สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1373 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1273

“ฉันรู้” เซี่ยชีหรั่นมองดูใบต้นอู๋ถงนอกศาลาที่จะร่วงแหล่ไม่ร่วงแหล่แล้วพูดเบาๆ
“เธอรู้เหรอ” หลินหลิงเดิมทีก็เป็นคนเฉลียวฉลาด แค่แวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่าง “เป็นความต้องการของประธานเย่?”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ในน้ำเสียงมีรอยยิ้มที่แฝงด้วยความจนใจ:“ในเมื่อเขาต้องการจะหลบไปอยู่อื่นเพื่อจัดการบาดแผลและทำการรักษาด้วยตัวเอง สิ่งที่ฉันทำได้ก็คือทำตามความต้องการของเขา โดยไม่ไปปรากฏตัวอยู่ในสายตาของเขา นี่คือวิธีที่ฉันรักเขา”
หลินหลิงพูดไม่ออก มีเสียงแตรรถดังมาจากประตู เซี่ยชีหรั่นลากกระเป๋าเดินทางแล้วถอนหายใจพูด:“ตรุษจีนก็ใกล้จะมาถึงแล้ว หวังอย่างยิ่งว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะสามารถอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันกับทุกคน”
“รักษาตัวด้วย!”หลินหลิงกล่าวออกมาจากใจ เซี่ยชีหรั่นโบกมือลาจากนั้นเดินไปหาสวีเห้าเซิงที่รออยู่ข้างๆ
จากกันแล้วอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้พบกันอีก เซี่ยชีหรั่นได้เตรียมใจไว้อย่างตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว อาจจะเป็นหนึ่งเดือน สามเดือน หรือไม่ก็ครึ่งปี แต่กลับไม่คิดไม่ถึงคือวินาถัดไป
“พวกเราไม่ได้ไปกรุงโรมเหรอ” เซี่ยชีหรั่นขยี้ตาจ้องสวีเห้าเซิง ไม่เข้าใจว่าตัวเองนอนหลับสักตื่น ลงจากเครื่องบินแล้วพบว่าตัวเองนั้นกลับยืนอยู่ในดินแดนของลอสแองเจลิส
“ผมอยากได้หัวใจของเซี่ยชีหรั่นมาด้วย ไม่ใช่มาแต่ตัวของเซี่ยชีหรั่น”สวีเห้าเซิงลูบศีรษะของเซี่ยชีหรั่นอย่างอ่อนโยน แล้วก็ผลักเซี่ยชีหรั่นที่ยังคงมึนงงออกไปนอกสนามบิน:“เอาล่ะ รีบไปทำอะไรที่ควรทำซะ เออใช่แล้ว มีเรื่องที่จะบอกกับคุณ ที่อยู่ของเย่เชินหลินผมได้ใส่ไว้ในช่องที่สองของกระเป๋าคุณนะ”
เซี่ยชีหรั่นหันหลังมา เห็นสวีเห้าเซิงโบกมือให้กับเซี่ยชีหรั่น แล้วเดินเข้าไปทางขึ้นเครื่อง ทั้งหมดนี้สวีเห้าเซิงได้วางแผนไว้หมด
“ขอบคุณนะ พี่สวี!” เซี่ยชีหรั่นพึมพำยู่ในลำคอ
ในห้องวีไอพีที่เงียบสงบ เย่เชินหลินสวมชุดผู้ป่วยนั่งอยู่บนเตียง ในรูปถ่ายเป็นใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นที่ยิ้มอย่างร่าเริง
“นายท่านการผ่าตัดจะเริ่มขึ้นแล้ว” สิบสามที่ยืนอยู่ข้างๆได้กล่าวขึ้น จางเฟิงอี้มองเย่เชินหลินด้วยความเป็นห่วง ในสมองยังคงกึกก้องด้วยคำพูดของแพทย์ :“อัตราความสำเร็จกับอัตราความล้มเหลวเท่ากัน”
“ไปกันเถอะ” เย่เชินหลินพับรูปถ่ายลง ลุกขึ้นแล้วเข้าไปในห้องผู้ป่วย ไฟในห้องผู้ป่วยได้สว่างขึ้น ร่างของคนคนหนึ่งได้ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ จางเฟิงอี้มองเซี่ยชีหรั่นแล้วถอนหายใจกล่าวขึ้น :
“ถ้าหากรู้ว่านายหญิงท่านอยู่ด้วย เขาจะต้องดีใจมากกระมัง”
มุมปากเซี่ยชีหรั่นได้ยกรอยยิ้มขึ้น ในหัวสมองที่ไม่สามารถให้ผู้อื่นได้เข้ามาได้อีกแล้ว
เวลาแปดชั่วโมง ไฟในห้องผ่าตัดได้ดับลง ประตูถูกผลักออก เซี่ยชีหรั่นลุกจากเก้าอี้อย่างหุนหัน เย่เชินหลินที่ถูกปิดด้วยผ้าก๊อซอย่างแน่นหนาถูกเข็นออกมา แพทย์หันไปทำท่าOKให้กับทุกคน
แปดชั่วโมงที่อกสั่นขวัญแขวน เซี่ยชีหรั่นเส้นประสาทบีบรัดแน่นจนไม่สามารถพยุงร่างต่อไปไหว จึงเซไปทรุดลงผนังกำแพง
ในห้องที่จัดไว้สำหรับทหารเพื่อพักรักษาโรคในต่างประเทศโดยเฉพาะ เซี่ยชีหรั่นที่นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง มือที่กุมจับไว้ใด้สั่นเบาๆ เซี่ยชีหรั่นจึงกระตุกตัวขึ้น ทำท่าจะเอ่ยปากพูด แต่นึกขึ้นได้ว่าเย่เชินหลินไม่รู้ว่าตัวเองนั้นตามมาถึงที่สหรัฐอเมริกา
จางเฟิงอี้ที่เข้ามาพอดี เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเย่เชินหลินก็รู้สึกดีใจมาก จึงรีบไปเรียกแพทย์ให้เข้ามาทำการตรวจเช็คทันที
แพทย์ก็เข้ามาในบัดดล แพทย์ชายชราชาวต่างชาติทำการตรวจเช็คด้วยตัวเอง ดูอยู่สักพักแล้วพูดขึ้น:“ ลิ่มเลือดนั้นถูกขจัดแล้ว แต่เนื่องด้วยลิ่มเลือดที่อยู่นานเกินไป ดังนั้นจึงต้องพักรักษาดูอาการอีกสักครึ่งเดือน”
เมื่อจางเฟิงอี้ส่งแพทย์ออกไปแล้ว ก็หันไปมองเซี่ยชีหรั่นที่อยู่ข้างๆ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดกับเย่เชินหลินว่า:“ ตอนนี้การผ่าตัดก็สำเร็จเสร็จสรรพแล้ว ผมจะบอกให้นายหญิงมานะครับ”
สักพัก “ไม่ต้อง” เย่เชินหลินกล่าวเบาๆ
ระเบียงทางเดินที่อยู่ด้านนอก จางเฟิงอี้ขยี้ศีรษะแล้วพูดกับเซี่ยชีหรั่นว่า:“เห็นๆอยู่ว่าประธานเย่นั้นคิดถึงท่านมาก แต่ทำไมถึงไม่ยอมเจอท่านก็ไม่รู้”
เซี่ยชีหรั่นครุ่นคิดจากนั้นพูดกับจางเฟิงอี้ว่า :“คุณแนะนำฉันให้กับเย่เชินหลินในฐานะพยาบาลที่ไม่สามารถพูดได้ก็แล้วกัน ในเมื่อเขาไม่ต้องการให้ฉันมาเจอเขา อย่างนั้นฉันก็จะใช้วิธีนี้ในการอยู่ข้างๆเขา”
จางเฟิงอี้ลังเลแล้วพูดกล่าว:“ได้ครับๆ แต่ถ้าเป็นแบบนี้นายหญิงจะเหนื่อยมากนะครับ”
เซี่ยชีหรั่นยืนกรานที่จะทำแบบนี้ จางเฟิงอี้จึงทำได้เพียงทำตามความต้องการของเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินก็ไม่ได้คัดค้าน นางพยาบาลที่ไม่สามารถพูดได้สำหรับเขาบางทีก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดี ทำให้เขามีเวลามากขึ้นในการคิดถึงเซี่ยชีหรั่น
เมื่อได้รับการอนุญาตจากเย่เชินหลินแล้ว จางเฟิงอี้จึงหันมาพูดกับเซี่ยชีหรั่นว่า:“อย่างนั้นก็เริ่มกันเลย”
เซี่ยชีหรั่นหันไปพยักหน้าขอบคุณให้กับจางเฟิงอี้ จากนั้นยื่นมือจะไปจับที่มุมผ้าห่ม ไม่ระวังมือไปโดนมือของเย่เชินหลินเข้า เซี่ยชีหรั่นจึงรีบดึงมือกลับ แต่กลับถูกเย่เชินหลินจับไว้
เย่เชินหลินจับถูไถมือของเซี่ยชีหรั่นอย่างละเอียด จากนั้นคิ้วขมวดแน่น จางเฟิงอี้ก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วถามขึ้นอย่างใจเย็น :“นายท่าน มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
ริมฝีปากที่ขาวซีดของเย่เชินหลินเม้มขึ้น จากนั้นปล่อยมือเซี่ยชีหรั่นออก คิดหัวเราะเยาะตัวเองในใจว่าบ้าไปแล้ว เห็นนางพยาบาลคนหนึ่งเป็นเซี่ยชีหรั่นไปได้
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนครึ่งเดือนใกล้จะผ่านไป มือของเซี่ยชีหรั่นได้หยาบกระด้างขึ้น เย่เชินหลินยิ่งอยู่ก็ยิ่งเกิดความสงสัยในตัวนางพยาบาลคนนี้ขึ้น
มักจะรู้เสมอว่าตัวเองต้องการอะไร ดื้อรั้นที่จะยืนอยู่หน้าประตูห้องอาบน้ำในขณะที่ตัวเองอาบน้ำ บางครั้งก็ลืมสถานะของตัวเอง ในเวลาที่ตัวเองไม่อยากจะทานข้าวก็จะยืนถืออาหารอยู่ข้างๆไม่ยอมจากไป
พรุ่งนี้ก็จะดึงไหมออกแล้ว เซี่ยชีหรั่นยืนอยู่ข้างเย่เชินหลินอย่างเงียบๆ ในแต่ละวันเย่เชินหลินจะต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการอยู่ในสวนอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่ทำอะไร นั่งอยู่อย่างนั้นและไม่รู้ว่าคิดอะไร
“คุณรู้ไหมแต่ละวันที่ผมอยู่ที่นี่นั้นคิดอะไร”
เซี่ยชีหรั่นหันหน้ามาอย่างมึนงง มองใบหน้าของเย่เชินหลินที่ปิดด้วยผ้าก็อซที่หันมาทางตัวเอง ถึงได้รู้ตัวว่าเย่เชินหลินนั้นกำลังคุยกับตัวเอง
เซี่ยชีหรั่นเคาะเก้าอี้เข็นเพื่อตอบสนองเย่เชินหลิน เย่เชินหลินจึงยิ้มขึ้นแล้วพูดต่อว่า:“ไม่รู้ว่าคุณเป็นคนต่างชาติหรือว่าคนจีน ที่เมืองจีนเร็วๆนี้ก็จะถึงวันตรุษจีนแล้ว นั่นเป็นวันที่สำคัญมากๆเลยนะ ที่นั่นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด”
เซี่ยชีหรั่นได้เคาะขึ้นอีกครั้ง สื่อให้รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังฟังอยู่ หรือบางทีวันนี้อาจเป็นวันที่ตัดสินว่าตัวเองนั้นจะสามารถมองเห็นวันสำคัญได้อีกหรือไม่ เย่เชินหลินถึงได้พูดเยอะ:“สุดที่รักของผมมีชื่อที่งดงามมาก เธอชื่อเซี่ยชีหรั่น ผมทำร้ายเธอหลายครั้ง แต่เธอก็ยังเข้มแข็งมาก แต่ผมกลับอ่อนแอ
ผมกังวลว่าหลังการผ่าตัดแล้วจะไม่สามารถมองเห็น ดังนั้นผมจึงไม่ยอมให้เธอมาเจอผม คิดเสมอว่าถ้าหากสามารถมองเห็น ก็อยากจะปรากฏตัวอย่างสง่างาม ถ้าหากไม่สามารถมองเห็น ก็ให้เธอตัดใจซะ”
เสียงตอบสนองในครั้งนี้ค่อนข้างช้า แต่ชัดเจนกว่าเดิม เซี่ยชีหรั่นเอามือปิดปากเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงออกมา เธอรู้สิ่งที่เย่เชินทำทุกอย่างทั้งหมดนั้นทำเพื่อเธอ
เซี่ยชีหรั่นจับเก้าอี้ไว้แน่นเพื่อยับยั้งตัวเองไม่ให้เข้าไปกอดเย่เชินหลิน สิบสามเดินเข้ามาตบเข้าที่ไหล่เบาๆของเซี่ยชีหรั่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น:“เตรียมตัวตัดไหมค่ะ”
ในห้องที่กว้างขวาง แพทย์ช่วยเย่เชินหลินถอดผ้าพันแผลออกทีละรอบ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับกลั้นหายใจขึ้น
ผ้าพันแผลรอบสุดท้ายถูกถอดของออก แพทย์ให้เย่เชินหลินลองพยายามลืมตาขึ้น เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินด้วยความตื่นเต้น เห็นเย่เชินหลินลืมตาขึ้นมามองตัวเอง จากนั้นก็ปิดตาลงแล้วส่ายหน้า หัวใจของเซี่ยชีหรั่นตกลงไปในตาตุ่ม
“มองไม่เห็นเหรอครับ” จางเฟิงอี้ที่ตกใจเช่นกัน ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
เย่เชินหลินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น:“เหมือนมีภาพจินตนาการ เมื่อสักครู่ผมมองเห็นเซี่ยชีหรั่น”
“ไอ้บ้า!ตกใจหมดเลย!” เซี่ยชีหรั่นปล่อยโฮแล้วโผเข้ากอดเย่เชินหลิน ไม่ต้องกลั้นน้ำตาของตัวเองอีกต่อไป
สองเดือนต่อมา ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ เย่ชูฉิงสวมใส่ชุดราชวงศ์ถังสีแดง แก้มแดงๆยื่นหน้าออกไปทางหน้าต่าง
เซี่ยชีหรั่นยิ้มแล้วพูดขึ้น:“ลูกจ๋าไม่ต้องรีบ พี่โจ๋ซวนเดี๋ยวก็มาแล้ว”
พูดถึงปุ๊ปก็มาปั๊บ หลินหลิงพาไห่โจ๋ซวนเข้ามา ด้านหลังมีหลี่เหอไท้กับจงหยุนซางตามมาด้วย
“น้องชูฉิง!”เมื่อหลี่ยี่ซวนเห็นเย่ชูฉิงก็ดีใจมาก ถือตุ๊กตาที่เตรียมไว้แล้ววิ่งเข้าไปหา
เย่ชูฉิงเห็นตุ๊กตาดวงตาก็เป็นประกาย และก็พูดเจื้อยแจ้วขอบคุณหลี่ยี่ซวนยกใหญ่ หลี่ยี่ซวนจับศีรษะของตัวเองแล้วยิ้มอย่างเขินอาย
จงหยุนซางดูออกตั้งนานแล้วว่าลูกชายของตัวเองนั้นชอบชูฉิง จึงพูดหยอกล้อกับเซี่ยชีหรั่นว่า:“ชีหรั่น ฉันว่านะยี่ซวนคงชอบชูฉิงจริงๆ หรือว่าเราทำการหมั้นหมายให้กับลูกๆกัน”
หลี่เหอไท้ตาก็เป็นประกายแล้วพยักหน้า หลินหลิงที่อยู่ข้างๆพูดอย่างเสียงดังขึ้น:“อย่างนั้นคงจะไม่ได้ พวกคุณไม่เห็นหรอว่าชูฉิงอยู่กับโจ๋ซวนของเราตั้งแต่เล็ก ถ้าจะบอกว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมก็น่าจะเป็นของโจ๋ซวนมากกว่ามั้ง”
แล้วผู้ใหญ่ก็พากันหัวเราะคึกคัก บรรยากาศที่สนิทสนมกลมเกลียว “ขอให้เฮงๆร่ำรวยเงินทอง มีความสุขในวันปีใหม่ครับ คุยอะไรกันทำไมมีความสุขขนาดนั้น!”
โม่เสี่ยวจุนพาไห่ฉิงฉิงกับเย่ชูหวินเดินเข้ามา ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ จงหยุนซางยิ้มแล้วพูดหัวข้อการสนทนาเมื่อสักครู่อีกครั้ง โม่เสี่ยวจุนหันไปมองดูเย่ชูหวินลูกชายบ้านตัวเองที่เงียบนิ่งไม่พูดไม่จาครู่หนึ่ง จากนั้นถอนหายใจแล้วพูดขึ้น:“ นิสัยแบบนี้คงไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับสาวๆ ผมคิดว่าบ้านของเราก็คงต้องถอนตัว”
คำพูดของโม่เสี่ยวจุนทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยิ่งหัวเราะหนักขึ้น
“ ลุงสวี!”เย่เนี่ยนโม่ตะโกนออกไปที่ประตูและก็วิ่งออกไป สวีเห้าเซิงลงจากรถพร้อมกับถือถุงเล็กถุงใหญ่ไว้ในมือ เมื่อเห็นเย่เนี่ยนโม่ก็วางของที่อยู่ในมือลงแล้วก็เล่นเฮฮากับเย่เนี่ยนโม่
“ชีหรั่น สวัสดีปีใหม่ !”สีผิวของสวีเห้าเซิงที่ตากแดดจนเป็นสีแทน ยิ้มให้กับเซี่ยชีหรั่นนั้นทำให้เห็นฟันที่ขาวกระจ่าง
“ลุงสวีนั้นคิดถึงแต่แม่อย่างเดียว มองไม่เห็นผมเลย ” เย่เนี่ยนโม่เกิดอาการไม่พอใจแล้วบ่นพึมพำ
สวีเห้าเซิงจึงหยิบมีดพับสวิสออกมาเล่มหนึ่งควงเล่นต่อหน้าเย่เนี่ยนโม่ ยิ้มแล้วพูดขึ้น:“ตอนที่ลุงกำลังตกอยู่ในภัยอันตรายในทุ่งหญ้านั้น ได้ใช้มีดเล่มนี้สังหารจิ้งจอกตัวหนึ่ง ตอนนี้ลุงขอมอบให้กับหนู”
เด็กชายในวัยนี้มักจะมีหลงใหลการเป็นฮีโร่อย่างไม่สามารถอธิบายได้ เย่เนี่ยนโม่ทำท่าจะรับมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ แต่มือที่อยู่ข้างๆเร็วกว่าได้แย่งหยิบไป
เหยนหมิงเย้าหยิบมีดพับสวิสเล่มนี้ไปด้วยท่าทางเกเร ในขณะที่แววตาเป็นประกาย แต่ปากกลับแกล้งทำเป็นพูดไม่สนใจ:“มันจะสุดยอดขนาดนั้นจริงเหรอ”
“ไอ้ลูกเวร เมื่อสักครู่ก็มีผู้ปกครองมาฟ้องว่าไปชกต่อยเพื่อนร่วมห้อง นี่แกจะบังคับให้ฉันจัดการแกในวันตรุษจีนใช่ไหม!”
เหยนหมิงเย้าเห็นจิ่วจิ่วที่พับแขนเสื้อขึ้นเพื่อจะจัดการกับตัวเอง จึงรีบวางมีดพับสวิสไปที่หน้าอกของเย่เนี่ยนโม่ แล้วก็วิ่งไปทั่วห้องรับแขกด้วยความตกใจ

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset