สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1377 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1277

“ก็หวังให้เป็นอย่างนั้น” เห็นท่าทางซ่งเมิ่นเจ๋ที่มีความสุข ติงยียีก็ไม่อยากจะทำลายความรู้สึกของซ่งเมิ่นเจ๋
ตอนบ่ายไม่มีคาบเรียน ติงยียี จึงวิ่งเข้าไปในร้านอินเตอร์เน็ตที่อยู่ข้างมหาวิทยาลัย จ่ายตังค์แล้วนั่งลงพิมพ์ “ไห่โจ๋ซวน” สามคำลงหน้าจอคอมพิวเตอร์
ไห่โจ๋ซวนอันดับสามจากการแข่งขันเปียโนระดับโลก ติดอันดับการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก หนึ่งในจำนวนสามคนที่เรียนฟรีในมหาวิทยาลัยZ และรางวัลอีกมากมายที่นับไม่ถ้วน
ติงยียีมองดูหน้าเพจข่าวที่ได้รับรางวัลต่างๆมากมายของไห่โจ๋ซวน ความรู้สึกด้านลบที่มีต่อลูกผู้ลากมากดีคนนี้จึงเปลี่ยนแปลงเป็นดีขึ้นเล็กน้อย คนที่โดดเด่นเช่นนี้ นิสัยก็คงไม่น่าจะเลวร้ายอะไรขนาดนั้น
ติงยียีคิดจะปิดหน้าต่างเพจลง แต่กลับไปกดโดนหน้าต่างหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ หน้าจอจึงเด้งหน้าต่างที่ขึ้นชื่อว่าไห่ลี่หมิน อดีตผู้ช่วยประธานหอการค้าในตงเจียง หนึ่งในสิบสุดยอดเยาวชนดีเด่นแห่งเมืองตงเจียง ผู้ประกอบการดาวรุ่ง ในช่องญาติที่ถูกเติมไว้คือไห่โจ๋ซวน
ด้านล่างสุดของหน้าต่างนี้ ติงยียีต้องตกใจเมื่อเห็นคนที่ชื่อไห่ลี่หมินนั้นได้เสียชีวิตแล้ว ว่ากันว่าถูกยิงเสียชีวิตด้วยโรคจิตสองคนที่บุกเข้าในมหาวิทยาลัย
ติงยียีมองใบหน้ารูปงามในหน้าต่างด้วยความฉงน ใบหน้าที่ค่อนข้างคล้ายกับไห่โจ๋ซวน และถอนหายใจเล็กน้อย
นิ้วมือไม่รู้ว่าคิดอะไร อยู่ๆดันไปพิมพ์ “เย่เนี่ยนโม่” สามคำนี้ขึ้น
เย่เนี่ยนโม่ อันดับหนึ่งจาการแข่งขันเปียโน ครูคนแรกคือนักดนตรีที่มีชื่อเสียงชาวเยอรมัน เคยเป็นเยาวชนผู้บุกเบิกชาวจีนที่ไปปฏิสัมพันธ์กับประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ทำเนียบขาว แชมป์เทควันโดรุ่นการแข่งขันเยาวชน
ติงยียีมองดูรางวัลเกียรติยศในแต่ละรายการ จึงอดไม่ได้ที่ตาจะเบิกกว้าง เธอไม่เคยคิดว่าคนที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบจะได้รับรางวัลเกียรติยศมากมายขนาดนี้
ขณะที่คิดจะเลื่อนลงไปดูเรื่อยๆ ผู้หนุ่มที่อยู่ข้างๆจู่ๆส่งเสียงร้องดังขึ้น ติงยียีจึงหันไปมองด้วยความประหลาดใจ จึงเห็นชายหนุ่มที่สูงโปร่ง ผมสั้นเกรียนดูเย็นชากำลังกระชากคอของผู้หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเอง
ขาของชายหนุ่มที่เตะไม่ยั้ง พยายามที่ล็อกมือของผู้หนุ่มที่อยู่ข้างๆตัวเอง ติงยียีจ้องมองด้วยความตกใจ ลังเลว่าตัวเองควรจะโทรศัพท์แจ้งความหรือไม่
“อย่าทะเลาะต่อยตีกันตรงนี้สิ” หญิงชราคนหนึ่งที่ดูท่าทางเหมือนกับมาเฝ้าร้านให้กับลูกหลาน ถือไม้เท้าสั่นงกๆแล้วกล่าวขึ้น
ชายหนุ่มผมเกรียนยืนตรงขึ้นหันมองหญิงชรา แล้วพยักหน้าให้อย่างเงียบๆ จากนั้นก็พาผู้ที่ตัวสูงกว่าเขาครึ่งหัวเดินออกจากร้านอินเทอร์เน็ตไป
ติงยียีครุ่นคิด ในเมื่อชกต่อยกันอย่างเปิดเผยขนาดนี้ ยังจะมีจรรยาบรรณเคารพคนชราอีก ส่ายหน้าแล้วก็คิดที่จะเล่นอินเตอร์เน็ตต่อ แต่หางตาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์โนเกียของตัวเองหล่นตกอยู่ที่พื้น พังแตกยับเยิน
โอ้พระเจ้า นี่เป็นโทรศัพท์ที่มีความหมายกับเธอมาก ถึงแม้ราคาจะแค่พันกว่าหยวน แต่ก็เป็นของที่แลกมาด้วยเงินและความรัก
จะต้องให้สองคนนั้นมาชดใช้! ติงยียีกัดฟันแล้วรีบวิ่งตามออกไป
วิ่งตามมาจนกระทั่งถึงซอยเล็กๆ ติงยียีได้ยินเสียงร้องโอดโอยของผู้ชายดังมาจากซอยเล็กๆด้านใน
ผู้ชายถูกต้อนจนจนมุมและถูกตีจนไม่สามารถตอบโต้ได้ ชายหนุ่มเอาแต่ต่อยตีโดยที่ไม่พูดจาใดๆ
“ขอร้องล่ะ อย่าตีผมอีกเลย คุณเป็นใครกันแน่ ผมไม่รู้จักคุณ” ผู้ชายถูกตีจนน้ำตาไหลออกมา ในใจครุ่นคิดร้อยกว่ารอบ ก็ยังไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นใคร
“ คุณคือคนที่ขโมยกระเป๋าสตางค์ของแม่ผมใช่ไหม” เย่ชูหวินกระชากคอเสื้อของผู้ชายแล้วถามขึ้น
“ผมอาจจะขโมยกระเป๋าสตางค์ของแม่คุณ แต่ว่าคุณช่วยบอกกับผมสักหน่อยว่าแม่คุณคือใคร!”ผู้ชายเอามือปิดตาแล้วก็ถามขึ้น
“ไห่ฉิงฉิง!” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เย่ชูหวินก็อยากจะต่อยผู้ชายคนนี้อีกสักรอบ ไห่ฉิงฉิงไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้า แล้วถูกคนคนนี้ชนจากนั้นล้วงเอากระเป๋าสตางค์ไป ในกระเป๋าสตางค์มีรูปภาพคู่ของไห่ฉิงฉิงกับโม่เสี่ยวจุน เป็นรูปที่ไห่ฉิงฉิงโปรดมาก เพราะสาเหตุนี้ทำให้ไห่ฉิงฉิงไม่ยอมทานอาหารเย็น โม่เสี่ยวจุนพูดอย่างไรก็ไม่ฟัง
เขาใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ในการตามหา ในที่สุดก็สามารถจับผู้ชายคนนี้ได้ ผู้ชายคนนี้ครุ่นคิด ดูเหมือนว่ากระเป๋าที่ล้วงไปช่วงนี้เหมือนจะมีคนที่ชื่อไห่ฉิงฉิง เพราะว่าในกระเป๋านั้นมีบัตรเอทีเอ็มบัตรทอง ดังนั้นเขาจึงจำได้ค่อนข้างขึ้นใจ
“หนุ่มน้อย เงินนั้นผมได้ใช้ไปหมดแล้ว ไม่มีปัญญาที่จะชดใช้คืนได้ หรือว่าคุณจะตีผมอีกสักรอบ” รู้ว่าผู้เสียหายมาทวงของถึงหน้าบ้าน แต่โจรขโมยกลับดูไม่ค่อยเป็นกังวล เพราะถึงอย่างไรผู้เสียหายก็ไม่เหมือนกับพวกเจ้าหนี้ที่ไม่นำเงินออกมาก็จะตัดแขนตัดขาทิ้ง
“ผมไม่ต้องการเงินที่อยู่ในนั้น ผมต้องการแค่รูปถ่ายคืน”เย่ชูหวินคิ้วขมวดขึ้นพูด
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ดีใจ ไม่เอาผิด ไม่ต้องการเงินคืน ต้องการเพียงรูปถ่าย เช่นนั้นก็ดีมากเลย เขาเอารูปถ่ายไปก็ไม่มีประโยชน์
“ได้ๆๆ ผมพักอาศัยอยู่แถวนี้ ผมจะพาคุณไปเอา” ชายหนุ่มรีบพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
“เดี๋ยวก่อน พวกคุณจะไปไหนไม่ได้” ติงยียีที่อยู่ข้างๆฟังทั้งสองสนทนากันจนจบ จากนั้นก็เดินออกมายืนขวางทางพวกเขาทั้งสองไว้
เย่ชูหวินจ้องมองติงยียีอย่างเย็นชา ติงยียีหยิบโทรศัพท์ที่แตกออกเป็นสองท่อนออกมา เวลาพูดด้วยความโกรธ :“ ตอนที่อยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตพวกคุณได้ทำให้โทรศัพท์ฉันตกแตก ตอนนี้ฉันต้องการให้พวกคุณชดใช้”
สายตาของเย่ชูหวินตกกระทบไปที่โทรศัพท์ในมือของติงยียี สักพักก็พยักหน้าขึ้น หนึ่งกำปั้นชกไปที่หน้าท้องของชายหนุ่มแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า:“ชดใช้กันคนละครึ่ง !”
ชายหนุ่มกุมหน้าท้องแล้วโน้มตัวลง และดุด่าเย่ชูหวินอยู่ในใจ เห็นในกระเป๋าสตางค์ของแม่ของเขาใส่เงินไว้ตั้งหลายพันหยวน ยังมีบัตรเอทีเอ็มบัตรทองอีก ดูอย่างไรก็เป็นเศรษฐี แต่ทำไมแค่โทรศัพท์ไม่กี่ร้อยหยวนยังจะต้องแบ่งกันชดใช้
ติงยียีค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์นี้ จึงเดินเข้ามาข้างๆเย่ชูหวินยิ้มแล้วพูดว่า :“อย่างนั้นก็ไปกันเถอะ ฉันจะตามคุณไปจนกว่าจะได้เงิน”
“คุณไม่กลัวว่าผมจะเป็นคนเลวเหรอ” เย่ชูหวินรู้สึกแปลกใจ ผู้หญิงเมื่อเห็นภาพฉากแบบนี้ก็จะวิ่งหนีหลบไปไม่ใช่เหรอ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับดูเหมือนไม่กลัวสักนิดเดียว
“นั่นเป็นโทรศัพท์จากเงินเก็บสะสมเลยนะ ไม่ว่าจะอย่างไร ฉันก็จะต้องเอาเงินมาให้ได้”ติงยียีกล่าว แต่จริงๆแล้วในใจรู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่ได้พูดความจริง ที่เธอใจกล้าตามคนที่ไม่รู้จักอย่างเย่ชูหวินมา เพราะว่าอีกฝ่ายทำเพื่อรูปถ่ายที่มีความสำคัญต่อคุณแม่ถึงได้สั่งสอนผู้ชายคนนี้ ชายหนุ่มที่มีความกตัญญนิสัยก็คงจะไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่
สำหรับคำพูดของติงยียีนั้น เย่ชูหวินไม่มีความคิดเห็นใดๆ พยักหน้า แล้วกระชากขอเสื้อของชายหนุ่มแล้วมุ่งเดินออกไป
สามคนที่อยู่ในตรอกซอย คนหนึ่งเดินอยู่ด้านหน้าอีกคนหนึ่งเดินอยู่ด้านหลัง ระวังทางเดินมีหญิงสาวแอบหันมามองเย่ชูหวิน เย่ชูหวินที่เย็นชาใส่ไม่หันไปสบตา
ติงยียีมองไปรอบๆ ตรอกซอยนี้เธอไม่เคยมา ดังนั้นจึงรู้สึกแปลกตา หน้าต่างจรดพื้นที่อยู่ข้างทางมีโปสเตอร์แปะไว้
บนโปสเตอร์มีรูปผู้หญิงที่สวยงามมากคนหนึ่งยิ้มจางๆ บนนิ้วมืออันเรียวยาวได้สวมแหวนที่วิจิตรตระการตา
“เซี่ยชีหรั่นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงพบปะสนทนาแนวความคิดการออกแบบกับผู้ชม โควต้าเพียงสิบห้าคนเท่านั้น”
เย่ชูหวินเดินมาถึงบริเวณสัญญาณไฟจราจร แล้วหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจพบว่าติงยียีไม่ได้เดินตามมา จึงกวาดตามองหา เห็นติงยียี ยืนอยู่ที่หน้าร้านกาแฟ ถือสมุดจดบันทึกพี่ไม่รู้ว่ากำลังคัดลอกอะไรจากโปสเตอร์
เย่ชูหวินเดินเข้าไปข้างๆติงยียีอย่าเงียบ จ้องมองโปสเตอร์ของเซี่ยชีหรั่นแล้วถามติงยียีขึ้น
“คุณชอบเธอเหรอ”
“อืม ความฝันของฉันก็คืออยากจะเป็นเหมือนอย่างเธอที่สามารถออกแบบเครื่องประดับอัญมณีได้ ให้คนที่สวมใส่ดูดีมีสง่ายิ่งขึ้น” ติงยียีมองโปสเตอร์เซี่ยชีหรั่นอย่างชื่นชม
เย่ชูหวินมองที่อยู่ของการซื้อบัตรบนโปสเตอร์ครู่หนึ่ง ติงยียีที่เก็บสมุดจดบันทึกเรียบร้อยแล้วยกมือพูดขึ้นว่า:“ ไปกันเถอะ รีบไปเอาเงินค่าโทรศัพท์ของฉัน ตอนเย็นฉันยังจะต้องไปทำงานพาร์ทไทม์อีก”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่ชูหวินสามารถหากระเป๋าสตางค์ของไห่ฉิงฉิงจากกองกระเป๋าสตางค์ทั้งหมด จากนั้นก็เดินออกมาจากบ้านของผู้หนุ่มคนนั้น ติงยียีได้เรียกเย่ชูหวินให้หยุด:“นายจะเดินจากไปแบบนี้จริงเหรอ”
เย่ชูหวินมองติงยียีด้วยความสงสัย ถ้าไม่ให้จากไปตอนนี้แล้วจะให้จากไปตอนไหน อีกอย่างเงินก็ชดใช้ให้ติงยียีแล้ว เขายังให้เกินไปตั้งห้าร้อยหยวนอีก
“หรือพวกเราไม่ควรแจ้งความจับเขาเหรอ เพื่อหลีกเลี่ยงเขาไปทำความเดือดร้อนให้คนอื่นอีก!”ติงยียีที่รู้สึกค่อนข้างโมโห ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้านี้ดูกตัญญู แต่ทำไมถึงไม่รู้จักแยกแยะ
“แต่ละคนมีวิธีการดำรงชีวิตที่แตกต่างกัน เขาสามารถอาศัยวิธีนี้ในการดำรงชีวิต นั่นก็คือความสามารถของเขา” เย่ชูหวินกล่าวเบาๆ
ติงยียีเดินมาที่ด้านหน้าของเย่ชูหวินแล้วยื่นมือออกไป “ไม่สน ฉันไม่สามารถที่จะปล่อยให้เขาไปทำร้ายคนอื่นแบบนี้ อาจมีคนไม่น้อยรอใช้เงินส่วนนี้เพื่อไปซื้อของ ให้ฉันยืมโทรศัพท์หน่อย ฉันจะโทรไปแจ้งความกับตำรวจ”
เย่ชูหวินยื่นโทรศัพท์ให้กับติงยียีโดยที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ติงยียีจับดูอยู่ตั้งนานก็หาปุ่มกดไม่เจอ สุดท้ายก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากเย่ชูหวิน
เมื่อโทรศัพท์แจ้งความเสร็จ ติงยียีก็คืนโทรศัพท์ให้กับเย่ชูหวิน แล้วได้จากไปอย่างสบายใจ เย่ชูหวินยักไหล่ ในโทรศัพท์มีข้อความของไห่ฉิงฉิง บอว่าอีกสองวันเซี่ยชีหรั่นก็จะกลับมา ให้เขาจำไว้
เมื่อนึกถึงเซี่ยชีหรั่น เย่ชูหวินก็รู้สึกมีความสุข เมื่อเทียบกับความอ่อนโยนของไห่ฉิงฉิง เซี่ยชีหรั่นดูจะเด็ดเดี่ยวกว่า ดุจบุปผาที่ยืนหยัดท่ามกลางสายลม ตอนเด็กๆเย่ชูหวินเคยสัญญาไว้ว่าจะหาผู้หญิงที่เหมือนกับเซี่ยชีหรั่นให้ได้
บังเอิญที่รอบๆตรอกซอยนี้มีร้านหยก เย่ชูหวินคุณคิดว่าจะซื้อไปฝากเซี่ยชีหรั่นสักชิ้นดีไหม
เมื่อเดินข้ามถนนไป เย่ชูหวินบังเอิญเห็นติงยียี ก้มมองในตู้เพื่อเลือกบางสิ่งบางอย่าง
ติงยียีมองไม่เห็นเย่ชูหวิน เย่ชูหวินก็ไม่คิดจะเรียกติงยียี พอดีเข้ากับที่พนักงานหยิบรุ่นโทรศัพท์ที่ติงยียีอยากได้ เย่ชูหวินเลือกมองแวบนึง นี่ไม่ใช่โทรศัพท์โนเกียรุ่นที่ติงยียีใช้เหรอ
เย่ชูหวินรู้สึกประหลาดใจ ผู้หญิงสมัยนี้ไม่ใช่ชอบของที่น่ารักๆเหรอ เขาตั้งใจให้เงินเกินนิดหน่อย เงินส่วนนั้นใช้ซื้อโทรศัพท์ที่ดีหน่อยย่อมไม่มีปัญหา
เมื่อติงยียี จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย หยิบโทรศัพท์แล้วหันหลังกลับ เจอเข้ากับเย่ชูหวินที่หลบไปไม่ทันจังๆ
เย่ชูหวินชี้ไปที่ข้างๆที่ราคาเท่ากัน และเห็นได้ชัดว่ามีรุ่นโทรศัพท์สวยงามมากมายจากนั้นพูดขึ้น :“รุ่นนั้นก็ไม่เลวนะ”
ติงยียียักไหล่ วางโทรศัพท์ลงอย่างระมัดระวังแล้วพูดขึ้น:“โทรศัพท์เครื่องแรกของฉันแม่เป็นคนซื้อให้ เป็นรุ่นแบบนี้ ต่อมาแม่ได้เสียชีวิตลง ฉันก็ไม่เคยเปลี่ยนโทรศัพท์อีกเลย ใช้แต่เพียงโทรศัพท์รุ่นนี้”
เย่ชูหวินรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยติงยียีที่อยู่ตรงหน้าดูนาฬิกาแล้วก็ร้องแปลกๆขึ้น:“ ตายแล้ว!ฉันจะสายแล้วๆ!”
โบกมือลาให้กับเย่ชูหวิน จากนั้นติงยียีวิ่งตรงไปที่รถบัสที่กำลังเข้ามา เย่ชูหวินมองดูใบหน้าที่ตื่นตูมของติงยียี ใบหน้าที่ยิ้มยากนั้นได้ผุดรอยยิ้มขึ้น

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset