สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1378 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1278

สี่ทุ่มตอนกลางคืน ติงยียีแบกสังขารที่เหนื่อยล้ากลับมาบ้าน คิดไม่ถึงว่าแจกันในห้องน้ำของโรงแรมตี้เหาราคาจะแพงขนาดนี้! ผู้จัดการตึกเห็นแก่ที่เธอทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ ให้เธอสามารถแบ่งจ่ายชดใชค่าความเสียหายเป็นงวดๆได้ แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เธอก็ยังคงต้องชดใช้กว่าครึ่งปี
ร่างกายที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเพิ่งจะเอนลงบนเตียง ก็มีโทรศัพท์โทรเข้าจากซ่งเมิ่นเจ๋ น้ำเสียงของซ่งเมิ่นเจ๋ในโทรศัพท์ มีความตื่นเต้นที่ไม่สามารถระงับได้
“ ยียี เธอเรียนออกแบบ สายตาก็ดีกว่าฉันมาโดยตลอด เธอคิดว่าฉันควรจะใส่ชุดอะไรออกไปถึงจะดูดี เธอช่วยมาช่วยฉันเลือกหน่อยจะได้ไหม”
ติงยียีถึงแม้จะเพลียมาก แต่เมื่อได้ยินซ่งเมิ่นเจ๋ที่ต้องการตัวเอง ก็รีบลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า:“ ได้สิ! อีก 1 ชั่วโมงจะถึงบ้านเธอ”
เมื่อมาถึงบ้านของซ่งเมิ่นเจ๋ พี่เลี้ยงได้มาเปิดประตู เมื่อเห็นว่ามาหาซ่งเมิ่นเจ๋ก็ไม่กล้าที่จะปล่อยให้เข้ามา จึงได้ให้ติงยียีรอไปก่อน
แต่ไหนแต่ไรมาเซียวเสี่ยวลี่ก็ไม่ค่อยชอบลูกสาวนอกสมรสคนนี้ ยิ่งไม่ชอบเพื่อนที่ยากจนอย่างติงยียีคนนี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะหลายปีมานี้ส้งซูหาวหาเงินได้จากการทำธุรกิจ และมีปากมีเสียงในบ้าน เธอไม่มีทางให้ลูกนอกสมรสคนนี้มีชีวิตที่ดี!
“ นึกว่าจะใครเสียอีก อย่าลืมเปลี่ยนรองเท้า ให้ตายเหอะ นำเชื้อโรคเข้ามาในบ้านแล้วเนี่ย” เซียวเสี่ยวลี่พูดจาแดกดันถากถางใส่ ติงยียี
“ยียี”ซ่งเมิ่นเจ๋ ได้ยินเสียงจึงเดินออกมาจากห้อง และยิ้มขอโทษให้กับติงยียี จากนั้นพาติงยียีเข้าไปในห้อง
“เธอมักจะพูดจาแดกดันถากถางกลั่นแกล้งเธอแบบนี้เสมอหรอ” ติงยียี นึกถึงใบหน้าเมื่อสักครู่ของเซียวเสี่ยวลี่ก็เกิดอารมณ์ฉุนขึ้น
ซ่งเมิ่นเจ๋สายหน้า:“เวลาที่พ่ออยู่เธอก็จะไม่เป็นแบบนี้ ช่างเหอะ เธอมาช่วยฉันเลือกชุดก่อนดีกว่า”
ส้งซูหาวก็ถือรักและเอ็นดูลูกสาวคนนี้มากเช่นกัน แบรนด์เนมที่ควรมีก็ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ติงยียีมองดูเสื้อผ้าบางตัวที่ยังไม่ได้แกะป้ายออกแล้วก็ถึงกับพูดไม่ออก ราคาหนึ่งตัวเธอสามารถใช้จ่ายได้ครึ่งเดือน
ซ่งเมิ่นเจ๋หยิบกล่องของขวัญกล่องนึงออกมาอย่างระมัดระวัง ในกล่องของขวัญมีพวงกระดิ่งลมเล็กๆ จึงถามความเห็นจากติงยียีด้วยอาการเคอะเขิน:“เธอคิดว่าของขวัญชิ้นนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
ติงยียีมองไปยังกระดิ่งลมเล็กที่เหมือนกันในถุง จึงยิ้มแล้วพูดว่า:“ ดูทรงแล้วมีคนต้องการอยากมีแฟนแน่ๆเลย”
“เกลียดคนรู้ทันจริงๆ!”ซ่งเมิ่นเจ๋วิ่งตามติงยียีอย่างขวยเขิน ทั้งคู่เล่นกันอยู่สักพัก จากนั้นก็ผล็อยหลับไปพร้อมกัน
วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ในช่วงเช้าตรู่ซ่งเมิ่นเจ๋ก็ลุกขึ้นจากเตียงมาแต่งหน้า ร้องฮัมเพลงเดินไปมาอยู่ในห้อง ติงยียีเห็นซ่งเมิ่นเจ๋ท่าทีที่มีความสุข จึงยิ้มออกมาจนไม่สามารถหุบปากได้
“หัวเราะอะไร ต่อไปเมื่อเธอเจอคนที่เธอชอบ เธอก็จะเป็นแบบฉัน!”ซ่งเมิ่นเจ๋ส่งจูบให้กับติงยียี จากนั้นก็ลงตึกไปอย่างมีความสุข
“ หาคนที่ชอบเหรอ” ติงยียีหัวเราะแล้วพลิกตัว ที่แผ่นหลังเหมือนทับโดนของบางอย่าง ยียีจึงล้วงออกมาจากในผ้าห่ม
“ นี่ไม่ใช่ของขวัญที่ซ่งเมิ่นเจ๋จะมอบให้กับไห่โจ๋ซวนเหรอ” ติงยียีวิ่งออกไปจากห้องโดยที่ไม่ทันได้สวมรองเท้า แต่ซ่งเมิ่นเจ๋นั้นได้นั่งรถจากไปแล้ว
ติงยียีไม่ยอมให้ซ่งเมิ่นเจ๋เตรียมของขวัญไว้สูญเปล่า จึงรีบสวมเสื้อผ้าอย่างลวกๆแล้วมุ่งหน้าไปที่สวนสนุกทันที โชคดีที่เมื่อวานได้ยินพวกเขาสนทนาสถานที่นัดหมายกัน
เมื่อติงยียีลงจากรถ เด็กๆตามท้องถนนต่างหันหน้ามามองติงยียี ติงยียียิ้มแล้วแกล้งทำหน้าผี ใส่
“แปลกจริงๆ ทำไมจ้องมองมาแต่ที่ฉัน” ติงยียีพูดงึมงำด้วยความสงสัย สายตากวาดมองหาร่างของซ่งเมิ่นเจ๋
ใต้ชิงช้าสวรรค์ หญิงสาวคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงามยืนอยู่ข้างๆไห่โจ๋ซวน ชุดกระโปรงตูตูที่ประณีต ผมลอนนุ่มยาวสลวย บางครั้งหันหน้าไปด้านข้างทำให้เห็นถึงใบหน้าที่สวยงาม
หญิงสาวที่กำลังเขย่งเท้าไปพูดกับไห่โจ๋ซวน ไห่โจ๋ซวนหันมาตอบยางอ่อนโยน บางครั้งก็โน้มตัวลงไปฟังหญิงสาวพูด และปกป้องหญิงสาวด้วยแขนเมื่อมีคนเดินผ่าน
ไห่โจ๋ซวนไม่ใช่ชอบซ่งเมิ่นเจ๋เหรอ หรือว่าเขานัดซ่งเมิ่นเจ๋แล้วก็นัดหญิงสาวคนอื่นด้วย !
เมื่อนึกถึงเมื่อคืนที่ ซ่งเมิ่นเจ๋ตื่นเต้นอยู่ตั้งนาน ตอนเช้าวันนี้ก็ยังแต่งตัวตั้งนานอีก ไห่โจ๋ซวนคนนี้จะเชื่อถือได้อย่างไรกัน!
ติงยียีพับแขนเสื้อขึ้นแล้วจะก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อไปหาไห่โจ๋ซวน แต่ท่อนแขนกลับถูกดึงไว้ ติงยียีหันหน้ามาแล้วตกใจจึงพูดขึ้น:“ไอ้โรคจิต”
“โรคจิตเหรอ ผมทำผิดอะไร ถึงได้มาบอกว่าผมโรคจิต” เย่เนี่ยนโม่มองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าที่มักจะก้าวร้าวใส่เสมอ และคิ้วขมวดขึ้น
“เหอะๆ ไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่ ทำตัวโรคจิตแล้วยังมาถามคนอื่นว่าทำไมถึงบอกว่าตัวเองเป็นนั้นโรคจิต น่าขำชะมัด!”ติงยียีพูดแดกดันแล้วสะบัดเย่เนี่ยนโม่ออก
เย่เนี่ยนโม่ก็โกรธมากเช่นกัน อยู่ๆก็มาถูกใส่ร้ายแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย สีหน้าก็เริ่มเขียวปัดขึ้น “ไร้เหตุผล แล้วแต่คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดตามสบาย!”
ติงยียียิ้มแสยะแล้วก็มุ่งเดินไปหาไห่โจ๋ซวน วันนี้เธอจะต้องเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้ชายเจ้าชู้คนนั้น ท่อนแข็งก็ถูกดึงขึ้นอีกครั้ง
ติงยียีที่ไม่สามารถจะอดทนต่อไปได้อีก ง้างมือแล้วตบเข้าไปหนึ่งฉาด แต่ถูกมือของเย่เนี่ยนโม่สกัดไว้ได้ สายตาของเย่เนี่ยนโม่หันไปมองเย่ชูฉิงที่กำลังคุยกันอย่างมีความสุขกับไห่โจ๋ซวน ชักสีหน้าเย็นชาแล้วดึงติงยียีไปทางเครื่องเล่นที่อยู่ข้างๆ
“คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ !ไอ้โรคจิต” ติงยียีต้องการจะขัดขืนพันธนาการจากเย่เนี่ยนโม่
“ถ้ายังจะขัดขืนดิ้นรนอีกผมจะทำให้คุณรู้ว่าอะไรเรียกว่าโรคจิตอย่างแท้จริง !” เย่เนี่ยนโม่เห็นคนรอบข้างที่มองมายังตัวเองอย่างแปลกประหลาด ที่พูดจาออกไปด้วยความโกรธ
เมื่อพูดจบ เย่เนี่ยนโม่ ถึงรู้ตัวว่าตัวเองนั้นพูดจาโรคจิตเล็กน้อย จึงหันหลังกลับไปอธิบายว่า :“เฮ้ ผมก็แค่พูดไปอย่างนั้น”
ใบหน้าของติงยียีแดงขึ้นเล็กน้อย คำพูดของเย่เนี่ยนโม่ทำให้เธอนึกถึงการประกบริมฝีปากอย่างกระชับชิดในคืนนั้น จากนั้นหน้าจึงแดงก่ำไปหมด
“ทำไมเธอหน้าแดง” เย่เนี่ยนโมถามด้วยความประหลาดใจ ติงยียีจ้องหน้าเย่เนี่ยนโม่อย่างเขม็งตึง แล้วตะโกนดังๆว่า:“ไอ้โรคจิต!”
ติงยียีนึกว่าเย่เนี่ยนโม่จะตอบโต้ตัวเอง เห็นเย่เนี่ยนโม่ใช้แววตาที่แปลกประหลาดจ้องมาที่ตัวเอง จนหน้าแดงจะไหม้ขึ้นอยู่แล้ว
“นี่เป็นชุดที่แฟชั่นของปีนี้เหรอ” เย่เนี่ยนโม่ชี้ไปที่เสื้อส่วนบนของติงยียีแล้วกล่าว
ติงยียีก้มหน้า ใบหน้าของเธอเปลี่ยนจากแดงเป็นขาว ตัวเองออกจากบ้านมาอย่างรีบร้อน นึกไม่ถึงว่าจะใส่เสื้อผ้ากลับด้าน ถึงว่าทำไมตลอดเส้นทางมีคนมากมายจ้องมองมาที่ตัวเอง
“โง่ชะมัด สมัยนี้ไม่มีแล้วคนที่ใส่เสื้อผ้าผิดด้าน”เย่เนี่ยนโม่พูดอย่างรังเกียจ
รอบข้างมีกลุ่มหนุ่มวัยรุ่นเห็นการแต่งตัวของติงยียีหัวเราะแล้วก็จากไป ติงยียีก้มหน้าลง รู้สึกว่าใบหูของตัวเองนั้นร้อนผ่าว ด้านหน้ามีเงาที่สูงโปร่งยืนอยู่ ติงยียีจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย :“ทำอะไร”
“ข้างหน้าสามร้อยเมตรมีห้องน้ำ ผมจะอยู่ด้านหน้าช่วยคุณบัง คุณหลบอยู่ด้านหลังของผม เดี๋ยวผมจะพาคุณไป”
น้ำเสียงที่แข็งทื่อของเย่เนี่ยนโม่ดังขึ้น ติงยียียืนชะงักมองแผ่นหลังของเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่ได้เริ่มเดินแล้ว ติงยียีลนลานจึงรีบเดินตามไป
“เธอดูสิชายหนุ่มคนนั้นหล่อจังเลย”
“เธอดูสิผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังของเขานั้นใส่เสื้อผ้ากลับด้าน”
ติงยียีหน้าเศร้า พบว่าการเดินตามหลังเย่เนี่ยนโม่จะเป็นที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากกว่า คนที่เดินอยู่ด้านหน้าได้หยุดชะงักขึ้น ติงยียี เดินชนเข้าแผ่นหลังที่แข็งแรงของเขาอย่างจัง
“โอ๊ยเจ็บ!” ติงยียีถอยหลังแล้วนวดจมูกแดงที่โดนชน เย่เนี่ยนโม่หันหลังแล้วผลักติงยียีไปข้างหน้าเบาๆ:“นี่ เดินเข้าไปเองเลย”
ติงยียีพยักหน้า ทางเดินสามก้าวแต่เดินเพียงสองก้าววิ่งเข้าไปห้องน้ำ ในห้องน้ำไม่มีคน โครงสร้างห้องถูกแบ่งด้วยไม้กระดานธรรมดา ติงยียีเห็นว่าด้านในห้องไม่มีที่แขวนกระเป๋า จึงได้กระเป๋าไว้ด้านนอก
หลังจากที่ติงยียีเข้าไปจัดการตัวเองแล้ว ในห้องน้ำได้มีสาวอ้วนคนหนึ่งเข้ามา สายตาเหลือบไปมองกระเป๋าของติงยียีที่วางอยู่ข้างๆ หันซ้ายหันขวาแล้วเอื้อมมือออกไปคว้ากระเป๋ามาไว้ในมือ จากนั้นก็รีบเดินออกมาโดยที่ยังไม่ทันได้เข้าใช้ห้องน้ำ
หลังจากที่ติงยียีเข้าไปในห้องน้ำแล้ว เย่เนี่ยนโม่ก็หันหลังจะจากไป แต่ที่ไหล่ถูกคนที่อยู่ข้างหลังชนเข้า สาวอ้วนคนหนึ่งที่สีหน้ารีบร้อนได้หันมามองเย่เนี่ยนโม่แว็บหนึ่ง
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วขึ้น กระเป๋าที่สาวอ้วนคนนั้นถือไว้ในอ้อมกอดไม่ใช่ของคนที่ว่าตัวเองเป็นโรคจิตอย่างไม่มีเหตุผลเหรอ
“ดูทางด้วย!” สาวอ้วนตวาดใส่เย่เนี่ยนโม่หนึ่งประโยคแล้วคิดจะจากไป เย่เนี่ยนโม่ยิ้มอย่างเย็นชา เดิมทีก็ไม่อยากจะยุ่ง แต่สาวอ้วนคนนี้ดันแส่หาเรื่อง
ท่อนขาที่เรียวยาวเดินเข้าไปขวางทางของสาวอ้วนไว้ ใบหน้ารูปหล่อของเย่เนี่ยนโม่เย้ยหยันขึ้น สายตาจ้องมองไปที่กระเป๋าในมือของหญิงสาวแล้วพูดขึ้น :“ผมจะมองไม่มองทางคุณไม่ต้องเป็นห่วง แต่ว่าคุณหยิบกระเป๋าคนอื่นมาก็ต้องดูราม้าตาเรือหน่อย”
หญิงสาวรู้สึกเสียใจที่หน้ามืดตามัวไปชั่วขณะ แต่ตอนนี้จะให้ตัวเองยอมรับก็เท่ารับว่าตัวเองนั้นยอมรับว่าเป็นขโมย เมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว สาวอ้วนจึงใช้น้ำเสียงที่สูงกว่ากล่าวขึ้น:“อย่าคิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะมาใส่ความคนอื่นได้ ทำแบบนี้ในกฏหมายเรียกว่าอะไรคุณรู้หรือไม่ ใส่ร้าย!”
เย่เนี่ยนโม่ใช้มือใหญ่คว้ากระเป๋าจากอ้อมกอดของหญิงสาวคนนี้ เห็นสาวอ้วนที่ไม่รู้จักสำนึกผิดจึงโมโหขึ้น ยิ้มเย็นชาแล้วกล่าว:“ได้ ไหนบอกมาสิว่าในนั้นมีอะไรบ้างแล้วผมจะปล่อยคุณไป”
สาวอ้วนเกิดความกลัวต้องการอยากจะสลัดมือเย่เนี่ยนโม่ทิ้ง ใช้แรงเยอะเกินไป ทำให้กระเป๋าทั้งใบตกลงไปที่พื้น
ภาพวาด ดินสอ เหรียญสิบหยวน ยางลบ ยังมีหนังสือหนึ่งเล่ม สาวอ้วนเห็นของที่อยู่บนพื้นนั้นไม่มีค่า จึงได้โยนกระเป๋าทิ้งแล้วมุ่งหน้าเดินไปยังกลุ่มฝูงชน
เย่เนี่ยนโม่นั่งยองลงช่วยติงยียีหยิบสิ่งของขึ้นมา แต่สายตากลับถูกดึงด้วยภาพวาดบนกระดาษ สร้อยข้อมือถูกพันด้วยเส้นเชือกบางๆสี่เส้น เชือกแต่ละเส้นถูกออกแบบโดยใช้การเรียงลำดับของดาวเคราะห์ในการดำเนินการออกแบบ ข้างๆใช้ดินสอเขียนประกอบว่า “จักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาล ติงยียี”
“ที่แท้เธอชื่อติงยียีนี่เอง พ่อแม่ตั้งดูไม่ค่อยใส่ใจกับการตั้งชื่อเลยนะ” เย่เนี่ยนโม่ยิ้มแล้วช่วยติงยียีเก็บภาพวาด
“คุณทำอะไร!”ติงยียีที่ออกมาจากประตูแล้วพบว่ากระเป๋าตัวเองหาย หาจนทั่วจนมาเห็นเย่เนี่ยนโม่กำลังนั่งยองๆอยู่บนพื้นเปิดดูของของตัวเอง
เย่เนี่ยนโม่ลุกขึ้น มองติงยียีอย่างไม่พอใจ สีหน้าของติงยียีสื่อความหมายทุกอย่าง ผู้หญิงคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นคนขโมยของ
ในใจเย่เนี่ยนโม่หัวเราะเยาะให้กับตัวเองที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง จึงไม่สนใจติงยียี หันหลังแล้วก็จากไป
ติงยียีชะงักขึ้น ในใจตระหนักว่าต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ๆ เย่เนี่ยนโม่จะต้องไม่ใช่คนที่แบบจะหยิบกระเป๋าตัวเองแล้วก็หนีจากไป มองเย่เนี่ยนโม่ที่เดินจากไป แล้วคิดได้ว่ายังมีไห่โจ๋ซวนตัวชนวนระเบิดที่ตั้งเวลาไว้ จึงไม่มีเวลาไปคิดอะไรมากมาย รีบเก็บข้าวของเสร็จแล้วมุ่งหน้าไปที่ชิงช้าสวรรค์

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset