะที่เขากำลังมองเซี่ยชีหรั่นอย่างลึกซึ้ง และต้องการที่จะก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็พร่ามัวขึ้นมา หลังจากนั้นหมอกสีเทาก็แผ่ปกคลุมรูม่านตาของเขา
“ดูแลเธอให้ดีแทนผมด้วย” เย่เชินหลินรีบหันหลังแล้วจากไป โดยมองไม่เห็นเซี่ยชีหรั่นที่ลืมตาขึ้นในฉับพลันนั้น
สวีเห้าเซิงวิ่งตามออกไป แต่เย่เชินหลินออกไปตั้งนานแล้ว พอกลับไปที่ห้องก็เห็นเซี่ยชีหรั่นกำลังนอนมองดูเพดานอยู่อย่างเงียบ ๆ สวีเห้าเซิงจึงพูดขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดใจและขอโทษว่า “ผมก็แค่อยากจะช่วยคุณล้วงความคิดของเขาออกมา ไม่คิดว่าเขาจะเลวขนาดนี้”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า แล้วพูดเบาๆว่า “เราผ่านอะไรกันมามากขนาดนั้น ฉันรู้ว่าเขาไม่อาจจากไปได้ง่ายๆหรอก สิ่งที่ฉันเสียใจก็คือเรื่องที่เขามักจะแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้คนเดียว และไม่ยอมให้ฉันมีส่วนร่วมด้วย”
สวีเห้าเซิงแทบอยากจะไปจับตัวเย่เชินหลินกลับมาตีสักพักเพื่อให้เซี่ยชีหรั่นได้บรรเทาความโกรธ แต่เซี่ยชีหรั่นกลับลุกขึ้นมา แล้วยิ้มให้สวีเห้าเซิง และกำลังจะเดินจากไป
“ชีหรั่น ถ้าหากใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข ผมพาคุณไปได้ทุกเมื่อนะครับ” สวีเห้าเซิงตะโกนอยู่ข้างหลังเซี่ยชีหรั่น แล้วเซี่ยชีหรั่นก็โบกมือแล้วเดินออกไปข้างนอก
ทันใดนั้นภายในห้องก็เงียบลง และสวีเห้าเซิงก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เป็นตอนกลางคืนแล้ว เขาจึงวิ่งตามออกไปนอกโรงแรม เพิ่งออกจากโรงแรมก็เห็นเซี่ยชีหรั่นเดินไปข้างหน้าคนเดียว เขาอยากจะตะโกนเรียก รถคันหนึ่งก็กำลังวิ่งตามหลังเซี่ยชีหรั่นอย่างไม่รีบไม่ร้อน แล้วสวีเห้าเซิงก็เห็นว่าผู้ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังก็คือเย่เชินหลินนั่นเอง
“ตกลงสองคนนี้กำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย ตอนที่ฉันคิดว่าจะมีความหวังก็มักจะตีแสกหน้าฉัน!” สวีเห้าเซิงส่ายหน้าแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
อากาศที่เดิมทียังคงมีลมเย็นสบายและพระจันทร์ที่สุกสกาวทันใดนั้นก็มีเมฆดำลอยเข้ามาอย่างฉับพลัน ทันใดนั้นพายุฝนก็ตกลงมาอย่างรุนแรง
เซี่ยชีหรั่นกำลังเดินไปข้างหน้าคนเดียวอย่างโซซัดโซเซ เสื้อผ้าเปียกปอนและแนบชิดอยู่กับร่างกายของเซี่ยชีหรั่น รองเท้าส้นสูงของเซี่ยชีหรั่น เหยียบเข้าไปในบ่อน้ำข้างหนึ่ง โคลนในบ่อน้ำก็สาดกระเซ็นมาโดนตัวของเซี่ยชีหรั่น ทั้งตัว
ในขณะที่ความคิดของเย่เชินหลินกระชับขึ้นมา ก็มีร่างหนึ่งแวบผ่านหน้าเขาไป ทำให้มือของเย่เชินหลินที่เปิดประตูรถออกก็หยุดชะงักไปพักหนึ่ง
สวีเห้าเซิงถือร่มวิ่งไปอยู่ข้างๆเซี่ยชีหรั่น แล้ววางส่วนจองร่มทั้งคันไว้บนตัวของเซี่ยชีหรั่น เขาหันหน้าไปจ้องมองเย่เชินหลินอย่างดุร้ายด้วยความหวาดหวั่น หลังจากที่เขาติดตามทั้งสองคนมาโดยตลอด ก็เห็นเซี่ยชีหรั่นเปียกฝน ก็เลยตื่นตระหนกตกใจ แล้วก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“พี่ใหญ่สวี?” เซี่ยชีหรั่นมองสวีเห้าเซิงด้วยความประหลาดใจ
ฝนตกหนักมากเกินไป สวีเห้าเซิงจึงจำเป็นต้องเพิ่มระดับเสียงพูดแล้วพูดว่า “ไป! ผมจะไปส่งคุณกลับบ้านเอง! เย่เชินหลินคุณจะต้องเสียใจภายหลังแน่!”
เย่เชินหลินฟังอยู่อย่างเงียบสงบ มองดูสวีเห้าเซิงประคองเซี่ยชีหรั่นเดินออกไปไกลเรื่อยๆ และไหล่ที่ผ่ายผอมของเซี่ยชีหรั่นก็ถูกสวีเห้าเซิงปกป้องเอาไว้
ชุดสูทราคาแพงเปียกโชกไปด้วยสายฝนและสายตาก็พร่ามัวจนมองไม่เห็นทั้งสองคน
จางเฟิงอี้เห็นเย่เชินหลินเปียกฝน ก็เลยลงรถเป็นเพื่อนเย่เชินหลิน เย่เชินหลินมองไปยังถานที่ที่เซี่ยชีหรั่นหายตัวไป แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่งุนงงว่า “ฉันทำแบบนี้มันคือผิดพลาดใช่หรือเปล่า?”
“ใจที่ไม่อยากทำร้ายคนคนหนึ่งมันก็ดีนะครับ แต่บางครั้งการรับภาระต่างๆร่วมกันต่างหากจึงจะเป็นการไม่ทำร้ายอีกฝ่ายจริงๆ” จางเฟิงอี้พูดอย่างตรงไปตรงมา
เซี่ยชีหรั่นไม่รู้เลยว่าเย่เชินหลินยืนอยู่กับเธอตลอดทางท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก เมื่อตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้น ผ้าปูที่นอนข้างๆ เขาก็ระเกะระกะเล็กน้อย และเย่เชินหลินก็กลับมาแล้ว
“พ่อบ้าน เชินหลินไปไหนแล้ว?” เซี่ยชีหรั่นดึงพ่อบ้านที่กำลังจะให้คนใช้ทำความสะอาดสนามหญ้าเอาไว้
“คุณชายไปที่บริษัทแล้วครับ ใช่แล้ว อีกสักครู่คุณชายสวีจะมารับคุณนายไปผ่อนคลายจิตใจนะครับ” พ่อบ้านไม่ได้บอกเซี่ยชีหรั่นว่าเมื่อวานเย่เชินหลินเสียหน้ากลับมาขนาดไหน เพราะเย่เชินหลินสั่งเอาไว้
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า แล้วโทรศัพท์ไปหาจางเฟิงอี้ ในร้านกาแฟ เซี่ยชีหรั่นถามจางเฟิงอี้อย่างร้อนรนว่า “คุณจะต้องรู้แน่ๆว่าเชินหลินเป็นอะไรไป พักนี้เขาถึงได้ผิดปกติเป็นอย่างมาก”
จางเฟิงอี้พูดอย่างสงบเยือกเย็นว่า “เรื่องพวกนี้คุณไปถามประธานเย่ด้วยตนเองจะดีกว่านะครับ”
“เขาไม่มีวันพูดกับฉันหรอกค่ะ คุณอยู่เคียงข้างเขามาตลอด ได้โปรดบอกฉันเถอะนะคะ” เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าจางเฟิงอี้จะต้องรู้อะไรแน่นอน
“มีหนังสือนิทานเล่มหนึ่ง ชื่อว่าความรักของหมาป่า ผมคิดว่ามันดีมากเลยทีเดียว”จางเฟิงอี้ตั้งใจหยิบกระเป๋าเอกสาร และพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งก่อนจะจากไป
ในร้านหนังสือ มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆอยู่ในโซนหนังสือเทพนิยายและค้นหาทีละนิดทีละน้อย ผู้หญิงคนนี้ก็คือเซี่ยชีหรั่นนั่นเอง ที่ชั้นบนสุดของชั้นวางหนังสือ มีหนังสือที่ชื่อว่า “ความรักของมาป่า” ที่มีหน้าปกลวดลายสีสันสวยงามขนาดใหญ่วางอยู่ชั้นบนสุดเล่มหนึ่ง เซี่ยชีหรั่นเขย่งเท้าขึ้นไปหยิบ แต่ก็ยังมีระยะห่างระหว่างมือกับหนังสืออยู่มาก
และแล้วก็มีร่างร่างหนึ่งโอบล้อมเซี่ยชีหรั่น แล้วมือเรียวของเขายื่นออกมาจากข้างๆหูของเซี่ยชีหรั่น และหยิบหนังสือมาวางไว้ในมือของเซี่ยชีหรั่นอย่างสบายๆ
“พี่ใหญ่สวี? บังเอิญจังคุณก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ?” เซี่ยชีหรั่นมองสวีเห้าเซิงแล้วยิ้ม
สวีเห้าเซิงปัดมือที่เปื้อนฝุ่นของเขา ยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก หรือว่าพ่อบ้านไม่ได้บอกคุณว่าวันนี้ผมจะมาหาคุณ? ผมอยู่ข้างหลังคุณมาตลอดและอยากจะเห็นว่าเมื่อไหร่คุณจะมองเห็นผม”
เซี่ยชีหรั่นก้มศีรษะลงหลังจากฟังจบ เธอลืมเวลานัดกับสวีเห้าเซิงไปแล้วจริงๆ และตอนนี้ในสมองของเธอก็เต็มไปด้วยเย่เชินหลิน
“ไปกันเถอะ เด็กโง่” สวีเห้าเซิงดึงเซี่ยชีหรั่นไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ แล้วตัวเองก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านอยู่ข้างๆ
เซี่ยชีหรั่นเปิดหนังสือไปมา แล้วอ่านขึ้นมาอย่างละเอียด
ในป่าแห่งหนึ่ง มีหมาป่าผู้โดดเดี่ยวตัวหนึ่ง ไม่มีสัตว์ตัวใดสามารถเอาชนะความเร็วของมันได้

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset