สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1375 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1275

“เมื่อกี้น่าจะเข้าไปตบใส่เขาสักฉาด” !”ติงยียีถีบกระถางดอกไม้ที่วางอยู่ข้างประตูในห้องน้ำเพื่อระบายความโมโห
“เพล้ง!” เสียงกระถางดอกไม้แตก ติงยียีสบตาเข้ากับผู้จัดการตึกที่เดินผ่านมา จากนั้นก็ตวาดเสียงดังทั่วระเบียงทางเดินด้วยความโกรธดัง
“ติงยียี!!!!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ไห่โจ๋ซวนประคองเย่เนี่ยนโม่ที่เมาไม่ได้สติไปที่ห้องพักของโรงแรม โทรศัพท์ของเย่เนี่ยนโม่ดังขึ้น ควานหาอยู่ตั้งนานก็หาไม่เจอ เย่เนี่ยนโม่จึงอุดใบหูของตัวเองด้วยความรำคาญ
หมดคำพูดกับคนที่เมาจริงๆ ไห่โจ๋ซวนวางเย่เนี่ยนโม่ลงบนเตียง หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าของเย่เนี่ยนโม่แล้วยื่นใส่ข้างใบหูของเย่เนี่ยนโม่
“เย่เนี่ยนโม่สุขสันต์วันเกิดนะ!” เสียงเซี่ยชีหรั่นดังขึ้นจากโทรศัพท์ น้ำเสียงดูมีความสุข
“ขอบคุณครับหม่ามี้ ท่องเที่ยวสนุกไหมครับ” เมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยชีหรั่น เย่เนี่ยนโม่ก็รู้สึกตัวขึ้นมาหน่อย
“อืม วันนี้เห็นกิ้งก่าตัวใหญ่มากในป่า เดี๋ยวหม่ามี้จะส่งรูปภาพไปให้ดูนะ ใช่แล้ว ความจริงพ่อของลูกก็อยู่ข้างๆ” เสียงโทรศัพท์ได้หยุดชะงัก เหมือนกับเซี่ยชีหรั่นวางโทรศัพท์ลงแล้วคุยอะไรบางอย่างกับเย่เชินหลิน
“ก็เป็นแค่วันเกิด ผู้ชายไม่ควรยึดติดเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้” เย่เนี่ยนโม่ได้ยินเสียงของเย่เชินหลินดังลอยมา จึงยิ้มอย่าเย็นชาแล้วพูดว่า:“แม่ครับ! ไม่ต้องแล้ว ก็แค่วันเกิดเท่านั้นเอง”
พูดคุยกับเซี่ยชีหรั่นอีกสักพัก เย่เนี่ยนโม่ก็วางสายโทรศัพท์ลง ไห่โจ๋ซวนที่อยู่ข้างๆมองด้วยแววตาที่เย็นชา เย่เนี่ยนโม่มีเย่เชินหลินรัก มีสวีเห้าเซิงเอ็นดู ส่วนพ่อของตัวเองที่เพื่อช่วยเซี่ยชีหรั่นกลับถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ยิ่งคิดจิตใจก็ยิ่งเจ็บปวด
เย่เนี่ยนโม่เอนศีรษะลงแล้วหลับอย่างสะลึมสะลือ ไห่โจ๋ซวนมองเย่เนี่ยนโม่ที่หลับอยู่บนเตียง จึงก้าวมาข้างหน้าทำการผลักใส่ จนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ตื่นขึ้นมาได้อย่างแน่นอน จากนั้นก็ได้โทรหาหมายเลขหนึ่ง ไม่นาน มีหญิงสาวใส่รองเท้าส้นสูง สวมชุดแฟชั่นได้เดินเข้ามา
ไห่โจ๋ซวนสำรวจหญิงสาวคนนี้ เส้นผมดำนุ่มตรงและยาวสลวยจรดส่วนเอว ใบหน้างดงาม เสื้อผ้าที่รัดรูป ทำให้รูปร่างของหญิงสาวนั้นเสวยงามสมบูรณ์แบบมาก เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งได้อย่างชัดเจน
“คุณว่าถ้าหากทุกคนรู้อ้าวเสว่ฉายาหญิงสาวอัจฉริยะได้มาประเคนถึงที่เอง ทุกคนจะประหลาดใจไหม”
ไห่โจ๋ซวนขยับขอบแว่นขึ้น ในแววตาประกายแสงสีทองแห่งการคิดบัญชี สักพักก็หายไป
“โจ๋ซวน ขอบใจมากนะ วันนี้ลำบากแล้ว กลับไปก็อย่าลืมดื่มเหล้าให้น้อยๆหน่อย” อ้าวเสว่พูดเสียงหวานแล้วยิ้มใส่ไห่โจ๋ซวน
ไห่โจ๋ซวนยิ้มเยาะเย้ยอยู่ในใจ ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแสดงเก่งกว่าตัวเองอีก ตั้งแต่เล็กจนโตด้านหนึ่งเสแสร้งเป็นคนดี อีกด้านหนึ่งก็ไปทำร้ายคนอื่น แสร้งปลอมเป็นสุกรเพื่อหลอกกินเสือ ไม่มีใครที่จะเก่งกาจเท่าเธอได้อีกแล้ว แต่ว่าตัวเองก็ไม่ได้ดีไปสักกว่าเท่าไหร่
หันหลังมาโบกมือให้กับอ้าวเสว่ ไห่โจ๋ซวนใจดีช่วยส่งทั้งคู่ถึงประตู เย่เนี่ยนโม่จงเพลิดเพลินมีความสุขกับของขวัญที่เรานำมามอบให้กับนายเหอะ
หลังจากที่ไห่โจ๋ซวนจากไป อ้าวเสว่ก็ถอดชุดออก จ้องมองเย่เนี่ยนโม่ด้วยใจที่รักใคร่ แล้วหยิบรูบิคที่เก่าชำรุดออกมาจากกระเป๋า จากนั้นพูดเบาๆ:“สุขสันต์วันเกิดนะเย่เนี่ยนโม่”
เย่เนี่ยนโม่ได้พลิกตัวแล้วนอนหลับต่อ อ้าวเสว่มองเย่เนี่ยนโม่ด้วยความตื่นเต้น เธอรอวันนี้มาเป็นเวลาหลายปี รอวันนี้มาถึง ตอนเด็กๆที่เจอกับเย่เนี่ยนโม่ครั้งแรกในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สองปีต่อมาก็ได้เจอกันอีกครั้ง เติบโตมาด้วยกันจนสนิทคุ้นเคย อ้าวเสว่รู้ดีว่าชาตินี้เธอมีอยู่ชีวิตเพื่อเย่เนี่ยนโม่
ลวดลายสีสันที่ละเอียดงดงามของเล็บมือค่อยๆแตะเข้าที่ลูกกระเดือกของเย่เนี่ยนโม่ อ้าวเสว่โน้มตัวลง สำรวจความหล่อบนใบหน้าของเย่เนี่ยนโม่อย่างใกล้ชิด “จูบแรกของคุณ ฉันได้มาแล้ว”
อ้าวเสว่พูดประโยคนี้เบาๆเสร็จ จานนั้นค่อยๆก้มประกบลงที่ริมฝีปากลงของเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่รู้สึกร่างกายร้อนรุ่ม เขาไม่รู้ตัวไห่โจ๋ซวนได้วางยาลงในเหล้าตั้งแต่แรกแล้ว
เมื่อยาออกฤทธิ์ ใบหน้าเย่เนี่ยนโม่ที่แดงก่ำได้ลืมตาขึ้น เสน่ห์เย้ายวนของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าที่ค่อนข้างคุ้นเคย เริ่มค่อยๆใช้มือไต่ขึ้นมาที่ลำคอของตัวเอง ส่วนร่างกายนั้นก็ยั่วยวนอย่างไม่หยุดหย่อน
แววตาเย่เนี่ยนโม่มืดขึ้น ในเมื่ออีกฝ่ายประเคนมาถึงที่เอง เหตุไฉนตัวเองต้องอดทนอดกลั้น พลิกตัวขึ้นกดอ้าวเสว่ให้อยู่ด้านล่าง เย่เนี่ยนโม่จากที่ถูกกระทำกลายเป็นผู้กระทำเอง
ให้ห้องจัดงานอีกฝั่งหนึ่ง หลี่เหอไท้ที่ช่วงนี้กระเพาะไม่ค่อยดี ชีวิตช่วงแรกนั้นสู้ลำบากลำบนมามาก ชีวิตครึ่งหลังก็เลยต้องพักรักษาร่างกาย จงหยุนซางโทรศัพท์มาบอกว่าเมื่อสักครู่ดื่มเหล้าติดลมไปหน่อยจนต้องเข้าโรงพยาบาล หลี่ยี่ซวนเป็นกังวลได้ตามไปที่โรงพยาบาล
ในห้องจัดงาน เย่ชูฉิงที่กำลังนอนหลับปุ๋ย ใบหน้าแดงระเรื่อ ลักยิ้มเล็กๆที่ดูน่ารักมาก ไห่โจ๋ซวนจ้องสำรวจเย่ชูฉิง ด้วยใบหน้าที่ไม่ได้อ่อนโยนเฉกเช่นอย่างเคย แต่กลับเป็นความเกลียดชังที่ทำให้คนต้องประหลาดใจ
ตั้งแต่เล็กที่เขาดีกับเย่ชูฉิงขนาดนั้น ก็เพื่อต้องการให้เย่ชูฉิงตกหลุมรักเขา! เขาทำสำเร็จแล้ว ในสายตาของเย่ชูฉิงมีเพียงแต่เขา! ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะได้แก้แค้นเสียที
เย่ชูฉิงที่หลับอย่างสลบไสล ฉับพลันได้ยื่นมือข้างหนึ่งมาจับนิ้วของไห่โจ๋ซวนไว้ ไห่โจ๋ซวนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ นี่เป็นนิสัยเคยชินของเย่ชูฉิง นิ้วมือที่ถูกสัมผัสอย่างอ่อนโยน หัวใจของไห่โจ๋ซวนนั้นได้เต้นตึกตักขึ้น
เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้ไห่โจ๋ซวนรู้สึกตัวและสะบัดมือของเย่ชูฉิงออกในทันใด ปาดหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์เดินออกไปนอกห้อง
“เป็นไง ราบรื่นดีไหม” เสียงที่แหลมและมักจะพูดแดกดันของหญิงสาวที่ดังมาจากโทรศัพท์ ทำให้ไห่โจ๋ซวนหงุดหงิดรำคาญ
“คุณรู้จักกับอ้าวเสว่เหรอ” ไห่โจ๋ซวนถามหญิงสาวที่อยู่ในโทรศัพท์ ผู้หญิงคนนี้คือเครื่องมือที่เขาจะใช้ในการแก้แค้นตระกูลเย่
ผู้หญิงคนนี้ก็คือซือซือที่หายตัวไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ซือซือยิ้มแล้วพูดขึ้น:“ถ้าต้องการแก้แค้นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจรายละเอียดเหล่านี้ ขอเพียงแค่ผลลัพธ์ออกมาดีก็พอ” ไห่โจ๋ซวนหัวเราะเห็นด้วย ทั้งคู่ที่มีอุดมการณ์เดียวกันได้มาอยู่ร่วมกัน ปรึกษาหารือกันว่าจะแก้แค้นตระกูลเย่อย่างไร
“ซวยจริงๆเลย!”ติงยียีขี่จักรยานคันเก่าเข้าไปในซอยเล็กๆแห่งหนึ่ง ทั้งสองข้างของซอยได้เขียนตัวอักษร“รื้อถอน”ไว้ บ้านที่ต้องรื้อถอนเหล่านี้ ในเมืองตงเจียงถูกเรียกว่าสลัม เพราะว่าเป็นบ้านที่ทั้งเก่าแก่และชำรุดทรุดโทรมมากๆ เมืองตงเจียงที่ต้องการสร้างบ้านทุกหลังเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของเมือง จึงได้วางแวนทุบบ้านแถวนี้ทั้งหมด
จักรยานได้มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านสองชั้นหลังหนึ่ง บริเวณบ้านถูกเก็บกวาดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งมีการเลี้ยงไก่ไว้หลายตัว ติงยียีมองตัวหนังสือ“รื้อถอน”ขนาดใหญ่ที่อยู่บนกำแพงที่ล้อมรอบหน้าประตูบ้าน จากนั้นก็ถอนหายใจขึ้น
“พ่อคะ! บอกแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าไม่ต้องรอหนู ให้พ่อนอนเช้าๆ พรุ่งนี้พ่อไม่ต้องเข้างานเช้าไม่ใช่เหรอ!” ติงยียีเข้ามาในบ้านแล้วเดินไปที่แท่นบูชาบรรพบุรุษที่อยู่ในห้องรับแขกจุดธูปไหว้แม่ จากนั้นถึงได้กลับเข้าห้องไป
“ยียีกลับมาแล้วเหรอลูก ไม่เป็นไร เพราะถึงยังไงพ่อก็นอนไม่หลับ” เสียงหนาของผู้ชายดังขึ้น รูปร่างผอมบางของชายคนหนึ่งที่กำลังยกถังน้ำเดินเข้ามา
คนส่วนใหญ่บอกว่าติงยียีไม่ใช่ลูกของติงต้าเฉิน เพราะติงยียีนั้นมีรูปร่างที่สวยสดงดงาม ดวงตาสีแอปริคอท
ที่กลมโต ใบหน้ารูปไข่ห่านที่ได้มาตรฐาน ปากเล็กดุจซากุระ ทั้งใบหน้านั้นทำให้คนมองแล้วรู้สึกชื่นจิตชื่นใจ
แต่ตรงกันข้ามกับติงต้าเฉิน รูปร่างที่ผอมแห้ง แววตาคร่ำเครียดตลอดเวลา ใบหน้าซีดเหลืองดูไม่แข็งแรง ในแต่ละครั้งที่คนอื่นพูดแบบนี้นั้น ติงต้าเฉินได้แต่ยิ้ม กลับเป็นติงยียีที่ไปถกเถียงกับคนอื่นด้วยหน้าตาดุดัน จนได้ฉายาปากเล็กแต่เผ็ดดุจพริกขี้หนูมาตั้งแต่เล็กจนโต
ติงต้าเฉินหยิบผ้าสะอาดมาชุบน้ำแล้วเช็ดเข้าที่เสื่อฟางอยู่หลายรอบ แล้วหันพัดลมให้ตรงกับเสื่อฟาง ใช้วิธีนี้ในการลดอุณหภูมิ จากนั้นหยิบชิ้นแตงโมมาจากถังอื่นมาวางใส่มือของติงยียี
“ตู้เย็นเสียอีกแล้วเหรอคะ” ติงยียีพลางทานแตงโมพลางถามขึ้น
ติงต้าเฉินพยักหน้าแล้วพูด:“ใช่ แต่ว่าไม่เป็นไร ปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว”
ติงยียี พยักหน้า พลางทานแตงโมพลางเปิดอ่านคำศัพท์เหมือนที่เคยทำปกติ ติงต้าเฉินมองดูลูกสาวของตัวเองที่ผอมเพรียว พูดทั้งรู้สึกผิดแกมอยากขอโทษ:
“ยียี พ่อต้องขอโทษหนูด้วยนะ ที่เป็นเพียงคนขับรถส่งของธรรมดา อายุวัยของหนูน่าจะมีเสื้อผ้าสวยๆใส่ถึงจะถูก แม่ของหนูจะต้องโทษพ่อที่ดูแลหนูได้ไม่ดี”
ติงต้าเฉินพูดออกมาอย่างเศร้าเสียใจ ติงยียีหันหลังมาจับมือของติงต้าเฉินแล้วพูดอย่างตั้งใจว่า:“คนเราไม่สามารถที่จะเลือกเกิดได้ แต่ว่าอนาคตสามารถกำหนดเองได้ หนูต้องขอบคุณพวกท่านเสียด้วยซ้ำที่ทำให้หนูมีสุขภาพที่แข็งแรง ขอบคุณมากๆแม้ว่าฐานะทางบ้านจะยากจนแต่พวกท่านก็ให้หนูได้มีโอกาสเล่าเรียนหนังสือ แค่นี้หนูก็พอใจมากแล้วค่ะ จริงๆนะคะ”
ติงต้าเฉินชะงัก ดึงมือกลับด้วยความเขิน แล้วเปิดพัดลมให้แรงขึ้นก่อนจากไป
อากาศร้อนอบอ้าวในเดือนมิถุนายน ติงยียีถอนหายใจโยนปากกาลงบนโต๊ะด้วยความโมโห ไม่ว่าจะดูคำศัพท์อย่างไร คืนนี้ใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นเอาแต่โผล่มาให้เห็นแทนคำศัพท์
ติงยียียื่นมือออกมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง ตอนที่สัมผัสกันอย่างอ่อนโยนนั้นก็ถูกดึงกลับเหมือนถูกไฟช็อต
“โอ๊ยๆๆๆ!” ไม่คิดแล้ว ถือว่าโดนสุนัขกัดไปทีหนึ่งก็แล้วกัน! ติงยียีซุกเข้าไปในผ้าห่ม เป็นครั้งแรกที่ท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษไม่เสร็จแล้วนอนหลับไป
วันรุ่งขึ้น ติงยียีออกจากบ้านด้วยดวงตาที่เป็นหมีแพนด้า เมื่อคืนเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอมีอาการนอนไม่หลับ “ไอ้สารเลวนั่น!” ติงยียีที่ด่าเย่เนี่ยนโม่เป็นรอบที่สามร้อย
มหาวิทยาลัยZเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองตงเจียง ไม่ใช่เป็นเพราะบุคลากรนั้นเก่งกาจ แต่เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ข้าราชการในรัฐบาลกลางส่วนใหญ่ในเมืองตงเจียงนั้นล้วนมาจากที่นี่ ดังนั้นจึงกลายเป็นสัญลักษณ์แบบหนึ่งของที่นี่
หลายคนที่อยากเข้ารับราชการ หรือทำธุรกิจที่บ้าน ส่วนใหญ่จะเลือกส่งลูกๆมาเรียนที่นี่ เพราะเรียนหนึ่งปีก่อนแล้วค่อยส่งไปต่อที่เมืองนอก ก็จะมีหน้ามีตาเมื่อภายภาคหน้าปรากฏตัวในสถานที่ราชการ
และด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้ สามารถกล่าวได้ว่ามหาวิทยาลัยZเป็นสถานที่รวมพวกเศรษฐี และบวกกับคะแนนที่สูง ดังนั้นคนที่สามารถสอบเข้ามาได้นั้นต้องมีความสามารถอย่างมาก
ติงยียีลงจากรถจักรยานแล้วเข็นเมื่อเธออยู่ห่างจากโรงเรียนเพียงห้านาที ในขณะที่เข็นรถนั้นมีรถสปอร์ตที่เรียกชื่อไม่ถูกไม่รู้กี่คันต่อกี่คนขับผ่านเธอไป
มีรถเบนซ์คันหนึ่งมาจอดอยู่ข้างๆติงยียี “ยียี!”ซ่งเมิ่นเจ๋ลงจากรถแล้วเดินคู่เคียงไหล่ไปกับติงยียี
ซ่งเมิ่นเจ๋เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ติงยียีสนิทด้วยที่สุด ทั้งคู่คุยกันได้ทุกเรื่อง เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของซ่งเมิ่นเจ๋
ติงยียีจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง:“น้าเสี่ยวลี่เธอทำอะไรอีกเหรอ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset