สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1370 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1270

อยู่ในป่า มันเป็นเป็นห่วงโซ่อาหารสูงสุด อยู่มาวันหนึ่ง มีแกะตัวหนึ่งบุกเข้าไปในโลกของมัน
แกะตัวนั้นกำลังกินหญ้าอยู่อย่างเงียบๆภายใต้การจ้องเขมือบของมัน และไม่กลัวที่จะไม่วิ่งหนีออกมา
หมาป่าสงสัยเป็นอย่างมาก ในครั้งแรกไม่มีสัตว์ตัวไหมจะเห็นมันแล้วก็วิ่งหนีได้ มันกำลังคิดว่ายังไงซะอาหารก็หาง่ายอยู่แล้ว เก็บลูกแกะไว้สักตัวหนึ่งจะเป็นไรไป
ตั้งแต่นั้นมา ลูกแกะก็กลายเป็นผู้ติดตามของหมาป่า บางครั้งหมาป่าก็ขู่ว่าจะกินลูกแกะ แต่หลังจากที่ข่มขู่ไปแล้วก็มักจะปกป้องมันเสมอ
สัตว์ตัวอื่นๆในป่าล้วนค่อยๆมีความคิดเห็นเกี่ยวกับลูกแกะ และถือว่าลูกแกะเป็นพวกเดียวกันกับหมาป่า สัตว์บางตัวถึงกับต้องการฆ่าลูกแกะเพราะความอิจฉา
หมาป่าได้ปกป้องลูกแกะ โดยไม่เคยบอกลูกแกะเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย จนกระทั่งโชคร้ายที่ถูกนายพรานยิงเข้าที่ตา ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างกำลังจะบอด
ด้วยความกังวลว่าลูกแกะจะได้รับอันตรายหลังจากที่มันตาย มันจึงสังหารสัตว์ทุกตัวที่อยู่ทั้งป่า และไม่ปล่อยสัตว์ชนิดใดไปสักตัว
สุดท้าย ตอนที่หมาป่าหายใจเฮือกสุดท้ายนั้น มันก็จะกินลูกแกะลงไป ลูกแกะวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว ทิ้งให้หมาป่าดิ้นรนอยู่ในถ้ำและเสียชีวิตในที่สุด
เรื่องราวและภาพวาดที่เรียบง่าย ทำให้เซี่ยชีหรั่นน้ำตาซึมหลังจากที่อ่านแล้ว สวีเห้าเซิงยื่นกระดาษทิชชู่ให้เธออย่างเงียบๆ แล้วหยิบหนังสือที่อยู่ในมือของเซี่ยชีหรั่นมาอ่านจนจบ
เขาไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยชีหรั่นถึงได้ร้องไห้ แต่เขารู้ว่าผู้ชายคนเดียวที่ทำให้ เซี่ยชีหรั่นร้องไห้อย่างหนักขนาดนี้ก็มีเพียงเย่เชินหลินเท่านั้น…
“ผมจะไปหาเขา!”
“พี่ใหญ่สวี ไม่ต้อง รับปากฉันว่าคุณจะไม่ไปหาเชินหลินเพราะเรื่องนี้” เซี่ยชีหรั่นดึงสวีเห้าเซิงเอาไว้ ในใจของเธอสับสนเป็นอย่างมาก ตอนแรกก็คิดว่าจะไปถามเย่เชินหลินให้กระจ่าง แต่ไม่นานเธอก็คิดได้ขึ้นมา เธอส่ายหน้าให้สวีเห้าเซิงแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่สวี ถ้าเขาอยากปิดบัง ก็ตามใจเขาเถอะ”
“แต่ว่าคุณ” สวีเห้าเซิงพูดอย่างลังเล เพราะเขารู้ว่าเซี่ยชีหรั่นรักเย่เชินหลินมากแค่ไหน
“ไปกันเถอะ ไม่ใช่บอกว่าอยากจะไปเดินเล่นเหรอ? ฉันอยากไปสวนสาธารณะใกล้ๆ” เซี่ยชีหรั่นยิ้มและพูดกับสวีเห้าเซิง
ในสวนสาธารณะ เซี่ยชีหรั่นกำลังเดินช้าๆอย่างไร้จุดหมาย ทำให้เธอเหยียบใบไม้ที่อยู่บนพื้นจนส่งเสียงก๊อบแก๊บ ส่วนสวีเห้าเซิงก็เดินอยู่ข้างๆเซี่ยชีหรั่นอย่างเงียบๆ
เด็กที่สวมเสื้อผ้าแฟชั่นสองคนเดินมาแต่ไกล ผู้ชายกำลังพูดอะไรบางอย่างกับผู้หญิงไม่หยุด ดูท่าทางแล้วเหมือนว่าจะกำลังเอาอกเอาใจผู้หญิงอยู่ ผู้หญิงไม่ตอบกลับอย่างเฉยเมย แล้วหันไปมองผู้ชายโดยบังเอิญและตอบกลับมาหนึ่งถึงสองประโยค
สวีเห้าเซิงตกตะลึงเมื่อเห็นผู้หญิงกับผู้ชายที่หันหน้ามา จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดกับเซี่ยชีหรั่นที่กำลังก้มศีรษะว่า “ชีหรั่น ผมจะไปดูสักหน่อย”
ไม่รอให้เซี่ยชีหรั่นก่อน สวีเห้าเซิงก็สาวเท้าเดินไปทางคนสองคนที่กำลังหยุดพูดอยู่อย่างรวดเร็ว
อ้าวเสว่กำลังตอบโต้เด็กชายที่ชื่อเหยนหมิงเย้าคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างหงุดหงิด พอร่างที่สูงใหญ่ยืนอยู่ข้างหน้า อ้าวเสว่ก็ตกตะลึง
“คุณลุง คุณขวางทางแล้วนะ!” เหยนหมิงเย้าหันไปมองสวีซิงด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนวัยและนุ่มนวล
อ้าเสว่จำสวีเห้าเซิงได้ ก่อนหน้านี้เธอกับสวีเห้าเซิงมีเหตุที่ทำให้ได้เจอกันในลอสแองเจลิส หลังจากนั้นก็ได้เจอกันอีกสองสามครั้ง อ้าวเสว่รู้สึกรังเกียจผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อย่างบอกไม่ถูกอยู่เงียบๆ
ในขณะที่ดึงเหยนหมิงเย้าอยู่ อ้าวเสว่อยากจะเดินไป สวีเห้าเซิงก็สกัดกั้นอ้าวเสว่อยู่ข้างหน้า แล้วพูดด้วยอารมณ์โกรธที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจอย่างชัดเจนออกไปว่า “วันนี้นักเรียนควรไปเข้าเรียนนะ!”
อ้าวเสว่ขมวดคิ้ว และคิดอยากจะเดินไปอีกทาง สวีเห้าเวิงก็ขวางต่อไป เหยนหมิงเย้าจึงเตือนด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจว่า “อย่าทำร้ายเธอนะ!”
“พอได้แล้ว! คุณไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ไม่มีสิทธิ์มาควบคุมฉัน ฉันรักที่จะทำอะไรฉันก็จะทำอย่างนั้น!” ในขณะที่อ้าวเสว่กำลังฟังคำตำหนิของสวีเห้าเซิง เธอก็ตอบโต้กลับด้วยความรำคาญใจ
“อ้าวเสว่? หมิงเย้า?” เซี่ยชีหรั่นวิ่งเข้ามา พอเห็นอ้าวเสว่กับเหยนหมิงเย้าก็ทำสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา
“วันนี้ไม่ใช่ว่าต้องไปเข้าเรียนกันเหรอ? เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกมันอันตรายมากเลยนะ”
อ้าวเสว่เห็นเซี่ยชีหรั่น สีหน้าก็ลดต่ำลง เธอลากเหยนหมิงเย้าแล้วตอบโต้เซี่ยชีหรั่นว่า “ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาสั่งสอนหรอก”
เหยนหมิงเย้าดึงอ้าวเว่และต้องการจะเดินออกไปถ้าหากทำให้แม่ของตัวเองรู้ว่าตัวเองโดดเรียนออกมาเที่ยวเล่นแม่จะต้องหักขาของตัวเองแน่ๆเลย
“อ้าวเสว่ จะเสียมารยาทแบบนั้นไม่ได้นะ!” สวีเห้าเซิงพูดเพื่อหยุดเธอ สำหรับอ้าวเสว่แล้วเขาก็มีความคุ้นเคยกับเธอเสมอมา ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเด็กผู้หญิงคนนี้
อ้าวเสว่กลอกตามองบน เห็นเหยนหมิงเย้าอยู่ข้างๆ เธอจึงหันหลังแล้ววิ่งอ้อมเซี่ยชีหรั่นและสวีเห้าเซิงข้ามถนนไป ทันใดนั้นก็มีรถจักรยานไฟฟ้าคันหนึ่งแล่นผ่านมาบนขอบถนนอย่างรวดเร็ว สวีเห้าเซิงจึงตะโกนออกไปอย่างรีบเร่ง เขารีบวิ่งเข้าไปสองสามก้าวแล้วกอดอ้าวเสว่และก็กลิ้งไปข้างถนน
ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็พูดวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเกรียวกราว และเจ้าของรถจักรยานไฟฟ้าก็ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความงุนงง เซี่ยชีหรั่นแหวกฝูงชนเข้าไป ก็เห็นสวีเห้าเซิงนั่งอยู่บนพื้นและกอดอ้าวเสว่เอาไว้ในอ้อมแขน
อ้าวเสว่อยู่ในอ้อมแขนของสวีเห้าเซิงด้วยความตกตะลึง เข่าของเธอถลอกเลือดไหลออกมา และเห็นได้ชัดว่าสติของเธอยังไม่กลับมา
“ต่อไปจะข้ามทางต้องมองซ้ายมองขวาก่อนนะ จะก้มหน้าก้มตาวิ่งไปอย่างเดียวไม่ได้เข้าใจแล้วใช่ไหม!” สวีเห้าเซิงปลอบโยนอ้าวเสว่ไปพลางสั่งสอนไปพลางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและกอดอ้าวเสว่เอาไว้ สวีเห้าเซิงมองเจ้าของรถจักรยานไฟฟ้า แล้วก็เพิ่มระดับเสียงพูดขึ้นมาว่า “ถนนเส้นนี้เดิมเป็นทางเท้าในสวนสาธารณะ มีคนเดินผ่านไปผ่านมาค่อนข้างเยอะ คราวหน้าอย่าขับเร็วขนาดนั้นนะครับ!”
เจ้าของรถพยักหน้าและโค้งคำนับแล้วก็จากไป สวีเห้าเซิงไม่ตามเอาความ เขาก็เลยสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้นิดหน่อย เซี่ยชีหรั่นมองหัวเข่าที่มีเลือดไหลออกมาของ้าวเสว่แล้วจึงรีบพูด “ไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”
คนกลุ่มหนึ่งจึงไปถึงโรงพยาบาลอย่างรีบเร่ง ในห้องผู้ป่วย อ้าวเสว่ลู่ตาลงไม่พูดอะไร สวีเห้าเซิงจึงถามอย่างใจเย็นว่า “บอกมาว่าทำไมถึงต้องโดดเรียน?”
“วิชาพวกนั้นไม่น่าสนใจอะไรเลย ง่ายจะตายชัก ไม่อยากฟัง!” หลังจากที่อ้าวเสว่หายตกใจกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้แล้ว บวกกับความห่วงใยของสวีเห้าเซิง เธอก็ว่านอนสอนง่ายมากขึ้นมาแล้ว
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะโดดเรียน แล้วมาเรียนรู้เรื่องรักๆใคร่ๆกับคนอื่นแบบนี้ เหยนหมิงเย้าออกมาหาแม่เดี๋ยวนี้เลยนะ” นอกห้องผู้ป่วยมีเสียงของจิ่วจิ่วดังขึ้นมา
พอเหยนหมิงเย้าได้ยิน ก็หมุนไปรอบๆ แล้วศีรษะเล็กๆที่ตัดผมทรง Slick backก็อยากจะมุดเข้าไปใต้เตียงโดยตรง
“เหยนหมิงเย้า! ชีหรั่น?” จิ่วจิ่วปรากฎตัวอยู่ที่หน้าประตูห้องผู้ป่วย เห็นเหยนหมิงเย้าก็เลยร้องคำรามออกไปก่อนหนึ่งคำ หลังจากที่สายตาเหลือบมองไปเห็นเซี่ยชีหรั่น จิ่วจิ่วก็ตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ
ในระเบียงทางเดิน เหยนหมิงเย้าจับศีรษะของตัวเองยืนอยู่ข้างๆด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่จิ่วจิ่วกำลังมองไปที่ใบหูที่แดงขึ้นมาเล็กน้อยของเหยนหมิงเย้า เธอก็จ้องมองด้วยความเจ็บปวดใจเล็กน้อย
“ชีหรั่น พวกเธอสองคน?” สายตาของจิ่วจิ่วแกว่งไปแกว่งมาทางเซี่ยชีหรั่นกับสวีเห้าเซิงที่ควบคุมและเร่งรัดให้อ้าวเสว่โทรไปหาคุณครูที่อยู่ในห้องผู้ป่วย เซี่ยชีหรั่นก็ทุบไหล่ของจิ่วจิ่วเบาๆ แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “เธอพูดอะไรของเธอเนี่ย!”
จิ่วจิ่วหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้พูดจาไร้สาระซะหน่อย สวีเห้าเซิงก็แต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วก็หย่าไป ฉันคิดว่าล้วนเป็นเพราะเธอ คนที่มีความรักที่ลึกซึ้งแบบนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆเลย”
พอจิ่วจิ่วก็คิดถึงเหยนชิงเหยียนขึ้นมา แววตาของเธอก็หม่นหมองลง เซี่ยชีหรั่นจึงถามถึงบทสนทนาระหว่างเย่เชินหลินกับจิ่วจิ่วที่พูดคุยกันอยู่ที่โรงแรมขึ้นมาว่า “วันนั้นที่โรงแรม ฉันขอโทษนะ”
จิ่วจิ่วมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความประหลาดใจ “เธอรู้หรอ?!”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าแล้วพูดว่า “เชินหลินกังวลใจเกี่ยวกับชิงเหยียน แต่ฉันเชื่อในตัวชิงเหยียนนะ มีใครบ้างล่ะที่ไม่เคยทำผิด”
จิ่วจิ่วมองไปที่เซี่ยชีหรั่นด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้งใจ แล้วเหยนหมิงเย้าที่อยู่ข้างๆก็เริ่มบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “หิวจะตายอยู่แล้ว หิวจะตายอยู่แล้ว!”
พอจิ่วจิ่วได้ยินก็คิดที่จะยื่นมือออกไปตี แล้วสวีเห้าเซิงก็เดินออกมายิ้มและพูดว่า “ตอนนี้ก็ถึงเวลาทานอาหารเที่ยงกันแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไปทานข้าวที่โรงแรมใกล้ๆกันไหมครับ?”
คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างเอิกเกริก ดูเหมือนว่าอ้าวเสว่จะไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก เธอจึงเดินเข้าไปเป็นคนสุดท้าย สวีเห้าเซิงเดินตามหลังไปอย่างอารมณ์ดี แล้วจิ่วจิ่วก็กระซิบข้างๆหูของเซี่ยชีหรั่นว่า “พูดจริงๆนะ ถ้าไม่ใช่ว่าฉันเห็นว่าเขาปฏิบัติกับเธอด้วยใจจริงขนาดนี้ ฉันอาจจะสงสัยว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกสาวนอกสมรสของเขา หน้าตาดูเหมือนกันเกินไปแล้ว!”
เซี่ยชีหรั่นหันไปมองอ้าวเสว่กับสวีเห้าเซิงอย่างไม่รู้ตัว แน่นอนว่าหน้าตาของสองคนนี้ก็มีความรู้สึกคล้ายกันอยู่จริงๆ เธอคิดในใจว่าทำไมตัวเองถึงได้ถูกคนที่ฉลาดเฉียบแหลมอย่างจิ่วจิ่วคนนี้ชักนำได้นะ เซี่ยชีหรั่นยิ้ม
สถานที่รับประทานอาหารอยู่ไม่ไกลนัก ทางที่จะต้องเดินไปมีสายเตือนภัยล้อมรอบอยู่เล้นหนึ่ง มีบางคนกำลังพูดวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่และไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง
จิ่วจิ่วกับสวีเห้าเซิงได้พาเด็กทั้งสองคนมาไว้ข้างหลัง และชายคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากสายเตือนภัยสีเหลือง เขาก็คือBakerนั่นเอง เซี่ยชีหรั่นจึงตะโกนและโบกมือให้Baker
พอเห็นเซี่ยชีหรั่นBakerก็หันไปพูดกับคนที่อยู่ข้างๆสองสามประโยค แล้วเดินมาหาเซี่ยชีหรั่นเมื่ออยู่ห่างจากคนเพียงไม่กี่ก้าวเขาก็หยุดเดินโดยอัตโนมัติ
“บนตัวผมมีคราบเลือด เดี๋ยวไปเปอะพวกคุณเข้ามันจะไม่ดีนะ” Bakerอธิบาย
เซี่ยชีหรั่นจึงเป็นฝ่ายเดินไปข้างๆBakerก่อนและตบที่ไหล่ของBaker และในดวงตาของเธอก็ไม่มีความรังเกียจเลยสักนิด เมื่อ Baker มองไปที่หญิงสาวผู้บริสุทธิ์และจิตใจดีที่อยู่ข้างหน้าเขา Bakerก็ถอนหายใจเล็กน้อย
“ผมอยากจะพูดเรื่องหนึ่งกับคุณ” Bakerพูดกับเซี่ยชีหรั่น
จิ่วจิ่วและสวีเห้าเซิงเดินไปอีกด้านหนึ่ง Bakerจึงถอดถุงมือออกและถามเซี่ยชีหรั่นว่า “ก่อนหน้านี้ผมเคยโทรหาคุณเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลัวหมี่เสว่”
เซี่ยชีหรั่นนึกถึงสายที่ตัวเองวางสายไปตอนที่อยู่ในบ้านของหลินหลิงขึ้นมา แล้วพยักหน้า Bakerสูดหายใจเข้าลึกๆ ในขณะที่มองดูดวงตาสดใสของเซี่ยชีหรั่นเขาก็ไม่สามารถพูดคำพูดที่เขาต้องการจะพูดออกมาได้
“ไม่มีอะไร ผมก็แค่อยากจะบอกว่าหลัวหมี่เสว่เข้าไปอยู่ในคุกแล้วเท่านั้น” Bakerแสร้งทำเป็นพูดอย่างไม่ใส่ใจ เซี่ยชีหรั่นมองBakerด้วยความสงสัย Bakerจึงผลักเซี่ยชีหรั่นไปที่ที่มีคนไม่กี่คน และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ออกมาว่า “คุณหญิงคุณนายแบบคุณอย่ามาอยู่ในที่ที่คนพลุกพล่านแบบนี้เลย เดี๋ยวถูกคนเบียดจนล้มมันจะไม่ดีนะ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนด้วยความตกตะลึงดังออกมาจากในฝูงชนครู่หนึ่ง แล้วก็มีคนวิพากษ์วิจารณ์กรูเกรียวกันว่า “เมื่อกี้ชาวต่างชาติคนนั้นบอกว่าเขายังไม่ตาย กระโดดลงมาจากตึกที่สูงขนาดนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าจะยังไม่ตาย”
“เกิดอะไรขึ้น!” Bakerผลักทุกคนออกไปแล้วเข้าไปในวงล้อม ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งกำลังทำCPRอยู่ แล้วเขาก็พูดโขมงโฉงเฉงกับBakerพร้อมทั้งชี้มือชี้ไม้ด้วยว่า
“คุณกำลังพูดอะไร? มีใครพูดภาษาอังกฤษได้บ้างครับ!” Bakerไม่เข้าใจสิ่งที่ชาวต่างชาติคนนั้นพูด พอเห็นอีกฝ่ายกระทืบเท้าด้วยความร้อนใจเขาก็รู้สึกกังวลใจมากเช่นกัน
“เขาบอกว่าถ้ารถพยาบาลมาก็สายเกินไปแล้ว เขาเสียเลือดเยอะมากจะต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดค่ะ” เซี่ยชีหรั่นผลักฝูงชนเข้าไปพูดกับBaker แล้วชาวต่างชาติที่ฟังอยู่ข้างๆก็ยกนิ้วโป่งให้เซี่ยชีหรั่น
“งั้นยังจะรออะไรอยู่ล่ะ! ทุกคนช่วยเบิกทางให้หน่อยครับ” ในขณะที่Bakerตะโกน ทางเส้นหนึ่งก็ถูกแยกออกโดยอัตโนมัติท่ามกลางฝูงชน แล้วBakerก็มองเซี่ยชีหรั่นด้วยความกระวนกระวายใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “คุณช่วยทำหน้าที่เป็นล่ามชั่วคราวได้ไหม มิฉะนั้นระหว่างทางผมคงไม่เข้าใจจริงๆว่าชาวต่างชาติคนนี้พูดอะไรบ้าง”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset