สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1376หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1276

ซ่งเมิ่นเจ๋ยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนและพูดว่า: “ไม่มีอะไร แค่พูดมากนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”
ซ่งเมิ่นเจ๋เป็นลูกสาวนอกสมรสของส้งซูหาว ปกติที่อยู่บ้านเซียวเสี่ยวลี่จะพูดจาแดกดันถากถางเธอ ดังนั้นเมื่อมาเรียนนั้นแล้วเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ซ่งเมิ่นเจ๋ก็จะไปหลบที่บ้านของติงยียี
ทั้งคู่พลางเดินพลางพูด มหาวิทยาลัยZสมกับเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดของเมืองตงเจียง มีสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่การออกแบบไม่ได้ด้อยกว่ามหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มีชื่อเสียง
ติงยียีที่วนหาอยู่รอบหนึ่งแล้ว ในที่จอดรถเห็นมีแต่รถหรูต่างๆมากมาย “น่าแปลก ทำไมถึงไม่เห็นที่ที่ให้จอดรถจักรยานเลย”
“ไปจอดตรงนั้นเธอคิดเห็นว่าอย่างไร”ซ่งเมิ่นเจ๋เสนอความคิดเห็นให้กับติงยียี แล้วชี้ไปลานจอดรถช่องว่างสุดท้ายที่ว่างอยู่
“ก็ได้” ใกล้จะสายแล้ว ชีวิตวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัย ติงยียีไม่อยากไปสายเพราะหาที่จอดรถ!
ทำท่าจะจูงรถไปจอด ก็มีรถสปอร์ตสีแดงขับผ่านเธอสองคน ถอยรถอย่างชำนาญแล้วจอดลงที่ลานจอดสุดท้าย
ติงยียีเบิกตากว้างแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา เป็นชายหนุ่มที่แย่งจูบตัวเองเมื่อคืน เขาก็เรียนที่มหาวิทยาลัยนี้หรือ!
เย่เนี่ยนโม่จอดรถเสร็จแล้วรู้สึกว่าข้างหลังมีดวงตาที่อาฆาตจ้องมองมาที่ตัวเอง เมื่อหันไปมองหญิงสาวที่จูงรถจักรยานที่อยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกคุ้นๆแต่กลับไม่สามารถจำได้ว่าตัวเองนั้นเคยเจอที่ไหน แต่ซ่งเมิ่นเจ๋ที่อยู่ข้างๆนั้นเขารู้จัก จากนั้นจึงได้พยักหน้าให้กับซ่งเมิ่นเจ๋ แล้วเย่เนี่ยนโม่ก็ต้องการที่จะเดินจาก
ปอดของติงยียีที่แทบจะระเบิดแล้ว เมื่อคืนเธอต้องนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะถูกกระชากจูบแรกไปอย่างไม่มีที่มาที่ไป แต่ว่าอีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาว!
สีหน้าของเย่เนี่ยนโม่ที่ไม่ค่อยดี วันนี้ตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมาแล้วตกใจแทบแย่เมื่อเห็นอ้าวเสว่นอนอยู่ข้างๆตัวเองอย่างสลบไสล
อยู่กับเซี่ยชีหรั่นตั้งแต่เล็กจนโต เซี่ยชีหรั่นมักจะสอนเย่เนี่ยนโม่เสมอว่า จะต้องมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวอันเป็นที่รักเท่านั้น ตัวเองก็คิดแบบนี้เช่นกัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อคืนนั้นดื่มจนเมาจนเลอะเลือนไปหมด
อ้าวเสว่เสนอขอให้คบกัน เย่เนี่ยนโม่ได้รับปาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักอ้าวเสว่ แต่ว่าเมื่อเห็นเลือดพรหมจรรย์บนเตียง เขาก็ต้องรับผิดชอบในตัวอ้าวเสว่!
“หยุดก่อน!” เสียงตะโกนดังจากด้านหลัง เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วขึ้น เขาหงุดหงิดมามากพอแล้ วันนี้เป็นวันอะไรกันแน่ เพิ่งมาถึงมหาวิทยาลัยก็มีคนมาหาเรื่อง แต่ว่าเสียงของหญิงสาวคนนี้ก็คุ้นๆเหมือนกัน
“ที่จอดรถตรงนี้ฉันมาถึงก่อน” ติงยียีไม่คิดว่าเย่เนี่ยนโม่จะขับกี่ล้านแล้วตัวเองต้องหลีกทางให้ วันนี้ไม่ชี้แจงให้เข้าใจเธอก็จะไม่ขอแซ่ติง
เย่เนี่ยนโม่หันไปมองรถจักรยานของติงยียี แล้วชี้ไปทางเดินที่อยู่ตรงข้ามแล้วพูดด้วยความสงสัย:“แต่ว่าจักรยานควรจะจอดตรงนั้น”
ติงยียีมองไป ใช่จริงด้วย ในขอบลานจอดรถยนต์มีทางอื่นจริงๆด้วย แต่ว่าไม่มีคนนำรถไปจอดข้างบน บวกกับป้ายบอกทางถูกรถออฟโรดคันหนึ่งบังไว้
ซ่งเมิ่นเจ๋ดึงมือของติงยียี แล้วมองแผ่นหลังที่จากไปของเย่เนี่ยนโม่จากนั้นพูดขึ้น:“ผู้ชายคนนี้ชื่อเย่เนี่ยนโม่ พ่อเป็นประธานาธิบดีบริษัทเย่ซื่อ แม่เป็นนักออกแบบเครื่องประดับ ชื่อดัง เป็นสาขาเดียวกันกับที่เธอเรียนเลย”
“นักออกแบบเครื่องประดับ!”ติงยียีได้ยินอาชีพที่ตัวเองรักที่สุด แววตาก็เป็นประกาย
ซ่งเมิ่นเจ๋ที่ยังอยากจะพูดอะไร มองดูนาฬิกาแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนทันที “โอ้พระเจ้าๆ สายแล้ว ไม่ได้แล้ว ยียีฉันต้องไปก่อน”
ซ่งเมิ่นเจ๋เลือกเรียนในชั้นภาษาอินเตอร์ฯ พูดง่ายๆก็คือเป็นห้องเรียนรวมเหล่าเศรษฐี ในห้องเรียนชั้นนี้ได้เปิดหลักสูตรภาษาโดยเฉพาะ ดังนั้นนักศึกษาจะต้องเรียนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลีในเวลาเดียวกัน แม้แต่อาคารเรียนก็ปลีกแยกออกมา
ติงยียีก้าวเข้าไปในห้อง ในห้องเรียนมีกลุ่มนักศึกษานั่งรวมกันเป็นกลุ่มๆ เพราะว่าค่าหอพักที่ค่อนข้างแพง ติงยียีจึงเลือกที่จะเดินมาเรียน ดังนั้นจึงไม่ได้รู้จักกับใครสักคน เห็นที่นั่งที่อยู่ด้านหลังสุดมีนักศึกษาหญิงนั่งอยู่คนเดียว ติงยียีจึงวิ่งเหยาะๆไปนั่งลงข้างๆ
“นักศึกษาทุกท่าน ยินดีที่วันนี้ทุกท่านได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของนักออกแบบอัญมณีในมหาวิทยาลัยZ” อาจารย์ที่ปรึกษาที่อายุสามสิบต้นๆได้กล่าวขึ้น
“นักศึกษาทุกท่านครับ ยินดีที่วันนี้ทุกท่านได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของออกแบบเครื่องประดับในมหาวิทยาลัยZ” อาจารย์ที่ปรึกษาชายที่อายุสามสิบต้นๆได้กล่าวขึ้น
มีเพียงไม่กี่คนที่ปรบมือในชั้นเรียน สามารถเรียนออกแบบเครื่องประดับได้ พูดง่ายๆก็คือเป็นสาขาที่คนรวยเรียนแล้วถึงจะมีอนาคต ไม่อย่างนั้นเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์ ป้าของติงยียีดูถูกพูดจาถากถางอยู่นานตอนที่ติงยียีเลือกเรียนออกแบบเครื่องประดับสุดท้ายติงต้าเฉินก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ที่ปรึกษาเองก็รู้คนที่มาเรียนที่นี่บางคนนั้นมีแบ็คอัพ จึงกล่าวต่อว่า :“ผมจะขอประกาศอีกเรื่องหนึ่งการสอบสัมภาษณ์ทั่วประเทศในครั้งนี้ นักศึกษาที่มีคะแนนรวมที่สูงที่สุด ที่มีฉายาว่าหญิงสาวอัจฉริยะได้นั่งอยู่ในห้องของพวกเรา!”
ผู้คนรอบข้างจึงพูดวิจารย์กันถึงเรื่องนี้ โดยบอกว่าหญิงสาวอัจฉริยะคนนี้มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยZ ได้คะแนนเยอะที่สุดก็เป็นเรื่องธรรมดา
“นักศึกษาอ้าวเสว่ แนะนำตัวเองให้ได้ทุกคนรู้จัก เป็นแบบอย่างให้หน่อย!” เมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาชายเห็นทรวดทรงรูปร่างที่ดีของอ้าวเสว่ดวงตาก็เป็นประกาย ยิ้มแล้วกล่าว
คนรอบข้างส่วนหนึ่งได้หันศีรษะไปมอง ติงยียีเอ็งก็ประหลาดใจจึงได้หันตามสายตาของคนอื่นและไปตกกระทบบนตัวหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่ออ้าวเสว่ ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนค่ะ” อ้าวเสว่ลุกขึ้นมาทักทายกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง รอยยิ้มที่อ่อนหวาน อีกทั้งยังไม่เย่อหยิ่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้รู้สึกดี บวกกับเสื้อผ้าที่ดูเซ็กซี่ ผู้ชายบางส่วนจึงได้ผิวปากใส่
“ฉันชื่อติงยียี ยินดีที่ได้รู้จักกับเธอนะ เธอนี่สุดยอดจริงๆเลย!”ติงยียีเคยดูผลงานในการสอบของอ้าวเสว่ ช่างสวยงามมากจริงๆ และคิดไม่ถึงว่าเจ้าของผลงานนั้นจะสวยงามยิ่งกว่า
“ขอบคุณค่ะ” อ้าวเสว่ยิ้มตอบอย่างสุภาพ แต่กลับแอบสำรวจติงยียี เสื้อผ้าคือที่วางแผงขายตามท้องถนน ทรงผมที่มัดเหมือนทางม้าอย่างเรียบๆโดยไม่มีการจัดสไตล์ทรง และในมือยังสวมนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์
สายตาของอ้าวเสว่หยุดอยู่ที่สร้อยคอคล้องแหวนบนคอของติงยียี ในใจรู้สึกแปลกประหลาด สร้อยคอนี้คงน่าจะเป็นของที่มีค่าที่สุดบนตัวของติงยียีคนนี้ แหวนนั้นเป็นหยก เป็นหยกเขียวจักรพรรดิ ถึงแม้ว่าสีสันนั้นจะดูค่อนข้างแย่ แต่มูลค่าก็น่าจะหลักกี่หมื่นหยวนได้
เมื่อสำรวจติงยียีอย่างเงียบๆเสร็จแล้ว อ้าวเสว่ก็จัดติงยียีอยู่ในหมวดคนแปลกหน้าที่ไม่มีประโยชน์ และก็ไม่ไปสนใจติงยียีอีก
จนถึงเวลาพักเที่ยง ติงยียีก็รีบออกจากห้องเรียนไปที่โรงอาหารเพื่อนัดทานอาหารกลางวันกับซ่งเมิ่นเจ๋ เธอไม่รู้เวลาเลิกคาบเรียนของห้องภาษาอินเตอร์ฯ แต่เธอกลัวว่าซ่งเมิ่นเจ๋จะรอ จึงรีบวิ่งอย่างรวดเร็ว
ซ่งเมิ่นเจ๋ยืนอยู่ที่หน้าโรงอาหาร เห็นติงยียีรีบวิ่งเข้ามาหาตัวเองต่อหน้าผู้คนโดยไม่สนภาพลักษณ์ จึงได้รีบหยิบกระดาษทิชชูใติงยียีให้เช็ดเหงื่อ
ทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงอาหาร บอกว่าเป็นร้านอาหารยังจะเหมาะสมกว่า ครอบคลุมพื้นที่ห้าร้อยตารางเมตร ครึ่งหนึ่งเปิดเป็นร้านอาหารจีน อีกครึ่งหนึ่งเปิดเป็นร้านอาหารฝรั่ง และยังมีโรงอาหารธรรมดาที่เปิดสำหรับนักศึกษาบางส่วนโดยเฉพาะ แต่เมื่อเทียบบรรยากาศกับร้านอาหารแล้ว โรงอาหารนั้นยังต้องทำการต่อแถวอยู่!
“ฉันอยากทานหมูผัดพริกหยวก!”ซ่งเมิ่นเจ๋นั้นสามารถไปทานร้านอาหารใดก็ได้ แต่เธอรู้ดีว่าติงยียีนั้นไม่ค่อยมีเงิน จึงจูงติงยียีไปที่บริเวณของโรงอาหารอย่างใส่ใจ
ติงยียีพยักหน้า มองการเคลื่อนไหวของร่างผู้คนที่ต่อแถวกันยาวเหยียด แล้วชี้ไปที่โต๊ะข้างๆจากนั้นพูดกับซ่งเมิ่นเจ๋ว่า:“ฉันจะดูว่าต้องรอนานแค่ไหน ฉันไปต่อแถว เธอนั่งอยู่ทานอยู่ตรงนี้ก็พอ!”
พับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นติงยียีก็รีบแทรกเข้าไปในฝูงคน จนเห็นเพียงเงาศีรษะรางๆที่เคลื่อนไหวไปมา
สักพักใหญ่ๆ ติงยียีนั้นถือถาดอาหารแล้วแทรกตัวออกมาจากฝูงคน มองจากไกลๆเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนหันหลังให้ตัวเองและดูเหมือนกำลังคุยอะไรบางอย่างกับซ่งเมิ่นเจ๋
หรือว่าเป็นพวกที่มาตามตื๊อซ่งเมิ่นเจ๋! แม้ว่าซ่งเมิ่นเจ๋จะมีหน้าตาที่ไม่โดดเด่นอะไร แต่ว่านิสัยนั้นดีมาก อ่อนหวาน ดังนั้นจึงมีคนตามจีบจำนวนมาก
“เมิ่นเจ๋!เมื่อกี้แฟนของเธอตามหา!” ติงยียีสาวเท้าก้าวยาวราวฝนดาวตกเดินมาที่ข้างๆของซ่งเมิ่นเจ๋แล้วจงใจพูดขึ้น นี่เป็นเคล็ดวิธีที่เธอกลับซ่งเมิ่นเจ๋ใช้เป็นประจำ เมื่อมีคนมาตอแยซ่งเมิ่นเจ๋ ติงยียีก็จะใช้วิธีนี้ในการจัดการกับพวกเขา! ไห่โจ๋ซวนมองติงยียีด้วยความมึนงง จำได้ว่าเธอคือหญิงสาวที่ยืนคุยกับเย่เนี่ยนโม่เมื่อคืน
ซ่งเมิ่นเจ๋โบกมือปฏิเสธด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อย :“ ไม่มีแฟนหรอก ยียีแค่ล้อเล่นค่ะ” เมื่อพูดเสร็จก็มองไห่โจ๋ซวนด้วยท่าทีที่ขวยเขิน
ติงยียีดูออกที่ซ่งเมิ่นเจ๋อธิบายขึ้นอย่างรวดเร็ว จะต้องรู้สึกดีๆกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อย่างแน่นอน
ติงยียีมองสำรวจไห่โจ๋ซวนอย่างละเอียด คิดจะช่วยซ่งเมิ่นเจ๋สแกน ทรงผมของไห่โจ๋ซวนเมื่อคืนถูกเซ็ทขึ้นด้วยสเปรย์ แต่วันนี้กลับไม่ได้จัดการกับเส้นผมแต่อย่างใด ผมหน้าม้าปรกมาคลุมดวงตาเล็กน้อย ติงยียีมองสักพักก็นึกออกได้ว่าไห่โจ๋ซวนเป็นเพื่อนของไอ้โรคจิตเมื่อคืน
“เมิ่นเจ๋ พวกเราทานข้าวกันเถอะ” กิริยาท่าทางของติงยียีเปลี่ยนเป็นระมัดระวังขึ้น กล่าวกันว่า คบคนพาลคนพาลไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล เธอเริ่มมีการระแวดระวังคนที่ชื่อไห่โจ๋ซวน ปลอมเป็นสุกรเพื่อหลอกกินเสือ เพื่อจะมาหลอกซ่งเมิ่นเจ๋ใช่ไหม
ไห่โจ๋ซวนสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างกะทันหันของติงยียี ถึงแม้ข้างในจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้นำมาใส่ใจ และหันหน้าไปคุยกับซ่งเมิ่นเจ๋:“เมิ่นเจ๋ อย่างนั้นพวกเราตกลงกันแล้วนะว่าวันพรุ่งนี้ 18:00 น เจอกันที่หน้าประตูสวนสนุก ผมจะรับผิดชอบในการขับรถ”
ซ่งเมิ่นเจ๋พยักหน้าอย่างเขินอาย “ไห่โจ๋ซวน!” มีคนเรียกไห่โจ๋ซวนจากด้านหลัง ติงยียีจำใส่ใจไว้ กลับไปจะไปค้นหาข้อมูลคนที่ชื่อไห่โจ๋ซวน เมื่อเงยหน้ามอง จิตใจต้องชะงักอึดอัด ทำไมไปที่ไหนก็เจอไอ้โรคจิตคนนี้
“คุยจบหรือยัง ไปกันได้หรือยัง อาหารเย็นหมดแล้ว” เย่เนี่ยนโม่ปรายตามองซ่งเมิ่นเจ๋อย่างเย็นชา เย่เนี่ยนโม่มีนิสัยที่ชอบปกป้องคนรอบข้าง เนื่องจากปฏิกิริยาเย็นชาของเย่ชูฉิงที่มีต่อซ่งเมิ่นเจ๋ ประสาทสัมผัสอย่างไวของซ่งเมิ่นเจ๋ก็รับรู้สึกได้ ดังนั้นเมื่อเย่เนี่ยนโม่มาเธอก็จะก้มหัวลงทันที
ติงยียีเดิมทีก็ไม่ชอบเย่เนี่ยนโม่อยู่แล้ว เมื่อเห็นเย่เนี่ยนโม่มองซ่งเมิ่นเจ๋อย่างไม่เป็นมิตร จึงก้าวเดินมาข้างหน้าบังสายตาของเย่เนี่ยนโม่ที่มองซ่งเมิ่นเจ๋
เย่เนี่ยนโม่จำติงยียีได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ทำตัวก้าวร้าวในลานจอดรถเมื่อเช้านี้ เรื่องที่เย่เนี่ยนโม่ไม่ใส่ใจเป็นธรรมดาที่จะไม่สนใจ จึงหันหลังส่งสัญญาณให้ไห่โจ๋ซวนเดินตาม ส่วนตัวเองนั้นเดินจากไปก่อน
“เมิ่นเจ๋ เธอต้องระวังผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขานะ!” ติงยียีที่พลางเคี้ยวอาหารพลางบ่นกำชับราวกับคนแก่
“ไม่เป็นไรยียี โจ๋ซวนเป็นคนที่อ่อนโยนมากเลยนะ”ซ่งเมิ่นเจ๋ยิ้มอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าไห่โจ๋ซวนจะไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่ว่าการเป็นห่วงใยเป็นนั้นซ่งเมิ่นเจ๋สามารถรับรู้สึกถึงได้

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset